ตอนที่แล้วตอนที่ 139 ผีชุดขาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 141 อาเฮง มีคนกลั่นแกล้งเจ้าหรือไม่ ?

ตอนที่ 140 มาดูกันว่าใครมีการสนับสนุนที่ดีกว่า


ตอนที่ 140 มาดูกันว่าใครมีการสนับสนุนที่ดีกว่า

ฮูหยินผู้เฒ่าถอยกลับไปสองก้าวด้วยความกลัวเงาสีขาว นางถามยายจาวด้วยเสียงที่สั่นเทา “มันคืออะไร…มันคืออะไร?”

เฟิงเซียงหรูก็หวาดกลัวเช่นกัน นางตัวสั่นขณะที่จับมือของเฟิงหยูเฮง

เฟิงหยูเฮงเหลือบตามองไปยัง “สิ่งของ” ที่ลอยมาหาพวกเขา นางหันหลังไปและบอกฮูหยินผู้เฒ่าว่า “ท่านย่าไม่ต้องกลัวเจ้าค่ะ นั่นคือพี่ใหญ่”

เมื่อได้ยินคำเหล่านี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็รีบขยี้ตาและมองอย่างระมัดระวัง ใช่เฉินหยูจริง ๆ ด้วย! ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ผมของนางตกลงไปที่ไหล่ของนาง นางยังปักดอกไม้สีขาวที่ผมของนาง ใบหน้าของนางซีดจนน่ากลัว

เฟิงเซียงหรูไม่เข้าใจและถามว่า “พี่ใหญ่กำลังทำอะไรเจ้าคะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมากขณะที่นางเคาะไม้เท้าบนพื้น “เฉินหยู! ทำไมเจ้าแต่งตัวแบบนี้”

เฟิงเฉินหยูเดินไปข้างหน้าและคารวะ ก่อนที่จะพูดว่า “หลานจะไปกับท่านย่าเพื่อแสดงความเสียใจต่อตระกูลบุเจ้าค่ะ!”

“ใครบอกให้เจ้าแต่งตัวแบบนี้”

“การไว้อาลัยมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะสวมชุดสีขาวนะเจ้าค่ะ!” เฉินหยูพูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดา “ในวันนั้นใต้เท้าบุจากไป เฉินหยูเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ตราบใดที่ข้าหลับตา ข้าจำฉากของวันนั้นได้ดี มันเป็นความตกใจที่ยากที่จะทนและข้าก็ไม่สามารถนอนหลับได้ เฉินหยูแค่คิดว่าถ้าข้าไม่ไปแสดงความเสียใจต่อใต้เท้าบุ... สิ่งนี้จะทำให้ข้ารู้สึกผิดตลอดไป !”

เมื่อนางพูดอย่างนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าคิดเป็นการยากที่จะตำหนินาง

คิดเกี่ยวกับมัน หญิงสาวที่ไม่ได้แต่งงานได้เห็นคนหนึ่งตายต่อหน้านาง มันเป็นความกลัวแบบไหนกัน!

ในตอนแรกฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกรำคาญเฟิงเฉินหยู แต่ในพริบตาก็กลายเป็นความเห็นอกเห็นใจและสงสาร นางอดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วค่อย ๆ ลูบหลังมือเฟิงเฉินหยูพลางกล่าวว่า “หลานสาวที่ดี เจ้าอย่ากลัว วันนี้เราจะไปจุดธูปสำหรับใต้เท้าบุ หลังจากนั้นทุกอย่างก็จะเรียบร้อย!” เสียงของนางอ่อนโยนมาก

เฟิงหยูเฮงรู้สึกรังเกียจกับสิ่งที่นางเห็น ฮูหยินผู้เฒ่าคนนี้เป็นคนที่เห็นแก่เงินและสิ่งของ นางไม่เคยมีความคิดที่เหมาะสมของตัวเอง นางและเฟิงจินหยวนมีความคล้ายคลึงกันโดยหวังว่าเฟิงเฉินหยูจะเก่งและสามารถขึ้นครองบัลลังก์ที่พวกเขาใฝ่ฝันมานานหลายปี

เมื่อหันไปรอบ ๆ เฟิงหยูเฮงก็ดึงเฟิงเซียงหรู แล้วเดินออกจากคฤหาสน์ มีรถม้า 2 คันรออยู่ข้างนอก รถม้าคันหนึ่งเป็นรถปกติ แต่อีกคันทำจากไม้พะยูงเป็นของเฟิงเฉินหยู

นางดึงเฟิงเซียงหรูขึ้นรถม้าธรรมดา หลังจากนั้นเฟิงเฉินหยูและฮูหยินผู้เฒ่าก็ออกจากคฤหาสน์เช่นกัน พวกเขาได้ยินเฟิงเฉินหยูเชิญฮูหยินผู้เฒ่านั่งด้วย  “ท่านย่ามานั่งในรถม้าของหลานสาวนะเจ้าคะ”

แต่เดิมนี้เฟิงเฉินหยูตั้งใจจะประจบประแจงฮูหยินผู้เฒ่า แต่เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินสิ่งนี้นางกลับรู้สึกแย่ลง นางเป็นผู้หญิงที่ได้รับเกียรติและน่านับถือมากที่สุดในครอบครัว ทำไมรถม้าที่ดีเช่นนี้จึงไม่ได้เป็นของนาง ?

แต่นางไม่ได้โทษเฟิงเฉินหยู กลับโทษว่าเป็นความผิดของเฉินซื่อในใจ

เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของฮูหยินผู้เฒ่านั้นแย่ลง เฟิงเฉินหยูก็เข้าใจทันที ดังนั้นนางจึงช่วยพยุงฮูหยินผู้เฒ่าในขณะที่พูดว่า “รถม้าคันนี้ท่านแม่มอบให้เฉินหยูในวันเกิด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลานลังเลที่จะใช้มัน ประการแรกไม้ที่ใช้มีราคาแพง ประการที่สองเฉินหยูยังคงคิดว่าของที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ไม่เหมาะกับคนที่ยังเด็ก ข้าคิดที่จะมอบมันให้กับท่านย่า แต่ท่านย่าที่มีรถม้าส่วนตัวนั้นเหมาะสมที่สุด ถ้าท่านย่าไม่รังเกียจโปรดยอมรับมัน วันนี้เฉินหยูสามารถนั่งกับท่านย่าได้ เพราะข้าได้รับพรจากท่านย่าแล้ว!”

นับตั้งแต่เฉินซื่อเสียชีวิตไป ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้รับผลประโยชน์โดยตรง วันนี้เมื่อได้ยินว่าเฟิงเฉินหยูกำลังจะให้รถม้านี้แก่นาง นางก็ตื่นเต้นทันที นางยิ้มแก้มปริและพูดซ้ำ ๆ ว่า “ดีมาก! ดี! จริงๆ แล้วเฉินหยูนั้นเป็นเด็กที่กตัญญูมากที่สุด!”

เฟิงเฉินหยูปิดบังรอยยิ้มของนางแล้วก้มศีรษะลง ขณะที่นางสาปแช่งฮูหยินผู้เฒ่าภายใน

ใจ รถม้าสองคันจากตระกูลเฟิงนำคนสี่คนไปยังคฤหาสน์ตระกูลบุ

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมารถม้าก็หยุด เมื่อม่านยกขึ้นพวกเขาได้ยินเสียงสวดมนต์ ตรงหน้าพวกเขาคือคฤหาสน์ที่สง่างามยิ่งกว่าของตระกูลเฟิง

สำหรับงานศพของตระกูลบุ มีป้ายศพสีขาวขนาดใหญ่วางอยู่ที่ประตู พวกเขายังได้เชิญพระภิกษุ 10 รูปเพื่อสวดมนต์พระสูตรและประกอบพิธีกรรม

เมื่อหวงซวนช่วยเฟิงหยูเฮง นางก็กระซิบคุยกัน “คนในตระกูลบุนั้นอยู่ข้างนอก ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังรอใครบางคนอยู่”

เฟิงหยูเฮงให้ความสนใจและสังเกต แน่นอนว่าทุกคนในตระกูลบุได้ออกมาจากคฤหาสน์รวมถึงคนที่นางจำได้ว่าเป็นบุหนี่ชาง และทุกคนในนั้นปรากฏตัวด้วยความเคารพและวิตกกังวล

ก่อนที่นางจะคิดได้ ฮูหยินผู้เฒ่าของตระกูลเฟิงก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกับเฟิงเฉินหยูที่อยู่ข้างหลังนาง คนในตระกูลบุเหลือบมองมาที่พวกเขา คนนั้นอายุน่าจะเท่าเฟิงจินหยวนได้ก้าวขึ้นมา 2 ก้าว ทุกคนก็เป็นศัตรูกันอย่างชัดเจน

ชายผู้นี้เผชิญหน้ากับฮูหยินผู้เฒ่าและต้อนรับนาง ก่อนที่จะกล่าวว่า "ท่านฮูหยินผู้เฒ่าเดินทางมาโดยส่วนตัวคือความโชคดีของเรา"

เมื่อคำพูดเหล่านี้ออกมามีสมาชิกบางคนที่อยู่ข้างหลังเขาแค่นเสียง ‘หึ’ ออกมาด้วยความไม่พอใจ เมื่อหันกลับมาเขาจ้องมองพวกเขา และสมาชิกของตระกูลบุก็แสดงความกลัวเล็กน้อย

เฟิงหยูเฮงเริ่มทำความเข้าใจ บางทีคนผู้นี้อาจเป็นบุใบซีที่มีความสัมพันธ์กับตระกูลเหยา,  เป็นพี่ชายของพระชายาบุของฮ่องเต้ และเป็นบิดาของบุหนี่ชางและบุชง

ในขณะที่นางคิดถึงสิ่งนี้ บุใบซีมองไปที่นาง ในสายตาของเขานางสามารถเห็นอารมณ์ได้มากมาย แต่เขาไม่ได้พูดอะไรเลย เขาพยักหน้าเป็นคำทักทายเท่านั้น

เฟิงหยูเฮงคารวะและได้ยินฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว "การจากไปของใต้เท้าบุเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและทำให้ผู้คนเสียใจ วันนี้ข้าพาหลานสาวทั้งสามคนมาจุดธูปให้ใต้เท้าบุ เมื่อจินหยวนเสร็จสิ้นการปฏิบัติหน้าที่ในราชสำนักวันนี้ เขาจะตามมา”

บุใบซีคำนับขอบคุณอย่างรวดเร็ว มองด้านข้างเขาเห็นชุดสีขาวของเฟิงเฉินหยูโดยเฉพาะดอกไม้สีขาวที่ผมของนาง ด้วยสิ่งนี้ทำให้เขาคิดถึงบิดามากขึ้น

เขาโค้งคำนับอย่างลึกล้ำต่อเฉินหยู “ขอบคุณมาก ๆ คุณหนูใหญ่ของตระกูลเฟิง”

เฟิงเฉินหยูก็คำนับกลับทันที แล้วพูดว่า “ใต้เท้าบุ ท่านสุภาพเกินไป นี่คือสิ่งที่ควรทำ วันนี้งานศพของตระกูลบุมีความสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด กลับไปที่คฤหาสน์เถิด ไม่จำเป็นต้องรวบรวมคนจำนวนมากนอกคฤหาสน์เพื่อต้อนรับผู้คน”

บุใบซีตกตะลึง ไม่เข้าใจความหมายของเฟิงเฉินหยู ชั่วครู่หนึ่งเขาก็ตกตะลึง ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเฟิงมีความคิดคล้าย ๆ กับเฉินหยู “ถูกต้อง รีบกลับไปดูแลที่โถงไว้ทุกข์เถิด”

เมื่อคำเหล่านี้ออกมาเสียงหัวเราะสองสามเสียงก็ออกมาจากฝูงชนของคนในตระกูลบุ สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่านั้นดูแย่เล็กน้อย แต่ก่อนที่นางจะพูดได้มีการประกาศมาจากข้างหลังพวกเขา “พระชายามาถึงแล้ว!”

ในช่วงเวลานี้เฟิงหยูเฮงและเฟิงเซียงหรูหัวเราะออกมา

ตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าและเฟิงเฉินหยูนั้นอับอายมาก !

ทุกคนหันกลับมาพร้อมกันหันหน้าไปทางถนนของคฤหาสน์ จากทางตะวันตกมีรถม้าสง่างาม บนรถม้ามีนางกำนัล 2 คนสวมชุดสีขาว ด้านล่างมีขันทีที่ประกาศในตอนนี้

สมาชิกของครอบครัวบุและผู้คนที่มาเพื่อแสดงความเสียใจ แต่ไม่สามารถเข้าไปในคฤหาสน์ได้คุกเข่าพร้อมกันได้ ฮูหยินผู้เฒ่าดึงเฟิงเฉินหยูคุกเข่าลงพร้อมกับมองดูเฟิงหยูเฮง

เฟิงหยูเฮงไม่เคยเป็นที่ถกเถียงในเรื่องนี้ ดังนั้นนางดึงเฟิงเซียงหรูคุกเข่าต่อหน้าเขา จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและเห็นรถม้าหยุดพร้อมกับเปลหาม

บนเปลหามพระชายาบุที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีขันทีสองคนที่แข็งแรงหามเปล พวกเขาหามออกจากรถม้าอย่างระมัดระวัง

บุใบปิงถูกฮ่องเต้โยนอย่างรุนแรง แม้ว่าบิดาของนางจะทำหน้าที่เหมือนหมอน แต่นางก็ยังได้รับบาดเจ็บที่กระดูกทั้งหมดในร่างกายของนาง สำหรับการมางานศพของบิดา นางทำได้แค่อยู่ในเปลเท่านั้น

ใบหน้าของตระกูลบุมืดลงเมื่อได้เห็นฉากนี้ บุใบซีมองน้องสาวตัวน้อยของเขาที่รัก หลังจากแสดงความเคารพและคำนับนาง เขาลุกขึ้นและเดินไปข้างๆ นาง พูดด้วยน้ำตาคลอ “พระชายา”

บุใบปิงเห็นว่าตระกูลบุรู้สึกอารมณ์อ่อนไหว ขณะที่นางพูดน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง “ท่านพี่ ข้าทำให้ท่านพ่อต้องเสียชีวิต”

“อย่าพูดแบบนี้” บุใบซีขัดจังหวะนาง “ณ จุดนี้ตระกูลบุไม่ตำหนิใครเลย”

บุใบปิงสวมชุดสีขาวและหัวของนางเป็นผ้าไว้ทุกข์ แต่คำพูดของพี่ชายของนาง “ไม่โทษใครเลย” ทำให้เกิดอะไรบางอย่างในตัวนาง ทันใดนั้นนางก็หันศีรษะไม่สนใจความเจ็บปวด นางกัดฟัน ขยับร่างกายของนางเล็กน้อง มองไปที่เฟิงหยูเฮง

บุใบซีอยากจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนเรื่อง แต่เขาได้ยินว่าเสียงของบุใบปิงดังขึ้นมาด้วยความโกรธ เด็ดเดี่ยวแล้ว “เจ้า! ฆ่านางซะ! ฆ่านาง!” นางตะโกนออกมา

ความปั่นป่วนของนางทำให้เกิดการบาดเจ็บในร่างกายของนางที่จะทำร้ายซึ่งส่งผลให้นางถูกอาบด้วยเหงื่อเย็น

“พระชายาไม่ต้องกังวล การดูแลร่างกายของเจ้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด!” ตระกูลบุเดินไปข้างหน้าและขอร้องนางในขณะที่จ้องมองเฟิงหยูเฮง

ทุกคนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยง เฟิงหยูเฮงชนะการแข่งขันยิงธนู ในฐานะที่เป็นพระชายาของฮ่องเต้ และนางต้องระบายความโกรธของนาง ดังนั้นนางจึงเริ่มทุบตีนางสนมฮัวของฮ่องเต้ ผลก็คือนางทำให้พระชายาหยุนซึ่งกำลังจะมาปรากฎตัว  “กลัว” เมื่อได้ฟังแล้วความสัมพันธ์นั้นค่อนข้างยุ่งเหยิง แต่ทุกอย่างก็สามารถย้อนกลับไปหาเฟิงหยูเฮงได้

ดังนั้นผู้คนในตระกูลบุจึงเริ่มเพิ่มรายละเอียดในเรื่องราวของบุหนี่ชาง พวกเขาเชื่อเสมอว่าเป็นเฟิงหยูเฮงที่ทำให้ใต้เท้าบุเสียชีวิต ตอนนี้พระชายาของพวกเขาโกรธเคืองจนถึงระดับนี้แล้ว คนรุ่นใหม่จะทนได้อย่างไร ทันใดนั้นเด็กชายสองสามคนอายุประมาณสิบขวบพุ่งเข้ามาต้องการที่จะทำร้ายเฟิงหยูเฮง สำหรับบุหนี่ชาง นางก็มีสายตาที่ดุร้ายและพูดกับบุใบปิงว่า “ท่านป้า เราต้องแก้แค้นให้กับท่านปู่”

เมื่อเด็กชายวิ่งไปหาเฟิงหยูเฮงมันก็ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าตกใจอย่างมาก แต่นางก็ไม่ได้ไปหยุดพวกเขา นางเพียงแต่ตะโกนว่า “อาเฮงระวังด้วย!”

อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงยังไม่เคลื่อนไหว นางจ้องมองที่บุใบซี ซึ่งเป็นการสบประมาทในสายตาของนาง

ใบหน้าของบุใบซีเป็นสีแดงด้วยความอับอาย เขาตะโกน “ทุกคนกลับมาที่นี่! พวกเจ้ากำลังทำอะไร?”

เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของใต้เท้าบุ เมื่อผู้อาวุโสตายแล้วครอบครัวนี้ก็อยู่ในการดูแลของเขา เสียงตะโกนดังมาก และเด็ก ๆ ก็หยุดก่อนที่จะถึงเฟิงหยูเฮง

จากนั้นพวกเขาได้ยินเฟิงหยูเฮงพูดด้วยเสียงที่ดังและไม่เงียบ “ฟังให้ดี การฟังจะไม่นำไปสู่การสูญเสีย ข้ากล้ารับประกันทุกคนในสิ่งนี้ แม้ว่าอีกแปดปีหรือสิบปีต่อมา พวกเจ้าจะไม่สามารถทำร้ายข้าได้แม้แต่น้อย”

ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกโกรธมาก “ตระกูลบุต้องการทำอะไร” นางมองไปที่หัวพระชายาและพูดด้วยความสับสน “ข้าขอถามพระชายาได้หรือไม่? การเสียชีวิตของใต้เท้าบุเกี่ยวข้องกับอาเฮงอย่างไร?” นี่เป็นครั้งแรกที่ฮูหยินผู้เฒ่าใช้เสียงดังกล่าวเมื่อพูดกับผู้มีอำนาจ ที่จะบอกว่านางไม่กลัวว่าจะเป็นการโกหก แต่นางก็รู้สึกสนุกเล็กน้อย ไม่ใช่ว่านางจะกล้าหาญมากกว่าเดิม และไม่ใช่เพราะนางชื่นชอบเฟิงหยูเฮง แต่เป็นเพราะนางจำได้ว่าพระชายาบุถูกฮ่องเต้โยนทิ้งซึ่งทำให้ใต้เท้าบุเสียชีวิต สำหรับเฟิงหยูเฮงของครอบครัวของนาง นางได้รับอนุญาตจากฮ่องเต้ให้เรียกเขาว่าเสด็จพ่อ ด้วยความสัมพันธ์ที่พวกเขาเป็นอยู่ นางรู้ว่าใครได้รับการสนับสนุนที่ดีกว่า

บุใบปิงมองเฟิงหยูเฮงด้วยความเกลียด โดยไม่สนใจฮูหยินผู้เฒ่า “เกี่ยวข้อง? ถ้าข้าคนนี้บอกว่าเพราะนาง นั่นก็หมายความว่าเพราะนาง !”

บุหนี่ชางไปอยู่ข้าง ๆ “ท่านพ่อ เป็นไปได้ไหมที่เราไม่ควรแก้แค้นให้ท่านปู่ ?”

“ท่านพี่! ผู้ที่ทำให้ท่านพ่อต้องตายนั้นอยู่ต่อหน้าเรา ท่านยังรออะไรอยู่อีก ?”

บุใบซีไม่มีทางเลือกอื่นจากสองสิ่งนี้ เขาไม่สามารถด่าพระชายาของฮ่องเต้ได้ ดังนั้นเขาจึงสาปแช่งบุตรสาวของเขาเอง เขาออกไปข้างนอก แล้วลากบุนหนี่ชางไว้ “หุบปาก!”

แต่ในเวลานี้เสียงลอยไปมาเบา ๆ “ใช่แล้ว! ใต้เท้าบุตายเพราะพระชายาหล่นลงมาทับ หากตระกูลบุไม่ได้แก้แค้นแล้ว ใต้เท้าบุจะจากไปอย่างสงบได้อย่างไร ?”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด