ตอนที่แล้วบทที่ 102 - ฉันคือวิญญาณเร่ร่อน (3) [อ่านฟรีวันที่ 08/01/2562]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 104 - ฉันคือวิญญาณเร่ร่อน (5) [อ่านฟรีวันที่ 12/01/2562]

บทที่ 103 - ฉันคือวิญญาณเร่ร่อน (4) [อ่านฟรีวันที่ 10/01/2562]


บทที่ 103 - ฉันคือวิญญาณเร่ร่อน (4)

 

ในสามเดือนที่เขาไม่อยู่ โลกได้กลายเป็นเคยชินกับหายนะมากยิ่งขึ้น

อาหารที่ปลอดภัยหลายแห่งได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่และระบบการจัดการเกี่ยวกับดันเจี้ยนอย่างเป็นทางการก็ได้ถูกสร้างขึ้นมา กลุ่มผู้ใช้พลังที่ถูกจัดการดำเนินการด้วยประเทศต่างๆก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา และตระกูลที่ซึ่งถูกจัดการกันเองก็ยังปรับตัวเข้ามาแทนที่ในสังคมที่ถูกเปลื่ยนแปลงไป

มูลค่าของผู้ใช้พลังที่แข็งแกร่งได้มากยิ่งๆขึ้นและมีอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีจำนวนมากที่ได้หายไป และแม้กระทั่งมีอุตสาหกรรมใหม่ๆเริ่มเพิ่มขึ้นมา

แน่ว่านี่มันเป็นความสำเร็จที่ถูกสร้างขึ้นมาภายใต้เลือดและหยาดเหงื่อจำนวนมาก

มานาที่ควบแน่นในญี่ปุ่นได้กระจายไปทั่วโลกตามการตายของโอโรจิและการควบแน่นของมานาบนโลกก็เพิ่มขึ้นไปในขณะเดียวกันซึ่งมันทำให้ความถี่ในการเกิดขึ้นของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนสูงยิงขึ้นไป ทุกๆคนต่างก็ได้ใช้พลังต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเกิดของพวกเขา

ในขณะเดียวกันทั้ง 26 ตระกูลที่ได้ประสบความจำเร็จในการยกระดับอาวุธสูงขึ้นจากแวนการ์ดก็ได้ฉายแสงออกมามากยิ่งกว่าคนอื่น

อุปกรณ์ที่ยูอิลฮานขายออกไปยังสามารถใช้ได้ดีต่อให้อยู่ในคลาส 3 ก็ตามทีและแค่พวกเขาต้องล่ามอนสเตอร์ระวังๆไม่ให้ได้รับความเสียหายก็พอ

ชื่อเสียงของพวกเขาได้เพิ่มมากขึ้นในทุกๆวันในประเทศของตนเองและในโลกนี้ และจริงๆแล้วเลเวลของเขาก็เพิ่มเร็วมากขึ้นจนตระกูลอื่นๆไม่สามารถจะเทียบกับพวกเขาได้เลย นั่นมันทำให้พวกตระกูลอื่นๆต่างก็สิ้นหวัง

พวกเขาได้ภาวนาให้แวนการ์ดขายอาวุธระดับสูงให้พวกเขาหรือแม้กระทั่งแค่อาวุธระดับพื้นฐานในระดับบนๆก่อนช่องว่างจะขยายไปกว่านี้อีก

มันเป็้นเรื่องน่าตลกมาก แต่ว่าร้านขายอุปกรณ์ของยูอิลฮานที่ตั้งขึ้นมาเนื่องจากว่าเขาไม่ต้องการรับภาระเพียงคนเดียวได้กลายเป็นที่ต้องการเป็นอันดับหนึ่งสำหรับทุกๆคนบนโลกภายในเวลาแค่เพียงสี่เดือนเท่านั้น

มีอีกสองกลุ่มที่ได้รับความสนใจไม่น้อยหน้าไปกว่าแวนการ์ดเลยนั่นก็คือตระกูลเทพสายฟ้าของเกาหลีและกลุ่มกองกำลังปราบปรามที่ซึ่งเป็นองกรค์เพียงหนึ่งที่อยู่ภายใต้รัฐบาลของประเทศเดียวกันซึ่งได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์มาจากยูอิลฮาน

[ตระกูลเทพสายฟ้าได้พิชิตดันเจี้ยนระดับยากอีกแห่งแล้ว!]

[การพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดมากๆนี้ ทุกๆคนได้คาดเอาไว้ว่าเป็นพันธมิตรของแวนการ์ด]

[เสือแห่งเกาหลีกองกำลังปราบปรามได้กลายเป็นกองทัพที่ถูกยอมรับโดยทั่วกันแล้ว]

"ว้าว"

[ดูเหมือนว่าอุปกรณ์ของนายมันจะได้ผลดีนะ]

มันดูเหมือนว่าชื่อเสียงของตระกูลเทพสายฟ้ากับกองกำลังปราบปรามจะเพิ่มสูงขึ้นมากๆเนื่องจากว่าเขายังได้เห็นข่าวเรื่องนี้ถึงแม้ว่าเขาจะยังอยู่ที่อเมริกาก็ตามที ข่าวส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับตระกูลเทพสายฟ้าได้ช่วยตระกูลที่ติดอยู่ในดันเจี้ยนหรือเรื่องเกี่ยวกับกองกำลังปราบปรามที่ได้กำจัดมอนสเตอร์ในพื้นที่อันตรายของประเทศอื่นๆได้อย่างปลอดภัย

"ว้าว มีธงชาติเกาหลีโบกสะบัดไปทั่วเลยแหะ"

[นายก็ควรจะได้รับส่วนแบ่งสูงมากเหมือนกันนะ ทำไมนายไม่ขอให้พวกเขาแบ่งภาษีมาให้นายในทุกๆครั้งที่มีธงชาติล่ะ?]

"เธอเป็นอัจฉริยะรึไงเนี้ย?"

แน่นอนว่าแวนการ์ดควรจะมีอิทธิพลต่อมันด้วยเนื่องจากว่ามันเปิดภายในกรุงโวล ความคิดเห็นที่ว่าตระกูลเทพสายฟ้ามีความสัมพันธ์กับแวนการ์ดก็เข้าข่ายด้วย

ตระกูลเทพสายฟ้าไม่ได้มีทั้งการยอมรับหรือการปฏิเสธในเรื่องนี้ แต่ว่าคนอื่นๆมั่นใจในเรื่องนี้

[ใครกันที่เป็นเจ้าของแวนการ์ด ยูอิลฮานงั้นหรอ?]

[การสนับสนุนทางอาวุธของแวนการ์ดไม่มีให้เห็นในโลกอื่นเลย ประธานยูอิลฮานอาจจะมีความสามารถพิเศษส่วนตัวที่สามารถจะสนับสนุนความสามารถในการสร้าง....]

ในจุดนี้ได้มีผู้คนที่เติมแต่งเรื่องราวของแวนการ์ด เทพสายฟ้าและกองกำลังปราบปราม และยังกระทั่งมีเวอร์ชั่นที่สองอีกด้วยซ้ำ ในระหว่างที่ยูอิลฮานได้เดินทางไปสนามบินในขณะปกปิดตัวตนเขาก็ได้อ่านเรื่องราวที่แตกต่างกันไปถึงสิบเรื่อง

"โลกนี้มันให้ความรู้สึกฟืดจริงๆเลย"

"ความเข้มขนของมานาต่ำมากเกินไป"

"ฮ่าห์ ฟู่"

เอลฟ์ทั้งสี่คนได้ตามติดยูอิลฮานด้วยความกลัวที่ว่าการปกปิดตัวตนจะหายไปก็ได้มีความรู้สึกลำบากกับความต่างของความเข้มข้นของมานาระหว่างดาเรย์กับโลก หูยาวๆของพวกเขาได้กระพือไปมาเพื่อพิสูจน์เรื่องนี

พวกเขาจะต้องรู้สึกเหมือนกับว่าพลังของพวกเขาได้กำลังถูกดูดออกไป จริงๆแล้วยูอิลฮานก็ยังรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่คล้ายๆกันดังนั้นเขาจึงรู้เป็นอย่างดี เขาได้ขำออกมาในขณะที่พูดขึ้น

"พวกนายอาจจะไม่สามารถเอาพลังออกมาใช้ได้เต็มที่ในที่นี่"

"พวกเราได้เตรียมตัวมาแล้ว แต่ว่าความเจ็บปวดมันเจ็บปวดมากเหนือกว่าจินตนาการซะอีก"

"มีฮีโร่แบบองค์จักรพรรดิมาจากในโลกที่เพิ่งจะผ่านเพียงแค่หายนะครั้งแรกได้ยังไงกันนะ?"

"ฉันบอกว่าอย่าเรียกฉันว่าจักรพรรดิไง"

"อ่า ผมขอโทษครับท่านจักรพรรดิ"

เขาได้ตัดสินใจอย่างเงียบๆว่าเขาควรจะอบรมพวกนี้ให้ถูกต้องเมื่อกลับไปถึงบ้าน ยูอิลฮานได้พาพวกเขาไปสู่สนามบิน จากนั้นเขาก็เมินผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนและลักรอบเข้าไป เอลฟ์ก็ทำแค่ติดตามยูอิลฮานมาที่สนามบินโดยไม่รู้อะไรเลย

"นั่นมันน่าสนใจจริงๆเลย การที่เจ้ากองเหล็กมาบินบนท้องฟ้านี่มัน"

"มีประเทศมนุษย์บ้างที่ทำสิ่งแบบนี้ได้"

"เธอพูดถูก พวกเขาได้ล่มสลายไปในเวลาสั้นๆหลังจากหายนะครั้งใหญ่ครั้งที่สอง"

การพูดคุยอย่างไม่คิดอะไรของพวกเอลฟ์ได้ทำให้ยูอิลฮานต้องตัวสั่น นี่มันราวกับเป็นการบอกใบ้ว่าอารยธรรมของมนุษย์จะตกต่ำลงไป

[โลกอาจจะต่างออกไป โลกทั้งหมดต่างก็มีแนวทางในการดำเนินชีวิตเป็นของตัวเอง]

"ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีไปนะ"

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงพวกของยูอิลฮานก็ได้มาถึงที่เกาหลี มีหลายสิ่งได้เปลื่ยนไปภายในเกาหลีเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองได้รับการพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็วมาก

ความหนาแน่นของประชากรได้เพิ่มมาขึ้นและส่วนพื้นที่อันตรายของมอนสเตอร์ก็ได้ถูกแยกเอาไว้อย่างชัดเจนสมบูรณ์ เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังมองดูประเทศที่ต่างออกไปโดยสมบูรณ์

"ที่นี่คือบ้านเกิดขององค์จักรพรรดิ!"

"มันเต็มไปด้วยความวุ่นวายแล้วก็เสียงดัง แล้วก็พวกบ้านพวกนั้นมันดูแปลกมากเลย"

"ฉันไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่พวกนายกำลังพูดเลยจริงๆ"

"อ่า"

ในที่สุดยูอิลฮานก็รู้ตัวแล้วว่าพวกเอลฟ์ไม่ได้พูดภาษาเกาหลี ภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่เช่นกัน ในขณะนี้ยูอิลฮานได้หดหู่เมื่อคิดขึ้นได้ว่าอย่างแรกเขาจะต้องสอนภาษาเกาหลีให้พวกเขาก่อน เอิลต้าก็ได้พูดเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนัก

[พวกเขาต้องการก็แค่อาร์ติแฟคบางอย่างเท่านั้นเอง]

"อะไรนะ!?"

[กองทัพสวรรค์ได้มีอาร์ติแฟคที่ลงเวทย์แปลภาษาเอาไว้ ถึงแม้ว่ามันจะใช้ไม่ได้กับการแปลภาษาคำพูดของมอนสเตอร์หรือภาษามังกร แต่ว่ามันก็เป็นไปได้ที่จะแปลภาษาระหว่างภาษาของเอลฟ์กับภาษาของมนุษย์บนโลกนี้]

ยูอิลฮานได้อ้าปากกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

"ไม่มีทางน่า มันไม่มีทางที่พวกเธอจะมีความสามารถแบบนั้นได้นี่"

[ถ้างั้นก็ลืมมันไปซะ]

"ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ช่วยยกของพวกนั้นให้ฉันที"

[เฮะเฮะ ถ้างั้นฉันจะแบ่งให้นายบ้างก็ได้ ในเมื่อนายทำความสำเร็๗ที่ยิ่งใหญ่มากๆมา ดังนั้นอาร์ติแฟคในการแปลภาษาก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร]

ยูอิลฮานก็ยังหัวเราะออกมาเมื่อเห็นเอิลต้าได้มีความสุขจากการสัมผัสกับความรู้สึกที่เหนือกว่าที่เธอไม่ได้รู้สึกมานานแล้ว ยังไงก็ตามมันก็แค่นิดเดียวเท่านั้นเอง เนื่องจากว่าคำพูดว่า 'กองทัพสวรรค์' มันทำให้เขาได้คิดถึงบางคนและหน้าซีดลงไป

"ลิต้าจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"

เขาไม่อาจจะมั่นใจอะไรได้ แต่ว่ายูอิลฮานมั่นใจว่ากองทัพปีศาจแห่งการทำลายได้เล็งเป้ามาที่เขาเพื่อจัดการกับลิต้า ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะลิต้าแข็งแกร่งและข่มเหงพวกนั้น หรือว่าเธอจะมีค่าต่อพวกนั้นก็ตามที

แต่เนื่องจากยูอิลฮานได้ฆ่าพวกนั้นไปหมดแล้วดังนั้นไม่ต้องพูดถึงการถูกจับเลย มันไม่มีปัญหาแล้ว แต่ว่าหากว่าลิต้าถูกเจ้าพวกนั้นหลอกเอาล่ะ? ต่อให้เธอไม่ถูกหลอก แต่หากว่าเธอแพ้พวกมันล่ะ?

เขาได้หยุดความคิดพวกนี้เอาไว้ในตอนที่อยู่ในดาเรย์เนื่องจากว่าเขาไม่อาจจะลดการระวังตัวได้ตลอดเวลาในที่แห่งนั้น แต่ว่าในตอนนี้ที่เขาได้คิดเกี่ยวกับเธอ เขาก็ไม่อาจจะใจเย็นได้อีกต่อไป

เอิลต้าได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มขมๆเมื่อรู้ได้ถึงสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่

[ถ้าหากว่านายกังวลมากแบบนั้น งั้นฉันก็ควรจะกลับไปเช็คให้ดีไหม?]

"ช่วยทีนะ"

[ถ้างั้นฉันจะไปเช็คดูนะ]

เธอได้มุ่งไปสู่สวรรค์โดยไม่ได้พูดอะไรมากนัก ยูอิลฮานได้พูดกับเอลฟ์ที่กระพริบตาโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเนื่องจากว่าพวกเขาไม่อาจจะเห็นทูตสวรรค์ได้

"ถ้างั้นก่อนอื่นก็ไปบ้านกัน"

"คะ คะ คฤหาสน์ขององค์จักรพรรดิ? ท่านแค่ให้ห้องเล็กๆเราก็พอแล้ว"

"ฉันไม่มีอะไรแบบนั้นหรอกน่า"

เอลฟ์ที่แข็งแกร่งที่สุด เอลฟ์สายสวยนักรบดาบใหฒ่มิเรย์ได้เอียงหัวของเธออย่างไม่เข้าใจ จากนั้นเองก็มีเครื่องหมายแสงสว่างปรากฏออกมาบนหัวของเธอ

"ถ้างั้นก็เป็นพระราชวังที่แยกต่างหาก"

"เธออยากจะให้ฉันอัดงั้นสินะ?"

"ตามแต่ท่านองค์จักรพรรดิบัญชา"

"ความรุนแรงของท่านองค์จักรพรรดิเท่จริงๆ"

"หุบปากน่าเจ้าโง่"

พวกเอลฟ์ได้เงียบลงและตามยูอิลฮานไป เขาได้คิดว่าเขาโชคดีจริงๆที่ได้ซื้อชั้นอพาร์ตเมนต์ภายในตึกเอาไว้ ยูอิลฮานได้พาพวกเขาไปที่อพาร์ตเมนต์ในเขตกังนัม

ในระหว่างทางพวกเขาก็ยังได้ผ่านตึกที่มียูอิลฮานเป็นเจ้าของอยู่และเป็นที่ที่แวนการ์ดตั้งอยู่

เขาได้ตรวจสอบดูสภาพของตึกและสภาพของเวทย์ป้องกันของทูตสวรรค์ที่ยังอยู่ จากนั้นเขาก็ติดต่อกลับไปหาพ่อแม่ของเขาเมื่อเขาเกือบจะไปถึงอพาร์ตเมนต์แล้ว

โชคดีที่แม้ของเขาได้รับโทรศัพท์ของเขา

[ลูกแม! ลูกไปต่างโลกมาแล้วหรอ?]

"ครับแม่ พ่อสบายดีนะครับ?"

มันก็ไม่ได้ผิดไปนะ ถึงแม้ว่าที่เขาไปจะเป็นโลกที่ถูกทอดทิ้งก็ตาม แต่มันก็ยังเป็นต่างโลกไม่ใช่หรอ?

ในตอนนี้ยูอิลฮานก็ยังได้เป็นผู้กลับมาแล้ว! ถึงแม้ว่าเขาจะรู้เศร้าในเรื่องนี้นิดๆก็ตามที

ยังไงก็ตามในระหว่างที่เขากำลังอยู่ในความคิดของเขา แม่ของเขาได้พูดออกมาอย่างใจเย็นด้วยคำพูดที่ทำให้ยูอิลฮานจะต้องเป็นลมแน่ถ้าหากว่าเขาได้ยินมันในตอนที่อยู่ในวัยเรียน

[พ่อของลูกออกจากงานแล้ว]

"...นั่นมันก็ดีแล้ว แต่ทำไมล่ะ?"

[บริษัทล้ละลาย เอาเถอะ บริษัททั้งหมดต่างก็ล้มละลายกันทั้งนั้น แม่คิดว่าคงจะต้องใช้เวลาอีกซักพักแหละกว่าพ่อจะหางานใหม่ได้]

มันเป็นเหตุผลที่เรียบง่ายและเย็นชามาก ยูอิลฮานได้คิดที่จะส่งเงินกลับไปที่บ้านและคิดว่าพ่อของเขาคงจะไม่มีวันยอมรับมันแม้ว่าจะตายก็ตาม ดังนั้นเขาก็เลยพูดกับแม่ของเขา

"ถ้าหากว่าพ่ออยากจะหางาน แล้วจะเป็นยังไงล่ะหากเป็นการทำงานที่แวนการ์ดน่ะแม่?"

แน่นอนว่าพ่อกับแม่ของเขาก็รู้ว่าเขาเป็นประธานของแวนการ์ด ในตอนแรกทั้งสองคนคิดว่าลูกของพวกเขาได้ทำของดีๆมาบ้างจากต่างโลก ตั้งร้านขายมันขึ้นมา แต่ว่าเมื่อได้เห็นแวนการ์ดที่ได้กลายเป็นศูนย์กลางของ,กแล้ว พวกเขาก็ได้รู้ว่าเกราะป้องกันที่ยูอิลฮานให้พวกเขามาก่อนหน้านี้มันมีเบื้องลึกมากแค่ไหน

"แทนที่จะทำงานพิเศษ มันเหมือนกับการเป็นผู้จัดการร้าน รับโทรศัพท์.... แล้วก็บางอย่างที่น่าลำคาญนิดๆเนื่องจากว่ามันเป็นศูนย์กลางของความสนใจทั้งหมดน่ะครับ"

[นั่นมันก็ดีนะ ผู้ชายคนนี้ก็ควรจะรับเงินจากลูกของเขาบ้างแล้วหลังจากที่รู้ตัวว่าวันเวลาของเขามันหมดลงแล้วน่ะ]

แม่ของเขาได้งับเหยื่อเอาไว้แล้ว แม้แต่เขายังหลั่งเหงื่อออกมาเมื่อได้ยินคำพูดตรงๆของแม่เขา ยูอิลฮานได้จบลงด้วยการพูดต่อในทันที

"แล้ว...เรื่องการย้ายมาอยู่ในกังนัมล่ะ?"

[พรืด]

แม่ของเขาได้ระเบิดหัวเราะออกมา จากนั้นเธอก็ตะโกนบอกเขา

[เอ๋ ลูกไม่ได้ติดต่อมาหาพ่อกับแม่มาสามเดือน แต่ดูเหมือนว่าลูกจะกังวลเกี่ยวกับพวกเราน้า ไม่เป็นไรหรอกน่า แม่ก็พอจะมีความสามารถอยู่แล้วก็สำหรับตัวพ่อของลูกน่ะ... มันจะไม่เป็นไรหรอกถ้าหากว่าพ่อเขาอยู่ข้างๆแม่]

ยูอิลฮานได้แต่ยิ้มขมๆยอมแพ้กับการพาครอบครัวมาอยู่ในกังนัม กลับกันเขาได้บอกว่าเขาจะไปหาพ่อกับแม่ในเร็วๆนี้ จากนั้นก็ขึ้นไปที่ชั้นบนของอพาร์ตเมนต์พร้อมกับเอลฟ์ทั้งสี่คน

ถึงแม้ว่ามันจะเล็กกว่าที่เขาคิดเอาไว้ แต่พวกเอลฟ์ต่างก็อุทานขึ้นมากับความใหญ่ของมัน

"สิ่งก่อสร้างยักษ์นี้เป็นขององค์จักรพรรดิหรอครับ?"

"ก็แค่ชั้นบนนะ"

"นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?"

"ว้าวปุ่มบนผนังนั่นมันอะไร?"

"เครื่องมือเวทย์ที่เอาไว้ใช้ส่งสัญญาณเมื่อกดปุ่ม เหมือนกับระฆังแหละ"

ยูอิลฮานได้ลากเอาเอลฟ์ทั้งสี่คนที่ดูเหมือนกับนูปที่กำลังพยายามจะดูไปทุกๆอย่างและเปิดระตูบ้านที่อยู่ในชั้นบนเข้าไป

"ก่อนอื่นอย่าพึ่งทำอะไรแล้วก็ฟังฉันนะ ฉันจะอธิบายให้พวกนายฟังถึงวิธีชีวิตบนโลกตั้งแต่เริ่มเลย"

"ท่านองค์จักรพรรดิ...."

"เงียบแล้วก็ฟัง...."

ในขณะที่เขากำลังจะเริ่มอธิบาย เขาได้รู้สึกถึงบางอย่างที่อยู่ภายในห้องนอนของเขา

เขาคิดว่า 'นี่มันอาจจะเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว' หากว่ามันเป็นผู้บุกรุกที่มีความอาฆาตกับเขา แต่ว่าตัวตนนั่นมันเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคย

"เอิลต้า?"

เธอได้กลับมาหลังจากไปหาข่างลิต้างั้นหรอ? นั่นมันเป็นไปไม่ได้ เธอเพิ่งจะไปเองนะ ยูอิลฮานได้เปิดประตูห้องนอนในขณะที่คิดแบบนี

บนเตียงขนาดใหญ่สำหรับยูอิลฮานได้มีสาวสวยที่มีปีกสองคู่(สี่ข้าง) กำลังนอนกรนอยู่บนเตียงของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด