ตอนที่แล้วบทที่ 28 ดาบเลือดมังกร!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 30 หุบเขาสัตว์อสูร!

ประกาศ.......(ต่อบทที่ 29 หญิงสาวผู้พิชิตสายฟ้าผ่า!)


ก่อนอื่นต้องขอโทษเพื่อนๆด้วยนะคะที่ทิ้งการแปลเรื่องนี้แล้วหายไปนานกว่าสิบเดือน จึงทำให้ทุกคนต้องค้างและเสียอารมณ์ สืบเนื่องจากดินฉันต้องรักษาอาการปลายปราสาทอักเสบเรื้อรังที่ต้องทนต่อความเจ็บปวดมานาน ที่มีอาการเจ็บชาตามข้อนิ้วและชาตามมือ เนื่องจากการใช้นิ้วมือมากกว่าปกติ(อาจเป็นเพราะกลางวันก็พิมพ์งานที่ทำงาน กลางคืนก็แปลนิยายก็เป็นได้...***.แต่ก็เป็นงานที่รักทั้งสองอย่างทำไงได้) คุณหมอจึงให้ทานยาต่อเนื่องประพักการใช้นิ้วมืออย่างการพิมพ์คอมฯ ตอนนี้อาการก็หายเป็นปกติดีแล้ว ดิฉันจึงจะขอกลับมาแปลเรื่องนี้ต่ออย่างเนื่อง เพราะตอนนี้ต้นฉบับไปไกลมากแล้วถึงตอนที่ห้าร้อยกว่าแล้ว อย่างไรก็ตามดิฉันจะพยายามลงอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยวันละหนึ่งตอน นอกจากจะมีธุระต้องไปไหนก็จะบอกเพื่อนๆกันนะคะ

อย่างไรก็ตามขอให้เพื่อนๆที่เคยติดตามเรื่องนี้กลับมาติดตามต่อเนื่องนะคะ...ขอโทษจากใจจริงค่ะ ผิดพลาดอย่างไรก็แนะนำและเปลี่ยนข้อมูลกันได้นะคะ

ขอบคุณค่ะ

บทที่ 29 หญิงสาวผู้พิชิตสายฟ้าผ่า!

" การปรับแต่งอาวุธจิตวิญญาณนั้นสามารถทำได้โดยการแช่ดวงวิญญาณของเจ้าด้วยการบำรุงด้วยจิตทั้งกลางวัน และกลางคืน และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างอาวุธจิตวิญญาณ และจิตวิญญาณของเจ้า"

ซ่งหยูนั่งลงขัดสมาธิ........ฝักของดาบเลือดมังกรที่ด้านหน้าของเขาขณะที่ซินหวงนำทางเข้าไปสู่ห้วงมหาสมุทรแห่งจิตของเขาเพื่อสอนวิธีการปรับแต่งดาบเลือดมังกรและฝักดาบ.......

"ยิ่งเจ้าปรับแต่งอาวุธจิตวิญญาณของเจ้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยจิตวิญญาณของเจ้า จะทำให้การเชื่อมโยงระหว่างเจ้ากับอาวุธจิตวิญญาณเพิ่มมากยิ่งขึ้น แม้ว่าเจ้าจะสูญเสียอาวุธจิตวิญญาณของเจ้าไม่ว่าเหตุผลใดก็ตาม มันก็จะกลับมาหาเจ้า และไม่มีใครสามารถเอามันออกไปได้ เพียงแต่เจ้าต้องมีช่องทางเชื่อมต่อระหว่างเจ้ากับดาบเลือดมังกรเท่านั้น นั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างฝักกับดาบ เมื่อดาบหายไปเจ้าก็ยังสามารถอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของได้ แต่ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องปรับฝักดาบ เพียงแต่เจ้าเริ่มต้นด้วยการปรับแต่งจิตวิญญาณของเจ้าก็เพียงพอแล้ว"

ซ่งหยูแช่ดวงวิญญาณของเขาไว้ในดาบเลือดมังกรพร้อมกับการระเบิดของจิตใจจากนั้นเขาเขาเริ่มทำการปรับแต่งดาบเลือดมังกร!

"เมื่อผู้บ่มเพาะทำการปรับแต่งอาวุธจิตวิญญาณของพวกเขา ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการปรับแต่งจิตวิญญาณนั้นหลายสิบวันซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องนัก.........

ซินหวงยังคงให้คำแนะนำกับเขาว่า" การสร้างภาพขององค์จักรพรรดิสุย และพระราชวังเปลวอัคคีภายในเวลาเดียวกันนั้นจะสามารถช่วยให้เจ้าปรับแต่งอาวุธจิตวิญญาณได้เร็วขึ้นอย่างมาก ที่สุดเพียงไม่กี่ชั่วยาม จากที่บุคคลอื่นใช้เวลาหลายสิบวัน"

เมื่อได้ยินคำกล่าวของซินหวงทำให้ซ่งหยูสามารถเปิดภาพขององค์จักรพรรดิสุย และพระราชวังเปลวอัคคีในอีกไม่กี่ชั่วยามต่อมา

"จงเคลื่อนไหว!"

ฉิ้งงง!

ทันใดนั้น! ดาบเลือดมังกรก็เกิดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในขณะที่มันค่อยๆ ลอยอกมาจากฝักด้วยแสงรัศมีไฟที่ส่องเป็นวงสีทองด้วยอุณหภูมิความร้อนของแสงหลายร้อยองศา!

ซ่งหยูสามารถมองผ่านดาบขณะที่มันกำลังลอยขึ้นสู่อากาศ....

ฉิ้งงง!

จากนั้นประกายแห่งฟ้าก็เกิดกระพริบขึ้นบนท้องฟ้าเมื่อเขาโยนดาบอัสนีขึ้นสู่ท้องฟ้า ขณะที่เขาควบคุมดาบเลือดมังกรไปด้วย ...

ทันใดนั้น!

ก็ทำให้เกิดปรากฏการณ์ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าไปทั่วท้องฟ้าเพื่อแสดงถึงอิทธิฤทธิ์ของดาบ ในขณะที่มันกำลังลอยตัวท่ามกลางสายฟ้าร้องในอากาศ.....

ซ่งหยูรู้สึกรู้สึกตื่นเต้น และประหลาดใจยิ่งนัก ในขณะที่เขาได้ปลดปล่อยทักษะของดาบอัสนี แสงของดาบที่ส่องประกายแสงวูบวาบขึ้นในอากาศด้วยความแรง...และเขาก็สามารถปลดปล่อยพลังได้เต็มที่...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่เขาใช้ทักษะของดาบอัสนีเขาจะรู้สึกได้ว่าเขาไม่สามารถอธิบายถึงขอบเขตจากการปลดปล่อยพลังอย่างแท้จริงได้ แต่ตอนนี้ด้วยศักยภาพของดาบเลือดมังกรที่เป็นตัวที่ช่วยหนุน จึงทำให้เขาสามารถควบคุมมันจนปลดปล่อยพลังได้อย่างเต็มที่ผ่านทางดาบนั่นเอง!

จึงไม่ต้องแปลกใจว่าเหล่าศิษย์ขั้นสูงที่มีอาวิุธจิตวิญญาณที่มีศักยภาพที่สูง จะสามารถเพิ่มพลังได้เป็นสองเท่าได้จากดาบเลือดมังกร และพลังของดาบอัสนีที่ช่วยหนุนกันทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!

"เจ้าเพียงหมั่นฝึกการควบคุมดาบและฝักให้รวมกันเป็นหนึ่ง และสามารถควบคุมมันได้.... มิเช่นนั้นเมื่อเจ้าใช้มันกับชุ่ยเฉิงอี้ที่มีพละกำลังเหนือกว่าเจ้านั้น จิตวิญญาณของเขาที่แข็งแกร่งกว่าเจ้ามันจะทำให้เจ้าพ่ายแพ้ต่อเขาก็เป็นได้!"

ซินหวงกลายเป็นเปลวไฟน้อย ๆ และขึ้นไปยืนบนดาบเลือดมังกร และกล่าวต่อว่า "ดาบนี้ไม่ได้มีส่วนด้อยกว่าแต่อย่างใด หากแต่จิตวิญญาณของเจ้านั้นยังคงไม่สามารถแตกออกเป็นชิ้นๆ เพื่อผสานกับมันก็เท่านั้น ซึ่งมันจะมีความแข็งแกร่งทนทานตราบนานเท่านาน และไม่มีใครที่จะทำลายมันได้ นอกเสียจากผู้ที่สำเร็จการบ่มเพาะขั้นสูงเท่านั้น ซึ่งเจ้าไม่ต้องกังวลไปว่าจิตวิญญาณของเจ้าจะดับสลายเมื่อดาบปะทะกับอาวุธจิตวิญญาณอื่น ๆ "

"แล้วถ้าจิตวิญญาณของข้านั้นถูกทำลายลง ดาบนั้นก็ถูกทำลายลงด้วยเช่นนั้นหรือ?" ซ่งหยูถามด้วยท่าทีลุกลน

"แน่นอนเมื่อจิตวิญญาณควบคุมอาวุธในการต่อสู้แน่นอนแล้ว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นได้ก็ คือการทำลายอาวุธจิตวิญญาณ เพราะจิตวิญญาณมันก็อยู่ในอาวุธเช่นกันเมื่อมันถูกทำลายลงเจ้าของก็จะตายในที่สุด "

ซินหวงนั่งลงบนไหล่ของเขาและกล่าวว่า ""นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เมื่อเจ้าใช้อาวุธจิตวิญญาณ แม้เจ้าจะมีอาวุธที่ดีที่สุดขนาดไหน แต่หากอาวุธเจ้าถูกทำลายลง วิญญาณเจ้าก็จะถูกทำลายลงและกระจัดกระจายไปทั่วเช่นเดียวกัน!"

แต่ถ้าจะมองไปที่เหล่าศิษย์ขั้นสูง พวกเขาทั้งหมดรู้ดีว่าพวกเขานั้นล้วนแต่จะมีอาวุธจิตวิญญาณที่อ่อนด้อย ด้วยจากการที่สร้างจากวัสดุระดับที่ต่ำ ซึ่งพวกเขาล้วนแต่ต้องถูกคัดออกจากการประลองทั้งสิ้น แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกเลยต้องกล้าที่จะใช้มันต่อไป!

ในขณะนี้นั้นหัวใจของซ่งหยูนั้นกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เพราะยั้งมีเหล่าศิษย์อีกไม่น้อยที่คงมีอาวุธจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งในการประลอง แต่สำหรับซินหวงที่มองต่ออาวุธของศิษย์เหล่านั้นมันอ่อนด้อยสิ้นดี....

"เฮ้อ! เจ้าจะกลัวไปใย...ในเมื่ออาวุธของศิษย์เหล่านั้นไม่ได้มีผู้บ่มเพาะระดับสูงเป็นผู้สร้างให้ ซึ่งมันจะไม่มีอาวุธใดในคนเหล่านั้น ที่จะมาทำลายดาบเลือดมังกรของเจ้าได้"

ซินหวงกอดอกกล่าวอย่างเคร่งขรึม และจริงจังว่า "หากแต่เมื่อใดที่เจ้าพบเจอกับอาวุธของผู้บ่มเพาะระดับสูงล่ะก็....เมื่อนั้นเจ้าควรเตรียมตัวหนีให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือหากอาวุธเจ้าถูกทำลายโดยพวกเขาล่ะก็......เจ้าก็เตรียมใจดับสลายไปพร้อมกับ

จิตวิญญาณได้เลย! อาวุธจิตวิญญาณพวกนั้นมันเป็นเพียงความอ่อนแอที่พวกคนเหล่านั้นอำพรางสายตาคนทั่วไปเท่านั้น ส่วนดาบอัสดีนั้นที่เจ้าได้ครอบครองอยู่นั้นเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุด หากแต่เจ้าควรที่จะฝึกมันในระดับที่สูงกว่านี้ถึงจะดีที่สุด"

เมื่อดาบเลือดมังกรถูกโยนขึ้นไปกลางอากาศก็ทำให้เกิดเสียงสายฟ้าฟาด ผ่าตรงกลางท้องฟ้าราวกับจะให้มันขาดออกจากกัน!

ซ่งหยูเงยหน้ามองลงไปเห็นภูเขาที่ยืนเรียงรายกันเหลือเพียงลูกเล็กๆเท่านั้น แตกต่างจากนิกายกระบี่เทพมังกรฟ้าที่ยังคงยืนสูงตระหง่านอยู่ท่ามกลางภูเขาลูกอื่นๆ

ซ่งหยูพยายามทำความคุ้นเคยดาบเลือดมังกร ซึ่งเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมากการที่เขาจะสามารถควบคุมจิตวิญญาณของตัวเองเพื่อที่จะสามารถควบคุมมันได้ หาใช่ว่าพลังจิตวิญญาณของเขาไม่เพียงพอ แต่ขาดความแข็งแกร่งของพลังจิตวิญญาณที่จะคุมเป็นระยะทางที่ไกลได้นั่นเอง......

หลังจากซินหวงบินไปไกลแล้ว แต่ยอดเขาสีทองที่ยืนตระหง่านของหุบเขาเทพมังกรฟ้านั้นยังคงสว่างเรืองรองไปทั่วบริเวณราวกับว่าเป็นอาณาจักรลี้ลับยากที่ใครจะเข้าถึงได้

"สถานที่นี้น่าจะดีที่สุดนะข้าว่า!"

ซินหวงมองออกไปและกล่าวขึ้นว่า "นี่คือเขตชั้นบรรยากาศที่ฟ้าแลบ และฟ้าร้องปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ตรงนี้มีดวงอาทิตย์สว่างจ้ามีพายุ และฟ้าผ่า ดวงอาทิตย์ที่ลุกโชนเป็นเปลวไฟเหมือนนรก ภูผาที่แข็งแกร่งจะถูกตัดเป็นท่อนไม้ ดวงวิญญาณจะถูกเผาทั้งเป็น เพราะความตายจากดวงอาทิตย์ หรือถูกพัดพาโดยพายุลม แต่ดวงอาทิตย์ที่สว่างไสวและพายุที่แรงนั้นไม่เลวร้ายเท่ากับสายฟ้าแลบที่พร้อมจะเป็นนักล่าแห่งท้องฟ้า .. มันจะรู้สึกถึงการปรากฏตัวของจิตวิญญาณของตัวเจ้า เมื่อเจ้าอยู่บนท้องฟ้าเจ้าจะเป็นผู้ที่ถูกล่า! "

"ข้าจะโดนฟ้าผ่างั้นรึ!?"

ซ่งหยูตกตะลึงกับคำกล่าวของซินหวง"แม้ว่าข้าจะไม่ได้ทำอะไรเลย มันก็ยังจะผ่าข้างั้นรึ!?"

"ก่อนที่จิตวิญญาณจะผสานเข้ากับวิญญาณก็ยังคงเป็นของหยิน  มันยังคงเป็นสื่อนำพาขณะที่ฟ้าผ่าเป็นหยาง เป็นพี่น้องกัน เมื่อหยิน และหยาง เข้าหากันและกัน พวกมันก็จะจมลงสู่อีกห้วงหนึ่ง เมื่อวิญญาณมาถึงท้องฟ้าสูงมันจะถูกฉีกขาดออกจากความโกรธของฟ้าแลบ "

"เหมือนกับชาย และหญิง เมื่อชายคนหนึ่งเห็นหญิงคนหนึ่ง เขาจะมีความปรารถนาที่จะได้ใกล้ชิดนาง หากแต่เมื่อเจ้านั้นฝึกทักษะดาบอัสนีจนชำนาญแล้วไซร้ แม้แต่ฟ้าผ่าก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้ กับความสูงในระดับนี้มันจะเป็นเป็นการดีสำหรับเจ้าในการฝึกของเจ้า ส่วนการปรับแต่งจิตวิญญาณของเจ้านั้นควรคำนึงถึงจิตวิญญาณแห่งองค์จักรพรรดิ์สุยด้วย....

เสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าที่อยู่รายล้อมรอบดาบเลือดมังกรที่กำลังแผ่รัศมีอันเรืองรองนั้นราวกับว่าพวกมันกำลังชุมนุมกัน...แน่นอนว่ามันย่อมเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก!

เมื่อเสียงฟ้าที่คำรามราวกับโคทึกพิโรธนั้นราวกับว่ามันจะทล่มทะลายจนน่าเกรงขาม!

หัวใจของซ่งหยูนั้นเต้นรัวไม่เป็นกระบวนด้วยความหวาดกลัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้น.......ซึ่งขณะนั้นเขาก็เริ่มมองเป็นภาพขององค์จักรพรรดิ์สุย และพระราชวังเปลวอัคคีอีกครั้ง.....

ขณะนั้น....ห้วงมหาสมุทรแห่งจิตของเขากำลังสร้างภาพของพระราชวังเปลวอัคคี และองค์จักรพรรดิ์สุยในร่างมังกรที่กำลังชูดาบเลือดมังกรขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับกำลังท้าทายพวกมัน.....เพื่อขจัดความหวาดกลัวที่กำลังย่างกลายเข้ามาภายในจิตใจเขาจนมืดบอด....

ครืนนน! เปรี้ยง!

ทันใดนั้น!

เกิดผ่าผ่าสายฟ้าที่ฟาดผ่านแนวท้องฟ้าราวกับว่ามันจะขาดออกจากกัน ก่อนที่จะพุ่งตรงลงมาที่ดาบเลือดมังกรจนฟ้าดินสะเทือนไปทั้งปฐพี!

ในร่างมังกรที่เกิดจากพลังจิตวิญญาณของซ่งหยูที่โดนฟ้าผ่าเข้าอย่างจัง.....ทำให้พระราชวังเปลวอัคคี และองค์จักรพรรดิ์สุยก็ยังมิอาจต้านทานฤทธานุภาพอันทรงพลังของสายฟ้าผ่าได้ ถูกเผาจนมอดไหม้ทำให้จิตวิญญาณของเขานั้นแตกกระจายจนสิ้นเชิง!

ซ่งหยูรู้สึกราวกับว่าจิตวิญญาณของตัวเองนั้นกำลังแตกออกเป็นชิ้นๆ.... ซึ่งในขณะนี้เขารู้สึกเจ็บปวดและทรมารเป็นอย่างยิ่ง....

"อย่าวอกแวกเสียสมาธิ! เจ้าจงทำสมาธิให้แน่วแน่และจงสร้างภาพอีกครั้ง!"

ซินหวงยืนอยู่บนไหล่ของเขาและกล่าวเสียงกร้านอย่างไร้ความกังวลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับซ่งหยู "เจ้าได้ตายแน่! หากจิตวิญญาณของเจ้ากระจายไปในอากาศนานกว่านี้....!

ซ่งหยู่ก้มหน้ากัดฟันแน่นด้วยอาการเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสราวกับว่าร่างของเขากำลังจะฉีกออกจากกันเป็นชิ้น ๆ เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อรวบรวมสมาธิทั้งหมดเพื่อสร้างภาพอีกครั้ง...ในขณะที่เขาเข้าสู่มหาสมุทรแห่งจิตอีกครั้งเพื่อทำการสร้างภาพพระราชวังเปลวอัคคี และองค์จักรพรรดิ์สุยให้จงได้ ขณะนั้นจิตวิญญาณของเขาก็เริ่มผสานหลอมรวมเข้าด้วยกันอีกครั้งจนทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขาได้ฟื้นคืนชีวิตขึ้นใหม่อีกครั้ง....

เปรี้ยงงงง!

และทันใดนั้นก็ได้เกิดเสียงฟ้าผ่าอย่างรุนแรงจนแผ่นดินสั่นสะเทือนขึ้นอีกครั้ง และเกิดสายฟ้าผ่าเข้ากับร่างของเขาที่เพิ่งฟื้นฟูขึ้นอีกครั้ง! ความเจ็บปวดคืบคลานเข้ามาหาเขาอีกครั้ง.....

ซินหวงรู้สึกโล่งอกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาอมยิ้มและกล่าวว่า" เจ้าไม่ต้องห่วงฟันของเจ้า กัดมันขบมันแน่นเช่นนั้นก็ได้ ...

ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! หากจิตวิญญาณของเจ้ามั่นคงแล้วไซร้เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใดในใต้หล้านี้...แต่หากเจ้ากัดฟันแน่นเช่นนี้ตลอดมีหวังคงหมดปากแน่ ..ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! เจ้าผ่านพ้นจากความตายในครั้งแรกมาแล้ว...และเจ้าก็จะไม่ต้องผชิญกับมันอีกหากเจ้าจะฝึกฝนมันต่อไป.."

"แต่ข้ายังรู้สึกถึงความเจ็บปวดอยู่!" ซ่งหยูกล่าวขณะที่เขากำลังกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดหลังจากเกิดฟ้าผ่าลงที่ร่างของเขาอีกครั้ง....

"จะทำสิ่งใดได้นอกจากอดทน?"

เจ้าเปลวไฟดวงเล็กๆกล่าวอย่างไร้เยื่อใย "สายเลือดเผ่าสวรรค์ที่ข้าเคยฝึกไม่มีใครเคยปริปากบ่นมาก่อน...."

ซ่งหยูได้ยินเช่นนั้นก็กัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดต่อไป และพยายามรวบรวมสมาธิเพื่อสร้างภาพฯ ขึ้นอีกครั้ง และเกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าเช่นนี้ซ้ำๆ กันถึง 20 ครั้ง แม้แต่ซินหวงเองก็รู้สึกตกใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และเขาคิดอยู่ในใจว่า"สายเลือดของเผ่าสวรรค์ที่ข้าเคยฝึกเมื่อรุ่นก่อนๆ นั้น ไม่เคยมีใครที่จะผ่านครั้งแรกไปได้เลย....เนื่องจากไม่มีใครที่จะสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้....แต่คนนี้เขายังคง....อืมมมม!"

จากนั้น!

เหตุการณ์ฟ้าผ่าที่เกิดซ้ำๆ จนทำให้ซ่งหยูรู้สึกราวกับว่าจิตวิญญาณของเขานั้นจะแตกสลายอีกหลายต่อหลายครั้ง และเขาก็ไม่ยอมแพ้ต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในขณะที่สายฟ้าที่ฟาดผ่านร่างเขาอย่างต่อเนื่องโดยไร้ซึ่งไม่ปราณี!

และต่อจากนี้ร่างกายของเขาก็ลดความเจ็บปวดลง.....เมื่อจิตวิญญาณของเขาสามารถอดทนต่อความพิโรธของท้องฟ้าได้....

ไม่เพียงแค่นั้น....มันยังคงทิ้งร่องรอยความบอบช้ำอยู่ไม่น้อยให้กับจิตวิญญาณของเขา!

ทันใดนั้น!

ซ่งหยูเหลือบไปเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งอยู่กลางอากาศที่ห่างออกไปไม่มากนัก และนอกจากนั้นยังมีสายฟ้าที่รวมกันเป็นเกลียวคลื่นเรืองแสงอันทรงพลังมหาศาลกำลังตกลงมาใส่หญิงสาวผู้นั้น....

แต่ทว่า......

หญิงสาวผู้นั้นกลับหามีอาวุธจิตวิญญาณใดๆที่จะสามารถป้องกันตัวเองไม่!

แต่.....เกลียวคลื่นสายฟ้านั้นกลับพังทลายลงสู่จิตวิญญาณที่หาได้สะทกสะท้านของนางแม้แต่น้อย!

"หญิงสาวผู้นี้ช่างแข็งแกร่งจนเหลือเชื่อ!."

จากนั้นดาบเลือดมังกรที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็กำลังลอยไปตรงไปหานาง ซึ่งนางก็หาได้รู้สึกหวาดกลัวไม่ กลับเบิกตามองด้วยความสนใจ..... นางยิ้มด้วยมุมปาก และกล่าวถามซ่งหยูว่า" พี่ชายท่านสำเร็จการกลั่นจิตวิญญาณแล้วเช่นนั้นหรือ?

มันเจ็บปวดมากหรือไม่?"

"ใช่! มันเจ็บปวดมาก ....และข้าข้าก็หาได้เข้าใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าในตอนนี้ไม่?"

จากนั้นซ่งหยูก็ได้ถอดจิตวิญญาณออกจากดาบเลือดมังกร เขากล่าวพลางยิ้มกลับว่า" แล้วเจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?"

"ข้ามาจากตระกูล ฮุ่ยถาน ชื่อของข้าคือ ฮุ่ยจินเอ๋อ ข้าเกือบจะเป็นลมไป...ตอนที่เจ้าเกลียวสายฟ้านั่นพุ่งตรงมาที่ข้า"

และนางก็ถามกลับว่า" แล้วพี่ชายมีนามว่าอะไรหรือ?"

ซ่งหยูสังเกตุเห็นสายฟ้าที่ผ่า และกำลังพุ่งตรงลงมา เขารีบกลับไปที่ดาบเลือดมังกรอีกครั้งก่อนที่จะตอบคำถามนาง "ข้าชื่อซ่งหยู จากตระกูลซ่ง จากเผ่าซ่งชาน! พี่สาวท่านแข็งแกร่งมาก...ข้านับถือท่านด้วยใจจริง...แม้แต่ข้าเองยังไม่สามารถที่จะต้านทานต่อสายฟ้าที่ผ่านร่างของข้าได้เลย"

ฮุ่ยชินเอ๋อ นางยิ้มตอบและกล่าวว่า" ฮิ! ฮิ! ฮิ! นี่หน้าท่านดูแก่กว่าข้ามากนะ...ท่านเรียกข้าว่าพี่สาวได้อย่างไรกัน ท่านต้องเรียกข้าว่าน้องน่าจะดีกว่า..."

การสนทนาทั้งสองผ่านไปสักครู่จนกว่าพวกเขาจะเบื่อหน่าย และซ่งหยูก็กล่าวว่า"ข้าหวังว่าเราคงจะได้พบกันในวันพรุ่งนี้นะ!"

ฮุ่ยชินเอ๋อนางพยักหน้าก่อนที่จิตวิญญาณของนางจะหันมายิ้ให้เขาอีกครั้งและลอยหายไป...ในขณะที่ซ่งหยูเฝ้ามองขณะที่หญิงสาวจากไป ภายในจิตใจเขาก็รู้สึกว่างเปล่าเมื่อเขาว่าฮุ่ยชินเอ๋อกำลังมุ่งหน้ากลับไปที่นิกายกระบี่เทพมังกรฟ้า!

"นะ...นี่..เจ้าสำเร็จการบ่มเพาะขั้นสูงสุดเช่นนั้นหรือ?"ซ่งหยูร้องตะโกนด้วยความตกใจ

ซินหวงเองก็รู้สึกงุนงงในขณะที่เขาตอบว่า "ใช่! เจ้าดูไม่ออกงั้นรึ!"

เหงื่อเย็นๆเม็ดใหญ่ไหลออกจาหน้าผากของเขาโดยไม่รู้ตัว ซ่งหยูรู้สึกท้อแท้ "โธ่!นางเพิ่งเรียกข้าว่าพี่ชายอยู่เมื่อสักครู่นี้เอง ในขณะที่ข้าอาวุโสกว่านางแต่ข้ากลับไปไม่ถึงไหนเลย!"

"อย่าท้อไปเลยสำเร็จก่อนหลังหาได้สำคัญหรอก....เมื่อเจ้าสำเร็จการบ่มเพาะขั้นสูงสุดเมื่อใดแล้วความแข็งแกร่งของเจ้าย่อมสูงกว่านางแน่นอน แล้วเจ้าจะไม่ต้องกดดันกับคำว่าพี่ชายที่อาวุโสกว่า..."

แต่นับจากนี้เจ้าคงต้องฝึกฝนอย่างหนัก....สาวน้อยผู้นี้แม้จะมีพรสวรรค์ และความสามารถของนางนั้นเทียบได้กับฟางเจี้ยง ...เมื่อบุคคลเช่นนี้สำเร็จการบ่มพาะขั้นสูงสุดพวกเขาก็มักอยากจะลองวิชาเป็นเรื่องธรรมดา..."

...........................................................................................................................

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด