ตอนที่แล้วตอนที่ 41 คำเชิญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 43 ที่ผมทำก็แค่บอกชื่อไปเท่านั้น ทำไมคุณถึงต้องก้มหัวลงด้วยล่ะ!?

ตอนที่ 42 กลุ่มจูมอนจิ


ในคืนนั้นทาคาชิ โคบายาชิรู้สึกเสียใจอย่างมาก ขณะที่จำคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาได้

คนที่ช่วยพวกเขาไว้เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาและถ้าเขาเป็นเซนโจ ฮาราโนะจริงๆแล้วนั่นหมายความว่าเขาได้เปิดเผยตัวตนของคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้... ไม่ใช่ว่าเป็นการเนรคุณหรอกหรือไง!?

ในฐานะอันธพาลทาคาชิ โคบายาชิไม่ได้เป็นพวกมีคุณธรรม แต่เขามีหลักการของเขาด้วยเช่นกัน เขาจะไม่ขายคนที่เคยช่วยเขามาก่อน

แต่เขาก็พูดออกมาดังๆ โดยไม่ทันคิดและให้ข้อมูลไปหลังจากโดนออร่าครอบงำของเธอจากจากสาวผมบลอนด์

ดังนั้นเขาจึงอธิษฐานให้เซนโจ ฮาราโนะไม่ใช่คนที่เธอกำลังมองหา

ในวันจันทร์ระหว่างที่เรียนเขาได้สังเกตเห็นเซนโจ ฮาราโนะอย่างใกล้ชิดมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง และด้วยเหตุนี้... เขาจึงมั่นใจว่าเซนโจ ฮาราโนะต้องเป็นคนที่สวมหน้ากากที่พวกเขากำลังตามหาแน่!

เขาตกใจและหดหู่กับเรื่องนี้สุดๆ

เมื่อผู้หญิงผมบลอนด์โทรหาเขาและถามเขาเกี่ยวกับผลการสังเกตของเขาทาคาชิโคบายาชิก็บอกกับเธอโดยตั้งใจว่าเขาเข้าใจผิด

แต่บางทีทักษะการแสดงของเขาคงจะห่วยแตกจนน่าสงสารหรือไม่ก็ผู้หญิงผมบลอนด์นั้นก็ไม่เชื่อเขา เธอยังบังคับให้เขาแอบถ่ายรูปของฮาราโนะและส่งให้ไปเธอตัดสินใจเอง

ทาคาชิ โคบายาชิก็ทำได้แต่ต้องเชื่อฟังได้เท่านั้น

เขาเป็นเพียงแค่คนปกติ ถ้าเขาไม่เชื่อฟังพวกมาเฟีย พวกเขาก็มีวิธีมากมายที่จะลงโทษเขา... และนอกจากนี้แม้ว่าเขาจะเต็มใจที่จะต่อต้านด้วยตัวของพวกเขาเอง แต่ก็ไม่ยากที่พวกเขาจะได้รับข้อมูลที่พวกเขาต้องการ

เขาและโคเฮ วาตาริเป็นคนที่ไม่ได้สำคัญในแผนการอันยิ่งใหญ่ในชีวิตพวกเธอ พวกเธอจะได้รับประโยชน์เพราะพวกเขาใช้งานง่าย

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเขาได้ส่งภาพของเซนโจ ฮาราโนะไป ต่อมาเธอก็ได้ยืนยันว่าฮาราโนะนั้นแหล่ะคือคนที่สวมหน้ากากนั้น

เธอสามารถยืนยันได้ในทันทีเพราะแค่ดูจากภาพในมือถืองั้นเหรอ!?

ทาคาชิ โคบายาชิรู้สึกกลัวมากยิ่งขึ้นเมื่อเขายืนยันได้ว่าหญิงสาวผมบลอนด์มีความสามารถขนาดไหน

ทุกๆสิ่งเกิดขึ้นไปตามธรรมชาติเท่านั้น โคบายาชิถูกขอให้นำเซนโจ ฮาราโนะไปยังที่ที่เธอร้องขอไว้ หรือจะให้ผู้หญิงผมบลอนด์คนนั้นพาลูกน้องของเธอและไปรออยู่ตรงหน้าโรงเรียน

หลังจากที่คิดแล้ว... อืม มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปคิดเลยนิ โคยายะชิและวาตาริต้องปฏิบัติตามเท่านั้น

...

"ผมเข้าใจแล้ว" เซจิที่ได้ฟังคำอธิบายของโคบายาชิและวาตาริเสร็จ

"ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆนะ ฮาราโนะคุง..." ทาคาชิ โคบายาชิกัดริมฝีปากของเขาอย่างเศร้าสร้อย "ถ้าผมไม่ได้พูดแบบนี้ไป มันก็คงจะไม่เกิด... "

"แม้ว่านายจะไม่ได้พูดออกไป ตราบใดที่พวกเขาค้นหาผมอย่างจริงจัง ผมก็อาจจะถูกเจอเข้าในไม่ช้าก็ได้" เซจิถอนหายใจ "ใช่มั้ยล่ะ คุณ... คาเอเดะ จูมอนจิ?"

เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นจากทิศทางที่ผู้นั่งโดยสาร

"จริงๆแล้วแม้ว่าจะต้องใช้เวลาซักพักก็ตาม แต่สิ่งที่คุณสวมคือหน้ากากแบบง่ายๆและก็มีวิดีโอมากมายที่ถูกถ่ายไว้... "

"นายได้ยินที่เธอพูดไหม   ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก แม้ว่ามันจะทำให้ผมมีปัญหาอยู่บ้าง แต่นายก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นซะหน่อย ดังนั้นแล้วลืมเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปซะเถอะ " เซจิยิ้มให้กับโคบายาชิ

ทาคาชิโคบายาชิพยักหน้า แต่ข้างในเขาก็ยังรู้สึกอับอายอยู่ดี

"ยังไงก็ตาม โคบายาชิคุง นายก็ใช้ได้เหมือนกันนะ ผมไม่เคยแม้แต่จะพูดคุยกับนายมาก่อน และถึงแม้ว่าผมจะสวมหน้ากากในคืนนั้นและพยายามจะพูดด้วยเสียงทุมๆ แต่นายก็ยังจำผมได้อยู่ดี "เซจิเปลี่ยนเรื่องเป็นการยกย่องเขา

"เอ่อ... มันก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอก สัญชาตญาณของผมมันบอกว่าผมเคยเจอนายที่อื่นมาก่อนนะ..." โคบายาชิเกาหัวของเขาแบบอายๆ

"ทาคาชิมักจะสังเกตเห็นพวกรายละเอียดยิบย่อยต่างๆนะ" โคเฮ วาตาริผู้ซึ่งยังคงนิ่งอยู่ก็พูดขึ้น

"โอ้... พวกนายมักจะอยู่ด้วยกันนิ แล้วพวกนายทำอะไรด้วยกันกันบ่อยๆล่ะ?"

เซจิตั้งใจเปลี่ยนหัวข้ออีกครั้งเพื่อลดความตึงเครียดของพวกเขาและยังช่วยให้ตัวเองยังคงสงบได้อีกด้วย

เซจิสงสัยว่าจริงๆ ว่าถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นพวกอันธพาล และจะไปที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่และอ่านมังงะในร้านหนังสือกับเล่นเกมในศูนย์เกมทำไม  กิจกรรมพวกนี้ทำให้พวกเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าทั้งคู่จะเป็นโอตาคุ!

พวกอันธพาลไม่อาจเป็นโอตาคุได้!

ขณะที่เซจิกำลังคิดอย่างนั้นอยู่และอยากจะถามเรื่องนั้น รถคันนี้ก็หยุดขึ้นมาในทันที

"เรามาถึงแล้ว" คาเอเดะ จูมอนจิประกาศออกมา

เซจิและคนอื่นๆลงจากรถ และได้เห็นประตูไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่ทามกลางในสายตา มันเป็นประเภทที่มักจะเป็นบ้านหลังใหญ่ที่เงียบสงบที่เขามักพบได้ในมังงะ

ประตูค่อยๆบานนั้นค่อยๆเปิดเข้าไปที่ด้านในและเห็นได้ชัดเจนเลยว่ามีชายใส่สูทสีดำสองแถวเรียงรายไปทั้งทางด้านซ้ายและทางด้านขวาของทางเดินเพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูน่าประทับใจ

"กรุณาเขามาเลยค่ะ" คาเอเดะพูดอย่างสุภาพกับเซจิขณะที่เธอเดินนำทาง

เซจิตามเธอไป

โคบายาชิและวาตาริเดินตามหลังเซจิ

หลังจากที่พวกเขาเดินผ่านประตูไม้เข้าไปในลานขนาดใหญ่ ที่สุดของทางเดินเป็นคฤหาสน์ไม้แบบดั้งเดิมของเกาะซากุระ

"ยินดีต้อนรับสู่กลุ่ม จูมอนจิครับ!" x2

ผู้ชายทุกคนที่อยู่ในชุดสูทสีดำทั้งสองข้างโค้งคำนับเข้าด้วยกันอย่างพร้อมเพรียงและตะโกนเสียงดังกึกก้องอยู่ในหูของพวกเขา

ฉากนี้อาจทำให้คนธรรมดาฉี่ราดกางเกงของพวกเขาเลยก็ได้

โคบายาชิและวาตารินั้นรู้สึกตึงเครียดเป็นอย่างมาก ในฐานะที่เป็นอันธพาลระดับต่ำ พวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้มาก่อน

ถ้าเกิดอะไรขึ้น... บางที... พวกเขาคงไม่ได้มีโอกาสเห็นพรุ่งนี้แน่

ทั้งสองคนมีความคิดแบบเดียวกันและมองหน้ากันขณะที่เตรียมใจไว้พร้อม

หลังจากเข้าไปในคฤหาสน์

เซจิที่ได้รับคำเชิญจากคาเอเดะเข้าไปในส่วนลึกของคฤหาสน์ขณะที่โคบายาชิและวาตาริถูกกั้นโดยพวกผู้ชายในชุดสูทบางคน

"พวกคุณรออยู่ที่นี้แหล่ะ"

นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาบอก

"ฮาราโนะ... " พวกเขามองไปทางเซจิ

เมื่อได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้น เซจิก็หันไปมอง

"... ผ่อนคลายหน่อยสิ ไม่ต้องกังวลหรอกนะ" เขาคิดถึงเรื่องนี้และตัดสินใจที่จะไม่ให้พวกเขามากับเขา ดังนั้นเขาจึงยิ้มให้พวกเขาและจากไป

โคบายาชิและวาตาริที่มองดูกันอย่างน่าอึดอัดใจ และพวกเขาก็ยังคงอยู่กับที่

ในที่สุดเซจิที่ถูกนำโดยคาเอเดะไปยังห้องที่ชมสวนได้

มีชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อผ้าแบบดั้งเดิมของเกาะซากุระ สำหรับเซจิแล้วมันดูคล้ายกิโมโนของญี่ปุ่นจากโลกก่อนหน้าของเขา ที่กำลังนั่งอยู่อย่างเป็นทางการในท่านั่งทับขา(Seiza)ถัดจากโต๊ะตรงกลางห้อง

มีม้วนกระดาษที่มีตัวอักษรต่างๆวางเรียงรายไปเต็มผนังห้องและกลิ่นของกระดาษนั้นได้ซึมผ่านไปทั่วอากาศโดยรอบ... ดูเหมือนเป็นห้องที่ใช้ศึกษาสินะ

"พ่อค่ะ เขามาแล้ว" คาเอเดะพูดประโยคนั้นอย่างใจเย็นให้กับชายวัยกลางคนอย่างสงบก่อนที่เธอจะยิ้มให้เซจิและทิ้งเขาไว้

เซจิได้พูดคุยกับชายวัยกลางคนคนนั้น

ชายวัยกลางคนคนนั้นมีดูเป็นคนที่เรียบร้อย แม้ว่าจะทีรอยย่นจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาก็ตาม แต่เขาก็สามารถบอกไดเลยว่าคนๆนี้ดูหล่อมากขนาดไหน เขาสวมแว่นตาที่ทำจากไม้สีเข้มและเขามีดวงตาสีฟ้าอ่อนที่ดูธรรมดาและแหลมคม

แทนที่จะเป็นหัวหน้ากลุ่มมาเฟีย เขาดูคล้ายกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมากกว่า ไม่ใช่พวกที่เป็นที่นิยมกับผู้หญิง นั่นเป็นความรู้สึกครั้งแรกที่เซจิรู้สึกได้ตอนเจอกับเขา

"ได้โปรดนั่งลงด้วย หนุ่มน้อย" ชายวัยกลางคนคนนั้นชี้ไปที่ที่นั่งตรงข้ามจากโต๊ะของเขา

เซจิมองไปที่โต๊ะนั้นจากนั้นก็เดินขึ้นไปและนั่งลงท่าไขว้ขา

เขาไม่รู้ว่าจะนั่งทับเข่ายังไง... แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องนี้จากชีวิตก่อนหน้านี้เหมือนกัน แต่เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องที่อึดอัดมาก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะนั่งแบบชาวอินเดีย(นั่งธรรมดา)แทนเพราะรู้สึกเป็นธรรมชาติมากขึ้น

"ชื่อของฉันคือ มิจิโร่  จูมอนจิ"

หลังจากที่เห็นเซจินั่งลงชายคนนั้นก็ก้มหัวลงเล็กน้อยและเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำและมั่นคง

"คุณเซนโจ ฮาราโนะ สินะ ฉันขอโทษอย่างยิ่งที่ได้เชื้อเชิญคุณมาด้วยรูปแบบนี้ ลูกสาวและลูกชายของฉันทั้งคู่ทำให้คุณต้องลำบาก ดังนั้นฉันจึงต้องขออภัยในพฤติกรรมของพวกเขาด้วยเช่นกัน และขอแสดงความขอบคุณต่อความเอื้ออาทรของคุณที่ให้อภัยพวกเขาด้วย"

'... นั้นฉันเคยบอกว่าให้อภัยพวกนั้นไปตอนไหนกันฟ่ะ?' เซจิอดไม่ได้ที่จะคิดแบบนี้

อืม ช่างมันเถอะ เขาเองก็ไม่ต้องการที่จะเผชิญหน้ากันทางคำพูด ดังนั้นเขาอาจจะยอมรับมันและทำตัวเป็นคนใจกว้าง

"ผมไม่ใช่คนใจกว้าง และผมเองก็ไม่ต้องการปัญหา " เซจิพูดอย่างสงบ "คุณมิจิโร่  จูมอนจิ... ใช่มั้ยครับ? คุณเชิญผมมาที่นี้แบบนี้... คุณต้องการคุยกับผมเรื่องอะไรงั้นเหรอครับ?"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด