ตอนที่แล้วบทที่ 41 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 2 (2) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 42 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 3 (2) [อ่านฟรี]

บทที่ 42 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 3 (1) [อ่านฟรี]


บทที่ 42 ไม่รู้ ฉันไม่รู้ 3 (1)

คาร์ลพยายามซ่อนอาการเย็นวาบและร่างกายที่สั่นเทาของตนไว้พลางเอ่ยถาม

“แล้วยังไง?”

รอนเกือบหลุดยิ้มออกมาหลังจากได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดและหยาบคายเหมือนนิสัยปกติของลูกสุนัขตัวน้อยของเขา

“กระผม....กำลังจะออกไปฆ่าคน”

“แล้วทิ้งลูกของเจ้าเอาไว้?”

“ขอรับ...”

“สุนัขจิ้งจอกคือคนซินะ?”

คาร์ลมองเห็นรอยยิ้มของ ‘นักฆ่ารอน’ในตอนนี้ มันเป็นเพียงแค่รอยยิ้มบางๆประดับบนใบหน้าโดยยกแค่มุมปากของตนให้สูงขึ้นเล็กน้อย มันเป็นสิ่งที่ทำให้คนอื่นๆที่มองเห็นรอนจะบอกเขาในทันทีว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าหากรอนไม่ยิ้มเลย รอนเอ่ยตอบคาร์ลด้วยความพอใจ

“ถูกต้องขอรับ.....กระผมต้องไปฆ่าฝูงจิ้งจอก”

ก่อนที่น้ำเสียงของเขาจะเยือกเย็นขึ้น

“แล้วฉีกพวกมันออกเป็นชิ้นๆ”

อาจเป็นไปได้ว่าร่างของรอนจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆหรือร่างเป้าหมายของเขาจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ มันอาจเกิดสิ่งนี้ได้เพียงหนึ่งกรณีเท่านั้น คาร์ลรู้สึกขนลุกกับประโยคที่ว่า ‘ฉีกพวกมันออกเป็นชิ้นๆ’ก่อนที่จะเริ่มพิจารณาในเรื่องนี้ให้มากขึ้น

รอนสังเกตเห็นว่าคาร์ลนิ่งไปโดยไม่พูดอะไรออกมาอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่นายน้อยของตนจะเอ่ยออกมาหลังจากที่ถอนหายใจอยู่หลายครั้ง

“.....จงไปแล้วจงกลับมา”

รอยยิ้มเลือนหายไปจากใบหน้าของรอนอย่างรวดเร็ว คาร์ลที่สวมชุดนอนของตนได้เอนหลังลงบนเตียงและพูดต่อ

“ข้าจะบอกกับฮันส์เองว่าเจ้ากำลังจะลาพักผ่อน...จงรายงานความเป็นไปของเจ้าให้แก่ข้าทุกครั้งและสามารถรับเงินได้จากสมาคมการค้าฟลินน์ด้วยป้ายประจำตัวของเจ้า....อ้อ!..แล้วทำไมเจ้าต้องฝากบารอคไว้กับขยะเช่นข้าด้วย?...เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาย่อมรู้ดีว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตของตนเองต่อไป”

คาร์ลตัดสินใจที่จะมองเรื่องนี้ให้ง่ายเข้าไว้ตอนนี้รอนไม่จำเป็นต้องอยู่เคียงข้างเชวฮัน ส่วนล็อกก็เข้าสู่ภาวะกลายร่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เชวฮันก็คงไม่เป็นไรหากไร้ความแข็งแกร่งจากรอนหรือบารอค

แต่สำหรับเชวฮันและที่สำคัญไปกว่านั้น....เพื่อความสงบสุขของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือแห่งอาณาจักรโรมัน รอนจำเป็นต้องกลับมาภายในหนึ่งปี

“แต่ถึงอย่างไรก็ตาม....เจ้ามีเวลาพักผ่อนแค่ 1 ปีเท่านั้น”

คาร์ลเอนหลังพิงไปที่หมอนของตนและกล่าวต่อไป

“สนุกให้เต็มที่กับช่วงเวลาพักผ่อนของเจ้า”

‘หลังจากนั้นฉันจะมีงานให้นายทำ’

“จงอย่าบาดเจ็บเมื่ออยู่ข้างนอกนั่น”

คาร์ลเหยียดขาของตนออกด้วยความผ่อนคลายเมื่อนึกถึงภาพความฝันอันแสนวิเศษของตนตลอดหนึ่งปีข้างหน้า และหันไปมองรอนก่อนที่เขาจะสะดุ้งสุดตัว

ตาแก่ผู้เงียบขรึมคนนี้กำลังหัวเราะอย่างเงียบๆแต่สายตากลับเต็มไปด้วยความชั่วร้ายเช่นนั้นมันทำให้คาร์ลแทบจะหดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มของตนในตอนนี้

‘เกิดอะไรขึ้น?’

สีหน้าของคาร์ลเริ่มแข็งค้างในขณะที่รอนยังคงหัวเราะเงียบๆโดยไม่สังเกตเห็นอาการของคาร์ล

‘ข้าคิดว่าเจ้าขยะโสโครกคนนี้เป็นเพียงไอ้งั่งเท่านั้นแต่ที่จริงแล้วกลับเป็นข้า ‘รอน โมแลน’คนนี้ต่างหากที่เป็นเพียงไอ้งั่ง’

เหมือนสุนัขที่คอยเฝ้ามองเจ้านายของมัน รอนคิดว่าเขาเปรียบดั่งสุนัขและเอ่ยออกมา

“นายน้อย...รายงานตัวต่อท่านเดือนละหนึ่งครั้งเพียงพอหรือไม่ขอรับ?”

“ได้...ทำตามที่เจ้าพอใจเถิด”

รอนเปิดประตูและก้าวออกจากห้องโดยไม่ส่งเสียงรบกวนใดๆออกมาก่อนจะหันมาเอ่ยประโยคสุดท้ายก่อนที่จะปิดประตูลง

“แล้วพบกันขอรับ.....นายน้อย”

หลังจากรอนปิดประตูลง คาร์ลก็หลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความโล่งใจที่เขาได้เป็นอิสระจากรอนเป็นเวลาถึงหนึ่งปี

รุ่งสางของวันใหม่เข้าเยือน

บรรยากาศโดยรอบยังคงมืดมิดและพระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นผืนดิน มีสิ่งมีชีวิตหกชีวิตยืนอยู่ตรงหน้าคาร์ลในตอนนี้ มีทั้งผู้ที่คาร์ลเรียกหาด้วยตัวของเขาเองและผู้ที่เขาให้เชวฮันเป็นคนรวบรวมเรียกมาให้

คาร์ลมองไปที่โรสลินและเอ่ยขึ้น

“โรสลิน..ผมสีน้ำตาลดูเหมาะกับเจ้าดี”

โรสลินยังไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในวันนี้แต่เธอเข้าใจได้ถึงสถานการณ์ที่รุนแรงหลังจากได้ยินคำว่า ‘ระเบิดพลังเวทย์’ และตัดสินใจเข้าช่วยเหลือคาร์ลเมื่อเขาสัญญาว่าจะให้สิ่งตอบแทนบางอย่างแก่เธอ

“ใช่มั้ย?....ข้าคิดว่ามันจะทำให้ข้าใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น”

โรสลินปิดบังสีผมและตาดำของเธอด้วยพลังเวทย์ โดยมีออนและฮงยืนอยู่ข้างๆเธอ

“ล็อก....เจ้าสามารถใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายเจ้าโดยไม่ต้องกลายร่างได้หรือไม่?”

“ได้ขอรับ...ข้า..เอ่อ....สามารถทำได้”

ล็อกก็ยืนอยู่ที่นี่ด้วยอาการประหม่าเล็กน้อย ถัดจากเขาไปคือมังกรดำและเชวฮัน

คาร์ลได้แบ่งสมาชิกออกเป็นสองทีม ลูกกลมๆสีดำนั่นได้รับการติดตั้งเพื่อเริ่มการใช้งานไปเมื่อวานนี้ด้วยฝีมือของเชวฮัน ดังนั้นจึงต้องแบ่งออกเป็นสองทีมเพื่อค้นห้าและดูแลระเบิดพลังเวทย์ทั้งสี่ลูกนั่น

“โรสลินกับล็อกจะเป็นทีมเดียวกัน....ส่วนเชวฮัน..มังกรดำ..ออนและฮงจะเป็นอีกหนึ่งทีม”

โรสลินมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยหลังจากได้ยินการแบ่งสมาชิกทีมของคาร์ลและล็อกก็มีสีหน้าแบบเดียวกับโรสลินเช่นกัน

“แล้ว...นายน้อยคาร์ลล่ะ?”

เชวฮัน มังกรดำ ออนและฮงต่างเป็นผู้ตอบคำถามนี้แก่โรสลิน

“ท่านคาร์ลเขา.....คือ..เอ่อ.. ความแข็งแกร่งของร่างกายของเขามัน...เอ่อ...”

“อ่อนแอ”

“เราไม่ต้องการเขา”

“เขาไร้ประโยชน์”

‘เอ่อ...........’

โรสลินอ้าปากค้างและหันไปมองคาร์ลทันที ส่วนล็อกก็ดูเหมือนจะรู้สึกประหาดใจกับสิ่งที่ได้ยินเช่นกัน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นคาร์ลก็ทำเพียงแค่ยื่นสิ่งที่ยืมมาจากบิลอสให้แก่เชวฮันก่อนจะเอ่ยตอบด้วยความมั่นใจ

“ข้าอ่อนแอและจะเป็นภาระแก่พวกเจ้าได้...อีกทั้งข้ายังต้องเตรียมตัวเพื่อเข้าร่วมงานทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้น....มันจึงค่อนข้างเป็นเรื่องยากหากข้าต้องไปกับพวกเจ้า”

พวกเขาต้องอาศัยช่วงเวลาเพียงสั้นๆเมื่อเหล่าทหารองครักษ์ที่รับผิดชอบกะกลางคืนเปลี่ยนผลัดกับทหารองครักษ์ที่รับผิดชอบกะกลางวัน เพื่ออาศัยช่วงเวลานี้ในการเข้าสู่บริเวณที่ระเบิดพลังเวทย์ถูกติดตั้งและเริ่มรื้อถอนพวกมันออก หลังจากนั้นเมื่อลูกกลมๆสีดำนั้นเริ่มทำงานและเริ่มส่งสัญญาณรบกวนพลังเวทย์ที่อยู่โดยรอบพวกเขาทุกคนจะต้องไปรอตามจุดที่กำหนดไว้เพื่อเฝ้าสังเกตสมาชิกขององค์กรลับและสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในจัตุรัสกลางเมืองนี้

การเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพของพระราชาจะเริ่มขึ้นในเวลาเก้าโมงเช้า คาร์ลเหลือบมองนาฬิกาและเอ่ยต่อพวกเขาทั้งหกคน

“เอาล่ะ...รีบไปทำงานได้แล้ว”

ก่อนจะแจ้งบางสิ่งเพิ่มเติม

“อย่าลืมนำระเบิดพลังเวทย์ที่ถูกรื้อถอนกลับมาด้วย....”

โรสลินอมยิ้มและตอบกลับสิ่งที่คาร์ลเอ่ย

“เจ้าสัญญา...ว่าจะมอบหนึ่งในนั้นให้แก่ข้า”

“แน่นอน”

“นั่นคงเพียงพอที่จ่ายค่าตอบแทนสำหรับบริการของข้าในครั้งนี้”

‘มันเพียงพอแล้ว’ คาร์ลมองออกไปที่ระเบียงซึ่งตอนนี้กำลังถูกใช้เป็นประตูแทน พวกเขาทั้งหกคนรีบออกจากห้องของคาร์ลโดยทันทีและอาศัยระเบียงห้องของเขาเป็นทางออก หน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้ทำให้สายลมยามฟ้าสางพัดผ่านเข้ามาทำให้ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยความเย็นสบาย

บางคนก็เลือกใช้เวทย์ล่องหนเพื่อออกจากห้องในขณะที่บางคนก็เลือกใช้ความว่องไวของตนเองในการเคลื่อนตัวออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว คาร์ลมองดูพวกเขาจากไปและรู้สึกทึ่งกับความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งหมด

ตอนนี้คาร์ลถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังในห้องของตน

ผ่างงงงงงงง!

คาร์ลค่อยๆลูบไล้ไปที่โล่ขนาดใหญ่และปีกสีเงินสวยที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา แม้ว่าจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเขาก็จะไม่ตายตราบใดที่เขามีโล่นิรันดร์กาลอยู่กับตัว

“......หากฉันต้องการใช้มัน...ฉันจะก็ใช้ความแข็งแกร่งของมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

คาร์ลตบไปที่โล่ตรงหน้าอกของตนเบาๆมันยิ่งดูมีความศักดิ์สิทธิ์มากกว่าเดิมเมื่อมันผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับหัวใจของเขาและตัดสินใจว่าอาจจะต้องใช้มันแม้ว่าจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น

คาร์ลนั่งลงบนโซฟาและฝึกฝนการใช้พลังของโล่ที่ถูกดึงออกมาเพียงเล็กน้อยให้คุ้นชินก่อนที่จะสังเกตเห็นเงาสะท้อนของตนในกระจก

‘มันจะดำเนินไปด้วยดี’

‘นักเวทย์เล่นเลือด’ ว่ากันว่าคนคนนี้เป็นโรคจิตที่คลั่งไคล้ในสีแดง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมในนิยายเรื่องนี้จึงทำให้เขารู้สึกแทบบ้าเมื่อเห็นโรสลินเป็นครั้งแรก เนื้อหาในนิยายได้กล่าวว่าพวกมันต้องการที่จะตัดศีรษะของโรสลินออกมาเพื่อเอาเส้นผมสีแดงและดวงตาสีแดงของเธอไป

คาร์ลปัดเส้นผมของตนเบาๆ เส้นผมสีแดงของเขาเป็นสีแดงที่สว่างสดใสกว่าสีผมของโรสลินเสียอีกและเริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องนี้

‘มีโอกาสอะไรบ้างนะที่ฉันจะต้องเข้าใกล้นักเวทย์โรคจิตคนนี้?’

แม้ว่าจะมีอะไรทำนองนี้เกิดขึ้นเขาก็แค่สั่งให้เชวฮันลงมือฆ่ามันได้ทันที เขาไม่ต้องกังวลเลยว่าศีรษะของตนจะกระเด็นหลุดออกไปจากตัว คาร์ลเริ่มผ่อนคลายและรอเวลาที่รอนจะเข้ามาปลุกเขาในอีกไม่ช้านี้

เวลาต่อมารอนได้เดินเข้ามาปลุกคาร์ลที่ห้องตามเวลาปกติก่อนที่คาร์ลจะเอ่ยขึ้น

“วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเจ้าแล้วซินะที่จะได้รับใช้ข้า....”

“กระผมสามารถทำมันได้อีกครั้งในหนึ่งปีข้างหน้า”

นั่นฟังแล้วดูน่ากลัวสำหรับคาร์ล เขามีแผนที่จะส่งรอนไปให้แก่เชวฮันทันทีเมื่อเขากลับมาในอีกหนึ่งปีข้างหน้า เขารู้สึกตื่นเต้นที่เขาจะสามารถกำจัดภาระขนาดใหญ่ได้ถึงสองชิ้นในครั้งเดียวและเริ่มกล่าวขึ้นด้วยหัวใจที่ลิงโลด

“มาเตรียมตัวให้พร้อมกันเถอะ”

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการเตรียมพร้อมทุกอย่างคาร์ลก็มุ่งหน้าเพื่อไปยังพระราชวังทันทีซึ่งขุนนางที่เข้าร่วมทั้งหมดได้ถูกกำหนดให้ร่วมเดินทางไปด้วยกันและมังกรดำจะเดินทางไปยังพระราชวังเพื่อรายงานความคืบหน้าให้คาร์ลทราบ

คาร์ลก้าวขึ้นรถม้าหน้าประตูรั้วบ้านพักของตน มันไม่ใช่รถม้าประจำตระกูลเฮนิตัสเพราะในวันนี้เขากำลังจะร่วมเดินทางไปกับคนอื่น

“ทำไมถึงอยากให้ข้าเดินทางไปกับท่านด้วยล่ะ?”

อามูร์มีเพียงรอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อได้ยินคำถามของคาร์ลหลังจากที่เขาก้าวเข้ามานั่งในรถม้าของเธอแล้ว อามูร์ได้เลือกให้คาร์ลเดินทางไปกับเธอในวันนี้และเอ่ยถามคาร์ลออกไปโดยไม่ได้สนใจที่จะตอบคำถามของเขา

“นายน้อยคาร์ล..ท่านมีความเห็นเช่นไรหากอาณาเขตของเราจะถูกสร้างเป็นฐานทัพเรือ?”

คาร์ลเริ่มยิ้มออกมา

เขาได้รับจดหมายจากอีริคแล้วและทำให้เขารู้ว่าการเจรจาสำหรับการลงทุนด้านการท่องเที่ยวไม่ราบรื่นเท่าที่ควรนัก อีริคกล่าวว่าทั้งกิลเบิร์ตและอามูร์ต่างรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าอามูร์จะไม่ได้รู้สึกผิดหวังเลยด้วยซ้ำ อันที่จริงดูเหมือนว่าเธอกำลังตัดสินใจเกี่ยวกับสิ่งอื่นที่ใหญ่มากกว่านั้น

เขามองไปที่อามูร์แล้วเริ่มพูด

“ไม่ใช่ว่าท่านตัดสินใจแล้วเช่นนั้นหรือ....คุณหนูอามูร์?”

อามูร์พยักหน้าของตนเบาๆ

“อืม...ข้าไม่คิดว่าข้าจะสามารถตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับท่านแม่ของข้า....และในวันนี้ข้าก็วางแผนที่จะคุยเรื่องนี้กับนายน้อยกิลเบิร์ตด้วยเช่นกัน”

การสร้างฐานทัพขึ้นมาใหม่มักไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้สำเร็จได้ด้วยดี เงินไม่ใช่ปัญหาสำคัญแต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจภายในอาณาเขตนั้นๆที่มักมีความซับซ้อนมากกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่มีแต่ความสงบสุขอย่างเช่นตอนนี้

นั่นเป็นเหตุผลที่องค์ชายรัชทายาทจับตามองพื้นที่ในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากกว่าที่ใด

ทางทิศตะวันออกเป็นฝั่งเดียวที่สามารถทะลุถึงมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือมีความสมดุลของอำนาจในภาคตะวันออกมันจึงเป็นการยากสำหรับขุนนางระดับสูงในภูมิภาคอื่นๆที่จะมีอิทธิพลต่อฐานทัพนี้ได้เช่นกัน

“ถ้าเช่นนั้นคุณหนูอามูร์คงกังวลว่าอิทธิพลขององค์ชายรัชทายาทในดินแดนของท่านจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเพราะเรื่องนี้ใช่หรือไม่?”

“ใช่”

อามูร์ตอบคำถามเพียงสั้นๆก่อนจะพูดต่อทันที

“นั่นคือเหตุผลที่ข้าอยากขอเวลาจากท่านในวันนี้”

นั่นคงหมายความว่าเธอมีบางอย่างจะถามเขาซินะ? คาร์ลเอนหลังพิงเบาะด้านหลังและถามขึ้นมาในขณะที่อยู่ในท่าที่สบายๆราวกับอยู่บนรถม้าของตัวเขาเอง

ติดตามเราได้ที่ Trash of the Count's Family แปลไทย

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด