ตอนที่แล้วตอนที่ 209 ได้รับลูกสมุน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 211 เริ่มเดินทาง

ตอนที่ 210 เขตแดนอสูรฟ้าลี้ลับ


เมล็ดก่อเกิดเมล็ดเดียว ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็คือระดับรวมธาตุขั้นหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม มีเพียงหลิงฮันคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าเมล็ดก่อเกิดในตันเถียนของเขามีขนาดมหึมาขนาดไหน เมล็ดก่อเกิดของเขาอยู่เหนือกว่าเม็ลดก่อเกิดของจอมยุทธระดับรวมธาตุขั้นเก้าคนใดๆ มันสามารถเทียบได้กับจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุขั้นหนึ่งด้วยซ้ำ

“เจ้าหนูคนเมื่อกี้เป็นอัจฉริยะแห่งวิถีวรยุทธอย่างแน่นอน ส่วนเจ้าน่ะเป็นสัตว์ประหลาดของวิถีแห้งวรยุทธ” กว่างหยวนลงความเห็น

หลิงฮันยักไหล่และไม่ปฏิเสธ... ในร่างนี้มีวิญญาณของจอมยุทธระดับสวรรค์ควบคุมอยู่ แน่นอนว่าต้องเป็นสัตว์ประหลาด

“แล้วก็บิดาผู้นี้ไม่มีน้องสาว เลิกด่าข้าว่า ‘น้องสาวเจ้าสิ’ ได้แล้ว” กว่างหยวนพูดแบบไม่ได้ยินอะไร

“พรวด!” หลิงฮันหัวเราะและตบไหล่กว่างหยวน “ใครจะไปคิดล่ะว่าพี่ชายกว่างจะมีอารมณ์ขันเช่นนี้ ไม่เลวๆ ท่านมีสุขภาพจิตที่ดี ซึ่งคงจะทะลวงผ่านขั้นต่อไปได้อย่างไม่มีปัญหา”

หว่างหยวนหัวเราะ หลังจากหลิงฮันเดินเข้าห้องไป เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาและหลิงฮันช่างดูเหมือนจะมีสถานะไม่ต่างอะไรกันเลย

ในโลกนี้สถานะคือความแข็งแกร่ง แม้แต่ระดับรวมธาตุชั้นกลางกับรวมธาตุชั้นต้นก็ยังมีสถานะที่แตกต่างกัน ไม่ต้องพูดถึงเขากับหลิงฮันที่มีพลังต่างกันถึงสองระดับเลย แล้วสถานะของพวกเขากลายเป็นเท่ากันได้อย่างไร?

อย่างเช่นที่หลิงฮันตบไหล่เขาเมื่อกี้... หากเป็นจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณชั้นต้นที่ทำแบบนั้น เขาคงจะโกรธและตบคนคนนั้นจนปลิวไปแล้ว... แถมเขายังไม่สนใจผลลัพธ์ที่จะตามมาด้วยซ้ำ คนคนนั้นจะอยู่หรือตายก็ขึ้นอยู่กับโชคของมันแล้ว

แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะยอมให้หลิงฮันตบไหล่และพูดคุยอย่างเป็นกันเองแบบนั้น ราวกับเขาคิดว่าหลิงฮันมีสถานะความแข็งแกร่งเทียบเท่ากัน

“เจ้าเด็กนั่นมีกลิ่นอายอันแปลกประหลาดที่ทำให้ข้าลืมถึงสถานะของระดับพลัง” กว่างหยวนบ่นพึมพำ “จะให้พูดง่ายๆก็คือ ‘เขาเป็นสัตว์ประหลาด!’”

คนที่รู้สึกเช่นนี้ไม่ได้มีแค่กว่างหยวน แต่องค์ชายหนึ่งและองค์ชายสามที่มีสายเลือดของจักรพรรดิและมีระดับพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าหลิงฮันยังเรียกหลิงฮันว่าน้องชาย พวกเขายอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเบื้องหลังของหลิงฮัน แต่กลิ่นอายที่เขาปลดปล่อยออกมาทำให้องค์ชายทั้งสองต้องรู้สึกเคารพจากก้นบึ้งของหัวใจ

แทรก/แก้ไข Anchor

หนานกงฉิงถูกจัดการ ฝ่ายคุมกฎเองก็ถูกขัดขวางการทำงาน นี่ควรจะกลายเป็นวิกฤติการที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อมีหลิงฮันเข้าไปร่วมด้วย จากวิกฤติการที่ยิ่งใหญ่ก็กลายเป็นเรื่องเล็กๆ ไม่มีใครกล้าเข้ามาจับกุมชูหวู่จิวอีก และแน่นอนว่าไม่มีใครพูดถึงเรื่องการลงโทษหลิงฮัน

อย่างไรก็ตาม ชูหวู่จิวจะปลอดภัยก็ต่อเมื่ออยู่ใกล้ๆหลิงฮัน แต่เมื่อเขาแยกตัวออกไปคนเดียว เขาจะต้องพบกับการจับกุมของฝ่ายคุมกฎแน่นอน

นี่นับว่าเป็นการไว้หน้าหลิงฮัน

ทำไมเป็นลูกศิษย์แต่ได้รับการไว้หน้าเช่นนี้?

ชูหวู่จิวและกว่างหยวนอาศัยอยู่ในลานที่พักเดียวกัน อย่างแรกเป็นเพราะพวกเขาเป็นผู้ชายเหมือนกัน อย่างที่สองกว่างหยวนจะสามารถเป็นคนคุ้มกันเพื่อไม่ให้ฝ่ายคุมกฎลงมือผลีผลาม อย่างที่สาม กว่างหยวนสามารถชี้แนะเรื่องบางเรื่องให้ชูหวู่จิวแทนหลิงฮันได้

เรื่องนี้ทำให้กว่างหยวนคำรามออกมาด้วยความโกรธ เขารู้สึกว่าเขากลายเป็นลูกสมุนของหลิงฮันไปแล้ว ตอนแรกเขารับหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันเท่านั้น แต่ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นผู้ชี้แนะการบ่มเพาะให้คนอื่นไปแล้ว? หรือว่าในอนาคตเขาจะถูกบังคับให้เป็นพี่เลี้ยงเด็กด้วย?

สองวันต่อมา หลิวอู๋ตงกับแทรก/แก้ไข Anchorหลีซื่อฉางรีบเดินทางมาหาหลิงฮัน

ดูจากสีหน้าของทั้งสองแล้ว ต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน

“เขตแดนอสูรฟ้าลี้ลับเปิดออกแล้ว!” หญิงสาวทั้งสองพูดพร้อมกัน เมื่อพวกนางรู้ตัวว่าพูดประสานเสียงกัน พวกนางได้หันหน้าจ้องกันอย่างกินเลือดกินเนื้อ

“อะไรคือเขตแดนอสูรฟ้าลี้ลับ?” หลิงฮันมีท่าทีสับสน

“จอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่ได้สร้างโลกขนาดเล็กที่ตัดขาดจากโลกใบนี้ขึ้น พวกเราเรียกมันว่าเขตแดนลี้ลับ” หลิวอู๋ตงอธิบาย นางรู้ว่าหลิงฮันมาจากสถานที่เล็กๆอย่างเมืองหมอกเมฆา ถึงแม้เขาจะเป็นอัจฉริยะนักปรุงยา เขาก็ต้องไม่เข้าใจถึงเรื่องราวของเขตแดนลี้ลับแน่นอน

แน่นอนว่าหลิงฮันรู้จักเขตแดนลี้ลับ แต่เขาไม่เคยได้ยินชื่อของเขตแดนอสูรฟ้าลี้ลับมาก่อน อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังของเขาในชีวิตที่แล้ว เขาก็ยังไม่สามารถสร้างโลกขนาดเล็กที่ตัดขาดจากโลกใบนี้ได้ ดังนั้นผู้ที่สร้างมันขึ้นมาต้องเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติแน่นอน

โชคร้ายที่ถึงแม้เขาจะเดินทางไปยังโบราณสถานมากมาย แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับเลย

มีข่าวลือว่า นิกายดาบสวรรค์ที่จักรพรรดิดาบอาศัยอยู่นั้นตั้งอยู่ภายในเขตแดนลี้ลับ!

“เขตแดนอสูรฟ้าลี้ลับคือเขตแดนลี้ลับขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในแคว้นพิรุณและแคว้นอัคคี รวมถึงแคว้นทั้งเก้าของดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยว มีความเป็นไปได้ว่าขนาดของดินแดนลี้ลับที่ว่าจะมีขนาดเทียบเท่ากับแคว้นพิรุณ มันถูกปกคลุมไปด้วยชั้นพลังอันลึกลับ” หลีซื่อฉางเริ่มอธิบายเช่นกัน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกชื่นชม

นี่คือความสามารถที่ทรงพลังจนสามารถแยกมิติขนาดใหญ่ออกจากโลกที่แท้จริงได้

“ผู้สร้างเขตแดนอสูรฟ้าลี้ลับได้เสียชีวิตไปนานแล้ว ดังนั้นเขตแดนลี้ลับจึงไม่ถูกควบคุมโดยผู้ใด หลังจากเวลาผ่านไป ‘ประตู’ก็จะปรากฏขึ้นเพื่อให้คนสามารถเข้าไปได้” หลิวอู๋ตงพูดขัดหลีซื่อฉาง

“เวลาเปิดนั้นไม่แน่นอน บางทีก็จะเปิดทุกๆหลายร้อยปี และบางครั้งก็จะเปิดทุกๆสิบปี” หลีซื่อฉางพูด “ครั้งล่าสุดที่เขตแดนอสูรฟ้าลี้ลับเปิดออกคือสามร้อยปีก่อน”

“เขตแดนอสูรฟ้าลี้ลับมีทักษะโบราณอยู่พอสมควร หากมีโชคมากพอก็อาจจะค้นพบพวกมันซักทักษะก็ได้ มีคำกล่าวว่าตระกูลที่เริ่มสร้างแคว้นทั้งเก้าของดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวเคยเข้าไปยังเขตแดนอสูรฟ้าลี้ลับมาก่อน พวกเขาได้รับทักษะจำนวนมากกลับมา และหลังจากนั้นพวกเขาได้อยู่เหนือผู้ใดพร้อมกับสร้างดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวที่เหมาะสมจะให้มนุษย์อาศัยอยู่ขึ้นมาใหม่”

“มันเป็นเช่นนั้น ข้าเคยเห็นบันทึกประวัติศาสตร์ของตระกูลข้ามาก่อน มันเขียนเอาไว้เช่นนั้น”

“ยังมีอีกนะ ภายในเขตแดนลี้ลับนั้นมีเม็ดยาระสูงอยู่มากมาย เคยมีจอมยุทธระดับรวมธาตุคนหนึ่งเข้าไปและกลับออกมาโดยมีพลังอยู่ที่ระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ!”

“ภายในเขตแดนอสูรฟ้ามีวาสนาที่ยิ่งใหญ่รอพวกเราอยู่!” หญิงสาวทั้งสองพูดพร้อมกัน

“แต่ว่า!” หลิวอู๋ตงพูดต่อทันที “เขตแดนอสูรฟ้าไม่ได้มีแค่วาสนา มีข่าวลือว่าเมื่อตอนที่ผู้สร้างเขตแดนอสูรฟ้าเสียชีวิตลง ร่างกายของเขาถูกปราณปีศาจครอบงำจนกลายเป็นผีดิบโลหิตที่น่าสะพรึงกลัว ทุกๆครั้งที่เขตแดนลี้ลับเปิดออกก็เป็นเพราะผีดิบโลหิตต้องการโลหิตมาเป็นอาหาร”

“ใช่แล้ว เพราะงั้นถึงมีกฎว่าเมื่อตอนที่จอมยุทธแต่ละคนเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับ พวกเขาจะต้องมุ่งหน้าไปยังตำหนักกลางเพื่อหยดเลือดของตนลงไปที่แผ่นศิลา เมื่อหนึ่งพันปีก่อน ทุกคนล้วนแต่คิดว่าเดี๋ยวก็มีใครสักคนหยดเลือดลงไป ตัวเองไม่ต้องทำเช่นนั้นเสียหน่อย ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือโลหิตที่ใช้สังเวยแก่เขตแดนไม่เพียงพอ ผีดิบโลหิตได้ปรากฏตัวขึ้นและบุกรุกแคว้นทั้งเก้าจนปีศาจเฒ่าลึกลับระดับบุปผาผลิบานของแคว้นทั้งเก้าต้องแสดงตัวออกมาพร้อมกับเสียสละชีวิตเพื่อทำลายผีดิบโลหิต”

หลิงฮันแสดงสีหน้าสนใจและบ่นพึมพำ “ผีดิบโลหิต?”

เขาไม่เคยได้ยินเขตแดนลี้ลับที่ต้องใช้โลหิตเป็นเครื่องสังเวยแบบนี้มาก่อน โดยปกติแล้ว หากจำเป็นต้องใช้โลหิตเป็นเครื่องสังเวยก็จะมีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง หนึ่งคือการหล่อเลี้ยงปีศาจ อย่างเช่นทองคำก่อเกิดผลาญโลหิต สองคือการทำลายหรือไม่ก็เสริมแกร่งให้กับผนึก

‘หรือว่าภายในเขตดินลี้ลับจะมียักษ์ทองคำก่อเกิดที่อยู่ในสภาพอ่อนแออาศัยอยู่?’ จู่ๆหลิงฮันก็คาดเดาขึ้นมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด