ตอนที่แล้วGE63 วิชาลับสัมผัสเทพ การสร้างร่างวิญญาณ [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE65 ปลอมเป็นซัวหมิง มุ่งหน้าสู่เผ่าคราม [ฟรี]

GE64 ตายไปพร้อมกับข้า [ฟรี]


ร่างวิญญาณถือกำเนิดอย่างสมบูรณ์ แต่หนิงฝานยังไม่พอใจ เพราะเขาพบว่า หลังจากร่างวิญญาณปรากฏ ผ่านไปเพียงชั่วธูปไหม้หมดครึ่งดอก ร่างวิญญาณได้กลับคืนสู่ทะเลสติของหนิงฝาน

เมื่อร่างวิญญาณกลับคืนทะเลสติของหนิงฝาน เขาถอนหายใจ ร่างวิญญาณในขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง ที่สร้างขึ้นอย่างยากลำบากกลับไม่เป็นดังหวัง เขาจึงยากจะทำใจยอมรับ

หากใช้สู้กับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ ร่างวิญญาณจะรับมือได้เพียงครึ่งชั่วยาม หลังจากนั้นมันจะกลับคืนทะเลสติ

สัมผัสเทพของหนิงฝานยังอ่อนด้อยเกินไป ทำให้ร่างวิญญาณเสถียรไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องยกระดับสัมผัสเทพ เพื่อสร้างร่างวิญญาณที่เฝ้าหวังให้สำเร็จ

หนิงฝานสวมอาภรณ์ หันมองไปยังกระเป๋าของตนที่ถูกฉีกกระจาย ก่อนจะพบสัตว์อเวจีที่อยู่ในรังไหมข้างกัน เมื่อใช้สัมผัสเทพตรวจสอบร่างของมัน สีหน้าหนิงฝานแปรเปลี่ยน

“เจ้าสัตว์อเวจี เจ้าถึงกับกล้ากินสมุนไพรพันปีของข้า... แต่คาดไม่ถึงว่าระดับพลังของมันไม่ได้อยู่ขอบเขตประสานวิญญาณ แต่เป็นขอบเขตไร้แบ่งแยก...”

หนิงฝานฝืนยิ้ม เขาคาดไม่ถึงว่าจะบังเอิญพบสัตว์อเวจีที่ทรงพลังขนาดนี้

สมุนไพรหลักของโอสถก่อดวงจิตได้ลงไปอยู่ในท้องของสัตว์อเวจีแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่เลวร้าย

หนิงฝานขบคิดว่าจะจัดการกับตัวเจ้าปัญหานี้อย่างไร

ในส่วนที่สองของป่านี้มีข่ายอาคมจำกัดพลังไว้ที่ขอบเขตประสานวิญญาณ นั่นอาจเป็นเหตุผลที่เขารั้งร่างวิญญาณไว้ได้เพียงครึ่งธูปไหม้ สัตว์อเวจีน้อยตัวนี้อาจจะถูกจำกัดพลังเช่นกัน

ยามนี้หนิงฝานสูญวิญญาณไปกว่าครึ่ง หากจะให้จับสัตว์อสูรอเวจีน้อย หรือให้สังหารมัน ย่อมไม่อาจทำได้ เพราะสุดท้าย มันก็แข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก

หากสังหารไม่ได้... หากจับไม่ได้... แล้วหากมันเป็นตัวเมีย?

ดวงตาของหนิงฝานเป็นประกาย หากมันเป็นตัวเมีย เขาย่อมใช้ดรรชนีคลายหยินกับมันได้

ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว หนิงฝานจึงเร่งกินโอสถเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ และนั่งรอให้สัตว์อเวจีน้อยออกมาจากรังไหม

ผ่านไปหนึ่งวัน ในที่สุดรังไหมก็ขยับ ม่านพลังสีดำแปรเปลี่ยนเป็นสีขาว ปราณที่ผันผวนแผ่กระจายออกมาจากรังไหม ไม่นานรังไหมก็ปริแยก เผยให้เห็นสตรีผิวพรรณขาวราวหยกบิดยืดกายพลางแทรกตัวออกมาจากรังไหม

“อา... ในที่สุดข้าก็กลับคืนร่างมนุษย์ได้เสียที... พลังของข้าเองก็ฟื้นคืนขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุด ถึงคราวที่ข้าจะสั่งสอนบุรุษนั่นแล้ว!”

รูปลักษณ์ของนางดูราวกับสตรีอายุ 23 ปี ผิวพรรณขาวราวกับหยกเนื้อดี ขาเรียวราวได้รูป หน้าท้องแบนราบ สโพกผายขับส่งให้เรียวขางดงามยิ่งขึ้น เอวบางคอดกิ่ว อกคู่งามอวบอิ่มสมบูรณ์ นางเปรียบดั่งสตรีที่ทรงเสน่ห์กระทั่งหนิงฝานยากจะละสายตา

ผมดำขลับของนางทิ้งตัวพริ้วสไว ก้นเอิ่บอิ่มหน้าสัมผัส แต่เหนือก้นขึ้นไปเล็กน้อย มีรอยฝ่ามือสีแดง ซึ่งก่อนหน้านี้ยามที่นางเป็นสัตว์อเวจี หนิงฝานตีก้นนาง

ดวงตาของนางงดงามน่ามอง แต่แฝงไปด้วยความเศร้า ริมฝีปากแดงระเรื่อชุ่มฉ่ำ แต่มุมปากยังเหลือเศษสมุนไพรที่นางเพิ่งกินเข้าไป

“นางช่างคล้าย ‘ฉางเอ๋อร์’” หนิงฝานพึมพัมพลางจับจ้องชมเรือนร่างที่งดงามของนางไม่วางตา

ฉางเอ๋อร์ คือเทพธิดาที่มีชื่อเสียงในลานสวรรค์เมื่อครั้งโบราณกาล ครั้งหนึ่ง จักรพรรดิสวรรค์เคยได้ยลโฉมนาง ภาพของนางในยามนั้นจึงสลักลงไปในความทรงจำมิลืมเลือน...

ดวงตาของหนิงฝานกวาดสำรวจเรือนร่างของนาง เมื่อสายตาเคลื่อนไปที่ก้นของนาง เพลิงราคะในกายของเขาจึงลุกโหม แต่เมื่อนางหันมา! นางเร่งปิดคลุมหน้าอกและพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของตน พลางจ้องมองหนิงฝานด้วยโทสะ

“เจ้ามองพอหรือยัง!”

ยามนี้นางฟื้นคืนพลังเทียบเท่าปีศาจกระดูกขาวที่ปรากฏก้อนหน้า แต่บุรุษเบื้องหน้ากลับกล้าใช้สายตาล่วงเกินนาง!

“เรือนร่างเจ้างดงามยิ่งนัก!”

หนิงฝานยิ้มอย่างมีความสุข แรงกดดันในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุดของนาง ไม่ส่งผลกระทบกับเขาแม้แต่น้อย!

“จะยอมเป็นกระถางขัดเกลาของข้า จะยอมเป็นสัตว์เลี้ยงของข้า หรือจะยอมเข้าไปในส่วนที่ 3 ของป่ากับข้า จงเลือกมา...” น้ำเสียงของหนิงฝานทำให้นางตกตะลึง และที่ตกตะลึงยิ่งขึ้นคือความสงบของเขา

นางโกรธในความเย่อหยิ่งจองหองของหนิงฝาน... ‘กระถางขัดเกลา? สัตว์เลี้ยง? เจ้าคิดว่าตนเป็นใคร? เซียน? ถึงได้กล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกเช่นข้า!’

นางไม่พอใจที่หนิงฝานจะพานางไปยังส่วนที่ 3 ของป่าด้วย

สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนเย็นชา แต่สองมือยังปกป้องสมบัติของตนอย่างเหนียวแน่น

“หากเจ้ายั่วยุข้าอีกครั้ง เจ้าจะเสียใจ!”

แรงกดดันที่ครึ่งก้าวบรรลุแก่นของคำของนาง แผ่เข้าปกคลุมร่างกายของหนิงฝาน แต่ในเสี้ยวพริบตานั้น กลับถูกพลังสายหนึ่งสะท้อนออกมา

ขณะที่หนิงฝานกำลังจะถูกนางจู่โจม ทะเลสติของเขาสั่นไหว เงาร่างสายหนึ่งทะยานออกจากร่าง แรงในขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลางปรากฏ จนทำให้นางตกตะลึง

“ร่างวิญญาณแก่นทองคำขั้นกลาง! มีเพียงผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกเท่านั้นที่สร้างร่างวิญญาณได้ เหตุใดเจ้า... อ้า~~! ปล่อยข้า!”

เงาร่างนั้นรวดเร็วจนนางไม่อาจตอบสนองได้ทัน

เงาร่างนั้นปรากฏขึ้นด้านหลังของนางในพริบตา สองแขนของมันรวบเอว เคลื่อนมือที่โคจรดรรชนีคลายหยินสัมผัสหน้าอกของนางทั้งสองข้าง จากนั้นถ่ายสัมผัสเทพเข้าสู่ทะเลสติของนางเพื่อทำบางสิ่งแล้วถอนสัมผัสเทพออกมาอย่างรวดเร็ว!

แม้จะลงมือเสร็จสิ้น แต่เงาร่างนั้นยังคงกอดร่างของนางไว้โดยไม่ขยับเคลื่อนไหว

ใบหน้าของมันเผยรอยยิ้มที่เหมือนกับร่างจริง เพราะเงาร่างนั้นคือหนิงฝานอีกคน!

“เจ้า...ทำอันใดกับข้า?” นางตกตะลึง เพราะหลังจากนิ้วของร่างวิญญาณสัมผัสหน้าอกของนาง นางกลับไม่สามารถโคจรปราณภายในร่างได้

นางพยายามดิ้นขัดขืน แต่ร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรงจนไม่อาจหลุดจากพันธะนาการของร่างวิญญาณได้

เมื่อเห็นนางพยายามดิ้นรน หนิงฝานส่ายหน้าก่อนจะหวดมือฟาดเข้าที่ก้นของนางจนเจ็บ ทั้งยังทำให้ปราณที่นางพยายามโคจรไว้สลายไป

“ปล่อยข้า! ข้าคือผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก... ปล่อย... ปล่อย... อื้ม~~ ปล่อยข้า... อื้ม~~”

ดวงตาของนางพร่ามัว หยาดน้ำตาไหลริน... องค์หญิงเหม่ยผู้อาจหาญและสูงศักดิ์ กลับถูกเด็กหนุ่มในขอบเขตประสานวิญญาณข่มเหงกระทั่งไม่อาจขัดขืน

“ไร้...ไร้ยางอาย!”

เป็นครั้งแรกที่ผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง ทั้งยังสังหารผู้คนมานับไม่ถ้วนอย่างนาง ต้องตะโกนด่าทออีกฝ่ายว่าไร้ยางอาย

ยามนี้นางรู้สึกได้ว่ามีของเหลวอุ่นๆกำลังไหลออกมาจากหว่างขา และความรู้สึกนั้น...ก็ทำให้นางหวาดกลัว

‘เหตุใดข้าจึงกลายเป็นของเล่นให้ผู้เยาว์ในขอบเขตประสานวิญญาณเช่นนี้!?’

‘มัน... หรือมันคิดจะขัดเกลาผสานกับข้า!’

นางขบฟันอย่างแค้นเคือง แต่ในเสี้ยวพริบตานั้น นางกลับสัมผัสได้ว่าร่างวิญญาณของหนิงฝานไม่เสถียร

“ปล่อยข้า... ร่างวิญญาณของเจ้ากำลังจะสลาย... หากเจ้าไม่ปล่อย... ข้าจะกัดร่างวิญญาณของเจ้าให้ระเบิด...” นางแลบลิ้นเลียไปที่แขนของร่างวิญญาณ

การเลียของนางเหมือนครั้งที่นางอยู่ในร่างของสัตว์อเวจี แต่ยามนั้นกลับแฝงด้วยบางสิ่ง

ลิ้นของนางเย็นเฉียบ ร่างวิญญาณสัมผัสได้ถึงความเย็นที่รุนแรง จึงเร่งปล่อยนางอย่างรวดเร็ว

พริบตานั้น ดวงตาของนางเปล่งประกาย อำนาจดรรชนีคลายหยินของหนิงฝานสูญสลาย! หนิงฝานรู้ว่าหากไม่ปล่อย นางจะทำลายร่างวิญญาณอย่างที่นางกล่าวได้จริง

ดวงตาของหนิงฝานเป็นประกาย เขาก้าวไปหนึ่งก้าวพร้อมกับถอนร่างวิญญาณกลับคืนทะเลสติของตนแล้วจ้องมองนาง

สมแล้วที่นางเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก แม้พลังของนางจะเหลือเพียงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุด แต่ยังสามารถสลายดรรชนีคลายหยินได้... นับว่านางโชคดีที่ยังมีวิธีคลาย ไม่เช่นนั้น นางคงกลายเป็นของเล่นให้หนิงฝาน

เมื่อนางต่อต้านวิชาเย้ายวนได้ หนิงฝานต้องเปลี่ยนวิธี เพราะหากบังคับนางจนเกินไป ผู้ที่ยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นนางอาจเลือกที่จะฆ่าตัวตาย

หนิงฝานเลิกคิดที่จะนำนางมาเป็นกระถางขัดเกลา

เพราะด้วยที่นางทรงพลังเกินหยั่งถึง เพียงโลหิตหยกเดียวของนางก็สังหารหนิงฝานได้แล้ว

หากจะให้นางเป็นสัตว์เลี้ยง หนิงฝานรู้ดีว่าตนเองยังแข็งแกร่งไม่พอ

ในเมื่อครอบครองไม่ได้ วิธีเดียวที่เหลือคือสังหาร!

แต่ถึงทั้งสองจะแผ่แรงกดดันที่รุนแรงใส่กัน แต่ไม่มีฝ่ายใดคิดจะสังหารอีกฝ่าย

เพราะอย่างไรซะ ทั้งสองก็ได้ใช้ชีวิตร่วมกันมา 5 วัน ทั้งกิน อาบน้ำ สัมผัสกาย... ความรู้สึกที่ซับซ้อนเหล่านั้นทำให้นางยากจะลงมือสังหารหนิงฝาน

สตรีที่ทรงพลังกระทั่งจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ยังต้องระวัง หนิงฝานไม่ทางนำนางมาเป็นกระถางขัดเกลาได้อยู่แล้ว

องค์หญิงเหม่ย... จักรพรรดิกล้วยไม้... เหม่ยเฉิน... นามของผู้ที่กัดกินสัตว์อสูรและภูติผีเพื่อยกระดับพลัง เป็นที่หวาดกลัวของภูติผีในที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก

แววตาของเหม่ยเฉินในยามนี้ปรากฏความรู้สึกซับซ้อน นางเกลียดชังหนิงฝานแต่ไม่อาจหักใจลงมือ แม้ยามนี้นางจะฟื้นคืนพลังในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุด แต่ดูราวกับนางยังไม่ใช่คู่มือของหนิงฝาน

“ถึงข้าจะฟื้นคืนพลังในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุด แต่ข้ากลับยังไม่ใช่คู่มือ... ร่างวิญญาณนั่น วิชาที่ชั่วร้ายนั่น... ในโลกหล้ามีวิชามากมาย แต่มันกลับเลือกฝึกฝนวิชาที่ไร้ยางอายที่สุด!”

นางด่าทอหนิงฝานในใจ นางสังเกตุเห็นแววตาของหนิงฝานที่ดูราวกับยังไม่ล้มเลิกที่จะนำนางไปเป็นกระถางขัดเกลาหรือสัตว์เลี้ยง

“เจ้าต้องการอันใดจากข้า?!” นางขบฟันแน่นเพื่อสะกดโทสะ แต่เมื่อเห็นสายตาของหนิงฝาน โทสะของนางจึงลุกโหมอีกครั้ง

“ไปส่วนที่ 3 ของป่ากับข้า ภูติผีเหล่านั้นหวาดกลัวเจ้า ทำให้ข้าได้เปรียบ” หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย

“ไม่ได้ หากข้าไปที่นั่น ปีศาจกระดูกขาวในขอบเขตแก่นทองคำจะเข้าจู่โจม ข้าไม่อยากตายไปพร้อมกับเจ้า!” นางขบฟันกล่าว

“ปีศาจกระดูกขาว? ก่อนหน้านี้ข้าได้สังหารมันไปแล้ว หากเจ้ากับข้าร่วมมือ ต่อให้มันส่งปีศาจกระดูกขาวในขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุดมา ยังมีอันใดต้องกลัว? ข้าต้องการมุกภาวนาในขอบเขตแก่นทองคำจำนวนมากเพื่อยกระดับสัมผัสเทพของข้าให้บรรลุดวงจิตแรกเริ่ม หากเจ้าช่วยข้า ข้าจะมอบสมุนไพรพันปีให้... ข้ามิได้ขู่...แต่แค่ต่อรองกับเจ้า” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย

“กงการของเจ้า เจ้าก็ทำเอง! เราไม่มีอันใดต้องกล่าวกันอีก... ที่ข้าไม่สังหารเจ้าก็ถือว่าไว้หน้าเจ้ามากแล้ว หากเจ้ายังรบกวนข้า ข้าจักรพรรดิกล้วยไม้เหม่ยเฉิน จะสังหารเจ้า!” นางขมวดคิ้ว ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ยอมเข้าไปส่วนที่ 3 ของป่า แต่สมุนไพรพันปีของหนิงฝานก็ล่อใจนางไม่น้อย

“หรือข้าจะชิงสมุนไพรของมัน?” นางขบคิด

“หากเจ้าไม่ช่วยข้า ข้าอาจตายในส่วนที่ 3 ของป่า และเมื่อนั้นเจ้าจะเสียใจ” หนิงฝานยิ้มอย่างคลุมเครือ แม้เขาจะกล่าวไม่กี่คำ แต่กลับทำให้นางหน้าแดงเล็กน้อย

“เจ้า...เจ้าตายเสียได้ก็ดี! เหตุใดข้าต้องเสียใจ!” หากส่วนที่ 3 ของป่าไม่อันตรายนัก บางที...นางอาจยอมช่วยหนิงฝาน

“เมื่อครู่ที่ข้าเข้าไปในทะเลสติของเจ้า ข้าได้สลัก ‘ตราประทับวิญญาณต้องห้าม’ เอาไว้ หากข้าตาย...เจ้าย่อมตายไปด้วย” หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย คำกล่าวของเขาราวกับอัสนีฟาดลงที่ข้างหูของนาง

นางเร่งสำรวจทะเลสติของตนและพบกับตราประทับวิญญาณอย่างที่หนิงฝานบอก นางถูกร่างวิญญาณของหนิงฝานประทับตราเอาไว้ นางเผยสีหน้าเดือดดาล นางคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะเป็นอันธพาลเช่นนี้

“เหตุใดเจ้าทำเช่นนี้! หากเจ้าจะไปรนหาที่ตายในส่วนที่ 3 ของป่า เหตุใดต้องพาข้าไปด้วย! เหตุใดเจ้าจึงอยากให้ข้าอยู่กับเจ้า!”

นางแทบคุมโทสะไม่ไหว นางไม่เคยโกรธแค้นขนาดนี้มาก่อน

‘อยู่และตายไปพร้อมกัน’! เป็นส่วนหนึ่งที่เหมือนกันของ ตราประทับวิญญาณ และ ตราประทับวิญญาณต้องห้าม แต่สิ่งที่ต่างกันคือ ตราประทับวิญญาณต้องเกิดจากการยินยอมของผู้เป็นนายและบ่าว เมื่อประทับตราเสร็จสิ้น ผู้เป็นนายจะควบคุมความตายของบ่าวได้ แต่ตราประทับวิญญาณต้องห้ามนั้น ตราบใดที่มีสัมผัสเทพเหนือกว่า คนผู้นั้นก็สลักตราประทับวิญญาณต้องห้ามได้ แม้ไม่สามารถควบคุมความตายได้อย่างอิสระ แต่หากผู้เป็นนายตาย บ่าวก็จะตายไปพร้อมกัน

แต่ถึงอย่างไร การประทับตราวิญญาณเช่นนี้ไม่มีผู้ทำใดนอกเสียจากหนิงฝาน

เมื่อหนิงฝานและเหม่นเฉินผูกพันธะ เมื่อใดที่หนิงฝานตาย นางก็ต้องตายไปด้วย และหากเมื่อใดที่นางตาย...หนิงฝานก็ต้องตายไปด้วยเช่นกัน!!

พันธะสัญญาของหนิงฝานมีผลครึ่งเดือน หากหลังจากครึ่งเดือนไปแล้ว ผลของมันจะถูกยกเลิก... หนิงฝานต้องการพลังของนางในการสังหารภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำเป็นอย่างมาก

ในเมื่อหนิงฝานต้องเสียสมุนไพรพันปีไปมากมาย เขาต้องให้นางได้ชดใช้บ้าง

หนิงฝานไม่มั่นใจว่า หลังจากนางได้เข้าสู่ส่วนที่ 3 ของป่า และฟื้นฟูพลังในขอบเขตแก่นทองคำ เขาจะยังควบคุมนางได้หรือไม่

ด้วยเหตุผลทั้งมวล การทำพันธะให้ตกตายไปพร้อมกันคือวิธีที่ดีที่สุด นอกจากจะใช้งานนางได้แล้ว ยังป้องกันไม่ให้นางทรยศหักหลัง

ถึงแม้จะต้องพานางไปเสี่ยงชีวิต แต่หนิงฝานมั่นใจว่าจะพานางรอดพ้นจากปีศาจกระดูกขาวได้

“มีชีวิตร่วมไปกับข้า...ตายไปพร้อมกับข้า!” รอยยิ้มของหนิงฝานทำให้นางโกรธ

“หุบปากเดี๋ยวนี้!... นับเป็นครั้งแรกที่ข้าเหม่ยเฉินถูกข่มขู่...และต้องจำใจเชื่อฟัง!”

นางขบฟันและเบือนหน้าหนี หนิงฝานเสียสติ... เสียสติอย่างแท้จริง!

แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกยังกลัวตาย แต่หนิงฝานกลับก้าวเข้าหาความตาย

ในโลกแห่งการฝึกตน อันตรายลายล้อมทุกหนแห่ง แต่เด็กผู้นี้ยังกล้าท้าเผชิญ

“ทมิฬน้อย... เจ้าจงแปลงร่ายเป็นสัตว์อเวจีซ่อนอยู่ในอาภรณ์ของข้า ข้าจะพาเจ้าเข้าสู่ส่วนที่ 3 ของป่า” รอยยิ้มและคำกล่าวของหนิงฝานยิ่งทำให้นางโกรธเคืองยิ่งขึ้น

“ข้าชื่อเหม่ยเฉิน ไม่ใช่ทมิฬน้อย! เร่งหาอาภรณ์ให้ข้าใส่ กระเป๋าของข้าตกอยู่ในส่วนที่ 3 ของป่า ข้าไม่มีอาภรณ์... เมื่อครบครึ่งเดือน ข้าและเจ้าอย่าได้พบเจอกันอีกเลย!”

“แล้วแต่เจ้าต้องการ...”

หนิงฝานไม่ขัดนาง เขานำอาภรณ์ออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนให้นาง

แต่อาภรณ์นั้นเป็นอาภรณ์หนิงฝาน จึงมีกลิ่นของเขาติดอยู่ นางขมวดคิ้วแต่ต้องจำใจยอมสวมใส่ นางเป็นสัตว์อเวจี จมูกของนางดีกว่ามนุษย์หลายเท่า นางจึงได้กลิ่นของหนิงฝานอย่างชัดเจน

‘กลิ่นบ้า... รอยยิ้มบ้า... ความอ่อนโยนบ้า...!’

‘เจ้าล่วงเกินข้า...’

‘ข้าถูกเจ้าประทับตราวิญญาณต้องห้าม และขู่เข็ญให้ไปยังส่วนที่ 3 ของป่า’

‘ผู้ใดอยากร่วมเป็นร่วมตายกับเจ้า!’

เป็นครั้งแรกที่นางเกลียดบุรุษมากเช่นนี้ แต่นางกลับไม่อาจสังหารมันได้ ไม่อาจคุกคามมันได้!

เมื่อขบคิดว่าตนเองต้องแปลงร่างเป็นสัตว์อเวจี และซ่อนตัวอยู่ในอาภรณ์ของหนิงฝาน ทั่วร่างของนางพลันสั่นเทา นางต้องสัมผัสกายกับหนิงฝานอีกครั้ง...ช่างน่าสะอิดสะเอียน

แต่สิ่งที่นางไม่ทันสังเกตุคือ ห้าวันที่ทั้งสองอยู่ร่วมกัน เป็นช่วงเวลาที่นางผ่อนคลายที่สุด นางนอนหลับได้อย่างวางใจโดยไม่ต้องกังวลว่าภูติผีเหล่านั้นจะกัดกิน อันตรายทั้งมวลที่ต้องเผชิญ หนิงฝานเป็นผู้รับแทนทั้งหมด ทำให้นางรู้สึกปลอดภัย

การที่นางผนึกพลังตน ดูคล้ายกับผนึกความเย่อหยิ่งถือดีของผู้เป็นจักรพรรดินีไปพร้อมกัน

บางที... รอยยิ้มที่ชวนโมโหของบุรุษผู้นี้ อาจตราตรึงในใจของนางไปตลอดกาล...

หนึ่งวันให้หลัง ผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวชุดคลุมดำ ได้อุ้มประครองสัตว์อเวจีน้อยมุ่งหน้าไปยังส่วนที่ 3 ของป่า

หลังจากหนิงฝานได้ป้อนสมุนไพรพันปีให้นาง นางได้ฟื้นฟูพลังคืนสู่ขอบเขตแก่นทองคำขั้นต้น เมื่อหนิงฝานก้าวผ่านส่วนที่ 3 ของป่าได้หลายร้อยลี้ ภูติผีในรูปลักษณ์ของสตรีเยาว์วัยผู้งดงาม ได้เผยสีหน้าหวาดกลัว

“จักพรรดินีกล้วยไม้เหม่ยเฉิน นางกลับมาแล้ว!”...

ภายในนิกายกุ่ยเชว่... แต้มของหนิงฝานได้ไล่หลังเยี่ยนซวนหยินมาแล้ว!

ด้วยเพราะมีการแก้ไขแต้มของหนิงฝานในคราวนั้น ทำให้แต้มของเขาเหลือเพียง 189,754 แต้มเท่านั้น!

เยี่ยนซวนหยินรั้งอันดับที่ 45 ของนิกายด้วยแต้ม 190,000 อีกไม่นาน หนิงฝานจะก้าวข้ามมันได้แล้ว

เยี่ยนซวนหยินคาดไม่ถึงว่าเพียง 17 วัน แต้มของหนิงฝานเกือบจะไล่ตามทันมัน

“สมแล้วที่เป็นหนิงฝาน ข้าอ่อนด้อยกว่าเจ้ามากนัก”

มันถอนหายใจ แต่พริบตานั้น มันกลับเกิดความสงสัย

สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณจำนวนมากตกตะลึง ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำเผยสีหน้าไม่อาจยอมรับ!

เพราะแต้มของหนิงฝานเพิ่มขึ้น 2,000 ในพริบตา

2,000 แต้มคือแต้มที่สังหารภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำขั้นต้น นั่นหมายความว่า หนิงฝานเข้าสู่ส่วนที่ 3 ของป่าแล้ว!

“สังหารได้แม้กระทั่งแก่นทองคำ... เป็นไปไม่ได้!” ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำไม่อยากเชื่อสายตา ว่าผู้เยาว์อย่างหนิงฝานจะทำได้

ยามนี้หัวใจของหลานเหม่ยบีบรัดแน่น ในที่สุด...เรื่องที่นางหวาดกลัวที่สุดก็เกิดขึ้น!

นางคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะเข้าสู่ส่วนที่ 3 ของป่า... นางไม่น่าขโมยแผนที่ของบิดาให้เขาเลย

“ท่านพ่อช่วยหนิงฝานด้วย! เขาเข้าไปส่วนที่ 3 ของป่าแล้ว ที่นั่นมีภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุดอยู่...” หลานเหม่ยอ้อนวอน

“ไม่จำเป็นหรอก...” กุ่ยเชว่สื่อฝืนยิ้ม

แม้มันจะห่วงกังวล แต่การที่หนิงฝานกล้าไปเยือนส่วนที่ 3 ของป่า เขาย่อมมีความมั่นใจ

แต่แม้จะเชื่อเช่นนั้น กุ่ยเชว่ฉื่อยังยากจะยอมรับว่า ผู้เยาว์ขอบเขตประสานวิญญาณคนหนึ่ง จะต้านทานภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุดได้!...

** ตอนที่ 53 แปลจำนวนแต้มของแต่ละคนในนิกายกุ่ยเชว่ผิดไป แต้มของผู้นำนิกายและผู้อาวุโสของสำนักต้องใส่ 0 เพิ่มอีก 1 ตัวเช่น

กุ่ยเชว่สื่อ เดิม 96,000 เปลี่ยนเป็น 960,000 แต้ม เป็นต้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด