ตอนที่แล้วภาค 2 ตอนที่ 2 เรารักอาจารย์ฮว๋า!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปภาค 1 ตอนที่ 29 บทส่งท้าย แข็งกว่า ตรงกว่า อึดกว่า!

ภาค 2 ตอนที่ 1 การบำเพ็ญตนสำคัญ แต่คุณภาพสำคัญกว่า!


30ภาคที่ 2 วิชาไร้ลักษณ์

ตอนที่ 1 การบำเพ็ญตนสำคัญ แต่คุณภาพสำคัญกว่า!

ตะวันขึ้นจันทราลาลับ ใบไม้ผลิแล้วโรยรา พริบตาเดียววันเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปสองปีอย่างรวดเร็ว

เขากระบี่วิญญาณยังยืนสูงตระหง่านเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เช่นเดียวกับยอดเขาไร้ลักษณ์ที่ยังคงตั้งอยู่บนเนินเขาทรุดโทรมแห้งแล้งราวกับสุนัขแทะ เวลาสองปีที่ผ่านมามิอาจไปเปลี่ยนแปลงอะไรใดๆ บนยอดเขาไร้ลักษณ์ได้มากนัก ทว่าภายใต้สายลมเย็นพัดเอื่อยและแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าบนยอดเขา ดินแดนอันเงียบสงบและโดดเดี่ยวแห่งนี้กลับมีชีวิตชีวามากกว่าสองปีก่อนหลายส่วน

บนหุบเขาที่หมู่เขาโอบล้อมมีถนนสายเล็กเส้นหนึ่งยาวคดเคี้ยวไปมา เด็กหนุ่มที่สวมชุดคลุมเต๋าสีแดงขาวร่างหนึ่งวิ่งเหยาะๆ ไปตามทาง จังหวะการวิ่งไม่เร็ว ทว่าแต่ละก้าวกลับมั่นคงและหนักแน่นยิ่งยวด

ครึ่งชั่วยามต่อมา เด็กหนุ่มก็วิ่งรอบยอดเขาไร้ลักษณ์จนครบหนึ่งรอบ จากนั้นก็ไต่ขึ้นบันไดกลับไปยังจุดเริ่มต้น ซึ่งก็คือหน้ากระท่อมไม้หลังเล็กหลังหนึ่งบนพื้นที่ราบของหุบเขา

“อาจารย์ ข้าออกกำลังกายตอนเช้าเสร็จแล้ว ขอกินข้าวได้หรือไม่”

บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดไร้เสียง

เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านนอกถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วเปิดประตูเดินเข้าไป ภายในห้องเห็นเพียงข้าวต้มชามหนึ่งที่มีเพียงผักหนึ่งใบและชิ้นเนื้อหั่นบางๆ หนึ่งแผ่นวางอยู่บนโต๊ะกินข้าว แน่นอนว่ามันเย็นหมดแล้ว ส่วนอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่อ่อนโยนใจดีดูแลเรื่องอาหารและที่พักของเขานั้นทั้งร่างฉุนไปด้วยกลิ่นสุรา และยังคงนอนหลับอุตุในห้องราวกับสุนัขที่แข็งตาย

เด็กหนุ่มย่นคิ้วแล้วพุ่งไปหน้าห้อง สูดกลิ่นทำจมูกฟูดฟิดแล้วก่นด่าสาปแช่งทันที “บัดซบ! นี่มิใช่สุราวิญญาณเหมันต์ชั้นสามหรือ? กาละห้าร้อยศิลาวิญญาณ... เดือนนี้นางคิดจะไปลงบัญชีสร้างหนี้กับเจ้าสำนักอีกแล้วรึ? ถึงว่าอาหารในช่วงนี้กระทั่งกลิ่นสาบน้ำมันสักนิดก็ยังไม่มี ผู้หญิงสารเลวนี่เอาเงินอุดหนุนของข้าไปดื่มสุราจริงๆ ด้วย!”

แม้จะสาปแช่งก่นด่าเป็นประจำ ระยะเวลาสองปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างรวดเร็ว เขารีบกวาดอาหารเช้าที่รสชาติเหมือนขี้ผึ้งบนโต๊ะเข้าปาก แล้วกลับเข้าไปยังห้องของตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฝึกประจำวัน

ของใช้เครื่องเรือนในห้องเรียบง่าย มีเพียงโต๊ะและตั่งนั่งอย่างละตัวเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ก็เป็นถังไม้ขนาดใหญ่ที่มีน้ำเกือบเต็มถัง หญ้าสมุนไพรหลายชนิดลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ทำให้ภายในห้องมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของต้นไม้ใบหญ้าเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน

เด็กหนุ่มถอดชุดคลุมขาวแดงของตัวเองออกแล้วแช่ร่างอันเปลือยเปล่าลงในถังไม้ อากาศหนาวเหน็บของปลายฤดูใบไม้ร่วงทำให้น้ำในถังเย็นลงก่อนแล้ว แต่ก็มิได้เป็นอุปสรรคสำหรับเด็กหนุ่มแม้แต่นิด เขาแช่ร่างในถังไม้อย่างสงบ ไม่พูดไม่จาสักคำ

แน่นอนว่าอ่างสมุนไพรนี้ถูกออกแบบโดยอาจารย์ วัตถุประสงค์ของการใช้งานไม่ทราบแน่ชัด ส่วนประกอบของหญ้าสมุนไพรก็ไม่ทราบเหมือนกัน ส่วนผลลัพธ์ก็ยังไม่รู้อีกเช่นเดียวกัน… แต่นี่กลับเป็นการฝึกสำคัญที่อาจารย์ย้ำนักย้ำหนากำชับให้ทำเช่นนี้เป็นประจำห้ามละเลยเด็ดขาด

เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป เด็กหนุ่มจึงยืดตัวยืนขึ้น เช็ดเนื้อตัวจนสะอาดเรียบร้อยก่อนสวมชุดคลุมแดงขาวอีกครั้ง แล้วผลักประตูก้าวออกไป

หลังการฝึกของยอดเขาไร้ลักษณ์เสร็จสิ้น สถานีต่อไปก็คือยอดเขาเร้นลับ หวังลู่วิ่งเหยาะๆ ไปตามเส้นทางขรุขระของยอดเขาไร้ลักษณ์ เพียงไม่นานก็วิ่งถึงตีนเขาของยอดเขาเร้นลับ ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมเต๋าสีดำขาวสองคนกำลังเฝ้าอยู่หน้าทางเดินขึ้นยอดเขา ท่าทางการยืนตัวตรงของพวกเขาราวกับต้นสน

ในช่วงระยะเวลาสองปีที่อยู่ในสำนักกระบี่วิญญาณ หวังลู่เข้าออกยอดเขาเป็นประจำทุกวันจนรู้ว่าพวกเขาเป็นศิษย์ของยอดเขาเร้นลับที่เข้าเวรยามตรงตีนเขา ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ศิษย์ทุกคนต้องทำเป็นประจำทุกวัน... ในสำนักกระบี่วิญญาณ ศิษย์ชั้นในทุกคนล้วนได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่รับผิดชอบที่คล้ายคลึงกัน เช่น เก็บสมุนไพร เฝ้าประตูสำนัก หลอมลูกกลอนโอสถ... และอื่นๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกระบวนการฝึกที่จำเป็นในการบำเพ็ญทั้งสิ้น

ทั้งสองเข้าสำนักก่อนเขาหลายปี และตอนนี้ต่างก็อยู่ในขั้นสร้างฐาน หนึ่งในนั้นที่อายุมากกว่าเกือบจะถึงขั้นพิสุทธิ์ หากมองจากมาตรฐานของโลกบำเพ็ญเซียนนับได้ว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะ ดังนั้นสถานะจึงสูงกว่าศิษย์ทั่วไป ทว่าตามกฎของสำนักกระบี่วิญญาณแล้ว นอกจากเขาจะขึ้นไปถึงขั้นสร้างแกน จึงจะเรียกตัวเองว่าเป็นปรมาจารย์แห่งเต๋าได้ ไม่อย่างนั้นศิษย์ชั้นในเมื่อเจอศิษย์ผู้สืบทอด ไม่ว่าจะเข้ามาก่อนหรือหลังอย่างไรก็ต้องเรียกขานว่าศิษย์พี่ เช่นเดียวกับที่ศิษย์ชั้นนอกเรียกศิษย์ชั้นใน

ดังนั้นเมื่อทั้งสองเจอหวังลู่ที่สวมชุดคลุมเต๋าสีแดงขาว ก็ผสานมือทักทายเขาทันที

“ศิษย์พี่หวังลู่ ท่านต้องการขึ้นเขาโดยค่ายกลย่นเวลาหรือ?”

หวังลู่ยกมือขึ้นทักทายตามมารยาท ตอบกลับสองคนนั้นด้วยรอยยิ้ม “ใช่”

จากนั้นเขาก็เดินผ่านทั้งสอง เพียงก้าวเดียวก็เดินทางผ่านระยะทางอันแสนยาวไกลทะลุไปยังหน้าหอเถิงอวิ๋นของยอดเขาเร้นลับ

หอเถิงอวิ๋นตั้งอยู่บริเวณที่ราบกลางเนินเขาของยอดเขาเร้นลับ เป็นสถานที่ที่สำคัญแห่งหนึ่งในการบำเพ็ญของศิษย์สำนักกระบี่วิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ชั้นใน ชั้นนอก หรือกระทั่งศิษย์ผู้สืบทอด ต่างก็ต้องมาเรียนวิชาสำคัญที่หอเถิงอวิ๋น

วิชาวัฒนธรรม...

นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่หวังลู่รู้สึกประหลาดใจหลังจากเข้าเป็นศิษย์สำนัก ในจินตนาการสมัยยังเด็กเมื่อไม่นานมานี้ โลกบำเพ็ญเซียนคือดินแดนที่คนอ่อนแอเป็นเหยื่อของคนแข็งแกร่งมีอำนาจเสมอ เป็นที่ที่เข่นฆ่าศัตรูที่อ่อนแออย่างไร้ความปรานี ดังนั้นแต่ละสำนักจึงพยายามผลักดันและกระตุ้นให้ศิษย์บำเพ็ญตนสุดชีวิต ด้วยการรวบรวมทรัพยากรต่างๆ เพื่อเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง ดังนั้นสุดยอดห้าสำนักใหญ่ของพันธมิตรหมื่นเซียนอย่างสำนักกระบี่วิญญาณ ที่กำลังสั่นคลอนใกล้ล่มสลาย จึงยิ่งสมควรต้องพยายามอย่างหนักและบำเพ็ญตนอย่างสุดความสามารถ...

ทว่าความจริงมิใช่เลย หวังลู่เข้าสำนักไม่ถึงสองวัน ก็ถูกกำหนดให้ต้องมาเรียนวิชาวัฒนธรรมพร้อมกับบรรดาศิษย์รุ่นเดียวกันที่สวมชุดน้ำเงินขาวและขาวดำที่หอเถิงอวิ๋น ส่วนเนื้อหาของวิชาหรือ? มีมากมายหลายแขนงจนยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดสั้นๆ ได้ นอกจากการเขียนอ่านขั้นพื้นฐานที่จำเป็นต้องรู้ ก็ยังมีตรรกะคณิตศาสตร์ ภาษาต่างแดน ประวัติศาสตร์อาณาจักรเก้าแคว้น และมารยาทเซียน...

ตามที่สำนักกระบี่วิญญาณได้ประกาศไว้ สิ่งนี้เรียกว่าการศึกษาที่มีคุณภาพ ทุกวันนี้สำนักจำนวนมากในโลกบำเพ็ญเซียนให้ความสำคัญกับขั้นตบะของผู้ฝึกตนและพลังปราณเท่านั้น แทบจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการกักตัวนั่งสมาธิหรือฝึกฝนควบคุมอารมณ์ แต่กลับมองข้ามไม่สนใจคุณภาพโดยรวมของผู้บำเพ็ญตน

คำว่าคุณภาพโดยรวม ฟังดูคล้ายไม่มีอะไร แต่ยกตัวอย่างสักสองสามข้ออาจทำให้เข้าใจถึงความสำคัญของมันมากขึ้น เช่น ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ หากมีคนถามว่าสามประเทศเซียนยุคโบราณอันยิ่งใหญ่คือประเทศใดบ้าง แล้วเจ้าตอบว่ามาเลเซีย สิงคโปร์ และไทย... นั่นก็จงเตรียมรอรับการลงทัณฑ์จากผู้อาวุโสฝ่ายวินัยได้เลย

นอกจากนี้ความสำคัญของวิชามารยาทก็เห็นได้ทนโท่ชัดเจนโดยไม่ต้องให้พูดมาก คนที่คุยโม้ว่าหม้อไฟสุนัขอร่อยแค่ไหนต่อหน้าคนรักสัตว์ หรือชวนพระสงฆ์กินหมูอบวุ้นเส้น... คนประเภทนี้ออกจากบ้านแล้วไม่โดนกระทืบตายก็ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว

ยังมีวิชาภูมิศาสตร์อาณาจักรเก้าแคว้น วันหน้าวันใดเมื่อถึงเวลาออกเดินทางหาประสบการณ์ ที่ไหนอุดมสมบูรณ์มีทรัพยากรอะไรบ้าง ที่ไหนมีถ้ำบำเพ็ญยุคโบราณซ่อนอยู่ หรือที่ไหนเป็นถิ่นที่อยู่ของสัตว์ปีศาจเก่งกาจที่ไม่ควรประมาท... หากขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ พวกเขาอาจหลงเข้าไปตลาดค้าทาสคุนหลุน ถูกพวกใต้ดินอัดถั่วดำซ้ำแล้วซ้ำอีก คนประเภทนี้มิใช่ว่าไม่เคยมีให้เห็นมาก่อน

ทุกวันนี้ผู้บำเพ็ญตนที่มีพลังแข็งแกร่งแต่ไร้ความสามารถบนโลกบำเพ็ญเซียนมีมากยิ่ง ทว่าสำนักกระบี่วิญญาณที่เป็นหนึ่งในสุดยอดห้าสำนักกลับไม่ชอบมัน อย่างที่เจ้าสำนักได้กล่าวเอาไว้ การบำเพ็ญตนสำคัญ แต่คุณภาพสำคัญกว่า! และอย่างที่ผู้อาวุโสห้าได้กล่าวเอาไว้ ก็คือ ต่อให้ตบะของศิษย์ทั้งหลายจะสู้สำนักเซิ่งจิง และสำนักคุนหลุนอะไรนั่นไม่ได้ แต่อย่างน้อยที่สุดก็สามารถเอาเรื่องคุณภาพโดยรวมไปโม้ได้ ไม่ถึงกับต้องอับอายขายขี้หน้าในงานชุมนุมพันมิตรหมื่นเซียน

อย่างไรก็ตามการศึกษาที่มีคุณภาพของสำนักกระบี่วิญญาณนี้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและบังคับใช้มาตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อน จนทุกวันนี้กลายเป็นระบบการศึกษาที่สมบูรณ์แบบ แม้ว่าบรรดาศิษย์จะไม่เข้าใจไปจนถึงไม่ยอมรับกับระบบนี้ขนาดไหน ก็เลือกอะไรไม่ได้ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม

แน่นอนว่าหวังลู่ค่อนข้างพอใจกับสิ่งนี้

เหตุผลหรือ? เหตุผลก็ง่ายมาก ในฐานะที่เป็นศิษย์ชั้นในร่วมรุ่นที่เข้ามาพร้อมกัน สองปีมานี้คะแนนวิชาวัฒนธรรมของหวังลู่เหนือกว่าคนอื่นขาดลอย ไม่ต้องพูดถึงกวีวรรณกรรมอะไรพวกนี้ที่หวังลู่จำจนขึ้นใจตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสิบขวบ แม้แต่วิชาเย็บปักถักร้อยของสาวๆ ที่ผู้ฝึกตนเพศชายจำนวนนับไม่ถ้วนต้องลงไปชักดิ้นชักงอกับพื้นราวกับปวดไข่ หวังลู่ก็คว้าคะแนนระดับยอดเยี่ยมมาได้ อย่างที่เขาเองได้กล่าวเอาไว้ นี่คือความสำเร็จที่มาจากความมุ่งมั่นแน่วแน่ แต่ในสายตาของบุรุษเพศเดียวกัน นี่เป็นการกระทำที่ต่ำช้าไร้ยางอายสิ้นดี!

ในความเป็นจริง คนที่ต่อต้านและไม่เห็นด้วยกับการศึกษาที่มีคุณภาพนี้มีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว อย่างน้อยศิษย์ใหม่ที่เข้ามาพร้อมหวังลู่ก็วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างหนัก โดยเฉพาะคนที่เกลียดเด็กเรียนดีประจำสำนักอย่างหวังลู่จนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

และบางทีก็มีคนกล่าวว่า สำหรับสำนักบำเพ็ญเซียน ตบะสูงส่งสิสำคัญที่สุด คะแนนวิชาวัฒนธรรมของหวังลู่จะสูงขึ้นอีกแค่ไหนก็ไม่เห็นเป็นไร

เป็นสุดๆ เลยเถอะ เพราะวิชาวัฒนธรรมเป็นภาพสะท้อนของสติปัญญาอย่างไรเล่า! เข้ามาพร้อมกัน แต่คะแนนของวิชาวัฒนธรรมกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว มิได้หมายความว่าคนยโสโอหังที่อยู่ตรงหน้าหวังลู่เหล่านี้ไม่ต่างจากลิงหรอกหรือ?

ฮ่าๆ ไม่นานมานี้ข้าเพิ่งดึงพลังปราณเข้าร่างได้สำเร็จ เป็นผู้บำเพ็ญตนขั้นฝึกปราณอย่างเป็นทางการ มิทราบว่าท่านฝึกถึงขั้นไหนแล้ว?

สวัสดีลิงลม

...อาจารย์ของข้าเพิ่งมอบอาวุธธรรมระดับแปดให้ข้าชิ้นหนึ่ง อาจารย์ของเจ้าเคยให้อะไรเจ้าบ้าง?

สวัสดีลิงลม

...ข้าเพิ่งฝึกวิชาเทพดำเนินสำเร็จ!

สวัสดีเทพลิงดำเนิน!

ในฐานะที่เป็นนักเรียนเรียนดีของสำนักกระบี่วิญญาณ หวังลู่ชินชากับการใช้ชีวิตกับวาจาเชือดเฉือนเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว อีกทั้งยังรู้สึกสนุกไม่น่าเบื่ออีกด้วย ส่วนคู่ปรับคนสำคัญที่สุดของเขาแน่นอนว่าคือองค์ชายประเทศต้าหมิงบางคนที่มีผลงานโดดเด่นหลังจากเข้าสำนักได้ไม่นาน สองปีมานี้ทั้งสองทั้งรักทั้งเกลียดชังกันเหลือแสน จำนวนครั้งที่ได้ปะทะน้ำลายเรียกได้ว่าทะลุชั้นฟ้า

แต่วันนี้ดีหน่อยตรงที่เมื่อมาถึงหอเถิงอวิ๋น เขาไม่ได้เจอแม้กระทั่งเงาของจูฉิน... แต่นี่ก็มิใช่เรื่องแปลกอะไร เนื่องจากวิชาของหอเถิงอวิ๋นในวันนี้คือวิชาประวัติศาสตร์เก้าแคว้นขั้นพิเศษ เฉพาะผู้ฝึกตนที่ได้คะแนนสูงจากวิชาประวิติศาสตร์เก้าแคว้นขั้นสูงเท่านั้นจึงจะลงเรียนวิชานี้ได้ และศิษย์ที่อยู่ในรุ่นเดียวกันยังไม่มีใครเลยที่ได้คะแนนสูงขนาดนั้น ปกติแล้วล้วนต้องเรียนซ้ำสองสามครั้งถึงจะได้คะแนนสูงพอที่จะเรียนต่อได้

สำหรับศิษย์ที่อาวุโสที่มีประสบการณ์กว้างขวางและลึกซึ้ง หลายคนในนั้นล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านประวัติศาสตร์ ตอนที่หวังลู่ไปถึง ทั้งในและนอกหอเถิงอวิ๋นก็มีศิษย์รวมตัวกันอยู่แล้วกว่ายี่สิบสามสิบคน ทุกคนล้วนเป็นศิษย์ของวิชาประวัติศาสตร์เก้าแคว้นขั้นพิเศษ ตัวเลขจำนวนคนถือว่าค่อนข้างน่าประทับใจ

คนเหล่านี้ใช่ว่าจะเป็นคนที่รักและชื่นชอบประวัติศาสตร์จริงๆ แต่การที่สำนักกระบี่วิญญาณยกย่องเทิดทูนการศึกษาที่มีคุณภาพจึงมีรางวัลที่ค่อนข้างใหญ่เป็นพิเศษมอบให้กับคนที่ได้คะแนนดีในวิชาวัฒนธรรม เช่นหากสอบปลายภาควิชาประวัติศาสตร์เก้าแคว้นขั้นพิเศษผ่านได้อย่างราบรื่น ก็จะได้รับคะแนนสะสมของสำนักห้าร้อยแต้ม แต้มขนาดนี้สามารถแลกอาวุธธรรมชั้นหนึ่งได้ตั้งหนึ่งอย่าง และหากทำคะแนนได้สูงสุดในการสอบก็จะได้คะแนนสูงถึงพันแต้ม

หวังลู่กำลังคำนวณคะแนนสะสมมหาศาลที่นับไม่หวาดไม่ไหวของตัวเองคร่าวๆ ไปพลาง ก้าวเข้าไปในห้องเรียนไปพลาง ในห้องโถงโต๊ะเรียนและฟูกถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ที่นี่สามารถบรรจุคนได้ประมาณเจ็ดสิบแปดสิบคน แต่ชีวิตนี้คงไม่มีวันถูกนั่งจนเต็มแน่นอน นอกจากศิษย์ชั้นในชุดขาวดำสองสามคนแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นศิษย์ชั้นนอกชุดน้ำเงินขาวจากยอดเขาเสรีทั้งนั้น

ศิษย์ชั้นในและนอกของสำนักกระบี่วิญญาณมีความแตกต่างกันอย่างมาก ศิษย์ชั้นในมีวิธีทำคะแนนเยอะกว่า ดังนั้นจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับวิชาวัฒนธรรมเท่ากับศิษย์ชั้นนอก และแม้ว่าสำนักกระบี่วิญญาณจะปรารถนาอยากให้ศิษย์ชั้นในสอบผ่านแต่ละวิชาจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้บังคับให้เรียนถึงระดับพิเศษ ศิษย์ที่ลงเรียนวิชาพิเศษนี้ถ้าไม่เป็นคนที่ชอบประวัติศาสตร์จริงๆ หรือศิษย์นอกสำนักที่ต้องการคะแนน ก็เป็น...คนประเภทที่มาแสวงหาความรู้และความสำเร็จสูงสุดเอาไว้เยาะเย้ยคนอื่นอย่างหวังลู่

ไม่นานหลังจากนั้น ที่นั่งหลายแถวด้านหน้าก็ถูกจับจองจนเต็ม แต่แถวแรกกลับโล่งไม่มีคนนั่ง เพราะนั่นเป็นที่นั่งที่จัดไว้ให้ศิษย์ผู้สืบทอดชุดแดงขาวโดยเฉพาะ น่าเสียดายที่วันนี้มีเพียงหวังลู่เท่านั้นที่มาก่อนเวลา ศิษย์ผู้สืบทอดคนอื่นยังไม่ปรากฏตัวเลยแม้แต่คนเดียว

ความจริงแล้ว สองปีที่หวังลู่เรียนที่นี่เขาได้เจอศิษย์ผู้สืบทอดคนอื่นๆ ไม่ถึงสิบครั้ง นอกจากนี้ทุกครั้งที่เจอก็เพียงผงกหัวทักทายกันเท่านั้น บางคนแม้กระทั่งชื่อก็ยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ กับชุดดำขาวและชุดน้ำเงินขาวบางคนยังจะสนิทสนมซะ

กว่า อันที่จริงแม้ว่ากฎที่ตราไว้สำหรับศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักกระบี่วิญญาณจะหละหลวมที่สุด ทว่าจำนวนศิษย์ผู้สืบทอดก็น้อยที่สุดเช่นกัน

แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หวังลู่นั่งอยู่ตรงกลางของแถวแรกอย่างสง่าผ่าเผยก่อนทักทายคนรอบข้าง ไม่นานหลังจากนั้นอาจารย์ประจำวิชาก็มาถึง

..............................................

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด