ตอนที่แล้วบทที่ 38 นิ่งเข้าไว้ 5 (2) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 39 นิ่งเข้าไว้ 6 (2) [อ่านฟรี]

บทที่ 39 นิ่งเข้าไว้ 6 (1) [อ่านฟรี]


บทที่ 39 นิ่งเข้าไว้ 6 (1)

ปัง!

ประตูห้องโถงถูกปิดสนิทลงอีกครั้ง

‘เทย์เลอร์  สแตน’ สวมใส่เสื้อผ้าที่หรูหราที่ดูเหมาะสมเป็นทางการเขายังคงดูสง่างามแม้ว่าจะนั่งอยู่บนรถเข็นและยังคงมีรอยยิ้มที่ผ่อนคลายประดับบนใบหน้าของเขา ‘เคจ’สวมใส่เสื้อคลุมอันเป็นสัญลักษณ์ของวิหารของพระเจ้าแห่งความตาย

‘พวกเขาตั้งใจที่จะเปิดเผยตัวตนของพวกเขาสินะ’

คาร์ลคิดว่านับเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด วิหารของพระเจ้าแห่งความตายอาจเกิดความปวดหัวและความวุ่นวายจากการกระทำของเคจแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เคจจะต้องสนใจในเรื่องของพวกเขาเช่นกัน

“นี่มันอะไรกัน............!”

เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความตกใจและความโกรธดังออกมาจากโต๊ะของกลุ่มขุนนางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อคาร์ลหันไปมองก็พบว่าเวเนี่ยนได้ผลุดลุกจากเก้าอี้ของตัวเองและจ้องมองไปที่เทย์เลอร์ด้วยความโกรธจัด นี่คงเป็นปฏิกิริยาที่ไม่ว่าใครก็คงไม่เคยเห็นจากเวเนี่ยนรวมถึงกิริยาที่ขาดมารยาทของผู้ดีเช่นนี้อีกด้วย แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เวเนี่ยนจะมาห่วงเรื่องมารยาทผู้ดีของตนในตอนนี้เช่นกันเมื่อเขาเห็นภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า

คาร์ลมองขึ้นไปยังพระที่นั่งขององค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กที่อยู่ด้านบนสุดของห้องโถงแห่งนี้เขากำลังผายมือของตนออกและเริ่มตรัสขึ้นโดยทันที

“ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะพบกับ‘เทย์เลอร์ สแตน’ บุตรชายคนโตของมาร์คควิสสแตนพร้อมทั้งนักบวชหญิงจากวิหารแห่งความตายในที่แห่งนี้ได้”

ท่าทางขององค์ชายรัชทายาทในเวลานี้ดูมีความสุขมาก เทย์เลอร์ทำความเคารพในขณะที่ตนนั่งอยู่บนรถเข็น

“หม่อมฉันได้ยินมาว่านี่เป็นโอกาสที่เหล่าขุนนางของอาณาจักรที่จะได้เข้าเฝ้าและพูดคุยกับองค์ชายได้....หม่อมฉันต้องขอประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะที่มาโดยไม่ได้ถูกรับเชิญ”

องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนพระพักตร์ของพระองค์ คาร์ลสามารถบอกได้ว่ารอยยิ้มเช่นนั้นของเขาคือการที่เขาได้เข้าใจความหมายที่เทย์เลอร์ต้องการจะสื่อถึงตน ‘พูดคุยอะไรก็ได้กับองค์ชายรัชทายาทเช่นเขาสินะ’

“ข้าส่งคำเชิญเพื่อขอตัวแทนผู้สืบทอดของแต่ละตระกูลมาในวันนี้..แต่ถ้าตระกูลใดไม่มีผู้สืบทอดก็ไม่ได้มีปัญหาว่าใครจะมาที่นี่ในวันนี้...เทย์เลอร์...ข้าเดาว่าเจ้าคงรู้สึกแย่ที่ข้าส่งคำเชิญไปยังตระกูลของมาร์คควิสสแตนเพียงแห่งเดียวสินะ?”

“หม่อมฉันมิกล้า..พะย่ะค่ะองค์ชาย”

คาร์ลมองไปทางเวเนี่ยน ‘ตระกูลที่ไม่มีผู้สืบทอดเช่นนั้นหรือ?’ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแต่ใครๆก็รู้ว่าเวเนี่ยนคือผู้สืบทอดตระกูลต่อจากมาร์ควิสสแตน สิ่งที่องค์ชายรัชทายาทตรัสออกมานับเป็นคำพูดที่ใช้เล่นงานเวเนี่ยนได้ทางอ้อมนั่นอาจเป็นเพราะมาร์คควิสสแตนมีความสัมพันธ์อันดีและใกล้ชิดกับองค์ชายสามเป็นอย่างมาก

‘มันค่อนข้างเป็นเรื่องที่แปลก’

คาร์ลพบว่าข้อเท็จจริงในเรื่องนี้มันค่อนข้างแปลกแม้ว่าคาร์ลจะไม่ได้สนใจในเรื่องนี้มากนักแต่ก็ไม่ได้มองข้ามมันไปเช่นกัน ถึงแม้ว่าพระราชาจะทรงรักและเอ็นดูองค์ชายสามเป็นอย่างยิ่งแต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายที่จะให้องค์ชายสามแทนที่ในตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทได้ ตามเนื้อหาในนิยายถึงองค์ชายรัชทายาทจะตระหนักถึงสิ่งนี้ได้แต่พระองค์ก็ยังรู้สึกไม่สบายพระทัยและระวังองค์ชายรองและองค์ชายสามมาโดยตลอดและมาร์คควิสสแตนก็คือผู้ให้การสนับสนุนองค์ชายสามรวมถึงขุนนางคนอื่นที่ให้การสนับสนุนองค์ชายคนอื่นๆเช่นเดียวกัน

‘ฉันเดาว่ามันคงต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับเรื่องนี้แน่ๆ’

คาร์ลยอมรับจากใจจริงว่า ‘บางสิ่ง’ ในเรื่องนี้เขาไม่อยากจะรับรู้มันเช่นกัน

“ข้ารู้สึกไม่ดีนักที่ทำให้เจ้ารู้สึกไม่สบายใจ....แต่ข้าได้เห็นว่าเจ้ายังคงแข็งแรงดีเช่นนี้ข้าก็ดีใจเป็นยิ่งนัก....นี่มันก็นานมากแล้วนะกับครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอกัน”

เทย์เลอร์ยิ้มและเอ่ยตอบกับคำกล่าวขององค์ชายรัชทายาทขึ้น

“องค์ชายพะย่ะค่ะ...ขาของกระหม่อมอาจไม่สามารถขยับได้แต่มือ ศีรษะ ตา หู ปากและส่วนอื่นๆของหม่อมฉันยังคงมีชีวิตอยู่...ไม่สิ...ในความเป็นจริงคือพวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมอีกพะย่ะค่ะ”

“ข้าเห็นแล้ว..แน่นอนว่าเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่...ข้าลืมความจริงที่ว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้ที่สามารถดำเนินชีวิตอยู่ต่อไปจนกว่าจะจบชีวิตลง....ข้าลืมมันไปได้อย่างไรกันนะ?”

คาร์ลสามารถเห็นได้ว่าองค์ชายรัชทายาทนั้นได้ติดกับโดยสมบูรณ์เสียแล้ว ก่อนที่เขาจะหันไปมองเวเนี่ยนอีกครั้งซึ่งในตอนนี้เขาได้กลับมามีสีหน้าท่าทางตามแบบฉบับของขุนนางผู้สง่างามเช่นเดิมแต่สายตาที่จ้องมองไปยังเทย์เลอร์นั้นกลับเป็นประกายคมกล้าพร้อมจะทิ่มแทงเขาได้ทุกเมื่อ

คาร์ลพบว่าสถานการณ์เช่นนี้ค่อนข้างน่าสนุก

‘ฉันจะดูให้สนุกไปเลยล่ะ’

องค์ชายรัชทายาท,เทย์เลอร์,เวเนี่ยนและเหล่าขุนนางกลุ่มต่างๆ มันเป็นเรื่องที่สนุกที่ได้จ้องมองไปยังสีหน้าของพวกเขาทั้งหมด มันทำให้เขานึกถึงเวลาทำป็อบคอร์นที่เม็ดข้าวโพดจะค่อยๆระเบิดขึ้นเมื่อมันถูกคั่วหรืออบเป็นเวลานานซึ่งมันเข้ากับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในท้องพระโรงแห่งนี้มันอาจจะทำให้อารมณ์ของแต่ละคนระเบิดขึ้นได้ทุกเมื่อเช่นกัน

คาร์ลรู้สึกชอบตัวเองที่เขาสามารถทำตัวนิ่งได้มากขนาดนี้

“ถ้าเช่นนั้นสตรีท่านนี้คงเป็นนักบวชของเทพเจ้าแห่งความตายสินะ?”

“เพค่ะ...หม่อมฉันเป็นผู้รับใช้พระเจ้าแห่งการหลับใหลตลอดกาลมีนามว่า ‘เคจ’หม่อมฉันดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าเฝ้าองค์ชายในวันนี้”

เคจดูเหมือนนักบวชผู้ใจบุญเมื่อกล่าวทักทายตามแบบฉบับดั้งเดิมของเหล่านักบวชผู้รับใช้พระเจ้าแห่งความตาย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นกลับมีคำพูดที่เปรียบดั่งคำสาปอยู่มากมายซุกซ่อนอยู่ในใจของเธอในขณะนี้

องค์ชายรัชทายาทได้รับคำทักทายจากเคจก่อนจะตรัสกับเทย์เลอร์ในเวลาต่อมา

“เอาไว้เราค่อยคุยกันในภายหลังถึงเวลาที่จะเริ่มการชุมนุมในครั้งนี้อย่างเป็นทางการแล้ว...ข้าไม่แน่ใจว่าจะให้พวกเจ้าทั้งสองนั่งตรงไหนดี”

องค์ชายรัชทายาทกล่าวยืนยันว่าเขาจะใช้เวลาในภายหลังเพื่อพูดคุยกับเทย์เลอร์ คาร์ลมองไปยังโต๊ะที่นั่งของกลุ่มขุนนางภาคตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งพวกเขาทั้งหมดมีสีหน้าและท่าทางที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลและกระวนกระวายใจอย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกัน ‘นีโอ โทร์ส’ ก็มีอาการที่แย่เช่นเดียวกันดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกกระวนกระวายใจและอยู่ไม่สุขเป็นอย่างมาก

คาร์ลเริ่มยิ้มเมื่อเห็นนีโอมีท่าทางเช่นนั้น นีโอเริ่มขมวดคิ้วมุ่นและหันมามองคนที่ตนคิดว่าเป็นบุคคลที่โง่เขลาที่สุดและไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้เลยสักนิด

คาร์ลยิ่งเริ่มยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่านีโอมองตนด้วยท่าทางเช่นนั้นก่อนที่จะหันศีรษะของตนไปยังทิศทางที่เทย์เลอร์อยู่แต่ในตอนนั้นเอง

‘ฮึก...’

คาร์ลได้สบพระเนตรขององค์ชายรัชทายาทเข้าอย่างจัง มันเป็นจังหวะที่บังเอิญเป็นอย่างมากเพราะในขณะนั้นองค์ชายรัชทายาทได้เหลียวมองไปรอบๆเพื่อหาจุดที่นั่งที่ดีที่สุดให้แก่เทย์เลอร์และเคจและเป็นเวลาเดียวกับที่คาร์ลกำลังจะหันไปมองยังทิศทางที่เทย์เลอร์อยู่เช่นกันแต่ในช่วงจังหวะนั้นกลับทำให้คาร์ลได้สบพระเนตรขององค์ชายรัชทายาทเสียก่อนที่จะได้มองเทย์เลอร์อย่างเต็มตา

คาร์ลมีความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้นทันที

‘อย่าบอกนะว่าตรงนี้?’

“ข้าคิดว่ามีจุดที่ดีสำหรับพวกเจ้าสองคนแล้ว”

เมื่อองค์ชายรัชทายาทได้ตรัสมาเช่นนี้ทำให้คาร์ลตระหนักได้ในทันทีว่าจุดที่ดีสำหรับสองคนนั้นอยู่ที่ใด

‘แต่ฉันคิดว่านี่คงเป็นจุดเดียวที่ไม่สามารถเป็นไปได้เช่นกัน.....’

จุดนี้เป็นเพียงโต๊ะเดียวที่ไม่มีขุนนางระดับสูงแม้ว่าอาจจะมีบางตระกูลที่สวามิภักดิ์ต่อขุนนางอื่นๆที่อยู่นอกพื้นที่แต่ก็ยังคงมีความสมดุลทางอำนาจในโต๊ะของขุนนางกลุ่มนี้อีกทั้งยังมีตระกูลที่แข็งแกร่งและร่ำรวยมากพอที่แม้แต่ขุนนางระดับที่สูงกว่าพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้เช่นกัน

“เทย์เลอร์....เจ้าจงไปนั่งโต๊ะเดียวกับกลุ่มขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ...มันสามารถนั่งได้หากหาที่นั่งเสริมเข้าไปเสียหน่อย”

“อึก!”

คาร์ลได้ยินเสียงนีโอที่ชะงักค้างขึ้นในทันทีและเห็นใบหน้าที่มีความกังวลของอีริคเมื่อมองไปยังเทย์เลอร์และเคจ

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะองค์ชาย...ที่มอบที่นั่งให้แก่เรา”

“ขอบพระทัยเพค่ะ”

“ไม่เป็นไร.. เราควรให้ความร่วมมือกับคนที่จะทำคุณประโยชน์ให้แก่อาณาจักรในอนาคต”

องค์ชายรัชทายาทตรัสขึ้นในขณะที่มองมายังโต๊ะของเหล่าขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ารับใช้รีบวิ่งไปที่โต๊ะของกลุ่มคาร์ลอย่างรวดเร็วในขณะที่องค์ชายรัชทายาทตรัสเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

“เราจะเพิ่มที่นั่งได้หรือไม่?”

ใครเล่าจะกล้าปฏิเสธคำขอขององค์ชายรัชทายาท? อีริคลุกขึ้นยืนทันทีเพื่อตอบรับคำกล่าวขององค์ชายรัชทายาท

“ได้แน่นอนพะย่ะค่ะองค์ชาย”

อีริคสามารถตัดสินใจทำสิ่งนี้ได้อย่างง่ายดายเพราะเขาต้องการพูดคุยกับองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กในการลงทุนในเขตชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือเพราะเขาได้ปฏิเสธการสวามิภักดิ์ต่อขุนนางในระดับที่สูงกว่าตนไป การกระทำของอีริคทำให้ขุนนางคนอื่นๆในโต๊ะลุกขึ้นยืนเช่นกันและปล่อยให้ข้ารับใช้ได้ทำการเพิ่มที่นั่งให้แก่เทย์เลอร์และเคจ

เหล่าข้ารับใช้สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีปัญหาใดๆแต่คาร์ลที่เฝ้าดูสิ่งนี้เริ่มสังเกตเห็นบางอย่างที่แปลกๆไปที่ด้านข้างของตนเอง อีรีคสังเกตเห็นอาการที่ผิดปกติของคาร์ลจึงค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาหาอย่างรวดเร็วพร้อมกับก้มกระซิบให้คาร์ลได้ยิน

“คาร์ล...เจ้าต้องนิ่งไว้....นิ่งเข้าไว้”

คาร์ลไม่ได้สนใจกับคำบอกของอีริคและมองดูที่นั่งของตนเอง แขกที่เพิ่งเข้ามาใหม่กำลังจะมานั่งข้างๆเขาเรื่องนี้อาจเป็นการตัดสินใจขององค์ชายรัชทายาทเช่นกัน

‘องค์ชายรัชทายาทคงไม่อยากที่จะให้พวกเขานั่งใกล้กับสุนัขรับใช้ของผู้อื่นและตระกูลของเราคือตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสี่ตระกูลที่เหลืออยู่’

เหล่าข้ารับใช้โค้งทำความเคารพแก่พวกเขาหลังจากปฏิบัติภารกิจของตนเสร็จเรียบร้อยก่อนเดินจากไปในทันที

“พวกเจ้านั่งลงเถิด”

องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กได้สั่งให้กลุ่มขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั่งลงได้และคาร์ลก็รีบนั่งลงในทันทีในตอนนี้ไม่มีเก้าอี้อยู่ข้างๆเขาแต่ไม่นานหลังจากนั้นก็มีเก้าอี้รถเข็นเข้ามาเติมเต็มจุดที่ว่างนี้ลง

“ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่าน”

เทย์เลอร์กล่าวทักทายเหล่าขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อเขาเข้ามารวมกลุ่มกับพวกเขาในตอนนี้ เคจได้นั่งลงถัดจากเทย์เลอร์ไป พวกเขาทั้งสองคน..ไม่สิ..ทั้งสามคนรวมทั้งคาร์ลด้วยต่างแกล้งทำเหมือนกับว่านี่เป็นการพบกันครั้งแรกของพวกเขา

~ นี่มันเป็นเรื่องบันเทิงอย่างยิ่ง ~ 

คาร์ลเห็นด้วยกับคำกล่าวของมังกรดำที่ลอดผ่านเข้ามาในหัวของเขาและมองไปยังองค์ชายรัชทายาท

“แม้ว่ามันอาจจะล่าช้าไปเล็กน้อย...แต่เรามาเริ่มงานนี้กันใหม่ล่ะกัน”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด