ตอนที่แล้วGE75 ช่วงชิงโลกหล้า เหนือกว่าทุกเผ่า [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE77 การแยกจาก ผู้เยาว์นามหวางเหยา [ฟรี]

GE76 สัมผัสเทพขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุด [ฟรี]


ในที่สุดก็ถึงเวลาเก็บตัวฝึกฝน หนิงฝานได้วางข่ายพลังตามแบบของเผ่าคราม โดยใช้มุกภาวนา 108 เม็ด

องค์หญิงเหม่ยเฉิน และสตรีอีก 2 นางทำหน้าที่คุ้มกัน ยามนี้เขาอยู่ในป่าไผ่แห่งหนึ่ง หกวันที่ผ่านมา เขาปรุงโอสถจากมุกภาวนาร่วม 1,000 เม็ดและยามนี้  สัมผัสเทพของเขาบรรลุขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุดแล้ว

ในแคว้นเยว่ หากเทียบระดับพลัง หนิงฝานไม่อาจเทียบเคียงผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากได้ แต่หากเป็นสัมผัสเทพ เขาย่อมเป็นผู้เชี่ยวชาญแนวหน้า

หนิงฝานผ่อนลมหายใจ นานแล้วที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในป่าภูติพราย

มุกภาวนาทั้งหมดเหลือเพียง 100 เม็ด ยามนี้ พวกมันแทบไม่อาจใช้ยกระดับสัมผัสเทพได้

สมุนไพรทั้งหมดก็มอบให้เหม่ยเฉินกิน เหลือไว้เพียงสมุนไพรของโอสถก่อดวงจิต แต่ถึงอย่างนั้น สมุนไพรระดับต่ำอย่างสมุนไพรโอสถยกระดับวิญญาณ และสมุนไพรของโอสถเสริมวิญญาณยังคงอยู่

เมื่อกล่าวถึงเรื่องสมบัติ ในกระเป๋าของหนิงฝานยามนี้ มีบางสิ่งที่ช่วยยกระดับพลังในอนาคต มีวิชาลับสัมผัสเทพ มีดบินระดับสูง ซึ่งด้วยจิตวิญญาณเทพในยามนี้ เขาสามารถใช้มันได้ แต่อาจควบคุมไม่ได้ดั่งใจนัก อานุภาพที่สำแดงออกมาได้เพียง 1 ใน 10 ส่วน แต่ก็เพียงพอให้ใช้สังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลาง

ระฆังทะเลตะวันออก... สมบัติชิ้นนี้ให้ความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย แม้เป็นสมบัติวิญญาณระดับสูง แต่สัมผัสเทพของหนิงฝานยามนี้ กลับไม่อาจใช้งานมันได้ แต่หากฝืนใช้ อานุภาพที่มันสำแดงออกมาย่อมได้เพียง 1 ใน 100 ส่วนเท่านั้น แต่สิ่งที่หนิงฝานสนใจคือ สิ่งที่สลักอยู่บนตัวระฆัง มันคือสิ่งล้ำค่า

นอกจากนี้ หนิงฝานยังชิงประกาศิตสังหารจากผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าครามมาได้ 2 แผ่น ประกาศิตทดแทนอีก 3 ชิ้น... ไม่ว่าผู้ใดที่ต่ำชั้นกว่าขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มต้องประกาศิตสังหาร  คนผู้นั้นไม่มีทางรอด ส่วนประกาศิตทดแทน 1 ชิ้นสามารถช่วยชีวิตได้ 1 ครั้ง

หนิงฝานยังบังเอิญได้พบกับการต่อต้านอาการบาดเจ็บจากโอสถจักรพรรดิหยก... หากเพลิงหักล้างเพลิงได้ ความเจ็บปวดย่อมหักล้างกันได้เช่นกัน นั่นคือสิ่งที่หนิงฝานได้รู้

เมื่อทราบถึงเรื่องนี้ หนิงฝานจึงตั้งใจจะกินโอสถจักรพรรดิหยกเม็ดที่ 4 โดยไม่ต้องรอให้ถึง 10 ปี ขอแค่ทนต่ออาการบาดเจ็บได้ เท่าก็เพียงพอ

ก่อนที่หนิงฝานจะเข้าสู่ป่าภูติพราย ระดับพลังของเขาอยู่เพียงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง แต่ยามนี้ทะลวงระดับไปยังขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูง แต่สัมผัสเทพกลับก้าวหน้าอย่างน่าสะพรึงกลัว จนทำให้เขาได้ครองทักษะลับของจักรพรรดิสวรรค์ ทั้งยังสร้างทะเลสติกระบี่ขึ้นได้ หากเขาออกไปโลกภายนอก ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น จะถูกเขาสังหารทันทีหากต้องการ สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลางได้ไม่ยาก และสามารถรับมือกับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสุดท้ายได้

หากไม่กล่าวถึงแคว้นเยว่ กล่าวถึงเพียงนิกายกุ่ยเชว่ นอกจากกุ่ยเชว่สื่อและผู้อาวุโสที่หายสาบสูญ หนิงฝานนับเป็นอันดับ 3 ของนิกาย!

นอกจากจะยกระดับพลังได้แล้ว หนิงฝานยังได้ชิ้นส่วนสำคัญของปีศาจกระดูกขาว ซึ่งนำมาใช้ยกระดับให้กับกระบี่แยกสวรรค์ได้ ระดับของมันยามนี้คือสมบัติวิญญาณระดับต่ำ หากยกระดับ มันจะกลายเป็นสมบัติวิญญาณระดับกลาง หรืออาจสูงกว่า

ส่วนปราณเยือกแข็งสวรรค์อันดับที่ 11 ‘ปราณเยือกแข็งกระดูขาว’ หนิงฝานได้มาโดยบังเอิญ ยามนี้ปราณเหล่านั้นอยู่ในสร้อยหยินหยาง เขายังดูดซับพวกมันไม่ได้ จำเป็นต้องแข็งแกร่งกว่านี้ก่อน

เพลิงปีศาจทมิฬ เพลิงกระดูกขาว ปราณเยือกแข็งกระดูกขาว หากในอนาคตเขาช่วงชิงปราณหยินลึกล้ำได้สำเร็จ เขาจะกลายเป็นผู้ครอบครองเพลิงพิภพ และปราณเยือกแข็ง 4 ชนิด แต่หากเขาจะครอบครองพวกมันอย่างสมบูรณ์ เขาต้องบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มเป็นอย่างน้อย

“หากมีเวลา... ข้าต้องหาเวลาฝึกฝนวิชาลับปีศาจทมิฬ และก้าวย่างหิมะ... แต่หากจะเปิดทักษะวิญญาณขอบเขตที่ 2 ของสร้อยหยินหยาง ข้าต้องรวบรวมเพลิง และร่วมรักกับผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม แต่ยากจะทำเช่นนั้นได้...”

หากไม่มีสร้อยหยินหยาง หนิงฝานก็ไม่อาจช่วงชิงสตรีที่งดงามมาได้ง่ายๆ โดยเฉพาะสตรีที่ทรงพลัง... หากไม่มีสร้อยหยินหยาง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะครอบครองปราณเยือกแข็งสวรรค์และปราณเพลิงพิภพ... ที่สำคัญ หากไม่มีมัน เขาจะไม่ได้เป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิสวรรค์

หนิงฝานยังไม่รู้ว่า วิชาวิญญาณในขอบเขตที่สองสร้อยหยินหยางนั้นมีวิชาใดบ้าง แต่ขอบเขตที่สามนั้น สตรีนางหนึ่งเคยกล่าวไว้ และเขาก็อยากฝึกฝนมัน

หากทะลวงขอบเขตที่ 3 ของสร้อยหยินหยาง เขาจะสามารถใช้มิติลึกลับของสร้อยหยืนหยางได้ นั่นคือโลกหยิน! และสามารถช่วยสตรีนางนั้นออกมาได้!

วิธีในการยกระดับพลังมีอยู่มากมาย แต่หนิงฝานเลือกที่จะใช้วิธีที่ธรรมดาที่สุด ยามนี้เขายังเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูง หากจะบรรลุขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงเหมือนสัมผัสเทพ ย่อมเป็นเรื่องที่ทำได้ยากกว่า เขาอาจใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี หากเก็บตัวฝึกฝนอย่างหนัก

แต่เขาก็ได้สิ่งต่างๆมากมายจากการทดสอบของนิกาย...

เขาไม่รู้ว่าแต้มของตนหลังจากสังหารภูติในส่วนที่ 3 ของป่า และหลังจากทำลายเผ่าครามแล้ว จะบรรลุถึง 2.15 ล้านแต้ม ทำให้คนของนิกายกุ่ยเชว่ตกตะลึงเป็นอย่างมาก

แต้มของนิกายสามารถนำไปแลกโอสถและสมบัติวิญญาณ การที่หนิงฝานครอบครองแต้มมากขนาดนี้ เขาคงไม่รู้ว่าจะเอาไปแลกอะไร... บางที เขาอาจขอแลกปราณหยินลึกล้ำเลยก็ได้!

ดวงตาเขาเปล่งประกาย เขาคิดว่าหากกลับไปยังนิกายกุ่ยเชว่ จะลองพูดคุยเรื่องนี้กับประมุขนิกาย

ผ่านไปครึ่งวัน ก็ถึงเวลาที่ต้องแยกจาก เขาจึงจะกล่าวลาหนิงหงหงและมู่เหว่ยเหลียง

เขาพาพวกนางมายังแม่น้ำคราม ทั้งสามจ้องมองกันอย่างเงียบเชียบ มู่เหว่ยเหลียงไม่รู้จะกล่าวอะไร หนิงหงหงทำอะไรไม่ถูก แต่แววตาของทั้งหมด เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย

องค์หญิงเหม่ยเฉิน แววตาของนางซับซ้อนเล็กน้อย นางร่วมเป็นร่วมตายกับหนิงฝานมา หลังแยกจากกันในครั้งนี้ ทั้งสองคงไม่ได้พบกันอีก

ภูตผีและอสูร ไม่สามารถออกไปจากป่าแห่งภูติพรายแห่งนี้ได้ หากออกไป ร่างกายของพวกมันจะสลายเป็นเถ้าถ่าน แม้จะเข้าไปอยู่ในแหวนกระถางขัดเกลาได้ แต่หากออกมาเมื่อใด ร่างกายย่อมสลายหายไปทันที

“ข้าต้องไปแล้ว... พวกเจ้าจะทำยังไงต่อ?” หนิงฝานกล่าวถามด้วยความอ่อนโยน

“ข้าจะไปเผ่าม่วง ไว้ข้าฟื้นพลังเมื่อใด ข้าจะไปต่อสู้ตัดสินกับจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่อีกครั้ง...” เหม่ยเฉินกล่าวอย่างกล้าหาญ สตรีผู้เขินอายคนเดิมหายไป ราวกับได้ความกล้ามาจากเขา

“ข้าและพี่หงหงจะกลับไปเผ่าแดง...” มู่เหว่ยเหลียงกล่าวเบาๆ

“อืม... เจ้าวางใจเถอะ...”

หนิงฝานเงียบสักครู่ก่อนนำโลงศพใบหนึ่งออกมาจากแหวนกระถางขัดเกลา

เมื่อเห็นโลงศพ มู่เหว่ยเหลียงและหนิงหงหงไม่เกิดปฏิกิริยา แต่เหม่ยเฉินกลับต่างออกไป นางคืนร่างเป็นมนุษย์ทันทีและสัมผัสโลงศพอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

“นี่มัน... ‘โลงศพสวรรค์’ แห่งลานสวรรค์โบราณ... เจ้าไปได้มาจากที่ใด!”

โลงศพสวรรค์คงอยู่มาอย่างยาวนาน ผู้ที่จะได้ใช้โลงศพสวรรค์รักษาร่าง อย่างน้อยต้องเป็นนางสวรรค์ ผู้เป็นเซียนที่แท้จริง

เหม่ยเฉินประหลาดใจอย่างที่สุด แต่เมื่อนางรู้สึกตัวว่าเปลือยเปล่าต่อหน้าหนิงฝาน ใบหน้าของนางเริ่มแดงก่ำ นางอับอายจนทำให้เขาหัวเราะ ก่อนจะโยนเสื้อคลุมให้นาง

เขาไม่อธิบายใดๆ เพียงเปิดฝาโลง เผยให้เห็นสตรีผู้งดงามไร้ที่ติ หลับใหลอยู่ภายอย่างสงบ และสตรีนางนั้น มีเค้าโครงใบหน้าที่เหมือนกับมู่เหว่ยเหลียงมาก

“นี่...”

เมื่อหนิงหงหงและเหม่ยเฉินเห็นศพนางสวรรค์ พวกนางหันมองมู่เหว่ยเหลียงทันที และในจังหวะเดียวกัน มู่เหว่ยเหลียงกลับรู้สึกปวดหัวอย่างหนัก ราวกับนางจดจำบางสิ่งได้

หนิงฝานคาดไม่ผิดว่ามู่เหว่ยเหลียงต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับศพนางสวรรค์

เขาปิดฝาโลงแล้วกล่าวถาม “ใช่เจ้าหรือไม่?”

“ไม่ใช่... หรืออาจใช่... ข้าไม่รู้...ข้าไม่รู้ ประตู... ข้ายังไม่ได้เปิด ข้ากำลังรอใครบางคน...”

ใบหน้ามู่เหว่ยเหลียงซีดขาวไร้โลหิต สีหน้าดูราวกับนางกำลังเผชิญเรื่องที่น่าหวาดกลัว ไม่นานนัก นางก็หมดสติไป

หลังจากที่เขาปิดฝาโลงได้ไม่นาน เสียงบางอย่างดังมาจากภายในโลง เขาตกใจและเร่งเก็บโลงศพเข้าไปในแหวนทันที การที่นำโลงออกมาเมื่อครู่ เป็นการเร่งเวลาการแปลงศพ

มู่เหว่ยเหลียงหมดสติอยู่ภายในอ้อมกอดหนิงฝาน เมื่อนางตื่น เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ นางลืมไปหมด

“ศพนางสวรรค์คือผู้ใด เกี่ยวข้องกับน้องเหว่ยเหลียงอย่างไร?” หนิงหงหงกล่าวถามด้วยความกังวล

“ข้าไม่รู้ จึงคิดจะถามนาง...” หนิงฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามั่นใจว่าศพของนางสวรรค์และมู่เหว่ยเหลียงเกี่ยวข้องกัน แต่ศพนั่นไม่ใช่นาง เพราะกลิ่นอายของทั้งสองไม่เหมือนกัน

เหม่ยเฉินในยามนี้เริ่มกังวล

“เด็กน้อย หากศพนางสวรรค์เกิดการแปลงศพขึ้น การที่เจ้าสัมผัสนางจะเป็นอันตรายร้ายแรง”

“ไม่เป็นอะไรหรอก... อาจารย์ของข้ากล่าวไว้ว่า หากสตรีไม่ขึ้นเตียงก็ไร้ประโยชน์” หนิงฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้าหยอกนาง แต่ทำให้นางถอยไปสองก้าว เพราะจากสีหน้าของหนิงฝานแล้ว เขาน่าจะเคยมีอะไรกับศพนางสวรรค์แล้ว

หนิงหงหงและมู่เหว่ยเหลียงใบหน้าแดงก่ำ พวกนางคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะเป็นคนวิปลาสขนาดนี้

“ช่างเถอะ... ข้าจะพาพวกเจ้าไปส่ง ข้าเคยพบผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าม่วงครั้งหนึ่ง ส่วนเผ่าแดง หากข้าเป็นผู้พวกเจ้าไปส่ง ย่อมไม่มีผู้ใดครหาเจ้า”

หากจากผืนป่าแห่งนี้ไป หนิงฝานจะกลับมายังผืนป่าแห่งนี้ได้อีกหรือไม่…

หลังได้พบศพนางสวรรค์ มู่เหว่ยยเหลียงก็ไม่กล้าสบตาหนิงฝาน ส่วนเหตุผลนั้น นางเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

เหม่ยเฉินด่าทอหนิงฝานหลายครั้ง หวาดกลัวก็หลายครั้ง เพราะนางดูแคลนเขาเกินไป ในเมื่อกับศพนางสวรรค์ยังไม่เว้น สัตว์อเวจีอย่างนางก็คงไม่รอด

บนเมฆเซียน หนิงหงหงสีหน้าเศร้าหมอง นางกล่าวขอหนิงฝานเรื่องหนึ่ง

“ด้วยความสามารถของเจ้า อีกไม่เกิน 10 ปี เจ้าคงท่องเที่ยวไปทั่วแคว้นหวู่และแคว้นเยว่ได้ ฉะนั้นข้าจะขอร้องเจ้าเรื่องหนึ่ง หากออกไปจากที่นี่ ช่วยข้าตามหาตระกูลหนิงในแคว้นหวู่ด้วย”

คำขอนี้ หนิงฝานไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้

บรรพบุรุษตระกูลหนิงอย่างนาง กลับขอให้เขาตามหาตระกูลของตน

เดิมทีเขาตั้งใจจะสังหารผู้นำตระกูลหนิงเพื่อแก้แค้น แต่ด้วยคำขอของหนิงหงหงแล้ว เขาคงไม่อาจลงมือกับตระกูลหนิงได้

ในเวลานั้นเอง เขากลับได้ความคิดบางอย่าง

ตระกูลหนิงฝังศพของบรรพบุรุษไว้ในวัดของตระกูล หากเขาขุดศพของนางขึ้นมาได้ อาจคืนชีพให้นางได้เช่นกัน!

แต่ในความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์แล้ว ไม่มีเรื่องเช่นนี้อยู่ แต่ยังมีเรื่องหนึ่ง ในสมัยโบราณ ลานสวรรค์มีชายชราที่ไม่ธรรมดาอยู่คนหนึ่ง ผู้สามารถปรุงโอสถคืนชีพมนุษย์ได้...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด