ตอนที่แล้วบทที่ 54 พลังของพระเจ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 56 มหาพิธีกรรมผู้รับใช้แห่งเต๋า

บทที่ 55 ถวินหาผู้รับใช้แห่งเต๋า เมื่อนั้นเทพเจ้าผู้เป็นอมตะจะเปิดประตู


บทที่ 55

ถวินหาผู้รับใช้แห่งเต๋า เมื่อนั้นเทพเจ้าผู้เป็นอมตะจะเปิดประตู

 

ปริมาณความตกใจของเจียงซิ่วไม่เล็กเลย หลังจากที่คิดบางอย่างได้ เขาก็ตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากเขาสามารถปลุกตื่นสายเลือดของพระเจ้าในร่างกายได้ มันก็แสดงให้เห็นแล้ว ว่ามนุษย์นั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพระเจ้า มันคงจะเป็นเรื่องปกติ ที่จะมีสิ่งของบางอย่างจากพระเจ้า ถูกทิ้งไว้ยังเบื้องหลังบ้าง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันแปลกอยู่ดี ที่มันยังดำรงอยู่ได้ หลังจากผ่านมาหลายปีแล้ว

 

เขาหมุนดูหน้ากาก ด้านหลังของมันเป็นหลุมเป็นบ่อ ไม่สม่ำเสมอ ปราศจากลวดลายใดๆ  นอกจากนี้ เขาสามารถสรุปได้ว่า นี่ไม่ใช่หน้ากาก แต่เป็นส่วนนึงของรูปปั้นหล่อทองสัมฤทธิ์

 

นิ้วเรียวยาวของเขารูบไล้มัน ส่งผลทำให้มันเปล่งพลังงานออกมาเล็กน้อย นิ้วชี้ของเจียงซิ่วสั้นสะท้านเล็กน้อย ขณะนั้นเอง ความคิดที่เขาแสดงออกมา ก็กลายเป็นจริงจัง เขาพึมพำกับตัวเอง “ศรัทธาพระเจ้า”

 

ถ้าเขาคาดเดาไม่ผิด นี้ย่อมเป็นส่วนนึงของประติมากรรมเทพเจ้า

 

“รูปลักษณะแบบนี้...”

 

เจียงซิ่วได้เห็นเชื้อสายแห่งพระเจ้ามามากมายหลายชนิด แต่ละคนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับเชื้อสายแห่งพระเจ้า ตั้งแต่คนแรกจนไปถึงคนสุดท้ายจากหนังสือโบราณ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่เคยเห็นอะไรที่คล้ายกับรูปปั้นหล่อทองสัมฤทธิ์ในปัจจุบันนี้

 

มีสิ่งหนึ่งที่ดูเป็นเท็จเกี่ยวกับรูปปั้นหล่อทองสัมฤทธิ์นี้ นั้นก็คือมันเป็นไปไม่ได้ที่จะประทับตาสัญลักษณ์เชื้อสายพระเจ้าที่แท้จริงลงไปในนี้ได้ ผู้ศรัทธามักจะสร้างประติมากรรมพวกเขาขึ้นอย่างพิเศษเกินจริง ทำให้ใบหน้าของเทพเจ้าที่แท้จริงนั้นดูคลุมเครือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลึกลับ หรือเพื่อไม่ให้ถูกดูหมิ่นศาสนาได้ ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถรู้มันได้อย่างกระจ่างชัดแจ้ง จากพื้นผิวของสิ่งนี้ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นผลงานชิ้นเอก มันค่อนข้างยุ่งยาก ที่จะระบุว่ารูปปั้นหล่อทองสัมฤทธิ์ที่สึกกร่อนพร้อมกับกาลเวลานี้นั้น เป็นใคร นอกจากนี้ ยังอาจเป็นไปได้ว่าสัญลักษณ์เชื้อสายแห่งพระเจ้าที่แท้จริง จะอยู่ที่ตามลำตัวหรือส่วนอื่นๆ ของรูปปั้น

 

“แต่มันก็ช่างเป็นศรัทธาพระเจ้าที่อ่อนแอ่จริงๆ...”

 

“บางที เชื้อสายพระเจ้าคนนี้ อาจจะตายไปแล้ว?”

 

หากศรัทธาพระเจ้ายังอยู่ในช่วงที่เจริญรุ่งเรือง จำนวนพลังงานจะไม่น้อยเช่นนี้ พลังงานนี้ไม่เพียงพอที่จะส่งเสียงผ่านอากาศด้วยซ้ำ แต่เจียงซิ่วก็ให้ความคาดหวังมันอยู่เช่นนั้น

 

แม้ว่ามันจะเป็นยุ่งขนาดเล็ก แต่มันก็ยังมีเนื้อหนัง

 

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และโทรหาถังเฉิ่นเชียนอีกครั้ง พ่อแก่นอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นอาด๊งจึงเป็นคนหยิบมันขึ้นมาดู สังเกตเห็นว่ามันเป็นเจียงซิ่วที่โทรมา ในทันที เขารีบปลุกพ่อแก่ถังขึ้นมา แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับพ่อแก่ แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไรผิดพลาด ก็ในเมื่อเขาคือเจียงซิ่ว

 

เขาเป็นคนถ่ายคำสั่งออกไปเองว่า ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ไหน ถ้ามิสเตอร์เจียงโทรมา สายจะต้องพร้อมรับทันที

 

“รูปปั้นเทพเจ้า?”

 

หน้ากากรูปปั้นหล่อทองสัมฤทธิ์นี้ มีพลังงานศรัทธาพระเจ้าที่แท้จริงสถิตอยู่ ตั้งแต่ถังเฉิ่นเชียนได้วางไว้เหนือศาลเจ้า เพื่อเป็นวัตถุบูชา เจียงซิ่วคิดว่าเขาคงจะมีข้อมูลเกี่ยวกับหน้ากากนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่บูชามัน

 

“โอ้ ใช่! รูปปั้นเทพเจ้า!”

 

ในตอนนี้เองถังเฉิ่นเชียนก็จำศาลเจ้าในวิลล่าเขาของได้ เขาเพิ่งมารู้ที่หลัง ว่าหลังจากที่ไปนั่งใกล้ชิ้นส่วของรูปปั้นเทพเจ้านั้น ก็จะเข้าญาณได้ง่ายขึ้น

 

เขาคิดถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี ในตอนที่เขาตกแต่งมัน แต่ก็ลืมเรื่องนี้ไป เพราะเขาไม่เคยไปที่นั่นเลย

 

“มีบางอย่าผิดปกติเกี่ยวกับรูปปั้นเทพเจ้า?”

 

“หน้ากากนี้ ได้มาจากไหน? มีมันอีกรึเปล่า?”

 

“ดีที่สุดถ้ามันเป็นรูปปั้นตัวที่สมบูรณ์”

 

ประติมากรรมรูปปั้นหล่อทองสัมฤทธิ์ของพระเจ้าองค์นี้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่เสียหาย ดังนั้นพลังงานที่มันมีอยู่อ่อนแอ่เกินไป ถ้ามันเป็นรูปปั้นที่สมบูรณ์แบบ มันจะต้องมีพลังงานอยู่เป็นจำนวนมากแน่ ซึ่งสามารถช่วยให้เขาส่งเสริมความแข็งแกร่งเขาได้อีกนิดหน่อย

 

“ไม่มีแล้ว สำหรับประวัติของมัน...” ถังเฉิ่นเชียนพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะพูดว่า “มิสเตอร์เจียง คุณเคยได้ยินวลีนี้ไหม? ที่เขาขานกัน – ถวินหาผู้รับใช้แห่งเต๋า เมื่อนั้นเทพเจ้าผู้เป็นอมตะจะเปิดประตู”

 

“ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”

 

ความรู้ของเจียงซิ่ว และประการณ์ของเขามีเพียงแค่ตื้นเขินในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เขาไม่มีความเข้าใจในเรื่องราวเหนือธรรมชาติ และเมื่อแต่กระทั่งเชื่อว่าบางสิ่งที่ดำรงอยู่เช่นผี เขาเชื่อว่าไม่มีอยู่จริง และก็ยังเรื่องที่พระเจ้าปกครองโลกอีก เขาไม่เคยเผชิญหน้ากับเรื่องราวเหล่านี้มาก่อน

 

หญิงสาวในชุดพยาบาลสีชมพู วางหมอนไว้ที่ด้านหลังของถังเฉิ่นเชียน เพื่อที่เขาจะสามารถพิงเพิงบนเตียงได้ พ่อแก่จัดเรียงความคิดก่อนที่จะอธิบาย “หลายร้อยปีก่อน มหาภัยพิบัติเกิดขึ้นที่เขตดงซง ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองเจียง โรคระบาดเกิดขึ้นหลังจากภัยพิบัติ ประชาชนที่หิวโหยพวกเขาถูกทิ้งไว้ โดยตัวพวกเขาเองไม่แม้แต่จะดูแลตัวเองได้ ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังนี้ ลัทธิชั่วร้ายแปลกประหลาดก็โผล่ออกมา จากที่ไหนไม่มีใครทราบ มันรู้จักกันในชื่อ เต๋าศรัทธาสวรรค์ คำขวัญของพวกเขาเป็นดังนี้ – ถวินหาผู้รับใช้แห่งเต๋า เมื่อนั้นเทพเจ้าผู้เป็นอมตะจะเปิดประตู”

 

“ถ้ามีคนเชื่อในพวกเขา พวกเขาก็จะมอบตำแหน่งและวิธีการในการเป็นผู้รับใช้แห่งเต๋าให้ พวกเขาบอกว่าพวกเขาจะขอให้เทพอมตะเปิดพื้นที่เวลาให้ และพาพวกเขาไปโลกแห่งความเป็นอมตะ พื้นที่ที่พวกเขาอาจจะกลายเป็นอมตะเทพได้ คนที่หมดแรง ก็รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาได้เห็นความหวังในท้ายสุดแล้ว มันเป็นสถานการณ์ที่แย่มาก ลัทธิชั่วร้ายเติบโตด้วยความเร็วที่บ้าคลั่ง จากนั้นพวกเขาก็หายไปด้วยเหตุผลบางอย่าง มันเป็นลักษณะเดียวกันกับที่พวกเขาปรากฏ พวกเขามาและก็จากไปอย่างกะทันหัน อันที่จริงแล้ว ให้ชัดเจนชัดขึ้น มันดูเหมือนกับว่าพวกเขาทั้งหมด จะหายตัวไปในเวลากลางคืน”

 

เจียงซิ่วถาม “หน้ากากนี้มาจากรูปปั้นเทพเจ้าที่เต๋าศรัทธาสวรรค์บูชา?”

 

“ใช่”

 

“ประติมากรรมรูปปั้นหล่อทองสัมฤทธิ์พระเจ้าองค์นี้ ไม่ได้เป็นของฉัน แต่เป็นคนแปลกหน้า ที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองเจียงเมื่อกาลก่อน นำมาให้ มิสเตอร์เจียงก็รู้จักเขาด้วยเช่นกัน มันเป็นหลินเฉิ่นไบ๋ คนนี้วิกลจริต เขาปรารถนาที่จะเป็นผู้รับใช้เต๋าให้ได้”

 

“ระดับศิลปะการต่อสู้ที่ทั้งหมดมีสามอาณาจักร กำลังภายนอก กำลังภายใน และยอดกำลัง หลังจากถึงจุดสูงสุดแล้ว ระดับยอดกำลัง มันจะเข้าสู่การตัดผ่านความว่างเปล่าและก้าวขึ้นไป ความเชื่อของหลินเฉิ่นไบ๋สอดคล้องกับความเชื่อของเต๋าศรัทธาสวรรค์ ในกรณีที่ขั้นตอนดังกล่าวประสบความสำเร็จ เทพเจ้าผู้เป็นอมตะ จะเปิดประตูพาพวกเขาไปสู่โลกที่ผู้คนเป็นอมตะ”

 

เจียงซิ่วต้องตรวจสอบให้แน่ใจ ว่าสิ่งที่เรียกว่าสามอาณาจักรศิลปะการต่อสู้ทั้งสาม คือขั้นตอนก่อนที่จะขึ้นสู่ระดับสกัดกลั่นฉี ในทวีปการต่อสู้นิรันดร์รึเปล่า และระดับผู้รับใช้แห่งเต๋าก็เหมือนกัน อาจจะเป็นระดับก่อรากฐานในทวีปการต่อสู้นิดร์ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำหรับการสร้างรากฐานร่างกายที่เป็นอมตะ สำหรับบางสิ่งบางอย่าง เช่นการตัดผ่านความว่างเปล่าและก้าวขึ้นไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะประสบความสำเร็จในระดับนั้น

 

สำหรับ ‘เทพเจ้าผู้เป็นอมตะจะเปิดประตู’ มันเป็นเรื่องที่น่าสงสัย

 

ถังเฉิ่นเชียนกล่าวต่อว่า “เหตุผลที่หลินเฉิ่นไบ๋ได้กลับมาเวลานี้ ก็คือการแก้แค้นตัวฉันในก่อนหน้านี้ แต่เป้าหมายที่แท้จริงของเขา ก็คือการกลายเป็นผู้รับใช้เต๋า”

 

“มิสเตอร์เจียง คุณคิดว่ามันมีอยู่จริงไหม... เต๋าศรัทธาสวรรค์นะ?”

 

เจียงซิ่วตอบกลับ “เมื่อตอนที่เทพคนนี้เป็นเด็ก ชายชราคนหนึ่งเคยบอกกับเทพคนนี้ว่า เขาเป็นเทพอมตะที่อาศัยอยู่ในเทือกเขา ทุกคนย่อมเชื่อเรื่องทุกเรื่องในวัยเด็กของพวกเขา แต่เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น พวกเขาจะไม่เชื่อมันอีกต่อไป”

 

“บางช่วงเวลา บางเหตุการณ์ อาจจะเป็นเต๋าศรัทธาสวรรค์ที่ทำ ก็เพื่อที่จะหาวิธีการ ในการเป็นผู้รับใช้เต๋า”

 

เจียงซิ่วประหลาดใจ “เมื่อกี้ไม่ได้บอกว่า เต๋าศรัทธาสวรรค์หายไปแล้ว?”

 

“พวกเขาหายไปในวันนั้นแน่นอน แต่บางคนใช้ชื่อเต๋าศรัทธาสวรรค์นี้เพื่อทำหน้าที่ต่อ เพราะฉะนั้นจึงไม่อาจได้อย่างแน่ชัดว่า เต๋าศรัทธาสวรรค์ชุดนี้ จะเหมือนกาลก่อนหรือเปล่า เป็นเวลาหลายปีผ่านมาแล้ว และไม่มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย”

 

“เพียงอย่างเดียวที่พวกเขาเหมือนกัน ก็คือการถวินหาการเป็นผู้รับใช้เต๋าอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง”

 

เจียงซิ่วคิดถึงเรื่องนี้ ในกรณีที่ทักษะการต่อสู้ได้ถึงขั้นสุดยอดกำลัง เขารู้สึกว่ามันก็ยังมีขั้นที่สูงขึ้นไปอีก ดังนั้น เขาก็จะเชื่อในสิ่งอื่นๆ อย่างเช่นการตัดความว่างเปล่าและขึ้นไปกลายเป็นอมตะ

 

“มิสเตอร์เจียง...”

 

“หลินเฉิ่นไบ๋ถูกข่มขู่โดยมิสเตอร์เจียง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะทำการใดๆ แต่ในกรณีที่เรื่องผู้รับใช้เต๋ากลายเป็นความจริง และเขาโชคดีจนกลายเป็นผู้รับใช้เต๋าได้ นั้นจะเป็นปัญสำหรับเรา”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า...”

 

เจียงซิ่วหัวเราะเสียงดัง เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น

 

เสียงหัวเราะนี้ มันทำให้ถังเฉิ่นเชียนรู้สึกขนลุก เขารู้สึกถึงการดูถูกจากเจียงซิ่ว ก็เนื่องจากน้ำเสียงนั้น แต่เขาไม่ทราบ ว่ามันเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ที่เขาดูถูกมัน

 

“มันน่าสนุกอยู่เหมือนกัน”

 

ถ้าโลกนี้ยังมีเศษเสี้ยวของเชื้อสายพระเจ้าอยู่ มันก็ยังถือว่ามีแหล่งพลังที่นำมาใช้ได้

 

ถังเฉิ่นเชียนเยินยอ “แน่นอน ฉันจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่มิสเตอร์เจียง”

 

เขาไม่สามารถนอนหลับได้จนกว่าหลินเฉิ่นไบ๋จะตายลงไป

 

เจียงซิ่ววางสาย และหมุนหน้ากากในมือไปรอบๆ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาต้องการทดสอบ ว่าเต๋าศรัทธาสวรรค์นี้ยังมีตัวตนอยู่ไหม ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องหลอกลวง แต่ตอนนี้ เขาสงสัยบางอย่าง ว่ามันอาจจะเป็นไปได้ ว่าพระเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ เหตุผลก็ง่ายๆ มันเป็นเพราะตำนานของผู้รับใช้เต๋าถูกกระจายออกไป ถ้าพระเจ้าหายไปจริง มันคงจะเป็นเรื่องยาก ที่ตำนานเหล่านั้นจะถูกเชื่อถือและกระจายออกไปเป็นวงกว้างเช่นนี้

 

เขาวางหน้ากากไว้ และเปิดลิ้นชักที่เต็มไปด้วยธูปหอม เขาหยิบหนึ่งในพวกมันขึ้นมา ใช้ไฟแช็กจุดไฟ แล้วพึมพำสองสามคำ

 

ควันค่อยๆขยับตัวขึ้นจากตัวธูป มันปกติทุกอย่างในตอนเริ่มต้น แต่เมื่อเริ่มต้นการร่ายคาถา ควันก็รวมตัวกัน และไม่กระจายตัวออกไป

 

“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่!”

 

เจียงซิ่วใช้มนตร์คาถาเพื่อสื่อสารกับเทพเจ้า

 

ควันนั้นค่อยๆเพิ่มขึ้น และประกอบเป็นรูปร่างเหมือนมนุษย์ด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า รอยยิ้มถูกยกขึ้นมาบนใบหน้าของเจียงซิ่วโดยที่ไม่รู้ตัว เมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ ประกายตาของเขาแหลมคมและเฉยเมย

 

ในที่สุดมันก็กลายเป็นแจ่มชัด ปรากฏภาพเสมือนจริงของชายชราเคราขาวขึ้นมา

 

“ผู้ศรัทธาคนไหน? แสดงความซื่อสัตย์ได้ดียิ่ง!”

 

เสียงดังกึกก้องกังวานไร้ขอบเขต  ราวกับว่าเสียงมันดังขึ้นมาจากขอบฟ้า

 

แสงรางๆกระพริบขึ้น และภาพนั้นก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น แม้ว่าจะถูกควบแน่นจากควัน เสื้อผ้าโบราณ รูปร่างลักษณะ เช่นเดียวกับการอารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้า มันปรากฏออกมาอย่างชัดเจน

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทักทายเขาเป็นอย่างแรกก็คือสายตาอันเย็นชาราวกับน้ำแข็งของเจียงซิ่ว มันเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย

 

ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปในทันที “เจ้าคือใคร?”

 

เขารู้สึกไม่ดีจากการแสดงออกของเจียงซิ่ว และรู้สึกได้ถึงอ่อร่าที่อันตรายมากจากเขา นี้ทำให้เขารู้สึกตกใจมาก

 

วินาทีถัดไป เจียงซิ่วก็กระทำการบางอย่าง

 

ชายชราหันไปรอบๆ อย่างตื่นตระหนกด้วยหน้าที่ซีดขาว

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด