ตอนที่แล้วบทที่ 52 ชั่วชีวิตที่เขาเคยเห็น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 54 พลังของพระเจ้า

บทที่ 53 ไม่เหมาะสม


บทที่ 53

ไม่เหมาะสม

 

มันก็มักจะเป็นไปในทิศทางนี้ เมื่อคนรวยล่วงหล่นกลายไปเป็นคนจน ชายที่ยากจนคนนั้นก็จะไม่มีใครมาเยี่ยม ในสถานที่ๆผู้คนแออัด ขณะที่คนรวย แม้แต่พวกเขาอยู่ในภูเขาที่ห่างไกล เหล่าญาติก็คงจะไปเยี่ยมได้

 

ในคืนนั้น หลายคนมาเยี่ยมบ้านเจียงซิ่ว พวกเขาอาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียง มาเพื่อมอบของขวัญให้ มันเป็นทั้งตะกร้าผลไม้หรือพืชผัก แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าบ้าน แทนที่ พวกเขาทิ้งของไว้ให้หลังจากที่ทักทายกันเสร็จ

 

ครอบครัวเจียงทานอาหารมื้อเย็นที่ระเบียง เนื่องจากพื้นที่ภายในบ้านของพวกเขาไม่ได้มีมากนัก เจี่ยงหยี่ ผู้ที่ไม่ค่อยพูดกล่าวใดๆเมื่อกาลก่อน เขากลับดื่มเข้าไปมากในวันนี้

 

“แกจำเป็นต้องสูญเสียบางอย่าง เพื่อที่จะได้รับบางอย่างมา ฉันเคยอิจฉาชีวิตคนที่มั่งคั่ง แต่แกจะค้นพบหลังจากนั้น ว่าพวกเขาไม่ได้อิสระภาพอะไรเป็นของตัวเองเลยในชีวิตของพวกเขา”

 

เจียงซิ่วรู้ว่าพ่อเขาพูดความจริง พ่อเคยประสบกับเรื่องราวดังกล่าวมาก่อนในชีวิตนี้ เขาพบกับสิ่งต่างๆมามากมาย คำพูดเหล่านั้น มาจากส่วนลึกของหัวใจเขา เขาสอนบทเรียนให้กับเจียงซิ่วโดยที่ใช้ประสบการณ์จากชีวิตเขา มาเป็นสิ่งอ้างอิง

 

เจี่ยงหยี่กล่าวต่อ “มันเคยมีคำพูดเก่าๆอยู่ บางผู้คนกังวลเกี่ยวกับปัญหาเรื่องทรัพสินท์และการสูญเสีย พวกเขากลัวการสูญเสียสิ่งที่พวกเขายังไม่ได้เคยได้รับ ตัวอย่างเช่น คนที่ทำงานที่เขาทำอยู่อย่างหนัก เพื่อที่จะได้รับความมั่งคั่งมา จากนั้นในที่สุด เขาก็เริ่มกังวลว่าเขาจะเสียหน้าที่การงานไป เขาแต่งงานกับภรรยาที่งดงาม ด้วยการผ่าอุปสรรคที่มาขวางกั้นพวกเขาทั้งหมด แต่เขาก็ยังกังวลว่าอยู่ดี ว่าเธอจะหนีไปกับคนอื่นรึเปล่า ความเรียบง่ายคือความจริง มนุษย์จำเป็นต้องมีความทะเยอทะยานและความหลงใหล”

 

สายตาของหลินเยี่ยหลิงอ่อนลง เธอไม่เคยเห็นสามีของเธอแสดงท่าทางแบบนั้นมานานมากแล้ว ตอนนี้ เหมือนกับว่าเขาได้กลับคืนสู่การเป็นบุคคลที่เฉลียวฉลาดและน่าหลงใหลเช่นก่อนหน้าแล้ว เธอหยอกล้อเขา “คุณไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงว่าฉันจะหนีไป เพราะว่าฉันไม่ใช่คนสวย”

 

เจียงหยี่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ “ไม่ใช่ว่าคุณไม่สวย เพียงว่าดวงตาของฉันมันมืดบอด ไม่สามารถมองเห็นความงดงามของคุณได้”

 

เจียงซิ่วขัดจังหวะ “ฉันเห็นด้วย!”

 

หลินเยี่ยหลิงไม่สามารถช่วยได้ เธอหัวเราะออกมา “คุณฉลาดมาก”

 

อย่างไรก็ตาม คำของเจี่ยวหยี่ไม่ได้กล่าวแบบเปล่าประโยชน์ เมื่อตอนที่หลินเยี่ยหลิงยังสาวอยู่ เธอเป็นความงามระดับสุดยอด อารมณ์ที่เธอถือครองอยู่ในฐานะลูกสาวของตระกูลทรงอิทธิพล มันมีมากกว่าแม้แต่กระทั่งเฉิงหลิงซูและเย่ปิง

 

เจียงหยี่ดื่มอีกถ้วย จิตวิญญาณสีขาวอุ่นๆไหลลงคอ ขณะที่เขารีบกินอาหารตาม “โลกนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ล่อใจเรา เงิน อำนาจหน้าที่ และผู้หญิง ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่า พวกเขาจะไม่สูญเสียตัวเองสิ่งที่พวกเขามีไป ดังนั้น คนเราต้องมีความคิดที่ชัดเจน ว่าตัวเองต้องการอะไร และก็เดินไปตามเส้นทางนั้นให้สุดทาง เพื่อที่จะได้บรรลุเป้าหมายในชีวิตของเขาได้ โดยที่ไม่ต้องถูกกีดขวางจากสิ่งอื่นในโลกภายนอก”

 

เจียงซิ่วไม่มีความทรงจำใดๆ เกี่ยวกับบิดาของเขา ที่สอนบทเรียนให้กับเขาเช่นนี้ ในช่วงวัยเด็กของเขา เขาไม่มีโอกาสทำอย่างนั้น ก็ในเมื่อเขาถูกคุมขังอยู่ หลังจากที่เขาก็ออกมา เขาก็รู้สึกหดหู่ใจ ในตอนนี้ เจียงซิ่วรู้ว่าพ่อของเขาอยากจะแนะนำเขาอย่างแท้จริง

 

แม้ว่าคำพูดเหล่านี้ จะดูล้าหลังไปสามพันปีสำหรับเขา แต่เจียงซิ่วแต่เดิม ก็ทำเช่นนั้นอยู่แล้ว เป็นเพราะเขามีเป้าหมายที่แน่วแน่ เขาได้เดินเข้าสู่เส้นทางแห่งการบ่มเพาะ และเอาชนะอุปสรรคทั้งหมดอย่างกล้าหาญ ขึ้นไปอยู่เหนือกว่าผู้เชี่ยวชาญนับไม่ถ้วนในทวีปการต่อสู้นิรันดร์ แล้วก็กลายเป็นผู้ทรงอำนาจ เทพซิ่ว

 

เจี่ยงหยี่กล่าว “ไม่กี่วันก่อน ภรรยาของเฮาหลินพูดถึงเรื่องระหว่างแกและเฉิงหลิงซู เกิดอะไรขึ้น?”

 

หลินเยี่ยหลิงมองไปที่เจียงซิ่วด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอยากรู้เห็น

 

“ไม่มีอะไร!”

 

“เธอมาหาฉันเพื่อขอยกเลิกการหมั้นระหว่างพวกเรา”

 

สำหรับบางเรื่องราว มันจะดีกว่า ถ้าแก้ไขปัญหาพวกมันไปก่อน

 

เจียงหยี่กล่าว “แล้วแกตั้งใจจะทำอะไรหล่ะ?”

 

“ฉันไม่มี”

 

เจียงหยี่และหลินเยี่ยหลิงรู้สึกแปลกใจกับคำตอบของลูกชาย เจียงซิ่วอยู่ในช่วงวัยรุ่น และเฉิงหลิงซูก็สวยมาก ดังนั้นพวกเขาจึงสงสัย ว่าเขาจะดูสงบและไม่สนใจอยู่แบบนี้ได้อย่างไร

 

“โลกนี้ซับซ้อนกว่าที่แกจะจินตนาการได้ มันโหดร้ายมาก บางครั้ง คนเราก็ต้องเรียนรู้วิธีการที่จะปกป้องตัวเอง แม้ว่าแกจะไม่ต้องการใช้ประโยชน์จากคนอื่นๆ แต่แกเองก็ห้ามให้ตัวเองประสบความสูญเสีย”

 

“ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะคิดว่ามันง่ายที่จะข่มขู่แก”

 

จากคำพูดเหล่านี้ เจียงซิ่วรู้สึกว่าพ่อของเขารู้สึกไม่พอใจกับตระกูลเฉิง เป็นเฉิงเฮาหลิน ที่เป็นเหตุผล ที่ทำให้ชีวิตของเขาต้องถูกทำลายลงไป เฉิงเฮาหลินได้สัญญาว่าจะให้ลูกสาวของตัวเอง แต่งงานกับเจียงซิ่ว ครอบครัวเจียงช่วยพวกเขาไว้มาก และแม้แต่กระทั่งได้มอบทรัพย์สินจำนวนมากให้กับตระกูลเฉิงเป็นสินสอดทองหมั้น แล้วเจียงหยี่จะยอมรับได้อย่างไร เมื่อพวกเขาอต้องการที่จะยกเลิกการหมั้น?

 

มีประกายแสงระยิบระยับในดวงตาของเขา พวกมันเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว

 

“พ่อพูดถูก!”

 

แม้แต่ความรู้สึกของหลินเยี่ยหลิง ก็ยังแสดงออกมาอย่างจริงจัง ตระกูลเฉิงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมาน ต้องแยกจากสามีของเธอเป็นระยะเวลาหลายปี เธอต้องทนทุกข์ทรมานกับความขมขื่นเพียงลำพัง ขณะที่เลี้ยงเจียงซิ่วโดยอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่น เธอได้รับความทุกข์ทรมานจากทุกมุมมองของโลก แบบนี้แล้ว เธอจะไม่รู้สึกของความเกลียดชังในหัวใจของเธอได้อย่างไรหล่ะ?

 

เจียงซิ่วตระหนักได้ทันที ว่าการยิกเลิกการหมั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ต้องการยกเลิกหมั้นกับเฉิงหลิงซูเอง พ่อแม่ของเขาก็อาจจะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนั้นของเขา คิดถึงเรื่องนี้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

“แม่ ไปซื้อบ้านในวันพรุ่งนี้กัน แม่คิดว่าเราจะไปดูที่ไหนกันดี?”

 

พูดได้เช่นนั้น เขาก็นำบัตรที่มีจำนวนเงินนับล้านขึ้นมา

 

อย่างไรก็ตาม หลินเยี่ยหลิงกล่าว “เราพักอยู่ที่นี่ไปก่อนเถอะ โอเคไหม? เราสามารถซื้อบ้านได้หลังจากได้รับค่าเช่าหนึ่งถึงสองเดือนแล้ว ตั้งแต่ร้านค้าทั้งหมดที่นี่เป็นของเรา จะดีกว่าที่จะซื้อบ้านที่เหมาะสมในบริเวณใกล้เคียง”

 

เจียงซิ่วไม่ได้โต้เถียงเรื่องนี้ หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเธอ เขาก็เก็บบัตรกลับลงไป

 

เจี่ยงหยี่และหลินเยี่ยหลิง ได้เห็นฉากหน้าของโลกใบนี้อย่างแตกต่างกัน พวกเขาไม่ต้องการใช้จ่ายเงินทั้งหมดที่พวกเขาได้รับมา ก่อนที่จะที่พวกเขาจะได้รับมันมาแล้วจริงๆ สภาพจิตใจของพวกเขาสงบ และเยือกเย็น

 

อย่างไรก็ตาม เจียงซิ่วก็ยังต้องการบ้านเป็นของตัวเอง เขาต้องการที่จะบ่มเพาะทุกวัน โดยที่ไม่เป็นจุดสนใจ แม้ว่าเขาจะซื้อบ้านสำหรับพ่อแม่ของเขา เขาก็ยังต้องการอีกหลังสำหรับตัวเอง

 

หลังจากอาหารเย็น เจียงซิ่วโทรหาถังเฉิ่นเชียน

 

“มิสเตอร์เจียง!”

 

เจียงซิ่วกล่าว “ฉันต้องการซื้อบ้าน หามันให้ฉัน” โทนเสียงนี้เป็นโทนเดียวกันกับลักษณะที่เขาพูดกับครอบครัว ถังเฉิ่นเชียนช่วยเขาไว้มาก ด้วยการใช้จ่ายเงินไปมากกว่า 100 ล้านหยวน โดยธรรมชาติ เทพซิ่วย่อมต้องเพิ่มสถานะสำหรับเขาในใจขึ้นมาก

 

ที่ทวีปการต่อสู้นิรันดร์ หลายคนหวังที่จะได้รับความโปรดปรานจากเทพซิ่ว เช่นเดียวกับอัครราชทูตที่ถูกสนับสนุนจากความโปรดปรานของจักรพรรดิในสมัยโบราณ

 

ถังเฉิ่นเชียนกล่าว “ฉันมีบ้านในวิลล่าที่ว่างเปล่าอยู่ที่นึง ฉันวางแผนที่จะอาศัยอยู่ที่นั่นหลังจากเกษียณตัวแล้ว แต่ทว่าฉันก็เคยชินในการอยู่เขตทหารไปแล้ว มันเป็นความทรงจำของฉัน ที่จะใช้เวลาอยู่ในกองทัพ เป็นอย่างไรบ้างหล่ะ ที่จะเป็นที่นั้น?”

 

“โอเค!”

 

ไม่นานหลังจากนั้น ถังเฉิ่นเชียนก็มาที่ถนนสายธารเมฆา และมอบกุญแจวิลล่าให้กับเจียงซิ่ว

 

เดินทางข้ามไปเขตวิลล่าชายเลน ลึกไปใน*พื้นที่ราบลุ่ม(แอดขออธิบายหน่อยเลื่อนสายตาลงไปซักนิด) สีของท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น หมอกปกคลุมพื้นที่ชุ่มน้ำทั้งหมด ส่งผลทำให้วิลล่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตน

[*พื้นที่ราบลุ่ม ถ้าใครนึกไม่ออกก็ลองจินตนาการตาม นึกถึงพื้นที่โลงๆที่มีพื้นหญ้าสีเขียวชะอุ่มปกคลุมก่อน จากนั้นที่นึงในพื้นที่นั้น ก็มีร่องแม่น้ำความสูงต่อกันประมาณ3คน แต่น้ำไม่ได้เต็มร่องแม่น้ำนี้นะไหลอยู่นิดเดียว สูงแค่น่องขา รอบๆร่องนั้นมีหินก้อนสีเทาๆน้ำตาลๆเต็มไปหมด นี้หล่ะพื้นที่ราบลุ่ม มันเป็นคำที่จะใช้กันในต่างประเทศ ประเทศไทยน่าจะหาวิวแบบนี้ยาก 555 ]

 

“สถานที่นี้ มีฮวงจุ้ยที่ดี”

 

เขาเดินไปตามเส้นทางที่ทำจากกรวด เพื่อไปบ้านใหม่ของเขา แต่ก็ไปเจอเข้ากับกลุ่มผู้หญิงสองคน มันเป็นหญิงวัยกลางคนที่มาคู่กับสาวสวยน่ารัก

 

นี่เป็นเรื่องบังเอิญ!

 

ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเห็นเจียงซิ่ว เธอไม่รู้ว่าเธอควรเรียกเขาดีหรือไม่ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดเธอก็เรียกเขา “เจียงซิ่ว!”

 

“นายมาทำอะไรที่นี่?”

 

หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากเพื่อนร่วมชั้นของเขา เย่ปิง!

 

“เฮ้ นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆนะ”

 

เขามองไปทางชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆเย่ปิง “นี้จะต้องเป็นคุณลุงเย่ ใช่ไหม? สวัดดีครับ คุณลุงเย่ และคุณป้าเย่”

 

เขาพูดสุภาพ! เทพซิ่วไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน!

 

หลังจากที่ได้พบกับพ่อแม่ของเขาในวันนี้ ทัศนคติของเขากลายเป็นอ้อนน้อมถ่อมตนต่อโลกมากขึ้น ถ้าเขากล่าว ‘เทพคนนี้’ อีกครั้ง ป๊าเจียงและม๊าเจียง ท่าทางของพวกเขาก็คงจะกลายเป็นขี้เถาแล้ว

 

หลังจากที่ เย่ยี่เหลียงได้ยินข่าวลือในระหว่างงานเลี้ยง เขาก็สูญเสียอารมณ์ที่จะไปร่วมงานเลี้ยง และนี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาหนีจากเหตุการณ์เหนือธรรมชาติในวันนั้นไปได้

 

กลับมาที่บ้าน เขาได้พูดคุยกับภรรยาของเขา และรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด เขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ

 

“เธอคือเจียงซิ่ว?”

 

รูม่านตาของเย่ปิงเบิกกว้าง เมื่อเธอตระหนักได้ว่าพ่อของเธอรู้จักว่าเขาเป็นใคร ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง เมื่อลามไปถึงหู แม่ต้องบอกพ่อแน่เลย เกี่ยวกับเรื่องที่เธอจับได้ว่าเขาอยู่บนเตียง

 

เธอไม่สามารถทนอึดอัดใจได้ และวิ่งหนีออกไป

 

“ปิงปิง!”

 

ม๊าเย่รับวิ่งตามเธอไป กลัวว่าอะไรบางอย่างอาจจะเกิดขึ้นกับลูกสาวที่เธอรัก

 

เจียงซิ่วไม่ได้คาดหวังว่าเย่ปิงจะรู้สึกอับอาย ช่วยไม่ได้เขายิ้มออกมา เขาเองก็รู้สึกอึดอัดใจ และหมดหนทางในการจัดการเรื่องของวันนั้น

 

เย่ยี่เหลียงเลิกคิ้วขึ้น เมื่อเห็นรอยยิ้มของเจียงซิ่ว “ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวของเธอขายผลไม้”

 

“ใช่!”

 

“พ่อของเธอเคยเข้าไปในคุกครั้งนึงด้วย?”

 

“ใช่!”

 

“เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”

 

“ฉันรู้”

 

เย่ยี่เหลียงพยักหย้า “เธอค่อนข้างสงบและกล้าหาญ ฉันได้ยินมาว่า ทักษะศิลปะการต่อสู้ของเธออยู่ในระดับหัวกระทิ เธอได้ทำให้ทั้งแผนกศิลปะการต่อสู้ของเฟริสไฮพ่ายแพ้ และแม้แต่กระทั้งต่อสู้กับลูกน้องทั้ง200คนของยิ่งใหญ่เหล่ย ในเมืองสถานบังเทิง”

 

“ทุกคนย่อมมีสิ่งที่ตัวเองทำได้ดี ไม่อย่างใดก็อย่างนึง”

 

เย่ยี่เหลียงเย้ยหยัน “ศิลปะการต่อสู้ของเธอไม่อ่อนแอ่เลย และเธอก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายน้อยถังเหวินชง มันถือว่าไม่มากเกินไป ที่เธอจะพยายามคบหากับสาวสวยเช่นปิงปิง”

 

“อย่างไรก็ตาม เย่ปิงมีความแตกต่างกับสาวสวยคนอื่นๆอยู่นิดหน่อย”

 

เจียงซิ่วถาม “เธอแตกต่างอย่างไร?”

 

เย่ยี่เหลียงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “เพราะเธอเป็นลูกสาวของฉัน”

 

“เธอต้องการที่จะคบกับเธอ?”

 

“เธอมัน ไม่! เหมาะ! สม!” สายตาของเขาเต็มไปด้วยการสบประมาทอย่างไม่รู้จบ ในขณะที่เขากล่าวคำพูดเหล่านั้น เขาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง

 

เจียงซิ่วถาม “โอ้? จริงหรือ? ต้องทำอย่างไรถึงจะเหมาะสม?”

 

“เรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุด ก็คือเรื่องของชื่อเสียงครอบครัว ถ้าเป็นยศทางทหาร ก็ต้องเป็นทหารผู้ที่มีอำนาจระดับเทศบาล(ง่ายๆก็ระดับหมู่บ้าน) เมื่ออายุ 30 ปี ก็จะต้องถึงตำแหน่งพันเอก และมีอำนาจบริหารระดับท้องถิ่น(ระดับเขต)”

 

“ระดับศิลปะการต่อสู้ของเธอค่อนข้างสูง เธอสามารถเข้าร่วมมหาวิทยาลัยชั้นนำและกลายเป็นแชมป์ศิลปะการต่อสู้ได้ แต่นั่นก็คือขีดจำกัดของเธอแล้ว”

 

กล่าวได้ดังนี้ เขาก็เดินผ่านเจียงซิ่วไป และตบไหลเขาเบาๆ ราวกับเป็นการปลอบโยนเขา ความเป็นจริงนั้นโหดร้าย การตบเบาๆ ของเขา ถือเป็นการปลอบโยนเจียงซิ่วในรูปแบบของเขาเอง ที่เขาได้เสียลูกสาวเขาไป เย่ปิง

 

 

 

 

แหม่คุณพ่อตาก็ 5555 ผมรักนางอ้า อวยนาง 555

ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะมีใครเป็นเหมือนผมไหม ยิ้มทั้งตอนเลย รู้สึกชอบเทพซิ่วมากขึ้นก็ตอนนี้หล่ะ 55555 เห็นได้ชัดถึงการพัฒนาทางอารมของเทพแกเลย5555

ค้างกันไปยาวๆ เรื่องนี้ไม่เคยทำให้คุณไม่ค้าง 555

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด