Divine King Of All Directions - 003

Divine King Of All Directions - 003

 

 

อากาศภายในภูเขานี้ชื้นเป็นอย่างมาก หลินเทียนเองก็ไม่กล้าที่จะก่อไฟเพราะเขากลัวว่าผู้คนจากตระกูลเสี่ยวและตระกูลโม่จะค้นพบ เขาได้แต่กอดหลินซี่เอาไว้อย่างแน่นก่อนที่จะมองไปยังเปลวเพลิงที่อยู่ไกลด้วยสายตาที่น่ากลัว

 

ความเจ็บปวดได้โลดแล่นไปทั่วร่างกายของเขา ไม่นานหลินเทียนก็ได้พักผ่อน

 

ระหว่างที่กำลังอิงต้นไม้อยู่นั้น หลินเทียนเองก็ได้ฝันเห็นว่าเขากำลังยืนอยู่ท่ามกลางสรวงสวรรค์อันกว้างใหญ่ ห่างไกลออกไปนั้นมีร่างเก้าร่างกำลังลอยอยู่พร้อมกับกระบี่เล่มยาวอยู่ใจกลาง

 

ทันใดนั้นเองที่ผู้คนทั้งเก้านั้นได้ยื่นมือออกไปจับกระบี่ที่อยู่กึ่งกลาง

 

หลินเทียนได้ลืมตาของเขาขึ้นมาและในพริบตานี้เองที่ผู้คนทั้งเก้าได้เริ่มห้ำหั่นกันซึ่งการปะทะกันนี้ได้ทลายสวรรค์และโลก คลื่นสายฟ้ามากมายเหมือนดั่งว่าวันนี้นั้นเป็นวันโลกาวินาศ

 

ตอนนี้เองที่ภาพตรงหน้าได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง เขาพบว่ากระบี่นั้นได้ล่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าก่อนที่จะผ่านกำแพงสวรรค์ชั้นที่หนึ่งลงมาทางเขา

 

"แม่เจ้า ! "

 

หลินเทียนได้โห่ร้องออกมาพร้อมกับสะดุ้งตื่นด้วยเม็ดเหงื่อเต็มใบหน้า

 

ค่ำคืนยังคงมืดมิดสนิทเช่นเคย ตัวเขาเองก็ยังคงอิงต้นไม้เอาไว้ส่วนหลินซี่ก็ยังหลับใหลอยู่ตรงตักของเขาเช่นเคย มันอาจจะเป็นเพราะความเศร้าของเธอถึงได้ยังคงหลับอยู่โดยที่ไม่ถูกปลุกเพราะเสียงโห่ร้องของเขา หลินเทียนได้แต่ปาดเหงื่อของเขาเพราะว่าภาพในความฝันของเขานั้นช่างน่ากลัว กระบี่ที่พุ่งเข้ามาทางเขานั้นช่างสมจริงเป็นอย่างมาก

 

ตอนนี้เองที่เขาต้องชะงักไปเมื่อยกมือของตัวเองขึ้นมา

 

กระบี่ ?

 

กระบี่ในมือมันหายไปไหน ?

 

เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่อุ้มหลินซี่เอาไว้นั้นมันยังคงอยู่ในมือขวาของเขาแต่ตอนนี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย !

 

หลังจากที่คิดถึงภาพในความฝันแล้วเขาก็ได้แต่ตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขาได้แต่กวาดตามองไปรอบๆก่อนที่จะพบว่าฝ่ามือของเขากำลังส่องสองจางๆออกมา

 

หลังจากที่ยกขึ้นมาแล้วนัยน์ตาของเขาก็ได้แต่หดเล็กลง ณ ตอนนี้มันมีสัญลักษณ์รูปกระบี่อยู่ที่มือขวาของเขา มันเหมือนกับกระบี่ที่เก็บมาจากก้นผาไม่มีผิด !

 

"นี่ ! ....."

 

นัยน์ตาของหลินเทียนได้หดเล็กลง

 

ณ ตอนนี้เองที่ความรู้สึกเจ็บปวดได้แล่นไปทั่วสมองของเขา เขารู้สึกเหมือนว่ามีอะไรมากระแทกหัวตัวเองอย่างจัง ความเจ็บปวดนี้ทำให้เขาต้องโอดครวญออกมา

 

อย่างไรก็ตาม ไม่นานความเจ็บปวดนี้ก็ได้สลายหายไป

 

ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อมากมายทว่าสิ่งที่ทำให้เขาต้องชะงักไปก็เพราะว่าในห้วงความคิดของเขานั้นเต็มไปด้วยสิ่งลึกลับมากมายไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์เทวะ อาคมและแสงประกายระยิบระยับเต็มไปหมด........ ท้ายที่สุดแล้วจาลึกโบราญก็ได้ปรากฏขึ้นท่ามกลางห้วงความคิดของเขา

 

หัวใจของเขาถึงกับแข็งค้างไป นี่มันอะไรกัน ? เทคนิคการบ่มเพาะพลัง ?

 

ความคิดนี้ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน

 

เขาได้จมลึกเข้าสู่ห้วงความทรงจำของตัวเองและตระหนักว่าโลกแห่งนี้นั้นเป็นโลกของผู้บ่มเพาะ มีผู้คนมากมายที่อยากจะก้าวเดินบนเส้นทางบ่มเพาะนี้แต่อย่างไรก็ตาม การบ่มเพาะพลังนั้นอาศัยเทคนิคบ่มเพาะซึ่งการที่จะได้มานั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ตระกูลธรรมดาสามัญนั้นไม่มีทางได้รับมัน ภายในอาณาจักรนี้นั้น เทคนิคบ่มเพาะที่แข็งแกร่งล้วนอยู่ในมือของผู้ครอง

 

ยกตัวอย่างเช่นเมืองนี้ มีเพียงสำนักจิ่วหยางและตระกูลผู้บ่มเพาะบางตระกูลเท่านั้นที่มีเทคนิคบ่มเพาะพลังทว่าตระกูลเหล่านั้นก็ไม่สามารถเทียบกับสำนักจิ่วหยางได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือตระกูลเหล่านี้จะไม่มีทางส่งต่อเทคนิคบ่มเพาะให้กับคนนอกตระกูลเด็ดขาดดังนั้นทุกๆปีถึงได้มีเด็กหนุ่มมากมายพยายามเข้าร่วมสำนักจิ่วหยางให้ได้ พวกเขาหวังว่าจะได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของที่นั่นพร้อมทั้งก้าวเดินบนเส้นทางบ่มเพาะโดยอาศัยเทคนิคบ่มเพาะอันแข็งแกร่ง

 

หลินเทียนนั้นไม่ได้มาจากตระกูลผู้บ่มเพาะและยังไม่ได้เข้าร่วมกับสำนักจิ่วหยางทว่าเขากลับได้รับเทคนิคบ่มเพาะ นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าตกตะลึงได้อย่างไรล่ะ ?

 

หลังจากที่ทำความเข้าใจแล้วหลินเทียนก็ได้จัดจำแนกสิ่งต่างๆภายในห้วงความคิดของเขาซึ่งหลังจากที่ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงแล้วเขาก็ได้รับเทคนิคบ่มเพาะที่สมบูรณ์มาหนึ่งชุด

 

เทคนิคหล่อหลอมร่างกาย : เคล็ดวิชาซือจี่ (Four Extreme Scripture ) คิดชื่อเท่ๆให้หน่อย ผมคิดไม่ออกเลยเขาทับศัพท์ไปเลย