ตอนที่แล้วตอนที่ 33 : เกินเยียวยาแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 35 : จะไม่ทำให้ตัวเองเสียใจ

ตอนที่ 34 : แต่งงานตอนอายุ 15 ปี


ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็ได้สติกลับมา นางเดินเข้าไปใกล้เฟิงหยูเฮง เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพวกนาง "อาเฮง เจ้าก็มาอยู่ที่เรือนขจีจนกว่าประตูจันทราจะพร้อมใช้งาน เมื่อใช้งานได้แล้วก็ให้ดูว่าขาดเหลืออะไรบ้าง บอกย่า แล้วย่าจะจัดการให้"

เฟิงหยูเฮงยิ้ม "ขอบคุณท่านย่า องค์ชายเก้าได้ส่งเครื่องเรือนจำนวนมากมาให้ข้า ไม่น่าจะขาดเหลืออะไร สิ่งที่ข้าต้องการคือการช่วยย้ายสิ่งของเหล่านี้"

"ได้แน่นอน" ฮูหยินผู้เฒ่าตอบอย่างมีความสุข! นี่เป็นการสนทนาปกติ นางกลัวว่าหยูเฮงจะบอกว่าไม่มีอะไรที่นางต้องการและทำให้นางกังวลอย่างแท้จริง "ยายจาวได้แจ้งกับบ่าวรับใช้แล้ว อย่างไรก็ตามจะต้องใช้เวลานานในการขนย้าย" และนางกล่าวต่อว่า "สาวใช้ที่มีทักษะเหล่านี้จะอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้า ไม่จำเป็นต้องส่งมอบสัญญาทาสให้กับตระกูลเฟิง เจ้าสามารถเก็บไว้ได้ สำหรับค่าใช้จ่ายประจำเดือน ตระกูลเฟิงจะมอบให้บางส่วน"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินซื่อก็ลืมตัวและตะโกนขึ้นมาว่า "ทำแบบนี้ไม่ได้นะ ท่านแม่! บ่าวรับใช้ทั้งหมดของตระกูลเฟิงต้องทำสัญญาและเก็บสัญญาไว้ที่ตระกูลเฟิง ถ้าไม่ทำเช่นนั้น มันจะไม่เป็นระเบียบนะเจ้าคะ"

เฟิงจินหยวนและฮูหยินผู้เฒ่าจ้องมองเฉินซื่อด้วยสายตาเย็นชา เฟิงเฉินหยูจึงเป็นตัวกลางในการเจรจาอย่างรวดเร็ว "ท่านแม่อย่ากังวล ข้าสัญญาว่าจะไม่เพิ่มสาวใช้ส่วนตัว "

อันชิและฮันชิเดินนำเฟิงเซียงหรูและเฟิงเฟินไดมา และกล่าวพร้อมกัน  "พวกข้าก็เช่นกันเจ้าค่ะ"

เฟิงจินหยวนถามเฉินซื่อว่า "เจ้ามีอะไรที่จะพูดอีกหรือไม่?"

เฉินซื่อถูกเฟิงเฉินหยูจับไว้แน่น นางจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้าลงนิ่งเงียบเท่านั้น

เฟิงจินหยวนเห็นเฉินซื่อเงียบ เขาก็ถอนหายใจ "เนื่องจากไม่มีการคัดค้านใด ๆ เราจะดำเนินการเช่นนั้น! เป็นเช้าที่วุ่นวายเสียจริง ทุกคนคงเหนื่อย เราแยกย้ายกันไปในตอนนี้เลย"

ทุกคนโค้งคำนับและแยกย้ายกันไป เฟิงหยูเฮงมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่าและกล่าว "อาการปวดเอวของท่านย่า น่าจะลองใช้วิธีการที่ข้าบอกไว้ก่อนหน้านี้ดูนะเจ้าคะ"

ฮูหยินผู้เฒ่าตอบทันที "หลานรักไม่ต้องกังวล ข้าจำทุกอย่างที่เจ้าพูดได้"

เฟิงหยูเฮงจึงโค้งคำนับอีกครั้งและกลับไปที่เรือนขจีพร้อมกับสาวใช้ 2 คน

ฮูหยินผู้เฒ่ามองตามเฟิงหยูเฮงที่เดินจากไป นางรู้สึกมีความสุขกับตัวเอง ตอนนี้เด็กหญิงคนนั้นกังวลเรื่องสิทธิของนางมากทีเดียว? ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วนางก็เต็มใจที่จะยอมรับความปรารถนาดีจากนาง?

โชคไม่ดีที่เฟิงหยูเฮงไม่ได้คิดแบบนี้ ในความเห็นของนาง ผู้คนในตระกูลเฟิงนี้ช่างขาดแคลนและจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนใหม่ นางยังคงต้องนับรวมเหยาซื่อและเฟิงจื่อหรูเข้าไปด้วย การทำสิ่งต่าง ๆ มากมายเพียงคนเดียวไม่อาจทำการได้สำเร็จ บางทีอาจเป็นการดีที่จะหาคนที่ไหลไปตามน้ำก่อน หรือบางทีนางควรจะปราบปรามคนที่ดื้อดึงที่สุดก่อนที่จะค่อย ๆ กลับมารวบรวมคนอื่น ๆ

ระหว่างที่กลับมาที่เรือนขจี เฟิงหยูเฮงได้สอบถามชื่อของสาวใช้สองคนนี้ พวกนางมีความสามารถพิเศษมาก คนหนึ่งชื่อหวงซวน อีกคนชื่อวังซวน หวงซวนเป็นคนที่สดใส แต่วังซวนจะเย็นชา

หวงซวนมีความกระตือรือร้นในการบอกเล่าถึงเหตุผลของพวกนางให้กับเฟิงหยูเฮง "องค์ชายเก้าทรงกล่าวว่าตระกูลเฟิงไม่ได้ดีไปกว่าโจร แม้ว่าใต้เท้าเฟิงจะสอบจอหงวนได้ในปีนั้น ครอบครัวของเขาก็ยังไม่ได้รับการศึกษาที่ดีเช่นเขา นอกจากนี้ใต้เท้าเฟิงเองก็ไม่สามารถเป็นพ่อที่ดีได้ พระองค์ไม่เข้าใจว่าเขากลายมาเป็นเสนาบดีฝ่ายซ้ายของอาณาจักรแห่งนี้ได้อย่างไร ดังนั้นพระองค์จึงส่งวังซวนและข้ามาเพื่อปกป้องพระชายา เราจะไม่ยอมให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับพระชายา และเราจะได้มั่นใจว่าพระชายาไม่ได้ถูกรังแกจากตระกูลเฟิงเจ้าค่ะ"

วังซวนเห็นว่าหวงซวนพูดจบ นางพูดอย่างใจเย็นว่า "พระองค์กล่าวอีกว่าพระองค์จะรอให้พระชายาอายุ 15 ปีแล้วจะจัดงานแต่งงานทันทีเจ้าค่ะ"

หน้าผากของหยูเฮงเริ่มมีเหงื่อออก แต่งงานตอนอายุ 15 ทำไมคนโบราณรีบร้อนแต่งงานกันจัง!

เมื่อครุ่นคิดถึงคนผู้นั้นอีกครั้ง นางพบว่าความคาดหวังเริ่มค่อย ๆ หยั่งรากลึกลงในหัวใจของนาง

เฟิงหยูเฮงสงบอารมณ์ลงเล็กน้อย นางถามหวงซวนและวังซวนว่า "ข้าเห็นว่าเจ้าทั้งสองคนนั้นฝีเท้าเบาและคล่องแคล่ว นอกจากนั้นชีพจรของพวกเจ้ายังหนักแน่นและสม่ำเสมอ ดูเหมือนพวกเจ้าต้องไม่ใช่สาวใช้ทั่วไปเป็นแน่ พวกเจ้าเคยฝึกวิทยายุทธมาก่อนใช่หรือไม่ ?"

หวงซวนยิ้มรับ พลางกล่าวว่า "ข้าเก่งเรื่องดาบที่สุด ขณะที่วังซวนเก่งเรื่องวิชาตัวเบาที่สุด พระองค์กล่าวว่าเราจะปกป้องและรับใช้พระชายาได้เจ้าค่ะ"

เฟิงหยูเฮงรู้สึกว่านางเป็นเด็กที่มีความสุขมาก "ทำไมข้าถึงได้กลายเป็นพระชายา ทั้งที่ข้ายังไม่ได้แต่งงานกับองค์ชาย"

"มันจะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว" หวงซวนกล่าวอย่างไม่แยแส

ในขณะที่วังซวนได้กล่าวเพิ่มเติมว่า "หวงซวนจดจำได้ดีว่านี่คือตระกูลเฟิง ไม่สำคัญว่าใต้เท้าเฟิงจะเป็นคนแบบไหน เราไม่สามารถฝ่าฝืนกฎที่นี่ได้ ที่นี่เราต้องเรียกพระชายาว่าคุณหนูรอง"

หวงซวนพยักหน้า "เข้าใจแล้ว"

เฟิงหยูเฮงหัวเราะเบา ๆ ดูเหมือนว่าเฟิงจินหยวนได้ละทิ้งสิ่งที่ต้องการไว้ในขณะที่ทำหน้าที่เป็นเสนาบดีฝ่ายซ้าย อย่างน้อยคนก็มองข้ามเขาอย่างสิ้นเชิง มิฉะนั้นละครฉากใหญ่คงจะไม่ได้แสดงออกมาในวันนี้ และหวงซวนกับวังซวนก็น่าสงสารเช่นกัน

"วังซวน ติดตามข้าตลอดไปนะ" เฟิงหยูเฮงกล่าว นางตั้งใจที่จะแก้ไขความเกลียดชังของเฟิงจินหยวน นางเชื่อใจพวกนางที่สามารถคาดเดาได้ พวกนางพูดต่อหน้านาง พวกนางดูไม่เหมือนคนที่จะก่อปัญหา

"แล้วข้าล่ะ?" หวงซวนตะลึง "พระชายา ท่านไม่ต้องการข้าหรือเจ้าคะ?"

เฟิงหยูเฮงส่ายหัว "แน่นอนว่าข้าต้องการเจ้า แต่เจ้ามีภารกิจที่สำคัญกว่าการติดตามข้า"

หวงซวนคิดไม่ออก "มีสิ่งใดที่สำคัญกว่าการดูแลคุณหนูรองหรือเจ้าคะ?"

เฟิงหยูเฮงบอก "ดูแลและปกป้องท่านแม่กับน้องชายของข้า"

หวงซวนพยักหน้าเข้าใจ หลังจากที่องค์ชายเก้าได้มอบงานให้กับพวกนางแล้ว องค์ชายเก้าบอกทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตระกูลเฟิงและเฟิงหยูเฮง

แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นเพียงรายละเอียดที่รู้จักกันทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้รวมถึงข้อมูลอื่น ๆ เช่น การเผชิญหน้ากันที่ภูเขาในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ แต่เขาบอกว่าในคืนนั้นองค์ชายเก้าได้วิเคราะห์บุคลิกภาพของคุณหนูรอง

ดังนั้นหวงซวนและวังซวนจึงเข้าใจว่านางถูกขับไล่ออกจากตระกูล ถูกทอดทิ้งเป็นเวลา 3 ปี นางต้องต่อสู้กับอะไรมากมาย นางต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ที่หมู่บ้านบนภูเขากับมารดาและน้องชายของนาง

"คุณหนูรองไม่ต้องกังวล ข้าจะปกป้องนายหญิงและนายน้อยด้วยเจ้าค่ะ" หวงซวนยิ้ม ท่าทางนางดูจริงจังมาก

เฟิงหยูเฮงพยักหน้ารู้ว่าสาวใช้ที่ส่งมาจะทำตามคำสั่ง

ถนนที่ทอดยาวไปที่เรือนขจีนั้นยาวมาก ตลอดทางที่เดินกลับไป ทั้งสามมีคำถามที่จะถามและตอบ ดูเหมือนว่าพวกนางชมชอบที่จะสนทนากัน อย่างไรก็ตาม หวงซวนและวังซวนปล่อยให้ม่านซีติดตามพวกนางในระยะไกลจากสายตาของพวกนาง

เฟิงหยูเฮงสังเกตเห็นมานานแล้วและได้รับทราบถึงผลงานที่น่าพอใจ หญิงสาวคนนี้เริ่มออกเดินเคียงข้างพวกเขา แต่ขณะที่หวงซวนและวังซวนเริ่มพูดถึงตระกูลเฟิง ม่านซีชะลอฝีเท้าของนาง และนางอยู่ใกล้พอที่จะมองเห็นด้วยสายตาแต่ก็ไกลพอที่จะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกนางพูดคุยกัน

การยอมรับในตัวม่านซีเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย นางเป็นคนช่างสังเกต ถ้านางนำมันไปใช้เป็นประจำ นางอาจจะถูกมองว่ามีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

ขณะที่พวกนางเดินกลับไปที่เรือนขจี เหยาซื่อและเฟิงจื่อหรูกำลังรอพวกเขาอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นพวกนางกลับมา เฟิงจื่อหรูเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าไปหาและกอดเอวเฟิงหยูเฮง "พี่ใหญ่ ทำไมพี่ใหญ่ถึงเพิ่งกลับมา? คนที่อยู่ข้างนอกคือใคร? ข้าอยากไปดูจะแย่ แต่แม่นมซันไม่ให้ข้าไป"

เฟิงหยูเฮงลูบหัวของเฟิงจื่อหรูและบอกเขาว่า "แขกที่มาเยี่ยมเยือนเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก ข้าและพี่ใหญ่ต้องไปต้อนรับพวกเขาที่ลานข้างนอก"

"แล้วทำไมข้าถึงทำไม่ได้?" เฟิงจื่อหรูก้มหน้าลงและมองไปที่เสื้อผ้าของเขาพลางกล่าวว่า "อาจจะเป็นเพราะเสื้อผ้าเหล่านี้ดูไม่สมฐานะและเก่าเกินไป ทำให้ตระกูลเฟิงเสียหน้า แต่ไม่เป็นไร ว่าแต่ไม่มีเสื้อผ้าชุดใหม่มาด้วยหรือพี่ใหญ่? ข้าอยากจะเปลี่ยนชุดแล้ว ข้ารู้สึกไม่สบายตัวเหมือนคอปกเสื้อมันทิ่มแทงคอข้าตลอดเลย"

เฟิงหยูเฮงจำได้ถึงบางสิ่งและหันมาสั่งการ "แม่นมลี ข้าได้ส่งคนมาวัดตัวและตัดเย็บเสื้อผ้าชุด ไปถามว่าพวกเขาพร้อมหรือไม่"

แม่นมลีไม่ได้พูดอะไร นางรีบวิ่งไปที่เรือนซูหยา

นี่เรื่องตลกอะไร! คุณหนูรองกลับมาสู่ตำแหน่ง นี่คือสิ่งที่แพร่กระจายไปในหมู่บ่าวรับใช้ของตระกูลเฟิง แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกลออกไป แต่ก็ยังเห็นสัญญาณแห่งความยุ่งยาก องค์ชายเก้าได้ส่งนางกำนัลอาวุโสโจวชิมาให้การสนับสนุนเฟิงหยูเฮง นางเป็นเพียงหญิงชรา นางจะมีปัญญาต่อต้านองค์ชายเก้าได้อย่างไร?

เมื่อแม่นมลีจากไป เปาถังรู้สึกอายมาก นางเห็นว่าทัศนคติของม่านซีที่มีต่อเฟิงหยูเฮงเปลี่ยนไปเช่นเดียวกับแม่นมลี แต่นางไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลานหน้าบ้าน นอกจากนี้นางยังไม่รู้เรื่องในการจัดการกับสิ่งต่าง ๆ เช่นแม่นมลี

ดังนั้นเมื่อหวงซวนและวังซวนโค้งคำนับต่อเหยาซื่อและกล่าวว่า "บ่าวรับใช้ หวงซวนและวังซวนคำนับฮูหยินเจ้าค่ะ"

เปาถังกล่าวทันทีว่า "พวกเจ้ามาใหม่หรือ? ดูเหมือนว่าพวกเจ้าไม่รู้กฎของที่นี่ ฮูหยินใหญ่ของตระกูลเฟิงอาศัยอยู่ที่เรือนจินหยู นี่เป็นเพียงฮูหยินรองเท่านั้น"

วังซวนมองเหลือบมองที่เปาถังแวบเดียวด้วยแววตาคมกริบราวกับมีด เปาถังรีบหดหัวกลับและได้ยินวังซวนกล่าว "กฎของเราคือกฎขององค์ชายเก้าที่ตั้งไว้ ถ้าเจ้ามีข้อคัดค้านใด ๆ ข้าสามารถแจ้งต่อองค์ชายเก้าได้"

เปาถังจะมีความสามารถเช่นนั้นได้อย่างไร นางก้มศีรษะของนาง นางยังคงนิ่งเงียบ

แม่นมซันเห็นว่าทั้งสองสาวที่มาใหม่สุภาพต่อเหยาซื่อ นางมีความสุขมาก นางจับมือวังซวนและหวงซวน พร้อมกับกล่าวว่า "ในอนาคตเราจะอยู่เคียงข้างกัน"

ในเรือนขจี เจ้านายและสาวใช้กล่าวโอภาปราศรัยกันที่ลานหน้าบ้าน เฮ่อจงกำลังสั่งบ่าวรับใช้คนอื่นยกหีบของหมั้นที่องค์ชายเก้ามอบให้ไปเก็บ

ก่อนหน้านี้เหยาซื่อได้ยินบ่าวรับใช้พูดซุบซิบกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ลาน ขณะนี้ตอนที่นางเห็นหีบจำนวนมากวางอยู่ที่นั่น นางตระหนักได้ถึงการแต่งงานที่จะจัดขึ้น แต่มันไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้นางมีความสุข นางรู้สึกเศร้าเล็กน้อย แม้ว่าเฟิงจื่อหรูจะมีความสุขแต่ก็ไม่ได้ทำให้นางมีความสุขไปด้วย

การเห็นหวงซวนและวังซวนช่วยให้ผู้คนนำสิ่งต่าง ๆ เข้ามาที่เรือนขจี เหยาซื่อดึงเฟิงหยูเฮงไปคุยกันสองคน "ข้าได้ยินจากที่บ่าวรับใช้พูดคุยกันว่าใบหน้าและขาทั้งสองข้างขององค์ชายเก้านั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขายังกล่าวอีกว่าไม่มีความหวังสำหรับเรื่องทายาท เรื่องนี้เจ้าควรพิจารณาทบทวนอีกสักหน่อยไม่ดีหรือ?"

เฟิงหยูเฮงหัวเราะ "ท่านแม่ที่รัก ท่านต้องการให้ข้าพิจารณาอะไร?" นางลูบหลังมือเหย้าซื่อเบา ๆ และปลอบโยนนาง "อย่าพูดถึงสถานะปัจจุบันของเราในตระกูลเฟิงซึ่งเลวร้ายกว่าเมื่อก่อน แต่มองย้อนไปถึงเวลาที่ท่านแม่เคยเป็นฮูหยินใหญ่ของตระกูลเฟิง และข้าเคยเป็นบุตรีของฮูหยินใหญ่ ท่านแม่จะให้ข้าหนีการแต่งงานกับองค์ชายหรือเจ้าคะ มันเป็นไปไม่ได้เจ้าค่ะ"

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด