ตอนที่แล้วตอนที่ 117 จดหมายแปลก ๆ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 119 คำเชิญไปงานเลี้ยงของพระราชวัง

ตอนที่ 118 ผู้หญิงที่มีชะตากรรมร่วมกัน


คืนนั้นเฟิงเฉินหยูกินข้าวเย็นนอกคฤหาสน์

จดหมายฉบับนั้นเชิญนางไปทานอาหารที่ห้องส่วนตัวที่ชั้นสองของโรงเตี้ยมหมิงหยูในเมืองหลวง อย่างไรก็ตามจดหมายฉบับนี้ไม่ได้กล่าวถึงผู้ที่เป็นผู้ส่ง

ยี่หยูบอกกับเฟิงเฉินหยูว่ายามที่เฝ้าประตูเป็นนส่งให้นาง คนที่ส่งมอบเป็นเด็ก หลังจากที่ส่งจดหมายแล้ว เด็กคนนั้นก็รีบวิ่งออกไปเลย

ยี่หยูไม่เห็นด้วยที่เฟิงเฉินหยูจะออกไปในเวลานี้ เพราะมันดึกแล้ว นอกจากนี้ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนนัด ถ้าเกิดเป็นแผนล่อลวงใครจะช่วยพวกนาง

แต่เฟิงเฉินหยูก็ยืนกรานที่จะออกไป ด้วยเหตุผลบางอย่างนางมั่นใจว่าจดหมายฉบับนี้มาจากคนที่เป็นพันธมิตรกัน นอกจากนี้พันธมิตรนี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีวิตของนาง

ยี่หยูไม่สามารถทำอะไรได้เลย นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกมากับเฟิงเฉินหยู เจ้านายและสาวใช้ในรถม้า พวกนางรีบไปที่โรงเตี้ยมหมิงหยู เมื่อพวกเขามาถึงชั้นสองมีเสี่ยวเอ้อรออยู่ เมื่อเห็นพวกเขามาถึง เขารีบเดินไปถาม "ท่านคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฟิง?"

เฟิงเฉินหยูใช้ผ้าคลุมใบหน้าของนางก่อนออกจากคฤหาสน์ เมื่อได้ยินเสี่ยวเอ้อคนนี้ถาม นางพยักหน้าแล้วเดินตามเสี่ยวเอ้อเข้าห้องส่วนตัว

เมื่อนางมาถึงมีคนดื่มชาอยู่แล้ว หญิงสาวผอมสวมเสื้อผ้าธรรมดาและหมวกไม้ไผ่

นางสั่งให้ยี่หยูยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกและให้เฟิงเฉินหยูเดินเข้ามาคนเดียว เมื่อเข้ามานางได้ยินเสียงหญิงสาวในหมวกไม้ไผ่กล่าวว่า "คุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิงกล้าจริงๆ ที่มาตามนัดในจดหมาย"

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เฟิงเฉินหยูรู้ทันทีว่านางเป็นใคร นางคำนับและกล่าวว่า "คุณหนูฉิงเล่อ"

ฉิงเล่อวางถ้วยชาแล้วพยักหน้าให้เล็กน้อย "นั่งลงก่อน"

เฟิงเฉินหยูนั่งอยู่ตรงข้ามนางและถอดผ้าคลุมหน้าออก จากนั้นนางก็บอกกับฉิงเล่อว่า "ในห้องนี้มีแค่เรา ทำไมต้องใส่หมวกไม้ไผ่ด้วย"

ฉิงเล่องงเล็กน้อยและกระชับกำปั้นขึ้น จากนั้นนางกัดฟันพูด "ข้าไม่สามารถถอดมันออกได้ ข้ากลัวว่าข้าจะไม่สามารถถอดมันออกได้อีกในช่วงชีวิตนี้"

เฟิงเฉินหยูตะลึงเมื่อนึกถึงคฤหาสน์ติงอันที่ถูกไฟไหม้ "ใบหน้าของท่านถูกไฟคลอกหรือ" ทันทีหลังจากถามเรื่องนี้นางรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ฉิงเล่อสวมหมวกไม้ไผ่แต่มีผ้าไหมครอบคลุมใบหน้าของนาง นางผอมลงมาก เฟิงเฉินหยูนั่งอยู่ตรงข้ามกับนาง นางเห็นได้ชัดว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาของฉิงเล่อ "เกิดอะไรขึ้น?" เฟิงเฉินหยูรู้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ

ฉิงเล่อตอบคำถามอย่างรวดเร็ว "ต้องขอบคุณน้องรองของเจ้า ผมของข้าถูกไฟไหม้ไปหมดแล้ว!" ขณะที่นางพูดอย่างนี้ นางก็ถอดหมวกไม้ไผ่ออกจากศีรษะของนาง

เฟิงเฉินหยูตกใจมาก ดูเหมือนว่าภายใต้หมวกไม้ไผ่ของฉิงเล่อ ศีรษะของนางไม่มีผมแม้แต่เส้นเดียว ตอนที่ศีรษะของนางถูกปกคลุมไปด้วยเส้นผมมันก็ไม่มีอะไรเหลือ บนหนังศีรษะของนางเป็นแผลเป็นบางส่วนขึ้นสะเก็ดและบางส่วนที่มีคราบเลือด มันน่าขยะแขยงมาก

เฟิงเฉินหยูทำท่าขยะแขยงอยู่พักหนึ่งและแทบจะไม่สามารถระงับความรู้สึกนี้ได้

อย่างไรก็ตามฉิงเล่อเป็นคนที่เอ่ยปรามขึ้นมาว่า "ลองทำความคุ้นเคยกับมันแล้วจะดีขึ้น ตอนที่ข้าเห็นครั้งแรกว่าเกิดขึ้นกับศีรษะของข้า ข้าอยากจะตัดมันออกจากตัวข้า เจ้ารู้หรือไม่? ผมของข้าจะไม่ขึ้นอีก ท่านพ่อหาหมอมารักษาข้าหลายคนแล้ว ทุกคนก็บอกว่าผมข้าจะไม่ขึ้นอีกแล้ว"

ดวงตาของฉิงเล่อเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง สำหรับผู้หญิงที่ถูกไฟคลอกในระดับนี้ไม่มีความหวังอะไรสำหรับนางในชีวิตนี้

แต่เดิมนางเป็นบุตรสาวของเจ้าเมือง ! ถึงแม้บิดาของนางจะเป็นใต้เท้าที่ไร้อำนาจ แต่นางก็ยังมีภูมิหลังที่มีเกียรติมากกว่าเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่ตอนนี้นางตกอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว... "ทุกอย่างเป็นเพราะเฟิงหยูเฮง ข้าต้องการฆ่านาง!"

เฟิงเฉินหยูฉลาดมาก นางรู้ว่าฉิงเล่อไม่ได้เรียกนางออกมาเพื่อฟังคำบ่นเพียงเล็กน้อย ทั้งสองไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีพอที่จะพูดคุยอะไรที่น่ารื่นรมย์ ถ้าอีกฝ่ายต้องการระบาย พวกเขาจะไม่มองหานาง คิดถึงเรื่องนี้ ฉิงเล่อต้องการหารือเกี่ยวกับการเป็นพันธมิตรกับศัตรูของศัตรูของนาง และลากเฟิงหยูเฮงลงมาจากตำแหน่งอันรุ่งโรจน์ของนาง

เฟิงเฉินหยูรู้ว่าการได้ยินเรื่องความลับของอีกฝ่ายหนึ่ง นางจะต้องเปิดเผยความลับของนางเช่นกัน การทำเช่นนี้จึงจะทำให้ความสนิทสนมของพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง

ดังนั้นนางจึงเทน้ำชาใส่ถ้วย แต่นางไม่ดื่ม แต่นางจุ่มผ้าเช็ดหน้าของนางลงในน้ำชา หลังจากที่ผ้าเช็ดหน้าเปียกชื้นแล้วนางก็เช็ดคิ้วของตัวเองออกตรงหน้าฉิงเล่อ ครู่หนึ่งคิ้วทั้งสองข้างของนางถูกเช็ดออกหมด หน้าผากของนางไม่มีคิ้ว

ฉิงเล่อตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าของเฟิงเฉินหยูเป็นสิ่งที่ทำให้สาว ๆ ต้องอิจฉาเสมอ นั่นเป็นภาพที่ไม่สามารถเชื่อมโยงกับสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดตรงหน้านี้ได้ !

เฟิงเฉินหยูเห็นการแสดงออกของฉิงเล่อ และรู้ว่าการเปิดเผยของนางเองก็มีผล จากนั้นนางก็ปิดคิ้วของนาง "ต้องขอบคุณเฟิงหยูเฮง, ตอนนี้ข้าก็ตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับคุณหนูฉิงเล่อเช่นกัน"

ฉิงเล่ออยากรู้ว่า "เรื่องนี้เกิดขึ้นกับเจ้าได้อย่างไร? นางโกนคิ้วเจ้าหรือ?"

เฟิงเฉินหยูยิ้มอย่างขมขื่น "หากเอ่ยถึงเรื่องนี้ คุณหนูฉิงเล่อคงได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่งานศพของท่านแม่ข้า?"

"เรื่องของพี่ชายของเจ้าทำให้เกิดไฟไหม้?"

"อ่า" เฟิงเฉินหยูพยักหน้าแล้วกล่าวว่า "แต่สาเหตุที่พี่ใหญ่ทำให้เกิดไฟไหม้ ไม่ใช่เพราะเฟิงหยูเฮงเป็นคนฆ่าท่านแม่ แต่พี่ใหญ่สูญเสียการควบคุมตัวเองและต้องการที่จะฆ่านาง แต่เขาเสียการทรงตัวทำให้ไฟใหม้ยิงไปที่ห้องโถงไว้ทุกข์และไหม้คิ้วของข้า คุณหนูฉิงเล่อ ท่านบอกข้าสิ หนี้ของข้ากับเฟิงหยูเฮง ข้าควรจะให้พี่ใหญ่ชดใช้มันหรือไม่"

ฉิงเล่อเห็นด้วยกับความคิดของนาง "เจ้าควรจะให้เฟิงหยูเฮงชดใช้ พี่ชายของเจ้าทำอะไรถูกต้อง ถ้าเป็นข้า ข้าก็อยากฉีกร่างของนางออกเป็นชิ้น ๆ ก่อนที่ความเกลียดชังของข้าจะได้รับการแก้ไข คิ้วของเจ้าจะขึ้นใหม่หรือไม่?"

เฟิงเฉินหยูยิ้มอย่างขมขื่น "ข้าถามหมอแล้ว มันจะขึ้นอยู่เจ้าค่ะ แต่ใช้เวลานานมาก ไม่มีความหวังว่าขึ้นภายใน 1 ปี ถ้าข้าต้องการให้เป็นเหมือนเมื่อก่อนต้องใช้เวลานาน 2-3 ปี 2-3 ปีท่านก็รู้ ตอนนี้ข้าอายุ 14 ปี และในอีก 3 ปีข้างหน้าข้าจะแต่งงานแล้ว" นางตั้งใจทำให้น้ำเสียงแย่ลงเพื่อบรรเทาอารมณ์ของฉิงเล่อ ในความเป็นจริงคิ้วของนางควรจะเริ่มขึ้นใหม่ในครึ่งปี และจะกลับมาเป็นปกติในอีก 7-8 เดือน

ฉิงเล่อเริ่มโกรธ ยิ่งนางได้ยินและนึกถึงเส้นผมของตัวเอง "อย่างน้อยขนคิ้วเจ้าก็ยังขึ้นใหม่ แต่ข้าจะต้องอยู่แบบนี้ตลอดชีวิต"

เฟิงเฉินหยูรู้สึกว่าทั้งสองได้บรรลุข้อตกลง ดังนั้นนางไม่ได้รอให้ฉิงเล่ออธิบายอย่างเต็มที่ และกล่าวว่า "จริง ๆ แล้วเฟิงเฉินหยูและคุณหนูฉิงเล่อไม่มีการติดต่อจริง แต่ตอนนี้เรามีศัตรูร่วมกัน คุณหนูฉิงเล่อร่วมมือกับเฟิงเฉินหยูเพื่อแก้แค้นสิ่งที่เราต้องสูญเสียไป?"

ฉิงเล้อรู้สึกว่าเฟิงเฉินหยูตกที่นั่งเดียวกัน ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องออกความเห็น "ข้านัดเจ้ามาวันนี้ด้วยเหตุผลนี้ อย่างไรก็ตามเจ้าและนางก็อาศัยอยู่ในตระกูลเฟิง ดังนั้นเจ้าต้องรู้เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของนาง ด้านข้าซึ่งเป็นบุตรสาวเจ้าเมืองเป็นเวลาหลายปีนี้เพราะไม่มีอะไร ข้ามีกองกำลังของตัวเองอยู่ข้างนอก หากเราสองคนร่วมกันก็ไม่ต้องกลัวเฟิงหยูเฮงจะสร้างปัญหาสำหรับเรา"

เฟิงเฉินหยูมีความสุขมากในการสมรู้ร่วมคิดแก้แค้น ดังนั้นนางรีบพยักหน้า และกล่าวว่า "คุณหนูฉิงเล่อไม่ต้องเป็นห่วง ในอนาคตถ้าคุณหนูฉิงเล่อต้องการให้เฟิงเฉินหยูร่วมมือเพียงแค่แจ้งให้ข้าทราบ คำถามเดียวคือเราจะสื่อสารกันได้อย่างไร? การส่งจดหมายมาที่คฤหาสน์คงเป็นเรื่องยาก"

ฉิงเล่อมีความคิดเรื่องนี้ และบอกกับเฟิงเฉินหยูว่า "โรงเตี้ยมหมิงหยูนี้เป็นของคฤหาสน์ข้า ถ้าข้ามีข่าว ข้าจะส่งบ่าวรับใช้ที่นี่ นอกจากนี้เจ้าควรส่งบ่าวรับใช้ที่เชื่อถือได้มาที่นี่ด้วย หากเจ้ามีแผน เจ้าสามารถฝากมันไว้กับเถ้าแก่โรงเตี้ยมได้"

ณ จุดนี้ ฉิงเล่อและเฟิงเฉินหยูเป็นพันธมิตรที่เหมาะสม และสิ่งนี้เห็นได้ชัดว่ายังไม่ทราบถึงหูของเฟิงหยูเฮง ปัจจุบันนางกำลังช่วยเหยาซื่อเตรียมของให้เฟิงจื่อหรูที่จะเดินทางไปเซียวโจว

เหยาซื่อตัดสินใจส่งเฟิงจื่อหรูเดินทางให้เร็วที่สุด ประการแรกคือการแสดงให้สำนักศึกษาเห็นว่าพวกเขาทำดีที่สุด ประการที่สองนางต้องการให้เฟิงจื่อหรูออกจากที่ซึ่งมีแต่ความขัดแย้งเช่นตระกูลเฟิง โดยกลัวว่าจะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในสถานที่ที่ไม่สงบแห่งนี้

ในเรื่องนี้เฟิงหยูเฮงเห็นด้วย นางรู้สึกเสมอว่าความตายของเฉินซื่อ และการจากไปของเฟิงเฟินไดและเฟิงจื่อเฮาจะไม่ส่งผลให้ตระกูลเฟิงสงบลง ไม่รู้ว่าเฟิงเฉินหยูจะทำอย่างไรที่มารดาและพี่ชายของนางถูกกระทำเช่นนี้ ถ้านางไม่ทำอะไรก็คงไม่ใช่เฟิงเฉินหยู

เฟิงหยูเฮงเห็นได้ชัดว่าไม่ได้กลัวว่าการกระทำใด ๆ ของเฟิงเฉินหยูที่จะทำกับนาง แต่นางเป็นห่วงว่าเหยาซื่อและเฟิงจื่อหรูจะกลายเป็นเป้าหมาย ในความเป็นจริงนางอยากให้เหยาซื่อไปกับเฟิงจื่อหรูที่เซียวโจว แต่เฟิงจื่อหรูกล่าวว่าเขาเป็นคนที่กล้าหาญ เขาจะตัวติดกับมารดาในทุกที่ได้อย่างไร เพื่อที่จะฝึกฝนความเป็นอิสระของเขา นางสามารถยอมรับความคิดแบบนี้ได้เท่านั้น

เช้าวันรุ่งขึ้นสมาชิกตระกูลเฟิงก็มาชุมนุมกันที่ประตูคฤหาสน์หลังอาหารเช้า

คราวนี้เป็นเรื่องยินดีกับเฟิงจื่อหรูที่จะได้เป็นนักเรียนของสำนักศึกษาหยุนหลู่, เป็นศิษย์ส่วนตัวของราชครูเย่โหร่ง เรื่องนี้เป็นโอกาสที่น่ายินดียิ่งที่แม้แต่เฟิงจินหยวนก็อิ่มเอมใจขณะลูบหัวเฟิงจื่อหรู

ในที่สุดเขาก็ทำตัวเป็นบิดา การที่บุตรชายของเขามีอนาคตที่ยอดเยี่ยมมันสำคัญกว่าระดับขั้นขุนนางของเขาซึ่งทำให้เขาอบอุ่น เมื่อลูบหัวของเฟิงจื่อหรู เขาให้คำแนะนำและคำเตือน "เมื่อเจ้าไปถึงที่นั่น เจ้าต้องเชื่อฟังอาจารย์ อย่าเกียจคร้าน อย่าไปเรียนรู้สิ่งเลวร้ายจากเด็กเลว เจ้าจะเป็นศิษย์ส่วนตัว ดังนั้นเจ้าจะไม่เพียงแค่เรียนรู้จากอาจารย์ ในชีวิตประจำวันอาจารย์จะดูแลเจ้า เป็นอาจารย์เพียงวันเดียวถือเป็นบิดาชั่วชีวิต ดังนั้นเจ้าต้องไม่เป็นเหมือนนักเรียนคนอื่น ๆ และขอให้เรียนรู้จากอาจารย์เพียงคนเดียว เจ้าต้องแข่งขันกับคนอื่น ๆ "

เฟิงจื่อหรูพยักหน้าไม่ค่อยเข้าใจ จากนั้นเขาก็หันศีรษะไปที่หยูเฮง

นางเดินไปข้างหน้าและพูดซ้ำคำพูดของจินหยวน กล่าวเสริมว่า "ท่านพ่อบอกว่าเจ้าควรจะจดจำสิ่งดี ๆ ไว้ให้ดีที่สุด ไม่เป็นไรถ้าเจ้าไม่เข้าใจตอนนี้ ไม่นานเจ้าจะเข้าใจ" ในเรื่องของเฟิงจินหยวน เฟิงหยูเฮงได้ตกลงกันแล้ว ในความเป็นจริงนางรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือที่สุดที่ "จื่อหรู เจ้าโตแล้วและเจ้าจะไม่สามารถกลับบ้านได้บ่อย ๆ ดังนั้นเจ้าต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเวลาที่เจ้าอยู่นอกบ้าน ในอนาคตเจ้าจะต้องเป็นเหมือนพ่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้อาจารย์ของเจ้าช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ดีที่สุด "

เฟิงจื่อหรูพยักหน้าอย่างจิรงจัง ก่อนที่จะกล่าวกับเฟิงหยูเฮงและเฟิงจินหยวนว่า "ข้าจะจำไว้ขอรับ ขอบคุณท่านพ่อและพี่ใหญ่ที่ช่วยสั่งสอน ท่านพ่อดูแลตัวเองด้วยขอรับ" หลังจากที่เขาพูดแบบนี้เขาหันไปทางฮูหยินผู้เฒ่า "จื่อหรูจะไม่ได้อยู่ดูแลท่านย่า ท่านย่าอย่าโกรธข้าเลยนะขอรับ"

น้ำตาเริ่มไหลออกจากดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่า ทั้งเฟิงจื่อเฮาและเฟิงจื่อหรูไปที่สำนักศึกษาหยุนหลู่ แต่คราวนี้ช่างรู้สึกประทับใจและน่าภาคภูมิใจมากขึ้นกว่าปีที่พวกเขาได้ส่งเฟิงจื่อเฮาไป

เหยาซื่อกอดเฟิงจื่อหรูในขณะที่ร้องไห้ และเฟิงหยูเฮงพบว่ามันยากมากที่จะแยกทั้งสอง นางยังสัญญากับเฟิงจื่อหรูว่านางจะไปเยี่ยมเขาที่เมืองเซียวโจว หลังงานเลี้ยงกลางฤดูใบไม้ร่วงจบลง แล้วนางก็ส่งเฟิงจื่อหรูขึ้นรถม้า

การเฝ้าดูรถม้าที่เดินทางไกลออกไป เฟิงจินหยวนครุ่นคิดถึงคำที่ฮูหยินผู้เฒ่าพูดเมื่อวานนี้ เขาเริ่มมีความหวังจริง ๆ หวังว่าตระกูลเฟิงจะไม่เป็นไร ดังนั้นเขาจึงสามารถส่งเสริมเหยาซื่อได้อีกครั้ง เช่นนี้เฟิงจื่อหรูและเฟิงหยูเฮงจะกลายเป็นบุตรชายและบุตรสาวของเขากับฮูหยินใหญ่ กับบุตรสาวคนรองของเขากับฮูหยินใหญ่จะเป็นพระชายาขององค์ชายเก้า และบุตรชายคนรองของเขากับฮูหยินใหญ่จะเป็นศิษย์น้องของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ความรุ่งโรจน์จะหนีไปไหน !

หันไปรอบ ๆ เขาจดจำคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า เฟิงจินหยวนรู้ว่าเขาและฮูหยินผู้เฒ่ามีความคิดที่คล้ายกัน

หลังจากที่เฟิงจื่อหรูออกเดินทาง ทุกคนก็พร้อมที่จะกลับไปที่คฤหาสน์ เมื่อเห็นรถม้าไกล ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าพูดโพล่งด้วยความตกใจ นางจำได้ทันทีลักษณะของรถ นางรีบพูดว่า "เดี่ยวก่อน นั้นดูเหมือนจะเป็นรถม้าของราชสำนัก !"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด