ตอนที่แล้วตอนที่ 152 ถ้าพี่ชายของเจ้าเป็นไอ้สารเลว แล้วพ่อของเจ้าเป็นอะไร?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 154 เบาะแส

ตอนที่ 153 เหยาซื่ออย่าอ่อนแอ


หวงซวนจ้องมองเฟิงจินหยวนด้วยความเหยียดหยาม และกล่าวอย่างไม่สุภาพว่า “ท่านเสนาบดีร้องไห้คร่ำครวญเร็วเกินไป คุณหนูรองไม่ใช่คนโง่” ความสามารถของคุณหนูรองเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนในครอบครัว นางไม่สามารถลุกจากเตียงได้หรือ ? นั่นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

“ตามที่ข้าเห็น ถ้าหานางไม่พบ เราต้องรายงานเรื่องนี้กับทางการ !” เสียงของฮันชิดังขึ้นมา

ฮูหยินผู้เฒ่าตะโกนด้วยความโกรธ “พวกเราบอกให้เจ้ากลับห้องไม่ใช่หรือ เจ้ากลับมาทำไม?”

ใครจะรู้ว่าไม่ใช่แค่ฮันชิเท่านั้นที่บอกให้กลับไป ในเวลานี้เฟิงเฉินหยูเดินกลับมา และตอบฮันชิ “ไม่! เจ้าไม่ต้องรายงานมัน!”

เดิมทีเฟิงเฉินหยูไม่ต้องการกลับมา แม้ว่านางจะกลัว แต่นางต้องการทราบว่าเฟิงหยูเฮงอยู่ในห้องจริงหรือไม่ ดังนั้นนางหันไปรอบ ๆ ในขณะที่กลับไปที่ห้องของนาง และเพิ่งได้ยินเสียงฮันชิพูดถึงการรายงาน

ไม่สามารถรายงานได้! อย่างไรเฟิงหยูเฮงก็ยังเป็นบุตรสาวของเสนาบดี หากมีการรายงานก็จะมีการสอบสวน เมื่อถึงเวลานั้นมันจะง่ายมากที่จะหาคนอย่างเฟิงจื่อเฮา นางไม่เชื่อว่าเฟิงจื่อเฮาจะสามารถจัดการอะไรแบบนั้นได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้ มันเป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะซักทอดมาถึงนาง

ไม่! นางไม่ยอมให้เรื่องนี้รู้ถึงพระราชวังอย่างแน่นอน!

“ท่านพ่อ” เฟิงเฉินหยูรีบเดินไปที่เฟิงจินหยวน “อย่ารายงานเรื่องนี้เลยเจ้าค่ะ!”

เฟิงจินหยวนเข้าใจความคิดของเฟิงเฉินหยูอย่างแจ่มชัดและรู้สึกตะลึงเล็กน้อย มันให้ความรู้สึกราวกับว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ บ่อน้ำไม่ใช่บุตรสาวของเขา บุตรสาวของเขาควรมีความงาม มีการศึกษา เป็นความงดงามที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้

“บอกข้ามาสิทำไมเราไม่ต้องรายงาน” อารมณ์ของเฟิงจินหยวนดีขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ได้สนใจเฟิงหยูเฮงจริง ๆ แต่สำหรับบุตรสาวคนโตของเขา เขาไม่กล้าแม้แต่จะทำผิดพลาดแม้แต่น้อย

เฟิงเฉินหยูไม่ตอบในทันที นางทำหน้าสลดและขอโทษสำหรับการกระทำก่อนหน้านี้ของนาง “นับตั้งแต่กลับมาจากงานศพของใต้เท้าบุ ความคิดของเฉินหยูสับสนมาก บางครั้งมันจะนำไปสู่ภาพหลอน และสิ่งนี้ทำให้คนในครอบครัวมีปัญหามากมาย นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของเฉินหยูอย่างแน่นอน แต่เมื่ออาการป่วยเกิดขึ้นมันก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของข้า ข้าหวังว่าท่านพ่อจะให้อภัยสิ่งนี้”

เฟิงจินหยวนรู้สึกถึงคลื่นความรู้สึก บุตรสาวของเขาคนนี้เป็นคนที่สง่างามอย่างแท้จริง นางเป็นความหวังในอนาคตของตระกูลเฟิง เขาเลี้ยงดูนางเหมือนฮองเฮาเพื่อเป็นแนวทางความหวังว่าวันหนึ่งนางจะขึ้นไปสู่การเป็นฮองเฮา อย่างไรก็ตามเมื่อเร็ว ๆ นี้เฟิงเฉินหยูได้รับความเดือดร้อนจากอาการป่วย อาการป่วยนั้นยากที่จะจัดการซึ่งทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก

“ข้าจะตำหนิเจ้าได้อย่างไร” เฟิงจินหยวนถอนหายใจยาว ๆ เขาจับไหล่ของเฟิงเฉินหยู “เจ้าเป็นลูกสาวที่ข้าภูมิใจมากที่สุด ข้าจะไม่ตำหนิเจ้า”

เฟิงเฉินหยูรู้สึกอ่อนไหว เมื่อน้ำตาคลอ นางซับน้ำตาเบา ๆ จากนั้นนางพูดต่อ “หากเรื่องน้องรองตัวหายไปกลางดึกนี้แพร่หลายออกไป  ถ้าเรื่องนี่ถูกประกาศออกไป น้องรองจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร!”

เฟิงจินหยวนพยักหน้าเห็นด้วย “เฉินหยูได้คิดถึงเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว”

“เฉินหยูกำลังคิดถึงชื่อเสียงของน้องรอง ข้าหวังว่าท่านพ่อจะทบทวนเรื่องนี้ใหม่”

ฮูหยินผู้เฒ่าที่ฟังจากด้านข้างและพยักหน้า “สิ่งที่เฉินหยูพูดถูกต้อง หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของอาเฮงจะได้รับผลกระทบ” ขณะที่นางพูดสิ่งนี้นางมองไปที่ผู้เฒ่าของตระกูล นางต้องการที่จะเห็นท่าทีเห็นด้วยจากผู้เฒ่าของตระกูล แต่สิ่งที่นางเห็นคือผู้เฒ่าของตระกูลขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเศร้าสลด

เหยาซื่อมองดูผู้เกี่ยวข้องตรงหน้านางและความหนาวเย็นก็พุ่งพล่านไปข้างหน้า นางอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นท่านพี่และท่านแม่สามีจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไรเจ้าค่ะ?”

เฟิงจินหยวนกล่าว “ข้าจะส่งคนไปตามหานาง”

เหยาซื่อส่ายหัวด้วยความผิดหวัง “นี่ไม่ใช่เมืองหลวง จำนวนบ่าวรับใช้ที่เรานำมามีไม่มาก แม้ว่ามณฑลเฟิงตงจะไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก ในบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยภูเขา จากจำนวนคนในตอนนี้ของตระกูลเฟิง จะหานางพบได้อย่างไร”

เฟิงเฉินหยูหันไปรอบ ๆ และมองเหยาซื่อด้วยท่าทางอ่อนโยนและแนะนำอย่างระมัดระวัง “แม่รองเหยา ท่านต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของน้องรอง! อะไรสำคัญไปกว่าชื่อเสียงของผู้หญิง?”

เหยาซื่อมองเฟิงเฉินหยูด้วยความโกรธ เฟิงเฉินหยูไม่ได้เตรียมตัว เนื่องจากนางไม่คิดว่าเหยาซื่อผู้อ่อนแอสามารถมองคนเช่นนี้ได้ นางอดไม่ได้ที่จะล่าถอย ถอยหลังไปไม่กี่ก้าว

จากนั้นเฟินเฉินได้ยินเหยาซื่อพูดว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือชื่อเสียง?” ขณะที่เหยาซื่อพูดสิ่งนี้นางส่ายหัว “สำหรับข้าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของอาเฮง ยิ่งกว่านั้นนางหายตัวไปเท่านั้น มันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของนาง เว้นแต่จะมีใครบางคนตั้งใจกระจายข่าวลือที่มุ่งทำร้าย อย่างไรก็ตาม…” นางหันไปหาเฟิงจินหยวน “เจ้าเคยใส่ใจเรื่องชื่อเสียงของอาเฮงตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

เฟิงจินหยวนโกรธมาก “เหยาซื่อ! เจ้ารู้ดีว่าอะไรถูกหรือผิด !”

จินเฉินเอื้อมมือลูบหลังของเขา “ท่านพี่ โปรดใจเย็น ๆ !”

อย่างไรก็ตามเหยาซื่อก็เริ่มยิ้ม นางมองเฟิงจินหยวนและกล่าวว่า “ใช่ เพราะข้ารู้ดีว่าอะไรถูกหรือผิด ข้าถึงได้เป็นแบบนี้”

เฟิงจินหยวนรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยที่จะมองเหยาซื่อ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าผู้หญิงคนนี้ใช้เวลาอยู่กับเฟิงหยูเฮงนานเกินไปหรือไม่ อารมณ์ของนางจึงรุนแรงขนาดนี้?

เฟิงเฉินหยูเริ่มซับน้ำตาของนางอีกครั้ง และกล่าวอย่างเสียใจ “ข้าคิดถึงน้องรองจริง ๆ ทำไมแม่รองเหยาถึงโกรธมากเช่นนี้ ?”

ฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้สึกว่าเหยาซื่อไปไกลแล้ว และอดไม่ได้ที่จะถาม “ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องการให้พวกข้าทำอย่างไร ?”

เหยาซื่อตอบอย่างตรงไปตรงมา “รายงานเรื่องนี้ไปยังพระราชวังเลย! มีเพียงเจ้าหน้าที่ทางการในมณฑลเฟิงตงเท่านั้นที่คุ้นเคยกับพื้นที่นี้ นอกจากนี้ยังเป็นผู้พิพากษามณฑลเฟิงตงที่มีคนมากที่สุด”

เฟิงเฉินหยูเริ่มวิตกกังวลและคร่ำครวญ “ถ้าเป็นเช่นนั้นชื่อเสียงของน้องรองจะถูกทำลายอย่างแน่นอน! แม่รองเหยา! ท่านจะทำอย่างนั้นไม่ได้!”

เฟิงจินหยวนโกรธนางมาก “เหลวไหล ! ข้าได้ตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว ครอบครัวเฟิงของเราจะไปตามหานาง เราจะไม่รายงานเรื่องนี้อย่างแน่นอน!”

เหยาซื่อโกรธ นางกัดฟันของนางด้วยความโกรธ “ทั้งคู่เป็นบุตรสาวของเจ้า แต่เพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวของข้า เจ้าจึงปฏิบัติกับอาเฮงเช่นนี้หรือ? วันหนึ่งหากตระกูลเหยากลับมา เจ้าอย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน !”

คำพูดของเหยาซื่อทำให้ทุกคนในตระกูลเฟิงต้องตกตะลึง แม้แต่ผู้เฒ่าของตระกูลก็มองเหยาซื่อด้วยความตกใจ

เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับตระกูลเหยา แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าบุตรสาวของตระกูลเหยาที่ถูกกดขี่มาหลายปีแล้วจะสามารถระเบิดออกมาได้เช่นนี้

แต่เมื่อคิดถึงเด็กหญิงที่หายไปและดวงตาคู่ลึกลับที่ดูเหมือนจะเห็นความจริงในทุกสิ่ง ผู้เฒ่าของตระกูลรู้สึกว่ามารดาที่มีอารมณ์รุนแรงและแข็งแกร่งนั้นไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

เขาปรบมือให้กับเหยาซื่อในใจภายในสำหรับการต่อต้านของนาง อย่างไรก็ตามเขาได้ยินเฟิงจินหยวนพูดว่า “เจ้าไม่ต้องกังวล แม้ว่าตระกูลเหยาจะกลับมา ข้าจะไม่เสียใจกับการกระทำของข้าในวันนี้”

ผู้อาวุโสของตระกูลรู้สึกว่าหลานชายของตระกูลเฟิงน่าผิดหวังมาก บุตรสาวของเขาหายไป แล้วอีกอย่างนางหายไประหว่างเกิดไฟไหม้ ไม่เพียงแต่เขาไม่ได้ใส่ใจเท่านั้น แต่ตอนนี้เขายังไม่รีบตามหานาง นอกจากนี้เขาจะไม่รายงานเรื่องนี้อีก เขาเพียงต้องการพึ่งพาบ่าวรับใช้ของตระกูลเฟิง จำนวนบ่าวรับใช้ที่พวกเขานำมาจากเมืองหลวงนั้นมีอยู่น้อย และที่พักของตระกูลเฟิงไม่ได้มีคนหนุ่มสาวและบ่าวรับใช้มากมาย ส่วนใหญ่พวกเขาสูงอายุและอ่อนแอ หากพวกเขาค้นหาแบบนี้ พวกเขาจะพบนางได้อย่างไร

เขาถอนหายใจและชี้ไปที่เฟิงจินหยวน และกล่าวว่า “ข้าอยากถามเจ้าว่าถ้าเด็กคนนั้นตายอย่างผิดธรรมชาติ เพราะเจ้าหานางไม่เจอ เจ้าจะทำอย่างไร?”

สายตาของเฟิงจินหยวนนั้นโหดเหี้ยม นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของความหวัง หลังจากเงียบไปเล็กน้อย เขาพูดว่า “นั่นเป็นชีวิตของนาง”

ทุกคนในตระกูลเฟิงอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่ผู้เฒ่าของตระกูลตะโกนว่า "ดี! ดีมาก! ตระกูลเฟิงของข้าไม่เคยมีสมาชิกรุ่นหลังเช่นเจ้ามาก่อน ท่านเสนาบดีหลังจากที่ท่านถวายของเซ่นไหว้แต่บรรพชนในวันที่ 28 ของเดือนนี้แล้วให้กลับไป ไม่จำเป็นอย่ากลับมาอีกในอนาคต เจ้าจะย้ายหลุมฝังศพของบิดาเจ้าจากบนยอดเขาซีเฟิงไปก็ได้หากเจ้าต้องการ เพียงแค่เลือกวันและนำมันออกไป สำหรับนางสนมคนนั้นจากตระกูลเฉิน นางถูกฝังอยู่นอกพื้นที่สุสานของบรรพชน ดังนั้นมันจึงไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเฟิง“ผู้เฒ่าของตระกูลเฟิงหันกลับไป”ข้าไม่อยากเจอเจ้าอีก”

“นี่…” ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนแรกที่ตอบและเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว “เพียงเพราะบุตรสาวของอนุ  ท่านถึงกลับจะขับไล่พวกเราออกจากตระกูลเฟิงเลยหรือเจ้าคะ ?”

“ลูกสาวของอนุ ?” ผู้เฒ่าของนตระกูลเตือนนางอีกครั้งว่า “นับตั้งแต่วินาทีที่เจ้ามาเมื่อวาน ตระกูลเฟิงจำได้ว่านางเป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ นางเป็นหนึ่งในบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลของตระกูลเฟิง ข้าไม่ได้นำชื่อของนางออกจากตระกูลเฟิง พวกเขายังอยู่ในบันทึกลำดับวงศ์ตระกูล ดังนั้นเจ้ายังเป็นสมาชิกของตระกูลเฟิง นี่จะถือว่าเป็นข้อสุดท้ายที่มีต่อเจ้า นี่คือการเสียสละเพราะเฟิงจินหยวนกลายมาเป็นข้าราชสำนัก เจ้าจะมีบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลของเจ้าเอง”

หลังจากผู้อาวุโสพูดเสร็จเขาก็จากไป เขาไม่ได้ใส่ใจกับฮูหยินผู้เฒ่าที่กรีดร้องอีกต่อไป ในขณะที่เขาออกจากสนาม

ผู้อาวุโสของตระกูลต้องการให้เฟิงจินหยวนคิด แต่นางเห็นเหยาซื่อและอันชิที่ยืนเคียงข้างกัน และแม้แต่เฟิงเซียงหรูก็ยังยืนเคียงข้างพวกเขา ทั้งสามยืนมือไพร่หลังอยู่ตรงข้ามกับเฟิงจินหยวน ดูเหมือนว่าการต่อสู้กำลังจะยุติลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อท่าทีของเหยาซื่อทำให้เกิดความสิ้นหวัง ซึ่งทำให้คนอื่นรู้สึกตกใจ

“ท่านพี่” หลังจากนั้นไม่นานอันชิก็เริ่มพูด “ถ้าวันหนึ่งมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับบุตรสาวของข้า ท่านพี่ก็จะเพิกเฉยเช่นกัน”

เฟิงจินหยวนรู้สึกว่าผู้หญิงเหล่านี้ไร้เหตุผลมากเกินไป “ข้าไม่สนใจเสียเมื่อไหร่? รอให้รุ่งสางก่อน ข้าจะส่งคนไปค้นหา!”

“รุ่งสางหรือ?” เหยาซื่อโกรธมาก “ทำไมไม่ไปตอนนี้ล่ะ? เราจะต้องรอจนกว่าจะถึงรุ่งสางหรือ? ถ้าอาเฮงถูกลักพาตัวไป เจ้ารู้หรือไม่ว่าบางคนสามารถหนีไปได้ไกลแค่ไหนภายในเวลาไม่กี่ชั่วยาม ?”

เฟิงเฉินหยูรีบกล่าวว่า “แต่ตอนนี้ท้องฟ้ายังมืดอยู่ แม้ว่าบ่าวรับใช้จะถูกส่งออกไปตอนนี้ ก็ไม่มีทางที่จะค้นหาพบ!”

อันชิเริ่มทนไม่ไหว นางกล่าวว่า “คุณหนูใหญ่เห็นน้องสาวทุกคนเป็นสิ่งอุจาดตาหรือ? หากมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณหนูสาม เจ้าคงเป็นบุตรสาวคนเดียวที่หลงเหลือในคฤหาสน์”

ในเวลานี้จินเฉินขมวดคิ้วและอยากรู้อยากเห็น นางถามเฟิงจินหยวนจากด้านข้าง “การเกิดไฟไหม้นี้แปลกจริง ๆ ! ท่านพี่ต้องสอบสวนสาเหตุที่ห้องนี้ถูกไฟไหม้ ไม่งั้นเราจะนอนได้อย่างไร? คืนนี้เป็นห้องของคุณหนูรองที่ถูกไฟไหม้ คืนพรุ่งนี้อาจเป็นห้องของอนุคนนี้ที่โดนไฟไหม้ก็ได้ ข้ากลัวจริง ๆ”

เฟิงจินหยวนไม่สามารถจัดการกับจินเฉินซึ่งตีโพยตีพายได้ ชั่วครู่หนึ่งเขาก็ใจดีและปลอบโยนนาง “ไม่ต้องกังวล ข้าจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างแน่นอน”

เมื่อได้ยินอย่างนี้เฟิงเฉินหยูก็จ้องมองจินเฉินอย่างดุดัน และเรื่องที่จินเฉินกล่าว ทำให้ทุกคนคิดตามเช่นกัน

ยืนต่อไปอย่างไม่มีจุดหมาย ในท้ายที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือ “ทุกคนกลับไปนอนได้แล้ว! บ่าวรับใช้จะถูกส่งออกในไม่ช้า ข้าแค่หวังว่าสวรรค์จะช่วยอาเฮง และนางสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย”

จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไป แม้แต่วังซวนและหวงซวนก็ยังไม่อยู่ เพราะพวกเขาช่วยพยุงเหยาซื่อกลับไปที่ห้องของนาง

ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนสุดท้ายที่ออกไป นางพูดกับเฟิงจินหยวนว่า “ข้าหวังว่าจะพบอาเฮงและพานางกลับมาได้ ข้าหวังว่าหลานสาวของข้าทุกคนจะปลอดภัย แต่เจ้าเป็นหัวหน้าครอบครัว และเมื่อเจ้าตัดสินใจ ข้าจะเชื่อเจ้า แต่เจ้าต้องไม่ไปไกลเกินไป ประการแรกมันเสื่อมเสียชื่อเสียง ประการที่สองเจ้าต้องคิดให้รอบคอบว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่เมืองหลวง สาวใช้ 2 คนที่อยู่เคียงข้างของอาเฮงไม่ใช่คนธรรมดา เมื่อองค์ชายเก้าทราบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เจ้าคงจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นโดยที่ข้าไม่ต้องพูดอะไร”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด