ตอนที่แล้วบทที่ 108 - ฉันคือวิญญาณเร่ร่อน (9) [อ่านฟรีวันที่ 20/01/2562]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 110 - ฉันคือเจ้าของชีวิตของฉัน (2) [อ่านฟรีวันที่ 24/01/2562]

บทที่ 109 - ฉันคือเจ้าของชีวิตของฉัน (1) [อ่านฟรีวันที่ 22/01/2562]


บทที่ 109 - ฉันคือเจ้าของชีวิตของฉัน (1)

 

"ใจเย็นก่อน"

อย่างแรกยูอิลฮานต้องการจะให้ตัวเองใจเย็นก่อน แต่ว่าเขาก็พูดออกไป

[โอ้ ขอโทษที่ขึ้นเสียงนะ]

คังมิเรย์ก็ยังกลายเป็นใจเย็นลงไปหลังจากที่เธอรู้ตัวว่าเธอได้ตะโกนออกมา ยูอิลฮานได้ยืนยันขึ้นอีกครั้ง

"มันได้เชื่อมต่อมาก่อนหน้านั้นอีกใช่ไหม?"

[ครั้งหนึ่งเขาได้จัดการดันเจี้ยนนั่นกับตระกูลที่เป็นพันธมิตรสี่ตระกูล และนั่นมันคือเมื่อ 6 อาทิตย์ก่อน]

"แล้ว?"

[ยังไงก็ตามในวันนี้เขาได้เขาไปจัดการกวาดล้างดันเจี้ยนอีกครั้ง สถานการณ์มันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เฟร์ต้าทูตสวรรค์ที่อยู่กับนายูนาได้ตัดสินว่าการเชื่อมต่อมันต้องผ่านมา 5 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย]

ถ้าหากว่าการเชื่อมต่อมันได้เกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาเพิ่งจะกวาดล้างไปแบบนั้นจริงๆ ถ้างั้นตระกูลเทพสายฟ้าจะต้องรู้สึกรำคาญและหมดท่าอย่างสิ้นเชิง

ยังไงก็ตามตัวยูอิลฮานก็รู้สึกโล่งใจหลังจากได้ยินแบบนั้นเพราะว่าอย่างน้อยมันก็ไม่ได้หมายความว่ามันเกิดขึ้นเพราะยููอิลฮานกลับมาโลก

หากคิดแบบไม่อคติแล้วถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีความเกี่ยวข้องระหว่างสองเหตุการณ์ เขาก็ได้หดหู่เอามากๆเพราะมัน ยูอิลฮานไม่ใช่เทพที่นำพาหายนะ และมันก็ไร้สาระมากๆสำหรับโลกที่กลายเป็นวุ่นวายแค่เพราะเขากลับมา

เนื่องจากว่าความว้าวุ่นใจของเขาได้จบลงแล้ว ตอนนี้มันถึงเวลาสำหรับการเตรียมแผนแล้ว ยูอิลฮานได้จ้องไปที่เอลฟ์ที่กำลังชำแหละเผ่ามังกรอยู่ก่อนที่จะถามคังมิเรย์

"คุณอยู่ที่นั่นหรอ?"

[พวกเรายังอยู่ เนื่องจากว่าเรามีพันธมิตรแนวหน้า เราได้ติดต่อไปหารัฐบาลเกาหลี สื่อและบุคลากรของรัฐที่พวกเราได้ติดต่อด้วยในประเทศอื่นๆด้วย แต่ว่าพวกเราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่พวกเขาจะมาถึง....]

"พันธมิตรแนวหน้า?"

การสื่อสารที่กว้างใหญ่ของคังมิเรย์มันไม่ใช่เรื่องให่เลย แต่ว่าเขาได้คิดถึงคำพูดใหม่ที่ผสมอยู่ในคำพูดของเธอ คังมิเรย์ได้ลดเสียงลงมาและอธิบายขึ้น

[คุณจะคิดว่าเป็นการติดต่อกันระหว่าง 26 ตระกูลที่ได้แลกเปลื่ยนอาวุธพื้นฐานระดับสูงจากคุณก็ได้ เนื่องจากการที่พัฒนาการของตระกูลเหล่านี้มีแต่จะรวดเร็วยิ่งกว่าคนอื่นๆ...]

"การช่วยเหลือของพวกนั้นเป็นสิ่งที่ดี ถ้าคุณบอกสถานที่นั่นกับฉัน ฉันจะไปในทันที"

[....พวกเราจะรอคุณ]

เขาได้วางสายไปและยกหัวขึ้นมา เอลฟ์ที่เพียงจะชำแหละเผ่ามังกรเสร็จและแยกชิ้นส่วนของพวกมันออกมาได้มองมาที่เขาราวกับถามว่าเกิดอะไรขึ้น

"สถานการณ์เปลื่ยนไปแล้ว"

ยูอิลฮานได้บอกกับเอลฟ์

"ฉันจะให้อุปกรณ์กับพวกนายก่อน แล้วฉันก็ขอโทษด้วยนะถึงแม้ว่าการชำแหละมันจะพึ่งเริ่มเอง แต่ว่าตอนนี้ฉันคิดว่าพวกนายจะต้องไปช่วยสู้ก่อนแล้ว"

"พวกเรากำลังรอคำแบบนี้อยู่เลยครับ"

นักรบโล่จิลได้ตอบกลับมาอย่างยินดีในขณะที่เก็บมีดชำแหละลงไป ยูอิลฮานได้หัวเราะออกมาเมื่อได้เห็นคนอื่นๆมีท่าทางที่คล้ายๆกัน และเขาก็ได้ยืนยันกับเอิลต้าที่ทำท่าทางแปลกๆบนหัวเขา

"มีข้อมูลอะไรจากสวรรค์ไหม?"

[ไม่มีเลย ในตอนนี้เฟย์ต้าที่อยู่กับนายูนาก็น่าจะรายงานไปที่เบื้องบนแล้วสิ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้วามันไม่มีอะไรที่พวกเบื้องบนทำได้ก็ตาม! นั่นใช่แล้ว พวกเราทั้งหมดทำได้เพียงแค่ดูพวกนายตรากตรำกันในขณะที่กินป็อบคอร์น]

"ใจเย็นก่อน เธอส่งเควสกับรางวัลให้พวกเราได้"

เอิลต้าเป็นกังวลว่ายูอิลฮานคนเดียวก็อาจจะปล้นทั้งครังของสวรรค์แง แต่ว่านั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะหยุดหยุดมันได้ในตอนนี้แม้ว่าเธอจะกังวล ในขณะที่เธอได้ถอนหายใจออกมายูอิลฮานก็พูดขึ้นต่อ

"ฉันคิดว่าฉันน่าจะต้องบอกกับเลียร่าให้ดูแลที่บ้านกับมิลด้วย ฉันจะพาเด็กเลเวล 1 ไปในที่ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปไม่ได้"

[ฉันคิดว่าคุณจะเอาเข้าไปทิ้งในนั้นแล้วบอกให้เขาฝึกฝนซะอีกนะ] (เอิลต้า)

"เธอคิดว่าฉันเป็นสิงโตหรือไง?"

ไม่นานนักเขาก็ได้รับข้อมูลที่อยู่ที่แน่นอนจากข้อความ พร้อมกันนั้นเขาก็ได้รับรูปภาพที่นั่นและประตูดันเจี้ยนก็ดูเหมือนจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา ยังไงก็ตามสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้นก็คือตระกูลเทพสายฟ้าที่เรียงแถวกันอยู่หลังจากได้จัดการทุกอย่างรอบประตูแล้ว

"กิจกรรมของมนุษย์นี่น่าทึ่งจริงๆ"

[ใช่แล้ว มันน่าทึ่ง] (เอิลต้า)

"ถ้าพวกนั้นมาอยู่ที่นี่จะได้ค่าที่สักเท่าไหร่กันนะ? มาดูกันดีกว่า หนึ่ง สอง สาม...."

[นายช่วยหยุดคิดเหมือนชาวนาได้แล้ว] (เอิลต้า)

ยูอิลฮานได้ยืนยันที่ที่ต้องไปอีกครั้งและแจกอุปกรณ์ให้กับพวกเอลฟ์และส่งหน้ากากทำพิเศษให้กับพีทและฟีเรียเนื่องจากพวกเขาไม่ได้ใส่หมวก

"อย่าได้ถอดมันออก หากถอดออกมันจะวุ่นวาย"

"ครับท่าน!"

เอลฟ์ทั้งสองคนได้ทำตามอย่างเชื่อฟังโดยไม่ถามเลยว่าทำไมและอลฟ์อีกสองคนก็ใส่หมวกอยู่ทำให้ไม่อาจจะมองเห็นใบหน้าได้เช่นกัน เยี่ยม สมบูรณ์แบบ

"ถ้าพวกเราไปถึงที่นั่น อย่างแรกให้รออย่างเงียบๆและพวกนายก็ทำแค่ในสิ่งที่ทำได้ ถ้าฉันสู้พวกนายก็สู้ และถ้าฉันไปไหน พวกนายก็ตามฉันมา ทีนี้ไม่มีปัญหาอะไรนะ?"

"ครับท่าน!"

หนึ่งมนุษย์ หนึ่งทูตสวรรค์บนหัว และสี่เอลฟ์ได้ออกจากที่ทำงานและเริ่มเคลื่อนไหวทันที

ในเมืองยามค่ำคืนได้เต็มไปด้วยเสียงวุ่นวายและการแดกดัน ในปัจจุบันนี้มีหายนะที่เกิดขึ้นในเกาหลีและมันก็ไม่ได้ไกลไปจากที่นี่มา แต่ว่าผู้คนต่างก็หัวเราะและคุยกันโดยไม่สนโลกเลย

"โอ้พระเจ้า พวกเรากำลังใส่เกราะหนาและหนักแต่ว่าความเร็วกลับเพิ่มขึ้นไม่ลดลงเลย"

"จิลเงียบน่า"

พวกเอลฟ์ต่างก็ยินดีไปกับประสิทธิภาพของอุปกรณ์ที่ยูอิลฮานได้ให้กับพวกเขา แต่ว่าจริงๆแล้วมันมีส่วนต่างกันอยู่เล็กๆ นั่นก็คืออาวุธของพวกเขาต่างก็เป็นระดับตำนานกันทั้งหมด แต่ว่าเกราะของพวกเขาแบ่งออกเป็นระดับยูนีคกับตำนาน พวกเขาต่างก็ทึ่งกับสิ่งของพวกนี้กันทั้งนั้น แต่ว่ามันก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่ยุติธรรมนิดๆ ยังไงก็ตามเนื่องจากจิลได้คุยเรื่องเกราะของเขาออกมาตรงๆมันจึงไม่แปลกใจเลยที่จะรู้สึกแย่

ในตอนนี้เอง

"อ่า? ท่านองค์จักรพรรดิ"

ยูอิลฮานที่ฟังพวกเอลฟ์คุยกันอยู่ได้คิดว่าเขาน่าจะพัฒนาสกิลการจัดการกับหนังและเสื้อให้มากกว่านี้พร้อมยิ้มออกมาแห้งๆ ตอนนี้เองได้มีประกายแสงปรากฏขึ้นในทางที่เขากำลังตรงไปอยู่

"กรี๊ดด!"

"นั่นอะไรน่ะ? มีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้วหรอ? นี่มันเป็นข่าวไหมนะ?"

คนที่กำลังเดินกันอยู่บนถนนยามค่ำคืนก็ยังกระซิบกันเองหลังจากเห็นเสาแสงนั่น บางคนที่กำลังเมาอยู่ได้สร่างเมาทันทีที่เห็นแบบนี้

เสาแสงได้ปรากฏขึ้นแวบหนึ่งเท่านั้น แต่ว่ายูอิลฮานก็มั่นใจแล้ว นั่นมันคือสายฟ้าที่มีแค่คังมิเรย์คนเดียวบนโลกเท่านั้นที่ใช้ได้ เสาแสงนั่นได้ลดพลังลงไปและเพิ่มความตระกาลตาขึ้นมาแทนเพื่อเป็นสัญญาบอกกับเขาว่าเธออยู่นี่ สกิลการควบคุมเวทย์ของเธอไม่ใช่เล่นๆเลย

แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับยูอิลฮานที่ได้สังหารหมู่เผ่ามังกรในดาเรย์ แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอจะพัฒนาไปในแบบของเธอระหว่างสามเดือนนี้ แน่นอนว่านี่ก็ยังอาจจะเป็นเพราะคทาระดับตำนานที่เขามอบไว้ให้กับเธอด้วย

"พลังนั่นน่าทึ่งจัง ท่านองค์จักรพรรดิครับมีคนระดับนั้นเยอะไหมครับ?"

"ที่มันเป็นปัญหาเพราะขาดคนแบบนี้ไง เร็วเข้าเถอะ"

พวกเขาได้ออกไปจากเมืองแลพมุ่งตรงไปในทางเสาแสงทันที ไม่นานนักยูอิลฮานก็รู้สึกได้ถึงตัวตนของคนจำนวนมาก คังมิเรย์ได้บอกว่าเธอเรียกคนมา แต่ว่ามันดูเหมือนว่าจะไม่ใช่น้อยๆเลย

"หืม"

เอลฟ์ที่มีความชำนาญในการรวบรวมข้อมูลผ่านทางสายตา การได้ยิน หรือการดมกลิ่นจากการใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆมาเปป็นเวลานาน มันเป็นเรื่องปกติเลยที่พวกมันสามารถรู้สึกได้ถึงตัวตนของผู้คนได้แทบจะพร้อมๆกับยูอิลฮาน

"นี่มันไม่ใช่ว่ามีคนที่มีความสามารถมากมายเลยนี่"

"ถึงแม้ว่าจะมีบางคนไม่ได้ต่างจากเรามากนัก.... แต่ว่าท่านองค์จักรพรรดิต่างไปจากพวกนั้นจริงๆ"

"อีกเดี๋ยวเราจะไปถึงแล้ว"

พวกเขาได้เงียบลงไปในทันทีและมารวมตัวกันที่ยูอิลฮาน นี่ก็เพื่อรับเอาผลของการปกปิดตัวตน

พวกเขาได้มาถึงที่ที่ห้ามไม่ให้พลเรือนธรรมดาเข้าไป ถึงแม้ว่านี่มันจะไม่มีความหมายเมื่อมอนสเตอร์เริ่มออกมาก็ตาม... ยูอิลฮานได้หัวเราะแห้งๆและหันไปหาเหล่าเอลฟ์

มีมอนสเตอร์หลายตัวที่ได้สร้างดันเจี้ยนขึ้นมาด้วยพลังของมันเอง แต่ว่าดันเจี้ยนโดยส่วนใหญ่แล้วเกิดขึ้นมาจากกับดักแห่งการทำลายที่ทูตสวรรค์ทำขึ้น เนื่องจากว่าทูตสวรรค์ไม่ได้เป็นพวกโง่ พวกเขาได้กระจายกับดักแห่งการทำลายไปในที่ที่ไม่มีความหนาแน่นของมนุษย์มากนัก แต่ว่าที่นี่ดันเจี้ยนมันได้เป็นศูนย์กลางของความบังเอิญทั้งหลายและโชคร้ายที่มันเกิดขึ้นใกล้กับเมือง

แน่นอนว่ากรที่มีดันเจี้ยนใกล้ๆกับเมืองมันเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว แต่ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะเงิน อายุ หรือสิ่งต่างๆที่่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ทำให้คนจำนวนมากไม่อาจจะไปจากบ้านเกิดยังที่อื่นได้ ยังไงก็ตามด้วยเหตุการณ์นี้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกไปจากการจากบ้านไป

"พวกเราเข้าไปไม่ได้เลยหรอ?"

ได้มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา เมื่อหันไปก็เป็นมิเชล สมิธสัน หัวหน้าตระกูลอัศวินโลหะ เสียงตอบกลกับของผู้หญิงก็ได้ดังออกมา เสียงนั้นคือหัวหน้าตระกูลจอมเวทย์มังกรทาคากาคิ อสุฮะ

"พวกเราได้เห็นเกตแบบนี้กันมาก่อนในเขตคันโต ฉันหมายถึงเมื่อคลื่นดันเจี้ยนมันเกิดขึ้นมาน่ะ นายเข้าใจถึงความหมายมันใช่ไหม?"

มันไม่มีไอโง่หน้าในที่แห่งนี้ที่ไม่เข้าใจถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับการพังของดันเจี้ยนอีก

"เกตอาจจะเปิดขึ้นมาได้ตลอดเวลาและการเข้าไปในตอนนี้มันไม่ต่างไปจากการฆ่าตัวตายเลย ถึงแม้ว่าในตอนเราไปสอดแนมแล้วถอยออกมาเพราะความเสี่่ยงที่จะตาย เราก็ยังได้เห็นมอนสเตอร์คลาส 2 กว่าสามหมื่นตัว และมอนสเตอร์คลาส 3 กว่าสองตัว สิ่งที่เราควรจะกลัวนั่นก็คือจำนวนพวกนั้นเป็นแค่ส่วนเล็กๆ มันเป็นการยากมากๆที่จะต่อต้านกับจำนวนขนาดนั้น พวกเราไม่สามารถจะสู้ในสภาพแวดล้อมที่พวกมันได้เปรียบได้"

สำเนียงอังกฤษที่ชัดเจนและเย็นชาได้ดังออกมา แน่นอนว่านี่คือเสียงของคังมิเรย์ ในจุดนี้ยูอิลฮานกับสี่เอลฟ์ก็มองเห็นทางเข้าที่ถูกตระกูลกวาดล้างได้อย่างชัดเจนแล้ว แต่ว่าก็ไม่มีใครในที่นี้ที่รู้ว่ายูอิลฮานมาถึงแล้วเลย

"พูดตามตรงนี่มันเป็นเรื่องดีกับเราที่สู้ได้ปลอดภัยขึ้น... แต่พวกพลเรือนล่ะ? คุณค่อนข้างจะเย็นชาจังเลยนะคังมิเรย์"

"ในตอนนี้เราได้อพยพพลเรือนไปแล้ว นอกจากนี้หากว่าเราเสียสมาชิกของตระกูลไปในที่นี่พลเรือนก็จะยิ่งบาดเจ็บลงตายลงไปมากกว่าเดิมอีกเมื่อหายนะครั้งใหญ่ในอนาคตได้มาถึง ฉันต้องเย็นชาสมกับหัวหน้า"

แน่นอนว่าฉันไม่ได้มีความต้องการที่จะให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตาย เธอได้กล่าวเสริมขึ้นมา

ความมั่นใจได้เต็มเปื่ยมในน้ำเสียงเย็นชาของเธอ ไม่ว่ามิเชล สมิธสันจะดื้อรั้นและเอาแต่ใจยังไง เขาก็ไม่อาจจะเปลื่ยนทัศนคติของเธอได้ ยูอิลฮานก็ยังเห็นได้ว่าคังฮาจินได้เข้ามาหยุดมิเชลไม่ให้เข้าไปคุยเอาไรกับคังมิเรย์อีก นายูนาที่อยู่ด้วยกันเสมอกได้ยิ้มออกมา

"เวรเอ้ย ฉันอยากจะให้ซูซาโนะโผล่ออกมาซะตอนนี้"

พันธมิตรแนวหน้าที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดต่างก็ได้เลยเห็นวีรกรรมของซูซาโนะมาแล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะมองหาซูซาโนะอีกครั้งหนึ่ง

"ฉันไม่มั่นใจนัก พูดตามตรงแล้วหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกอนหน้านี้แม้ว่าจะไม่ใหญ่เท่าครั้งนี้ แต่ว่าเราก็ไม่อาจจะมองเห็นเข้าเลยและนั่นมันหมายความว่า.... ไม่ใช่เขาได้ติดธุระอะไรบางอย่างที่ต่างโลกที่เขาไปหรือไม่เขาก็ตายไปแล้วหรอกหรอ?"

"ตาย? เขาเนี้ยนะ? คุณมาเรเทสต้า นี่มันตลกมากเลยนะ"

"มันเป็นเรื่องดีที่คุณมองมันเป็นเรื่องตลก แน่นอนว่านี่มันก็แค่มุข เขาไม่ใช่คนที่จะตายแค่เพราะมีใครไปฆ่าเขา"

"หือ ซูซาโนะ"

พีทที่ตอนนี้เข้าใจสิ่งที่มนุษ์พูดกันด้วยอาร์ติแฟคได้กระซิบกับยูอิลฮานด้วยเสียงที่ตื่นเต้นเล็กๆ

"จากคำพูดของพวกเขาดูเหมือนว่าคนที่ถูกเรียกว่าซูซาโนะจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แม้ว่าเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่าองค์จักรพรรดิแต่ว่ามันก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ธรรมดาเลย!"

"นั่นคือฉัน"

"สมแล้วที่เป็นท่านจักรพรรดิ! แม้แต่ในหมู่มนุษย์คุณก็ยังได้รับความเคารพ"

เอลฟ์ที่ได้อยู่ภายใต้การฝึกที่เข้มงวดมาเป็นเวลาหลายวันได้สายตาเป็นประกายกันทั้งนั้น แม้อย่างนั่นมันก็เป็นเรื่องน่าเศร้าที่พวกเขายังไม่ได้มีโอกาสร่วมมือกับยูอิลฮานสู้เลย

ในตอนนี้เองได้มีคนใหม่มาถึงเพิ่มเติมอีก

"คนของตระกูลบั้มทั้ง 129 คนได้มาถึงแล้ว เกตยังไม่ได้เปิดใช่ไหม?"

"คนของตระกูลเคย์ไซเคิลก็ได้มาถึงแล้ว พวกเราไม่สามารถจะอยู่เฉยได้เนื่องจากที่เกาหลีคือที่ที่แวนการ์ดได้ตั้งอยู่"

พวกเขาทั้งหมดต่างก็อยู่ในคลาส 2 เป็นอย่างน้อย พวกเลเวลที่สูงก็ดูราวๆอยู่ที่ 80 หัวหน้าตระกูลมาเกียได้พูดถึงสิ่งต่างๆจำนวนมากที่เกิดขึ้นบนโลก เมื่อดูจากเลเวลของพวกเขาที่สูงได้แบบนี้มันดูเหมือนว่าเธอจะพูดจริง

"พวกเราจะขยายการกวาดล้างให้กว้างขึ้น! สำหรับตระกูลที่เพิ่งจะมาถึงช่วยไปประจำที่ในที่ที่เรากำหนดไว้ด้วย!.... นายูนา"

"อ่า ว่าไง ฉันจะโทรไปหาคุณลุงของฉันเดี๋๋ยวนี้ ฉันแค่ต้องจัดการเคลียร์พวกอพาร์ตเมนกับการกวาดล้างวงกว้างใช่ไหม?"

แค่การตัดสินใจของคังมิเรย์กับนายูนาเงินจำนวนกว่าร้อยล้านวอนกได้หายไปในทันที ยูอิลฮานที่ได้เฝ้ามองดูฉากที่ตึกอาคารจำนวนมากได้ถูกกวาดล้างไปด้วยผู้ใช้พลังเขาก็ได้สรุปขึ้นได้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้วที่ขายอาวุธให้กับคนพวกนี้

"ระวังอย่าไปปะทะกับคนอื่นนะ"

"ครับท่าน!"

เมื่อสั่งเอลฟ์แล้ว ยูอิลฮานได้หยิบเอาโทรศัพท์ของเอาออกมและส่งข้อความหาคังมิเรย์

[ฉันมาถึงแล้ว]

คังมิเรย์ที่กำลังคุยกับคนอื่นอยู่ดูจะรู้สึกการสั่นของโทรศัพท์ของเธอและหยิบมันขึ้้นมาดู รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นมาบนริมฝีปากของเธอทันทีหลังจากที่เธอได้ตรวจสอบข้อความของยูอิลฮาน

"เยี่ยม"

"มีอะไรดีหรอมิเรย์?"

"ฟู่"

คังมิเรย์ได้กดโทรศัพท์ของเธอลงไปโดยไม่สนใจนายูนา โทรศัพท์ของยูอิลฮานได้สั่นขึ้น

[คุณก็น่าจะรู้เมื่อมาถึงที่นี่แล้วว่าดันเจี้ยนจะเปิดออกในอีกไม่นาน ตามคำพูดของเฟย์ต้าแล้วดันเจี้ยนจะไม่กลมกลืนไปกับโลกในทันทีและมอนสเตอร์จะออกมาจากดันเจี้ยนอย่างไม่สิ้นสุด มีอะไรที่คุณสงสัยหรืออยากจะให้เราช่วยไหม?]

นี่แหละ ยูอิลฮานได้ยิ้มออกมาบางๆและกดโทรศัพท์ลงไปอีกครั้ง

[ฉันต้องฝากเธอจัดการดูแลแล้วก็เตรียมเวทย์สายฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดที่มีอยู่เอาไว้ด้วย เธอจงยิงมันออกไปเมื่อที่เธอรู้สึกว่ามันจำเป็น]

[เข้าใจแล้ว]

ถึงแม้ว่าคำขอของเขามันอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่ว่าคังมิเรย์ได้ยอมรับมันไว้ก่อนที่จะปล่อยการควบคุมสถานการณ์ให้กับคังฮาจินและเริ่มเตรียมเวทย์ของเธอทันที เมื่อได้เห็นนายูนาที่รู้ตัวหันไปบัฟให้กับเธออย่างชาญฉลาด ยูอิลฮานก็ยิ้มออกมา

"เอะเฮะ เป็นผู้หญิงที่ว่าง่ายจริงๆ"

[นายช่วยแก้นิสัยชอบพูดแบบวายร้ายทีได้ไหม? ] (เอิลต้า)

มีอาวุธบางอย่างที่เขาได้ทำขึ้นมาด้วยความคิดที่ว่าจะใช้ต่อสู้บนโลกในระหว่างที่เขายังอยู่ในดาเรย์ อาวุธพิเศษที่ทำขึ้นมาจากศพของเผ่ามังกรที่มีเวทย์ทุกชนิดอยู่! และด้วยการสนับสนุนจากคังมิเรย์เจ้าสิ่งนี้ก็ได้เวลาฉายแสงแล้ว

เมื่อคิดได้แบบนี้ยูอิลฮานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ยูอิลฮานไม่ได้คิดแล้วว่าตัวเขาเป็นเทพหายนะ แต่ว่าหากเขาได้ดูหน้าตัวเองในกระจก เขาก็คงได้เปลื่ยนใจไปแน่ๆ

ในตอนนี้เขาคือเทพหายนะอย่างแน่นอน แต่ว่าไม่ใช่สำหรับมนุษย์แต่เป็นพวกมอนสเตอร์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด