ตอนที่แล้วบทที่ 21 ตอบแทนบุญคุณ 1 (2) [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 22 ตอบแทนบุญคุณ 2 (2) [อ่านฟรี]

บทที่ 22 ตอบแทนบุญคุณ 2 (1) [อ่านฟรี]


 

บทที่ 22 ตอบแทนบุญคุณ 2 (1)

 

รถม้าที่มีตราสัญลักษณ์เต่าทองของตระกูลเฮนิตัสก็แล่นเข้าเมืองพัซเซิลตามหลังรถม้าของว่าที่หัวหน้าพ่อบ้านเช่นฮันส์อย่างช้าๆ

“มันเล็กกว่าเมืองเวสเทิร์นอีก”

“ใช่ๆเล็กกว่าอีก”

คาร์ลพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของออนและฮงก่อนจะมองออกไปด้านนอกรถม้า

‘มันจะไม่ตามฉันเข้าไปในเมืองด้วยใช่มั้ย?’

จากคำบอกเล่าของเชวฮัน มังกรดำตนนั้นได้ติดตามพวกเขามาห่างๆก่อนที่จะล่าหาอาหารมาทิ้งไว้ให้ตอนเช้าและรีบหลบออกไป

‘มันน่ารักใช่มั้ย? มังกรดูเหมือนเด็กน้อยที่ยังไม่สูญเสียความไร้เดียงสาไปแม้มันจะเจอชีวิตที่แสนโหดร้ายมาก่อนก็ตาม’

‘........น่ารักกับผีล่ะสิ’

นั่นเป็นเพียงสิ่งที่คาร์ลคิดเมื่อเห็นเชวฮันพูดกับตนด้วยน้ำเสียงขบขัน ถ้าเชวฮันเห็นมังกรระเบิดภูเขาได้อย่างง่ายดายเขาก็คงไม่มาพูดว่ามันน่ารักต่อหน้าเขาเช่นนี้

คาร์ลไม่รู้ว่าทำไมมังกรดำถึงทำเช่นนี้ทั้งๆที่มันเคยกล่าวว่ามันเกลียดมนุษย์ มันทำให้เขามึนงงไปหมดมันไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดว่าจะเป็นแบบนี้ไปได้

ก่อนหน้านี้คาร์ลคิดว่ามังกรจะอยู่ห่างจากอาณาเขตของมาร์คควิสสแตนเพื่อสร้างถ้ำของมันและเพื่อพัฒนาพลังของมันให้แข็งแกร่งขึ้น คาร์ลหวังไว้ว่าหากมังกรเติบโตขึ้นมันจะสามารถทำลายอำนาจและสมบัติของตระกูลสแตนก่อนที่มันจะเกิดสงครามขึ้นในฝั่งตะวันออกนี้

และนั่นจะเป็นประโยชน์ในการรักษาอาณาเขตการปกครองของท่านเคานต์เฮนิตัสให้สงบร่มเย็นได้อย่างยาวนาน

“เตราะ”

คาร์ลเดาะลิ้นของตัวเองและก้มมองไปที่ลูกแมวทั้งสองที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าด้วยความตื่นเต้นก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆเขาเพื่อถามในสิ่งที่พวกมันเห็นด้านนอกนั้น

“หน้าบ้านของพวกเขามีหอคอยศิลาด้วย”

“ใช่ๆ....มันแปลกมากเลย”

คาร์ลเอ่ยตอบด้วยท่าทางไม่เต็มใจนัก

“ก็มันคือเมืองแห่งหอคอยศิลา”

เมืองพัซเซิลเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องที่มีซากปรักหักพังโบราณของหอคอยศิลาเป็นจำนวนมาก และยิ่งมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้นจากการที่พวกเขามีหอคอยศิลาขนาดเล็กประดับไว้หน้าบ้านของพวกตน

คนในเมืองนี้สร้างร่องเล็กๆอยู่นอกหน้าต่างและสร้างหอหอคอยศิลาไว้บริเวณนั้น มันไม่ควรถูกเรียกว่าหอคอยเพราะมันมีเพียงก้อนหินขนาดใหญ่เรียงซ้อนกันน้อยกว่า 10 ก้อนแต่หอคอยศิลาของพวกเขาก็แตกต่างกันไปตามความชอบของเจ้าของบ้านแต่ละหลัง

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงกลายเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อโรงแรมหรูที่พวกคาร์ลมาถึงจะมีหอคอยศิลาประดับไว้ด้านหน้าของโรงแรมด้วย

“เราจะเข้าพักที่นี่ใช่หรือไม่?”

ฮันส์รีบตอบคำถามของคาร์ลในขณะที่เดินตามหลังของเจ้าของโรงแรม ฮันส์ดูเหมือนจะตื่นเต้นมากเมื่อเขาอุ้มลูกแมวทั้งสองไว้ในอ้อมแขนของตน

“ใช่แล้วขอรับนายน้อย...เราได้จองห้องให้ท่านเชวฮันไว้พักสองวันครั้งต่อไปจึงจะจองเพิ่มทีหลังให้กับเขาและคนอื่นๆที่จะเดินทางมาสมทบในภายหลังแต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาว่าพวกเขาจะมาถึงตอนไหน”

รอนชะงักไปชั่วครู่กับคำพูดของฮันส์และรีบเดินตามหลังพวกเขาพร้อมกับถือกล่องเวทย์ไว้ในมือก่อนที่ฮันส์จะเริ่มพูดต่อ

“เราเดินทางมาถึงก่อนเทศกาลหอคอยศิลาทำให้ห้องพักมีราคาไม่แพงมากนัก”

เทศกาลหอคอยศิลาที่จะมาถึงในสัปดาห์หน้าทำให้ชาวเมืองพัซเซิลยุ่งอยู่กับการเตรียมงานเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลหอคอยศิลานี้ คาร์ลแค่นึกถึงสิ่งนี้โดยไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆออกมา

“มีหอคอยศิลาอยู่ที่เมืองแห่งนี้มากมายนักและมันก็ค่อนข้างน่าสนใจ...มันดูแปลกมาก”

“กระผมรู้สาเหตุขอรับ?”

'ฮะ?'

คาร์ลเงยหน้ามองไปที่ฮันส์ผู้ที่เป็นคนตอบรับกับพูดของตน

“มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่ก็เป็นเรื่องราวที่กระตุ้นความสนใจของคนรุ่นหลังได้เป็นอย่างดี”

“หากเรื่องมันยาวมากนัก...เจ้าก็หยุดเล่าเถิด”

จริงๆคาร์ลก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่ฮันส์ก็มีความตั้งใจในสิ่งที่เขาจะเล่าให้ฟังมากเช่นกัน คณะของคาร์ลที่เข้าไปในห้องพักของเขาจ้องมองเจ้าของโรงแรมที่กำลังเดินออกไปจากห้องก่อนจะเริ่มฟังเรื่องราวที่ฮันส์จะเล่า

“เรื่องนี้มันเป็นตำนาน...เอ่อ...มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยอดีตนานมาแล้ว”

“สมัยอดีต?”

คลิ๊ก!

เสียงปิดประตูดังขึ้นหลังจากที่เจ้าของโรงแรมก้าวออกไปพ้นห้องแล้ว ในตอนนี้เหลือเพียงคณะของคาร์ลที่อยู่ในห้องเขาเท่านั้น และคาร์ลก็ตอบรับกับคำของฮันส์ที่พูดถึงเรื่อง ‘สมัยอดีต’

“ขอรับ...เป็นเรื่องสมัยอดีต”

“เล่าต่อสิ”

ลูกแมวสองพี่น้องที่อยู่ในอ้อมแขนของคาร์ลกำลังกระดิกหางของพวกมันไปมาราวกับว่าพวกมันสนใจที่จะฟังเรื่องนี้เช่นกัน รอนเพียงยืนเงียบๆและรินน้ำมะนาวจากขวดที่เขาถือมาพร้อมๆกับกล่องเวทย์ก่อนจะยื่นให้คาร์ล

คาร์ลเพียงรับแก้วน้ำมะนาวมาถือไว้ในมือและนั่งลงบนโซฟาก่อนจะพาดขาของเขาไว้บนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้าม  คาร์ลยกคางของตนขึ้นเล็กน้อยเพื่อเป็นสัญญาณให้ฮันส์เริ่มพูดต่อ

“อะแฮ่ม......เมื่อครั้งอดีตเมืองนี้หลุดพ้นจากการคุ้มครองของพระเจ้า”

‘หลุดพ้นจากการคุ้มครองของพระเจ้างั้นเหรอ?’

คาร์ลไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเรื่องนี้”

“นั่นเป็นเพราะนายน้อยไม่ได้เรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์”

“......ดูเหมือนเจ้าจะสนุกกับสิ่งที่พูดกับข้าในวันนี้...เจ้าจะพูดแบบนี้อีกหรือไม่? ห๊ะ?”

ฮันส์หันไปมองคาร์ลอย่างรวดเร็ว

“มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพ่อบ้านที่ดีที่จะแจ้งเรื่องราวในสิ่งที่เจ้านายของตนไม่ทราบนะขอรับ”

ก่อนที่ฮันส์จะเริ่มเล่าเรื่องในสมัยอดีต

“กระผมก็ไม่ทราบถึงเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเมืองแห่งนี้จึงไม่ได้รับการคุ้มครองจากพระเจ้าอีกต่อไป แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นชาวเมืองนี้ก็รวมตัวกันเพื่อสร้างหอคอยศิลาขึ้น ดูเหมือนจะเป็นการสักการะบูชาพระเจ้าที่ทรงทอดทิ้งพวกเขา”

“แล้วมันส่งผลเช่นไร?”

“ไม่เป็นผลขอรับ”

พระเจ้าไม่รับฟังพวกเขา

“เห็นได้ชัดว่ามีการสวดอธิษฐานเมื่อเราย่างกรายเข้ามาที่นี่และมันก็เป็นเหตุผลให้เมืองนี้ไม่มีแม้แต่วิหารสักแห่งเดียว”

“ไม่มีเหตุผลใดที่ต้องสวดวิงวอนต่อพระเจ้าที่ทอดทิ้งพวกเขาใช่มั้ย?”

“ว้าวๆ.....ถูกต้องนะขอรับ....นายน้อยของเราเป็นคนที่ฉลาดมากไม่เห็นจำเป็นต้องเรียนรู้เลยนะขอรับ”

“เจ้าอยากโดยต่อยใช่หรือไม่?”

ฮันส์หันหน้าไปมองคาร์ลก่อนเสมองไปยังภูเขาที่ห่างไกลออกไปและเริ่มพูดต่อ

“เอ่อ...อะแฮ่ม..แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้พวกเขาก็มีหอคอยศิลาแทนวิหารของพระเจ้า หอคอยศิลาแสดงถึงคำสัญญาที่ชาวเมืองมีให้แก่กันและมันก็เป็นคำสัญญาของตัวพวกเขากับหอคอยศิลาด้วยเช่นกัน”

“สัญญาอะไร?”

ฮันส์เริ่มอธิบายกฎแปลกๆของเมืองพัซเซิลนี้

“มนุษย์บางพวกก็มีความประสงค์ที่จะทำลายหอคอยศิลาของพวกเขาเช่นกัน”

คาร์ลเริ่มอมยิ้มออกมา ก่อนเอ่ยขึ้น

“เป็นเมืองที่น่าสนใจจริงๆ”

“น่าจะเป็นเช่นนั้นนะขอรับ? ตั้งแต่พวกเขาถูกทอดทิ้งจากพระเจ้าพวกเขาก็มุ่งมั่นที่จะทำทุกสิ่งให้สำเร็จด้วยกำลังของพวกเขาเอง การทำลายหอคอยศิลานั่นมันก็หมายถึงว่าพวกเขาได้ชนะเดิมพันแล้ว”

คาร์ลชอบการทำลายหอคอยศิลาเป็นอย่างมากและนึกถึงหอคอยศิลาที่ถูกทำลายลงตามหน้าบ้านของชาวเมืองบางส่วน

“หอคอยศิลาไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเจ้า”

“ถูก....มันเป็นตัวแทนการแสดงความมุ่งมั่นของตัวเองมากขึ้น”

ถึงอย่างไรหอคอยศิลาก็มีความสำคัญมากแม้ว่าคุณจะทำลายมันลงก็ตาม

“ข้าเดาว่าเป็นเพราะพระเจ้าไม่ได้ทำตามคำอธิษฐานของพวกเขาต่างหาก”

“ใช่...นายน้อยพูดถูกขอรับ ถึงมันจะเป็นเรื่องเศร้าที่พวกเขาถูกทอดทิ้งแต่เรื่องนี้ก็ทำให้ผู้คนมีความหวังเพิ่มมากขึ้น”

คาร์ลก้มลงเพื่อสั่งให้ฮันส์ทำตามเขา

“มองลงไปสิ”

“อะไรนะขอรับ?”

คาร์ลชี้ไปที่หน้าอกของฮันส์ด้วยนิ้วของเขา

“ดูเหมือนลูกแมวมันจะโมโห”

“ห๊ะ?......”

ฮันส์อ้าปากค้างเมื่อก้มลงไปมองลูกแมวทั้งสอง มันกำลังอ้าปากโชว์ฟันอันแหลมคมของพวกมัน ดวงตาสีทองของมันส่องประกายอย่างกล่าวหาว่าฮันส์เป็นคนเลว ก่อนที่เขาจะวางทั้งสองลงกับพื้น

“โอ้....ตายแล้วทำไมพวกเจ้าทั้งสองถึงโมโหเช่นนี้?หรือข้าจะทำให้พวกเจ้าทั้งสองหงุดหงิดกันนะ?”

ฮันส์เริ่มยิ้มด้วยความอ่อนโยน เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าลูกแมวทั้งสองเป็นสัตว์อสูรจึงเข้าใจว่ามันเพียงโมโหเพราะความหิว แต่ถึงอย่างไรลูกแมวก็ไม่ได้โมโหเพราะเรื่องนั้นแต่มันกำลังโมโหกับเรื่องอื่น คาร์ลเริ่มนึกถึงสิ่งที่ลูกแมวได้พูดคุยกับเขาก่อนหน้านี้

‘ข้าได้ยินจากฮันส์มาก่อนหน้านี้’

‘ฮันส์เขาพูดให้ฟังจริงๆ’

‘ถ้าท่านไปอธิษฐานที่หอคอยศิลา คำอธิษฐานจะเป็นจริง’

‘เขาบอกว่าหอคอยศิลาสวยมาก’

ปึง! ปึง!

ออนดูเหมือนจะโกรธขณะที่กระทืบเท้าของเธอลงพื้นเสียงดังขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ฮงก็สะบัดหางของมันกระแทกกับพื้นด้วยเสียงอันดังเช่นกัน พวกเขาโกรธที่ฮันส์โกหกเรื่องหอคอยศิลาแต่ก็ดูเหมือนว่าฮันส์จะเข้าใจผิดอยู่

 

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด