ตอนที่แล้วบทที่ 59 ใครบอกว่าไม่มีใครเหลือแล้ว?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 61 สะพรึงกลัว

บทที่ 60 ตระกูลหลิน


บทที่ 60

ตระกูลหลิน

 

พี่สาวเซียงกลายเป็นหวาดผวา เธอคิด ล้อเล่นใช่ไหม? นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับเด็กเล่น เธอจะถูกฆ่า ถ้าเธอเข้าไปในลานประลอง

 

เธอตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว “ซิ่วน้อย กลับมา!”

 

เจียงซิ่วหัวเราะอยู่ภายในใจ เธอกลับไม่เชื่อเทพคนนี้จริงๆ ดังนั้นฉันจะแสดงให้ดูเอง ว่านายเหนือหัวที่ปกครองทวีปการต่อสู้นิรันดร์มานับพันปี และยังเป็นผู้นำนิกายย่างก้าวสวรรค์อีกนั้นดำรงอยู่มาได้อย่างไร

 

เมฆสีดำเริ่มผุดขึ้นมาในท้องฟ้า ขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า

 

เมื่อเขาก้าวออกไปอีกก้าว ฟ้าแลบและฟ้าร้องก็พาดผ่านลงมาจากเมฆสีดำ

 

“เร็ว เชียงเฉิง ไปพาตัวซิ่วน้อยกลับมา”

 

เขาวิ่งออกไปก่อนที่พี่สาวเซียงจะพูดจบเสียอีก เขาเริ่มสาปแช่งเจียงซิ่วเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ภายในใจ เขาจะไม่ยอมให้เจียงซิ่วเข้าไปในลานเด็ดขาด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เฉินเซี่ยเองก็ออกไปขวางเส้นทางของเขา เธอนั้นอ้อนแอ่น แต่มือที่อ่อนแอ่ของเธอก็ตีเข้าไปที่อกกำยำของเจียงซิ่ว

 

แม้ว่าพวกเขาจะสูญเสียเงิน และวิถีทางทำมาหากินของตัวเอง แต่พวกเขาจะไม่ยอมให้ชีวิตนี้ต้องเสียไปเด็ดขาด

 

“พวกเธอกำลังทำอะไร?”

 

เขารู้สึกโกรธ ถ้าเทพคนนี้ไม่พยายามทำตัวใจเย็น ก็จะไม่มีใครหยุดฉันได้

 

“ซิ่วน้อย เธอบ้าไปแล้วหรอ?”

 

“ใจเย็นก่อน!”

 

คนของหมู่บ้านสองถึงสามคน ก็เห็นถึงความผิดปกตินี้ และเริ่มไปดึงเจียงซิ่วกลับมา

 

“ถึงพวกเราจะผ่ายแพ้ และต้องสูญเสียเงินไป ฉันรู้ว่านายไม่ยอมรับมัน และก็ต้องการที่จะช่วยหมู่บ้าน แต่เราไม่สามารถสูญเสียชีวิตของนายอย่างไร้เหตุผลได้ แม้แต่เฉินยี่ปิง ก็ไม่ได้เป็นฝ่ายตรงข้ามของเขาด้วยซ้ำ ดังนั้นแล้วนายไม่มีโอกาสเลย!”

 

“นายกำลังจะเอาชีวิตตัวเองไปทิ้ง!”

 

เฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เด็กพวกนั้นเป็นคนดีกันทุกคน แต่พวกนั้นก็เซ่อซ่ามากเกินไป”

 

“เอาชีวิตตัวเองไปทิ้ง?”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า โง่เง่า นายมันเป็นเจ้าตุ๋น ปล่อยเทพคนนี้ไป เทพคนนี้จะฆ่าไอ้ลูกโสเภณีนั้น”

 

พี่สาวเซียงตะโกนออกมาอย่างกังวล “ดึงเขากลับมา เร็ว...”

 

เธอกังวลมาก ขณะที่เขาออกไปและรีบไปยังลานนั้น มนุษย์มักจะกระทำสิ่งบ้าๆ บางอย่าง เมื่อพวกเขาเสียการควบคุมใจตัวเองไป เธอไม่รู้ว่าจะพูดกับเจียงหยี่และหลินเยี่ยหลิงอย่างไรดี ถ้าเจียงซิ่วเป็นอะไรไป

 

หลินมี่และคนอื่นๆ ก็ส่ายหัวของพวกตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ สำหรับพวกเขา นี่เป็นเพียงเรื่องตลกขบขัน

 

มีเพียงแค่หลินมี่ ที่อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเจียงซิ่วมากกว่านี้ เธอรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ค่อนข้างน่าสนุก เขาให้เงินกับเพื่อนหญิงของเขา และก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อที่จะไม่ให้หมู่บ้านต้องหายไป แม้ว่าเขาจะรู้ว่าตัวเองไม่สามารถแข่งขันกับฝ่ายตรงข้ามได้ก็ตาม

 

“ลุงฟู ลุงคิดยังไงกับคนๆ นี้?”

 

ผู้ชายที่มีความสูงตามค่าเฉลี่ย ใส่เสื้อคลุมยาวสวมหน้ากากดำ ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนหนุ่มสาว ถ้าใครสังเกตดูดีๆ พวกเขาก็จะสังเกตเห็นได้ว่าเขาอายุมากแล้ว การที่เขาใส่เสื้อผ้าของวัยรุ่นนั้น เป็นเพียงแค่ฉากบังหน้า ในความเป็นจริง ตัวเขานั้นอายุมากกว่า 50 ปีแล้ว

 

“เขาไม่ได้บ่มเพาะทักษะใดๆ แต่เขาก็แสดงการกระทำออกมาอย่างเหมาะสม”

 

“อย่างน้อยที่สุด เขาก็มีจิตวิญญาณเผื่อแผ่และไร้ความโลภ ฉันรู้สึกว่าเขามีเกียรติ”

 

หลินมี่หยักหน้า “ใช่!”

 

“ความตั้งใจของนายหญิงคืออะไร?”

 

หลินมี่มองไปยังเจียงซิ่วที่อยู่ใกล้ออกไป เธอกล่าว “มักมีผู้คนที่ชาญฉลาดอยู่เสมอ คนที่มีพรสวรรค์ คนที่มีอำนาจ แต่ผู้คนที่มีความทุ่มเทมักจะขาดแคลน ตระกูลหลินของฉันจำเป็นต้องซื้อชีวิตของบุคคลดังกล่าวในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้”

 

“นายหญิงวางแผนที่จะรับเขาเข้าตระกูล?”

 

หลินมี่ยิ้มอ่อนๆ “ทำไม ไม่ได้หรือไร?”

 

การแสดงออกของลุงฟูกลายเป็นตกใจ “เด็กเหลือขอคนนี้... บรรพบุรุษของเขาต้องกระทำความดีสะสมมานานแล้ว เขาถึงจะได้เข้ามาเป็นส่วนนึงของตระกูลหลิน ในวันนั้น ฉันต้องพยายามอย่างหนัก เพื่อที่ได้จะเข้าร่วมกับตระกูลหลิน แต่เด็กเหลือขอนี้...”

 

หลินมี่เดินไปทางเจียงซิ่ว...

 

“นายกำลังมีปัญหา?”

 

หลินมี่กล่าว “นายต้องการที่จะชนะ?” สายตาของเธอจ้องไปที่ใบหน้าของเจียงซิ่ว เธอค้นพบบางอย่าง ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะดูธรรมดาสามัญ แต่เขาก็ดูหล่อมาก และก็ดูมีอ่อร่าที่ผิดธรรมดา แม้แต่เธอก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้ มันนทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ

 

“ตามเรื่องราวก็ใช่!”

 

ถ้าเขาเพียงแค่เคลื่อนไหวได้ เขาก็จะสามารถที่จะจัดการกับผู้เชี่ยวชาญกำลังภายในคนนั้นได้อย่างแน่นอน

 

หลินมี่เธอกล่าวด้วยน้ำเสียที่ทะนงตน “ฉันสามารถช่วยนายได้”

 

“หืมม?”

 

เจียงซิ่วไม่ต้องการความช่วยเหลือ แต่เขาก็ยังรู้สึกแปลกๆที่ว่าทำไมหลินมี่จึงต้องการช่วยเขา ในคราแรก เขาคิดว่าเธออาจจะจดจำเขาได้ แต่หลังจากคบคิดอย่างรอบคอบแล้ว ความเป็นไปได้ในเรื่องนี้มันแทบจะไม่มี

 

เมื่อตอนที่เขาได้พบกับหลินมี่ในเมืองหลวงจักรพรรดิ ในช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้ เธอไม่รู้จักเขา นั้นก็อธิบายได้แล้วว่าเธอไม่เคยเห็นเขาก่อนหน้านี้ ดังนั้นแล้ว เธอก็คงจะไม่มีทางที่จะจดจำเขาได้ในตอนนี้

 

“อย่างไรก็ตาม ฉันมีเงื่อนไข”

 

เจียงซิ่วมองไปที่เธออย่างแปลกใจ “กล่าวมัน”

 

“ฉันสามารถช่วยให้นายชนะการประลองนี้ได้ และหมู่บ้านของนายก็จะรอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ แล้วก็ยังสามารถที่จะสนุกกับวันวานในอนาคตได้อย่างชื่นบานอีกด้วย แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน นายต้องมาติดตามฉัน และจงรักภักดีต่อตระกูลหลิน”

 

“ทำงานให้กับตระกูลหลินของฉัน”

 

ยาวชนที่ยืนอยู่ทางด้านข้างหลินมี่ การจ้องมองของพวกเขาที่มีต่อเจียงซิ่วเปลี่ยนไป พวกมันเต็มไปด้วยความอิจฉา นี่เป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา แม้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นแค่คนรับใช้ แต่มันก็คุ่มค่าที่จะเปล่าประกาศว่าพวกเขาเป็นคนรับใช้ มีความแตกต่างกันระหว่างคนรับใช้ของจักรพรรดิ และคนรับใช้ของคนธรรมดา ตระกูลหลินมีพลังอำนาจมาก และแม้ว่าเขาจะเป็นคนรับใช้ เขาก็จะได้รับความเคารพนับถือจากใครหลายๆคน เช่นเดียวกับลุงฟู ที่อยู่ใกล้ๆหลินมี่ตรงนั้น ไม่มีใครกล้าที่จะดูหมิ่นเขา

 

“เธอพูดว่าอะไรนะ?”

 

จิตฆ่าฟันแนหนาวเหน็บรู้สึกได้จากการจ้องมองของเจียงซิ่ว ที่มีต่อหลินมี่ การแสดงออกแบบนั้นที่เขากำลังทำ มันคงไว้ให้กับคนที่กำลังแสวงหาความตาย

 

“ตระกูลหลิน หนึ่งในสิบผู้บัญชาการแห่งตระกูลจักรพรรดิ นั้นแหละคือตระกลูหลิน”

 

วูสสส!

 

ทุกคนต่างกลายเป็นโกลาหล ตามที่พวกเขารู้เกี่ยวกับ 10 ผู้บัญชาการปฏิวัติ ที่ยิ่งใหญ่ ส่วนใหญ่ของพวกเขาตายไปหมดแล้ว เพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็คือคนจากตระกูลหลิน ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศ

 

“สารเลว โชคของแกจะดีเกินไปแล้ว!”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันคิดว่าเด็กนั้นคงกลายเป็นโง่เพราะความสุขไปแล้ว...”

 

ผู้ชายคนหนึ่งที่มาพร้อมกับหลินมี่กล่าวอย่างติดตลก

 

การเข้าร่วมกับตระกูลหลิน เป็นความฝันของใครหลายๆ คน บางคนอยากจะเกณฑ์ทหาร เดินไปตามทางข้าราชการ หรือแม้แต่ทำการค้าขาย แต่ก็ไม่มีใครที่ไม่ต้องการไม่เข้าร่วมตระกูลยักษ์ใหญ่เช่นตระกูลหลิน

 

ลุงฟู ที่ยืนอยู่ด้านหลังหลินมี่ กล่าวด้วยเสียงฉุนเฉียว “เด็กเหลือขอ แกมั่วแต่ยืนงี่เง่าอยู่ตรงนั้นไปทำไม? รีบมาขอบคุณนายหญิงน้อยเร็ว”

 

สายตาของหลินมี่นั้นยังคงสงบ นี่คืออะไรบางสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาธรรมดาๆของเจียงซิ่วได้ตลอดไป แต่สำหรับเธอ นี่ก็เพียงแค่การพูดออกไปคำสองคำเท่านั้น ความรู้สึกที่เหนือกว่า ได้หลุดลอดออกไปจากตัวเธอ

 

เจียงซิ่วสายตามองต่ำลง ประกายตาแห่งความไม่แยแส กระพริบผ่านพวกมัน “เธอคงจะตายไปแล้ว ถ้าเธอไม่ใช่คนของตระกูลหลิน”

 

สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่มีอิทพลเช่นเจียงซิ่ว การให้ไปเป็นคนรับใช้ ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอาย และเต็มไปด้วยความอัปยศ

 

หากไม่ใช่ว่าเธอและมารดาของเขามีความสัมพันธ์บางอย่างต่อกัน เจียงซิ่วจะเปลี่ยนให้เธอกลายเป็นซากศพ และแม้แต่จะตามไปฆ่าทั้งตระกูลของเธอ

 

“นายพูดว่าอะไรนะ?”

 

หลินมี่สงสัย ว่าเธอได้ยินคำพูดเหล่านั้นผิดไปหรือไม่ เขาปฏิเสธฉัน? มองไปที่ลักษณะของเขา ราวกับว่าเขากำลังได้รับความอับอายอย่างมาก การเข้าสู่ตระกูลหลินนั้นเป็นสิ่งที่หลายๆ คนปรารถนา และนายกำลังคิดว่ามันเป็นความอัปยศ?

 

“นายค่อนข้างมีความภาคภูมิใจที่ดี แต่ดูเหมือนว่านายจะไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าชะตากรรมและโอกาส... นี่คือโอกาสที่จะสามารถเปลี่ยนชีวิตของนายได้ มันจะทำให้นายกลายเป็นใครบางคนที่ยิ่งใหญ่”

 

“นายหญิงคนนี้กำลังมอบโอกาสอันไร้สิ้นสุดให้นายอยู่”

 

เจียงซิ่วเงยศรีษะขึ้น และสวมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยการดูถูกไร้ที่เปรียบ “โอกาสไร้สิ้นสุดของเธอ มันเป็นเพียงแค่เรื่องตลกในสายตาของเทพคนนี้”

 

วูสสส!

 

คนรอบข้างเกิดความปั่นป่วนอีกครั้ง เขากลับดูแคลนตระกูลหลินจริงๆ?!

 

โอ้พระเจ้า นี่มันคนบ้า ใช่ไหม?

 

“ไอ้เด็กอวดดี!”

 

ลุงฟูตะโกน เจียงซิ่วไม่นับเป็นอะไร เป็นเพียงแค่ชาวนาตัวเล็กๆที่มาจากพื้นที่อันห่างไกล ที่นี่มันเป็นเพียงพื้นที่ทุรกันดารสำหรับเขา เขาไม่เคยรังเกียจใครมาก่อน ชายชราเชื่อว่าเจียงซิ่วอาจจะปีนขึ้นไปสูงกว่าเขา แต่เจียงซิ่วกลับเหยียบย่ำโอกาสเช่นนี้ ซึ่งแม้แต่กระทั่งแทนตัวเขาเข้าไป ก็ยังรู้สึกเป็นเกียรติที่จะรับมัน เป็นตามธรรมชาติที่เขาจะไม่สามารถทนต่อมันได้อีกต่อไป

 

“แกคิดว่าตัวแกเองเป็นใครกัน ถึงได้มาดูแคลนตระกูลหลิน?”

 

หลินมี่บอกให้ลุงฟูใจเย็นลง โดยการชูมือขึ้น สายตาของเธอตกลงไปบนใบหน้าของเจียงซิ่ว “นี่เป็นครั้งแรก ที่ได้ยินใครบางคนกล่าวว่าตระกูลหลินของฉันเป็นเรื่องตลก แต่นายมีสถานะอะไรที่จะพูดเช่นนั้นได้? ชาวนา? นายต้องไม่ลืมตัวตน และสถานะของตัวเอง”

 

“เพียงแค่มองไป ทุกคนในที่นี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่าสนุขจรจัด”

 

คนจากหมู่บ้านภูเขาทิศใต้ลดศีรษะลงด้วยความอับอาย พวกเขาทำอะไรไม่ถูกกับสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าพวกเขาจะทำให้ดีที่สุด แต่พวกเขาก็ไม่สามารถลบล้างคำพูดนั้นได้

 

“ตระกูลหลินของฉันสามารถจัดการเรื่องนี้ให้กับนายได้อย่างง่ายดาย”

 

ไม่มีใครสงสัยในเรื่องนี้ มันเป็นเพียงเรื่องง่ายๆ เพียงแค่ยกมือสำหรับตระกูลหลิน

 

“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย”

 

“นายยินดีที่จะมาเข้าร่วมกับตระกูลหลินของฉันไหม?”

 

ถ้าชาวนาผู้นี้ปฏิเสธตระกูลหลินอีก พวกเขาก็จะทุ่มต้นมะกอกใส่เขา ใบหน้าของตระกูลหลินจะไม่เหลืออีกแล้ว ถ้าไม่ทำอะไรบางอย่าง

 

พี่สาวเซียง ชวูเชียงเฉิง เฉินเซี่ย และพวกที่เหลือ พยักหน้าให้เขา เพื่อเป็นสัญญาณให้เขาตกลง

 

นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว

 

ถ้าเขายอมรับมัน เมื่อนั้นแล้วสถานการณ์ปัจจุบัน ของหมู่บ้านภูเขาทิศใต้ก็จะได้รับการแก้ไขโดยสมบรูณ์ และมันก็เป็นการรับประกับอนาคตของพวกเขาอีกด้วย

 

อย่างไรก็ตาม การจ้องมองของเจียงซิ่ว ที่มองไปยังเธอ กลายเป็นเย็นชา

 

“เทพคนนี้จะไปเยื่อนตระกูลหลินของเธออย่างแน่นอน”

 

“มันก็เพียงแต่...”

 

“วันที่เทพคนนี้ไปถึง มันก็คือวันที่ตระกูลหลินของพวกเธอ ต้องคุกเข่าลง และสำนึกผิดบาป”

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด