ตอนที่แล้วบทที่ 6 เครื่องประดับจอมยุทธ์(ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 ความรู้สึก(ฟรี)

บทที่ 7 หยางฉี(ฟรี)


บทที่ 7

หยางฉี

 

 

หลี่เซี่ยวตี้ไม่ทันตั้งตัว เธอได้แต่มึนงง

 

หลี่ฟู่เฉินรู้สึกโกรธ เขาเงยหน้าขึ้น และมองดูว่าใครเป็นผู้คว้าสร้อยข้อมือเส้นนั้นไป

 

“กวนเหม่ย!”

 

สิ่งที่หลี่ฟู่เฉินเห็นคือดรุณีแรกรุ่นที่ดูมีเสน่ห์เย้ายวนในชุดสีแดง เพียงแค่แรกเห็นนางผู้นี้ช่างคล้ายกับกวนเซี่ย แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือความภาคภูมิใจ สาวในชุดแดงช่างดูมีเสน่ห์และดูเจ้าเล่ห์ เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของกวนเซี่ย

 

“กวนเหม่ย สร้อยข้อมือนั้นถูกซื้อโดยพวกข้า โปรดส่งคืนให้แก่นาง” หลี่ฟู่เฉินร้องขอด้วยเสียงเบา สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นเพียงเครื่องประดับสำหรับกวนเหม่ย แต่สำหรับหลี่เซี่ยวตี้แล้ว สร้อยข้อมือนี้มีความหมายมากกว่านั้น

 

กวนเหม่ยป่าวประกาศแบบไม่คิด “ชิ้นนี้มีมูลค่ากี่เหรียญทอง? ข้าจะจ่ายคืนเจ้าด้วยเหรียญทองที่มากกว่า เป็นไง?   เจ้ามาจากกลุ่มตระกูลหลี่ เจ้าคงไม่ต้องการของกระจอกงอกง่อยเช่นนี้หรอก ใช่มั้ย?”

 

“ตระกูลหลี่ของข้าต้องการของกระจอกงอกง่อยเช่นนั้น!!”

 

สีหน้าของหลี่ฟู่เฉินแปรเปลี่ยนเป็นเดือดดาล

 

 

ผู้คนต่ำช้าของตระกูลกวนเหล่านี้ ในวันที่การหมั้นหมายสิ้นสุดลง เพื่อป้องกันไม่ให้ใครก็ตามที่พูดจาว่าร้ายต่อตระกูลกวน ตระกูลกวนจึงได้ปล่อยข่าวลือว่า ตระกูลหลี่ไม่พอใจกับเงื่อนไขการแต่งงานที่ถูกเสนอโดยตระกูลกวน และต้องการที่จะเอาเปรียบพวกเขา ด้วยข่าวลือนี้ ทำให้เป้าหมายวิพากย์วิจารย์เปลี่ยนไป และมีคนที่เชื่อข่าวลวงนี้จริงๆ  สิ่งนี้ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายภายใน และภายนอกตระกูลหลี่

 

“ข้าจะพูดอีกแค่ครั้งเดียว  ส่งคืนสร้อยข้อมือมาซะ”

 

น้ำเสียงของหลี่ฟู่เฉินดุดัน  พลังลมปราณของเขาเริ่มโคจรอยู่ภายใน

 

กวนเหม่ยรู้สึกหวาดกลัว จึงปล่อยสร้อยข้อมือทิ้งไป หลี่ฟู่เฉินสะบัดมือ และเกี่ยวสร้อยข้อมือขึ้นไปให้หลี่เสี่ยวตี้

 

“หลี่ฟู่เฉิน เจ้าคนโอหัง กล้าดียังไงมาข่มขู่ข้า!”กวนเหม่ยร้องโวยวาย

 

“ไปกันเถอะ” หลี่ฟู่เฉินไม่ได้สนใจกวนเหม่ย และพาหลี่เสี่ยวตี้ออกจากร้านขายสมบัติ

 

“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!!”

 

ที่ด้านหน้า บนถนนสายหลัก กวนเหม่ยยืนขวางทาง ทันใดนั้นเอง นางก็ฟาดฝ่ามือมายังพวกเขา

 

พรสวรรค์ของกวนเหม่ยถือว่าไม่เลวนัก นางอยู่ในขั้นที่สี่ของขอบเขตพลังลมปราณด้วยวิชายุทธ์ฤทธิ์ฝ่ามือเหินทะยานของตระกูลกวนนางคิดว่านี่คงเพียงพอที่จะสอนบทเรียนให้กับหลี่ฟู่เฉินแล้ว แน่นอนว่านางไม่รู้ว่าหลี่ฟูเฉินฟื้นคืนพรสวรรค์ของเขาได้แล้ว

 

พลังฝ่ามือของหลี่ฟู่เฉินปะทะกับฝ่ามือของกวนเหม่ย  ด้วยการปะทะของพลังลมปราณ ส่งผลทำให้บริเวณโดยรอบเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

 

ปั๊ง!

 

กวนเหม่ยถอยกลับหลังด้วยความหวดกลัว นางเกือบจะล้มลง ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้มีมือข้างหนึ่งจากด้านหลังเพื่อพยุงกวนเหม่ย

 

“เกิดอะไรขึ้นกวนเหม่ย?”

 

ชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลี่ฟูเฉิน เข้ามาช่วยกวนเหม่ย เขามีใบหน้าหล่อเหลา และดูหยิ่งยโส

 

“ท่านพี่ใหญ่ฉี  มันขโมยสร้อยข้อมือของข้าไป”

 

เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามคนนี้ ใบหน้าของกวนเหม่ยเต็มไปด้วยความอบอุ่นใจ

 

เขาสบประมาทหลี่ฟูเฉิน “เจ้ากำลังกลั่นแกล้งแม้กระทั่งผู้หญิง ตระกูลหลี่มีคนที่น่ารังเกียจเช่นเจ้าอยู่? เจ้าควรจะละอายใจตัวเอง”

 

“หยางฉี เจ้าควรทำความเข้าใจกับความจริง ก่อนที่เจ้าจะพูดอะไรออกมา”

 

หลี่ฟู่เฉินคาดโทษกับคนที่เคยเป็นคู่อริของเขา หยางฉี ผู้สืบทอดสายเลือดตรงของตระกูลหยางอายุสิบหกปี อยู่ขั้นที่หกของขอบเขตพลังลมปราณ และเป็นหนึ่งในสี่อัจฉริยะของตระกูลหยาง

 

“พี่ใหญ่ฟูเฉิน  อย่ากังวล…ข้าไม่ต้องการสร้อยข้อมือเส้นนั้นแล้ว”

 

หลี่เซี่ยวตี้ดึงแขนเสื้อของหลี่ฟู่เฉินนางรู้ดีว่าหยางฉีเป็นอย่างไร และหลี่ฟู่เฉินก็จะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

 

หลี่ฟู่เฉินลูบมือของหลี่เซี่ยวตี้เพื่อปลอบประโลมให้นางผ่อนคลาย

 

หยางฉี กล่าวน้ำเสียงขึ้นจมูก“หลี่ฟู่เฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ ความเป็นจริงแล้ว กวนเซี่ยไม่สนใจเจ้า นั่นช่างน่าละอายใจยิ่งนัก แต่คิดให้ดี  เจ้าดีพอสำหรับนางหรือเปล่า”

 

“เหมือนว่ามันจะไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกข้าขอตัวลา” หลี่ฟู่เฉินหาข้ออ้างเพื่อจะออกไป

 

“ข้ากล่าวแล้วหรือว่าจะให้เจ้าไป? ขอโทษกวนเหม่ย และคืนสร้อยข้อมือเป็นของกำนัลให้นาง  บางทีข้าอาจจะลงโทษเจ้าสถานเบาก็ได้”

 

หยางฉีไม่ได้เผชิญตาต่อตากับหลี่ฟู่เฉินมานานแล้ว เขาเองก็ชอบกวนเหม่ยเช่นกัน ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสที่เหมาะที่สุด

 

หลี่ฟู่เฉินเยาะเย้ย “มันขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะทำได้หรือไม่”

 

“ในเมื่อเจ้ากล่าวออกมาเช่นนั้น วันนี้ข้าหยางฉี จะขอรับผิดชอบในการสอนมารยาทให้เจ้าเอง”

 

เร็วเข้า!! หยางฉีจากตระกูลหยาง และหลี่ฟู่เฉินจากตระกูหลี่กำลังเผชิญหน้ากัน”

 

“หยางฉีต่อสู้กับหลี่ฟูเฉิน? หลี่ฟูเฉินเป็นบ้าไปแล้ว? แม้แต่หลี่หยุ่นไห่ของตระกูลหลี่ก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้ากับหยางฉีเช่นนั้นแล้ว อย่าพูดถึงหลี่ฟู่เฉินเลย!”

 

“ข้าว่าอาจจะมีบางอย่างผิดปกติในสมองเขา ไปดูกัน ว่าเขาจะโง่ขนาดไหน! หยางฉีไม่ใช่คนที่เขาควรยุ่งด้วย”

 

บนถนนเต็มไปด้วยฝูงชน และโดยไม่ทันได้สังเกต ทุกคนกลับคุยกันสนุกปาก เมื่อได้พูดถึงเคราะห์ร้ายของหลี่ฟู่เฉิน

 

“ท่านพี่ ดูสิ! นั่นมันหลี่ฟู่เฉิน”

 

ปลายถนน หลี่หยุ่นเหอและหลี่หยุ่นไห่กำลังออกจากร้าน หลี่หยุนเหอทำเข้าใจความโกลาหลที่เกิดขึ้น การแสดงออกของเขาแปลกไปทันที

 

“เจ้าได้ใจมากเกินไป ที่กล้าไปยุ่งกับหยางฉีของตระกูลหยาง”

 

หลี่หยุ่นไห่แสดงใบหน้าที่ดูแคลน

 

การฝึกฝนของหยางฉีนั้นอยู่ระดับเดียวกับหลี่หยุนไห่ ถ้าทักษะการต่อสู้ของเขาไม่ดีกว่าหยางฉี  เขาก็คงจะไม่ไปเผชิญหน้ากับหยางฉี เว้นเสียแต่ว่าถึงคราวจำเป็นเท่านั้น

 

“เข้าไปดูกัน”

 

หลี่หยุ่นไห่มองล่วงหน้าไปถึงความพ่ายแพ้ของหลี่ฟู่เฉิน เขาต้องการที่จะได้ประโยชน์จากการที่หลี่ฟู่เฉินพ่ายแพ้ต่อหยางฉี และในเวลาเดียวกัน นี่ก็เป็นการสอนบทเรียนให้แก่หลี่ฟู่เฉิน สิ่งนี้จะสอนเขาว่าอย่าโอหังเกินไป  แม้ว่าพรสวรรค์ของเขาจะได้รับการฟื้นฟูกลับมา แต่ในเมืองหยุ่นวู่ และตระกูลหลี่ มันยังคงไม่มีที่ยืนสำหรับเขา

 

“เซียวตี้  ถอยไป”  หลี่ฟูเฉินหันไปแนะนำ

 

“พี่ใหญ่ฟู่เฉิน!”  หลี่เซี่ยวตี้เกือบจะร้องไห้ มันเป็นเพราะนาง นางรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นความผิดของนาง มันจะไม่เกิดขึ้น ถ้านางไม่ต้องการสร้อยเส้นนั้น หลี่ฟูเฉินก็คงไม่ต้องยืนหยัดสู้กับกวนเหม่ยและยั่วอารมณ์หยางฉี

 

“ไม่มีอะไรต้องกังวล เชื่อในตัวข้า” หลี่ฟู่เฉินกล่าวอย่างมั่นใจ

 

“โปรดระวังตัวด้วย พี่ใหญ่ฟูเฉิน” หลี่เซียวตี้ก้าวกลับเข้าไปในฝูงชน

 

หยางฉีรู้สึกประหลาดใจกับภาพที่เห็น

 

“จริงๆ แล้วข้าก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ข้าจะทำให้คนโง่เง่าเช่นเจ้าได้รู้ ว่าขยะอย่างเจ้า ย่อมไม่อยู่ในสายตาของข้า”

 

“พี่ใหญ่ฉี แสดงให้เขาดู” กวนเหม่ยค่อยใส่ไฟอยู่ด้านหลัง

 

“หลี่ฟู่เฉิน  ก้มลงให้แก่ข้า”

 

หยางฉีออกกระบวนท่า และพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็ว เขาออกกำปั้นไปที่หน้าอกของหลี่ฟู่เฉิน พลังหมัดของหยางฉีแข็งแกร่งมาก มันจะทำให้ซี่โครงของหลี่ฟู่เฉินหักแน่นอน ถ้าโดนมัน

 

 

หลี่ฟู่เฉินยิ้มกว้าง เขาไม่ถอยห่างกลับไปแม้แต่เพียงครึ่งนิ้ว เขารับหมัดนั้นด้วยร่างกายตัวเอง

 

ปั๊ง!

 

มันราวกับว่าหินสองก้อนปะทะกัน แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนประหลาดใจก็คือ หลี่ฟู่เฉินถอยกลับไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น และก็ยืนตรงตั้งมั่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

“เป็นไปได้อย่างไร?”

 

 

หยางฉี รู้สึกสับสน เขาไม่สามารถเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ในเมื่อเขาอยู่ที่ระดับหกขอบเขตพลังลมปราณการชกครั้งเดียวน่าจะเพียงพอแล้ว ที่จะจัดการศัตรูของเขา และเขาก็ไม่ควรแม้แต่จะยืนอยู่บนพื้นได้

 

เขารู้เพียงเล็กน้อยว่าหลี่ฟู่เฉินได้ฝึกฝนวิชาหยกแดงขึ้นมาถึงขั้นที่ห้าแล้ว การจู่โจมของขั้นที่ห้าในวิชาหยกแดงมันมีพลังลมปราณมากกว่านักสู้ขอบเขตสามัญขั้นที่ห้าทั่วไป หรือแม้แต่เทียบได้กับผู้ฝึกขอบเขตพลังลมปราณขั้นที่หก

 

เทคนิคระดับเหลืองขั้นสูง มีเจ็ดขั้น ศิษย์สาวกตระกูลหลี่ส่วนใหญ่อยู่ในขั้นที่สามหรือสี่  แม้แต่กระทั่งหลี่หยุ่นไห่ก็อยู่ในจุดสูงสุดของขั้นที่สี่เท่านั้น

 

วิชาระดับเหลืองขั้นสูงของตระกูลหยาง มีชื่อว่าเคล็ดวิชาอสรพิษเงิน  หยางฉีคล้ายกับหลี่หยุ่นไห่ตรงที่อยู่จุดสูงสุดของขั้นที่สี่ อย่างไรก็ตาม เขาก็นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะไร้คู่เปรียบของตระกูลแล้ว

 

หยางไคบรรลุถึงขั้นห้าของเคล็ดวิชาอสรพิษเงิน สำหรับขั้นที่หก กวนเซี่ยเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถบรรลุได้ นั้นเป็นเหตุผลหลัก ว่าทำไมนางถึงได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ล่วงหน้า และถูกกำหนดให้เป็นอัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบที่สุดของศตวรรษในเมืองหยุ่นวู่

 

 

 

--------

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด