ตอนที่แล้วChapter 29: การโกง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 31: ทักษะดาบแม่น้ำหลี่

Chapter 30: การแก้แค้น


ฉินมู่ เก็บทองนั้นขึ้นมาและพูดขึ้น – “ไอ้ตัวโต บ่มเพาะเข้าไว้ ข้าจะกลับมาหาเจ้าในวันพรุ่งนี้ อย่าเข้าไปใกล้ห้องนั่น ปิศาจนั่นเจ้าเล่ห์อย่างมาก !”

ลิงพยักหน้าตอบกลับ

ฉินมู่ กลับไปที่หมู่บ้านทันทีและไม่นานก็ได้มาถึงชายขอบหมู่บ้าน  จากไกลๆเขาเห็นเรือกระดาษสองลำนั้นลอยอยู่ที่หน้าประตูหมู่บ้าน  นกกระเรียนเองก็ไปพักอยู่ใต้ต้นไม้ด้านนอกหมู่บ้านแต่ไม่มีใครอยู่ที่เรือรึนกเลยซึ่งหมายถึงพวกนั้นต้องเข้าไปในหมู่บ้านแล้วแน่ๆ

ในตอนที่เขาเดินเข้าไปในหมู่บ้าน เขาก็พบกับผู้อาวุโสซึ่งพูดขึ้นบนเรือกำลังคุยกับผู้ใหญ่บ้าน –“  ข้าได้ยินมาว่า ย่าซี จากหมู่บ้านของท่านนั้นมีทักษะการตัดเย็บที่โดดเด่น ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อขอให้ ย่าซี นั้นช่วยเราในการทำเสื้อผ้าขึ้นมา”

ผู้ใหญ่บ้านถามขึ้น – “เสื้อผ้าที่ท่านทำเป็นแบบไหนและมีขนาดเท่าไหร่ ?”

ผู้อาวุโสตอบกลับ – “ข้าต้องการให้นางทำชุดศพทั้งหมด 9 ชิ้น ขนาดก็พอๆกับคนในหมู่บ้านนี้  ข้าได้ยินมาด้วยว่า เฒ่าหม่า นั้นมีฝีมือช่างไม้ที่ไม่เลวด้วย ข้าอยากรบกวนให้ เฒ่าหม่า นั้นทำโลงศพให้เราเก้าโลง สำหรับความยาวแล้วก็พอๆกับท่านทุกคนที่นี่”

ทันใดนั้นผู้อาวุโสก็เห็น ฉินมู่ เดินเข้ามาและแสดงสีหน้าตะลึง – “ข้าพูดผิดไป ข้าต้องการชุดศพ 10 ชุดและโลงศพ 10 โลง เฉียนกิว เอาเงินออกมา”

ชายที่ชื่อ เฉียนกิว เดินออกมาและโบกมือ มีเรือกระดาษจากนอกหมู่บ้านบินเข้ามาและมาจอดอยู่ข้างๆผู้ใหญ่บ้าน  ฉินมู่ เห็นเรือนั้นเต็มไปด้วยของมีค่าต่างๆอยู่มากมาย

ผู้อาวุโสได้บอกให้เขาหยุดเรือและได้พูดขึ้น – “นี่คือของสำหรับทำชุดศพและโลง ทั้งคู่จะทำเสร็จในวันนี้หรือไม่ ? อันที่จริงข้าก็รีบใช้มันอยู่เหมือนกัน”

ปู่ด้วน, ปู่ใบ้, ปู่หมอที่ซึ่งยุ่งอยู่กับธุระตัวเองนั้นเงียบลงทันที ย่าซี เดินเข้ามาและยิ้ม – “เสื้อศพ 10 ชุดในวันนี้ ? ช่างเร่งรีบจริงๆเลย”

เฒ่าหม่า เดินเข้ามาและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา – “ข้าทำโลงศพได้เสร็จในวันนี้ ท่านรอสักพักได้รึเปล่าล่ะ ?”

ผู้อาวุโสยิ้ม – “มันค่อนข้างรีบแต่ทุกคนที่นี่นั้นมีพรสวรรค์ ดังนั้นคงทำมันเสร็จได้ถูกต้องหรือไม่ ?”

ย่าซี มองไปที่เงินและเทียนที่อยู่บนเรือและยิ้มออกมาอย่างเย็นชา – “ถ้าท่านรีบใช้มัน ข้าทำมันให้ได้ตอนนี้เลย บังเอิญว่าข้าเพิ่งไปซื้อผ้ามาพอดี”

ผู้อาวุโสลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ – “ขอบคุณมาก”

ย่าซี เดินกลับที่บ้านตัวเองแล้วเอาม้วนผ้าออกมา  ด้วยการสะบัดมือของเธอทำให้ม้วนผ้านั้นกางขึ้นกลายอากาศและได้มีกรรไกลบินออกมา  กรรไกรเหล่านั้นตัดไปที่ผ้าพวกนั้นสักพักและรูปร่างของเสื้อผ้าก็ปรากฏออกมา

เข็มเงินบินออกมาจากตะกร้าและได้มีด้ายร้อยกับเข็มเอาไว้  ในตอนที่เข็มนั้นพุ่งทะลวงขึ้นไปบนฟ้า เสื้อผ้าเหล่านั้นก็ถูกเย็บเข้าหากัน

ในอีกด้าน เฒ่าหม่า เองก็เอาต้นไม้ใหญ่ออกมาพร้อมกับปลดปล่อยพลังฉีออกมาจากนิ้วก่อนจะใช้เลื่อยต้นไม้ออก  ไม่นานหลังจากนั้นต้นไม้เหล่านั้นก็ถูกเลื่อยกลายเป็นโรงศพสีขาวขึ้นมาหลายโลง

โลงศพสีขาวได้บินออกมาและลงมาจอดที่กลางหมู่บ้าน

เสื้อผ้าของ ย่าซี เองก็เสร็จแล้วเช่นกัน ในตอนที่เธอโบกมือ เสื้อผ้าเหล่านั้นก็ปลิวลงไปใส่โลงศพแต่ละโลง

เฒ่าหม่า เดินออกมาข้างหน้าและพูดขึ้นอย่างเย็นชา – “ท่านเอาเงินมามากพอสมควรเลย ดังนั้นข้าเลยแถมให้อีกสองโลงฟรีๆ ทั้งหมด 12 โลงและตามขนาดแล้วแน่นอนว่ามันไม่ได้ยาวรึสั้นเกินไปที่ท่านทุกคนจะลงไปนอนข้างในได้ ! ท่านพอใจกับงานของข้าหรือไม่ ?”

ย่าซี ยิ้มออกมา – “ข้าเองก็ทำชุดไว้เผื่อสองชุดให้ฟรีซึ่งแน่นอนว่าพอดีกันแน่ๆ”

ผู้อาวุโสหัวเราะออกมาเบาๆ – “พอใจ ข้าพอใจอย่างมาก”

ฉินมู่ รู้สึกได้ว่าบรรยากาศนั้นหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ เขานับคนและตระหนักได้ว่าคนเสื้อเขียวและผู้อาวุโสรวมกันแล้วเท่ากับ 12 คนพอดี !

ปู่หมอเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มยั่วร้ายแต่เสียงนั้นยังคงนุ่มนวลอยู่ – “จากสำเนียงท่านแล้ว ท่านคงไม่ใช่คนแถวนี้ สำเนียงนั้นดูเหมือนจะมาจากทางใต้”

ผู้อาวุโสตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้ม – “ถูกต้อง เรามาจากทางใต้ ที่ซึ่งแม่น้ำหลี่อยู่ที่นั่น”

ปู่ด้วนเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม – “ข้าได้ยินมาว่ามีนิกายใหญ่ที่ชื่อนิกายแม่น้ำหลี่อยู่ข้างๆแม่น้ำนั่น ที่นั่นมีผู้ฝึกยุทธที่มีฝีมือมากมาย   ข้าได้ยินมาว่าเจ้านิกายนั้นชื่อ มู่ไบ่เฟิง  ทักษะสวรรค์ของเขานั้นได้เข้าขั้นสมบูรณ์และสามารถทำลายการไหลของน้ำได้ด้วยการสะบัดมือ”

ผู้อาวุโสตอบกลับทันที –“  ข้าไม่ได้เก่งอะไรมาก ข้าไม่สมควรกับคำชมนั้น  อันที่จริงข้านี่แหละ มู่ไบ่เฟิง  นิกายของเรานั้นเป็นเพียงนิกายเล็กๆที่เพิ่งจะลองอาศัยอยู่ที่นั่น ข้ามีศิษย์น้องห้าคนที่ซึ่งล้วนแต่เป็นที่รู้จักกันในชื่อผู้อาวุโสทั้งห้าของแม่น้ำหลี่”

หัวใจของ ฉินมู่ หล่นวูบและสีหน้าก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสทั้งห้านั้นได้ตายไปเพราะฝีมือของ ย่าซี หรอกหรือ ?

เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกนี้มาแก้แค้น ?

เขามาบอกว่าต้องการโลงศพสิบโลงและชุดศพอีกสิบชุดซึ่งชัดแล้วว่าพอดีกับคนในหมู่บ้าน

ในหมู่บ้านนี้ หลังจากที่ฆ่าคนในหมู่บ้านแล้วพวกนี้จะเอาชุดและโลงศพไปใส่คนในหมู่บ้านลงไปก่อนใช้พวกเทียนเผาพวกเขาทิ้ง

เรือกระดาษและนกกระเรียนเองก็เตรียมมาไว้สำหรับคนในหมู่บ้านหลังจากที่พวกเขาตายลงไป !

มู่ไบ่เฟิง แตะที่สายที่นิ้วของเขาและพูดขึ้นอย่างใจเย็น – “สองปีก่อนตระกูลจักรพรรคิได้รับคำสั่งจากจักรพรรดิซึ่งส่งโดยตรงมาจากผู้คุ้มกฎ ในตอนที่เขามาถึงนิกายของเรา เขาได้มาพูดคุยถึงเรื่องเส้นทางกับข้า ในตอนนั้นเขาได้เอาชนะข้าได้และข้าต้องยอมรับคำสั่งของเขาอย่างเต็มใจและขอบคุณกับความเมตตาของจักรพรรดิ  ถือได้ว่าข้าเองก็เป็นหนึ่งในตัวแทนทางใต้ของพวกเขา โดยมีตำแหน่งอยู่ถึงอันดับสองของหน่วยทางใต้ทั้งห้าคน   ผู้คุมกฎได้จัดให้ผู้อาวุโสของนิกายข้าเป็นรองเจ้าหน้าที่ เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสามแต่เราล้วนแต่ต้องเดินทางตระเวนไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะมีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าหน้าที่ของทางการแต่เราก็ยังชอบที่จะเดินทางไปเรื่อยๆแบบนี้”

ผู้ใหญ่บ้านยิ้ม – “อาณาจักรนิรันดร์นั้นเป็นนิกายที่ตั้งขึ้นมาเป็นจักรวรรดิได้  ด้วยจำนวนของคนที่อยู่ต่ำกว่าระดับเทพเพียงระดับเดียวมาเป็นผู้ช่วยของจักรพรรดิ โชคชะตาของจักรวรรดินี่จึงรุ่งเรืองขึ้นอย่างมาก ทำให้หลายนิกายนั้นยอมสยบให้  มันทำให้ศิษย์ของหลากหลายนิกายได้เข้าสมัครกองทัพเพื่อหาอาณาเขตใหม่  พี่มู่ นั้นเองก็เป็นอิสระและไม่ได้อยู่ใต้อำนาจใครแต่หลังจากที่มาเป็นเจ้าหน้าที่แล้ว ท่านต้องทำตามกฎของตระกูลจักรพรรดิ  มันพอเข้าใจได้ว่าทำไมท่านถึงไม่คุ้นชินกับมัน”

มู่ไบ่เฟิง ตอบกลับ – “ดังนั้นศิษย์น้องทั้งห้าของข้านั้นได้เข้ามายังดินแดนแห่งนี้  ผู้อาวุโสทั้งห้านั้นได้พาศิษย์มาด้วยห้าคน พวกนั้นล้วนแต่มีพรสวรรค์ของตัวเองและศิษย์เหล่านั้นตัดสินใจที่จะออกมาข้างนอกเพื่อทำการฝึกฝน”

ปู่บอดเดินเข้ามาพร้อมกับกิ่งไม้ไฝ่ในมือและพูดขึ้น – “ผู้อาวุโสทั้งห้านั้นได้เข้ามาที่นี่เพื่อทำการฝึกฝน ? และพวกนั้นได้พาศิษย์มาด้วย ? ดินแดนหายนะนี้เป็นที่อันตรายอย่างมาก ข้าอดกังวลถึงพวกนั้นไม่ได้เลย”

มู่ไบ่เฟิง ถอนหายใจออกมา – “ถูกต้อง ดินแดนแห่งนี้อันตรายเกินไปและมีผู้คนที่โหดร้ายอยู่ทุกที่ พวกนั้นหายไปกว่าสองเดือนและข้าไม่ได้รับข่าวจากพวกนั้นเลย  ข้ารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ดังนั้นข้าจึงออกตามหาพวกนั้น  ข้าพบถึงสถานที่ที่พวกนั้นตาย พวกนั้นล้วนแต่ตายอย่างอนาถ จากรอยแผลและกระดูกที่หักแล้ว คนที่ฆ่าพวกนั้นต้องเป็นผู้มีฝีมือจากนิกายนปิศาจสวรรค์ที่มีรูปร่างเตี้ยอย่าง ย่าซี ”

เขาส่ายหน้าและพูดต่อ –“  หลังจากนั้นข้าก็พบว่าที่ที่ลูกศิษย์ของข้าตายซึ่งอยู่ที่หุบเขา ศพของพวกนั้นสัตว์อสูรกัดแทะ...มันช่างเป็นการตายที่น่ากลัว ....จากแผลที่อยู่บนศพนั้นแล้ว คนที่ฆ่าพวกนั้นน่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธระดับเริ่มต้น เหมือนกับเด็กนั่น  ข้าได้ยินมาว่าหมู่บ้านของเจ้ามีช่างทอและช่างไม้ ดังนั้นข้าเลยมาที่นี่เพื่อสั่งชุดศพและโลงให้พวกที่ฆ่าศิษย์น้องและลูกศิษย์ของข้า  ทั้งหมดก็เพื่อให้พวกนั้นได้ใช้ ”

เขาเผยสีหน้าแค้นเคืองมาเล็กน้อย – “ข้าอาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ก็จริงแต่ข้าเองก็เคยป่าเถื่อน ข้าจะไม่ใช้สิทธิขององค์จักรพรรดิ ดังนั้นจึงมาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง  ข้ามาแก้แค้นให้ศิษย์น้องของข้าและลูกศิษย์  เฉียนกิ่ว”

เมื่อพูดถึงตอนนั้น ผู้อาวุโสได้หยุดพูดไป

ด้านหลังเขานั้นมีผู้ฝึกยุทธระดับเริ่มต้นได้ก้าวออกมาและมองมาที่ ฉินมู่  มันคือชายที่โยนเงินให้กับ ฉินมู่ – “น้องชายของข้า กู่ ได้ตายเพราะโดนทักษะมีดที่ถูกใช้ออกโดยท่อนไม้   น้องชายเมื่อเห็นมีดที่อยู่ด้านหลังของเจ้าแล้ว เจ้าช่วยแสดงทักษะมีดและสู้กับข้าทีได้หรือไม่ ?”

ฉินมู่ ลังเลและมองไปที่ ย่าซี, ผู้ใหญ่บ้านและคนที่เหลือ

ย่าซี พูดขึ้นมา –“  มู่เอ๋อ เขตด้านใต้ท้าทายเจ้าแล้ว ด้วยวิธีที่หยาบคายเช่นนี้  เจ้าไม่ต้องแสดงความเมตตา เพราะเขาขอเจ้าให้แสดงทักษะมีให้ดู เจ้าก็แค่ต้องแสดงออกมา...”

“หุบปากซะ !”

ผู้ใหญ่บ้านตะโกนเตือนออกมาและห้ามไม่ให้ ย่าซี พูดมากกว่านี้ก่อนที่จะพูดขึ้นอย่างใจเย็น – “พวกเขาล้วนมาที่นี่ตามกฎของโลกต่อสู้และไม่ได้ใช้อำนาจขององค์จักรพรรดิและผู้คุ้มกฎมากดดันเรา ดังนั้นเราก็ไม่ควรฝืนกฎเช่นกัน  ห้ามให้ใครแนะนำ ฉินมู่ รึช่วยเขาทั้งนั้น”

ผู้ใหญ่บ้านทำสายตาดุดันและมองไปที่ ฉินมู่ พร้อมกับพูดขึ้นอย่างเย็นชา – “ฉินมู่  โลงและเสื้อผ้าที่อยู่ตรงนี้ ถ้าเจ้าใจอ่อนคนที่จะใช้ก็จะเป็นเจ้า ! ถ้าไม่ใช่เขาก็เจ้า ที่ต้องตาย !  เขาน่ะท้าทายเจ้าแล้ว แล้วทำไมเจ้ายังยืนนิ่งอยู่อย่างนี้อีก ?”

 

 

 

 

 

 

Chapter 31: ทักษะดาบแม่น้ำหลี่

ฉินมู่ เริ่มใจสั่นพร้อมกับหยิบมีดฆ่าหมูออกมาจากหลัง  มันเป็นครั้งแรกที่เขาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

มู่ไบ่เฟิง กดดันให้เขาอยู่ในสภาวะกดดัน

ทุกการกระทำที่ผู้อาวุโสคนนี้ทำและพูดกับทุกคนนั้นมีพลังกดดันแฝงอยู่ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในหมู่บ้าน

การต่อสู้ระหว่างเขากับ กู่ นั้นเป็นการบังคับเขาและเขาไม่มีตัวเลือกอื่นนอกจากต้องตอบโต้คืนแต่สถานการณ์ตอนนี้นั้นทำให้เขาดูกลัวกว่าเดิมเล็กน้อย

“ข้าจะกลัวอะไรทั้งๆที่ข้าเยี่ยวรดรูปปั้นหินของหมู่บ้านมาแล้ว ? ข้าน่ะเคยเห็นสัตว์ประหลาดอย่าง สตรีวู และปิศาจในปราสาทยับยั้งภัยพิบัติมาแล้ว  ถ้าข้าไม่ได้กลัวพวกนั้นแล้วทำไมตอนนี้ข้าถึงควรกลัวด้วย ? ไม่ว่า มู่ไบ่เฟิง จะแข็งแกร่งเพียงใดแต่เขาคงไม่มีทางแข็งแกร่งกว่าเทพและปิศาจได้ !”

ฉินมู่ ปลอบใจตัวเองและกระตุ้นให้อยู่ในอารมณ์ที่พร้อม  เขามองไปรอบๆและคิ้วขมวดเล็กน้อย   หมู่บ้านนี้ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมีแค่คน 12 คนรวมทั้งเขาด้วย ทั้ง 12 คนที่ยืนอยู่ที่นี่นั้นยืนนิ่ง ตำแหน่งที่ทุกคนยืนอยู่นั้นต่างก็กระจายไปทั่วตำแหน่งของหมู่บ้าน

ผู้ใหญ่บ้านนอนอยู่บนแคร่ ส่วนปู่หมอนั้นยืนอยู่ข้างๆ  ปู่เชือดนั้นก็ได้ใช้ร่างกายส่วนบนวางไว้บนท่อนไม้ ส่วน เฒ่าหม่า นั้นได้พิงอีกข้างของท่อนไม้อยู่  ย่าซี ยืนถือตะกร้าของตัวเอง ปู่ใบ้ยืนอยู่ตรงหน้าโรงงาน ปู่หนวกถือพู่กันของตัวเองซึ่งมีหมึกหยดลงมาและปู่ด้วนนั้นยืนค้ำไม้เท้าอยู่

คนที่ มู่ไบ่เฟิง พามานั้นเองก็สนใจกับตำแหน่งพวกนั้น  ตำแหน่งที่ปู่คนต่างๆยืนอยู่นั้นทำให้ยากที่พวกนี้จะเข้ามาในหมู่บ้านได้อย่างรวดเร็วและยังไม่ต้องนึกถึงการโจมตีเลย

สถานการณ์ตอนนี้คงเหมาะกับการใช้พลังฉีในการควบคุมดาบจริงๆ !

ถ้าใครใช้พลังฉีควบคุมดาบ เขาต้องระวังและแม่นยำอย่างมากเพื่อไม่ให้ดาบโดนคนอื่น  ทักษะมีดจากฝั่งทักษะต่อสู้นั้นไม่สามารถทำแบบนั้นได้และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ฉินมู่ ที่ซึ่งฝึกทักษะมีดฆ่าหมูมาถึงทำแบบนั้นไม่ได้

“ตรงนี้ ?” - ฉินมู่ ถาม

เฉียนกิ่ว พยักหน้า – “เราจะสู้กันตรงนี้ !”

ฉินมู่ เก็บมีดฆ่าหมูลงไปและกำหมัดขึ้นมา

เฉียนกิ่ว มองไปที่ ฉินมู่ ที่เก็บมีดลงไปและแสดงตาเป็นประกาย เขาไม่คิดว่า ฉินมู่ จะใช้มือเปล่าๆสู้

ก่อนที่ มู่ไบ่เฟิง จะพาพวกเขามาที่นี่ พวกเขาได้ทำการตรวจสอบเบาะแสเกี่ยวกับหุบเขามาแล้ว จากกระดูกของ กู่  มุ๋ไบ่เฟิง เดาว่าลูกศิษย์เขาได้ตายด้วยทักษะมีดของ ฉินมู่

ฉินมู่ หยิบท่อนไม้ขึ้นมาและใช้มันเป็นมีดในการอัด กู่  กระดูกของ กู่ นั้นแตกหลายท่อนจากการโดนโจมตีโดยท่อนไม้เหล่านั้น

จากเรื่องนี้เขาสามารถเดาได้ว่าทักษะมีของ ฉินมู่ นั้นโหดร้ายอย่างมาก  อีกอย่างความเร็วของการเคลื่อนที่ของ ฉินมู่ เองก็รวดเร็วอย่างมากที่คอยเคลื่อนที่ไปมาพร้อมกับโจมตี กู่ จากทุกทิศทางได้ !

ด้วยความสามารถของ มู่ไบ่เฟิง แล้วและการเป็นหนี่งในผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งของโลก เขาสามารถเดาได้ว่า ฉินมู่ นั้นต้องใช้ทักษะต่อสู้แน่นอนจากรอยแผลที่ ฉินมู่ เคยทิ้งเอาไว้

ฝ่ายทักษะต่อสู้นั้นเก่งเรื่องการต่อสู้ระยะใกล้และไม่เคยมีประสบการณ์ในการใช้พลังฉีในการควบคุมดาบ

ตอนนี้ มู่ไบ่เฟิง ได้ตั้งเป้าว่าจะฆ่า ฉินมู่  เมื่อพวกเขามาที่หมู่บ้าน พวกเขาต่างก็ยืนกระจัดกระจายกันเพื่อให้เข้ากับตำแหน่งรูปแบบของมังกรน้ำแห่งแม่น้ำหลี่  ตำแหน่งหลักของรูปแบบนี้มี มู่ไบ่เฟิง อยู่ตรงกลางซึ่งเป็นหัวของมังกร

นอกจาก เฉียนกิ่ว แล้ว คนที่เหลือล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ เพื่อที่จะใช้กันไม่ให้รูปแบบนี้ปลดปล่อยพลังออกมาได้อย่างเต็มที่แล้ว ทั้งผู้ใหญ่บ้านและปู่หมอได้กันเส้นทางดวงตาของรูปแบบนี้ ส่วนปู่บอดได้กันตรงหัวใจ, ปู่ด้วน,ย่าซี, เฒ่าหม่า,ปู่เชือดได้ยืนตามข้อต่อ ส่วนปู่ใบ้ได้ยืนกดตัวมังกรเอาไว้ ส่วนปู่หนวกได้ยืนกดที่หางของมัน

ผลลัพธ์ในสถานการณ์ตอนนี้ในหมู่บ้านเพราะทุกคนนั้นยืนอยู่ตามตำแหน่งสุ่ม มันจึงยากมากที่ใครจะใช้พลังฉีในการควบคุมดาบ

ชัดแล้วว่า ฉินมู่ ไม่ใช่คนที่โดนข้อห้ามนั้น

และลูกศิษย์ของอีกฝ่าย เฉียนกิ่ว นั่นแหละคือคนที่โดน

แม้ว่า เฉียนกิ่ว จะมีอยู่ในระดับแก่นวิญญาณแต่เขานั้นมีความสามารถสูงมากในการใช้พลังฉีในการควบคุมดาบ  การเปลี่ยนพลังฉีเป็นเส้นของเขานั้นเหนือกว่าคนอื่นๆและมีทักษะที่น่าทึ่ง  เขาเคยใช้พลังฉีนั้นควบคุมแปรงเพื่อวาดรูปผู้หญิงขึ้นมาได้ทั้งๆที่แปรงนั้นอยู่ห่างออกไปเป็นร้อยหลา  ผมทุกเส้นของผู้หญิงคนถูกวาดออกมาอย่างชัดเจนและไม่ได้ยุ่งเลยสักนิด

ถ้า ฉินมู่ ใช้มีดสู้กับอีกฝ่าย เขาคงอาจจะต้องเป็นฝ่ายแพ้

แต่มันผิดกับที่ เฉียนกิ่ว คาดเอาไว้เมื่อ ฉินมู่ เก็บมีดลงไปและใช้มือเปล่าในการสู้แทนแต่ไม่ว่าเขาจะดูยังไงหมัดนั่นก็ต้องเสียเปรียบดาบอย่างแน่นอน อีกอย่างดาบไม่ใช่ดาบธรรมดา  มันเป็นดาบวิญญาณที่เกิดขึ้นมาจากจุดสวรรค์ทั้งหกทิศทาง “

ทั้งความคม, ความทน, ความแข็งแกร่งรึพลังวิญญาณนั้นดาบที่เขามีนั้นสูงกว่าอาวุธธรรมดาอย่างแน่นอน

ฉินมู่ ก้มหัวอย่างเคารพให้ – “เชิญ ศิษย์พี่”

เฉียนกิ่ว โค้งให้กลับและเก็บดาบไว้ที่ด้านหลังเขา – “มา เด็กน้อย”

ในตอนที่ ฉินมู่ ยกขาเขาขึ้น ดาบด้านหลังของ เฉียนกิ่ว ก็บินออกมา   ด้วยพลังฉีที่ควบคุมดาบนั้น ดาบได้ทิ่มเข้ามาแทง ฉินมู่ พร้อมกับแผ่อออันเย็นชาออกมา

เส้นพลังนั้นละเอียดอย่างมากซะจนไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า  ด้วยการสั่นไหวเบาๆก็ได้ทำให้ดาบนั้นแทงเข้ามาใส่ ฉินมู่ หลากหลายทิศทางด้วยความเร็วสูง !

ในฐานะผู้ฝึกยุทธแล้ว การจะควบฝึกควบคุมดาบได้ขนาดนี้นั้นถือว่าเก่งพอสมควร !

การเคลื่อนที่ของ ฉินมู่ นั้นรวดเร็วอย่างมาก เขาวิ่งไปรอบๆผู้คนแต่ถึงยังไงความเร็วของดาบนั้นเร็วกว่า  คนอาจจะพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นทักษะดาบนี้  ดาบของเขานั้นไม่ได้มีภัยกับคนที่ยืนอยู่เฉยๆแต่ทุกการเคลื่อนที่ของมันนั้นล้วนแต่เป็นอันตรายต่อชีวิตของ ฉินมู่

ฉินมู่ นั้นไม่อาจที่จะขยับตัวหลบดาบนั้นได้แม้ว่าเขาจะใช้ทักษะขาของปู่ด้วน มันมีสิ่งกีดขวางที่นี่มากเกินและทุกคนนั้นยืนอยู่กับที่ทำให้จำกัดควาเร็วของเขาและเขาไม่อาจปลดปล่อยความเร็วออกมาได้อย่างเต็มที่ !

ฟุ๊ซ ---!

ฉินมู่ ทำการเพ่งภาพไฟในหัวและพลังฉีของเขาก็เริ่มลุกไม้ขึ้นมาอย่างรุนแรงพร้อมกับมีเสียงคำรามของมังกรดังขึ้นมาด้วย ที่มือของเขามีมังกรไฟขดรอบออกมารอบแขนของเขา

มังกรไฟนั้นเป็นภาพเบอล บางทีหัวของมังกรนั้นก็หลอมเข้ากับหมัดของเขา บางครั้งกงเล็บมังกรนั้นก็หลอมเข้ากับฝ่ามือของเขา

ในตอนที่ดาบแสงพุ่งเข้ามาหา ฉินมู่   เขาใช้หมัดรับมันเอาไว้  ในตอนที่หมัดเขาปะทะเข้ากับดาบนั้น นิ้วทั้งห้าของเขาได้กางออกและอากาศตรงฝ่ามือเขาได้ระเบิดออกมาก่อนจะปล่อยดาบนั้นทิ้ง !

ปังๆๆๆๆๆๆ !

นิ้วทั้งห้าของ ฉินมู่ นั้นดีดตัวออกมาปะทะกับดาบที่เข้ามาชนอีกรอบ ทุกการดีดจะมีเสียงระเบิดราวกับมีค้อนที่กำลังทุบลงดาบเล่มนั้น

ในตอนที่เขาดีดนิ้ว ดาบนั้นได้กระเด็นออกไปพร้อมทั้งทำลายเส้นพลังฉีของ เฉียนกิ่ว ด้วย

ฉินมู่ เร่งความเร็วของตัวเองขึ้นอีกและรีบพุ่งเข้าหา เฉียนกิ่ว  ในเวลาเดียวกัน เฉียนกิ่ว ได้แสดงสีหน้าอึ้งออกมาแต่เขาก็ยังใช้ดาบของเขาเข้าโจมตีอยู่

ฉินมู่ อึ้งและถอยกลับมาทันที  ดาบเล่มที่สามนั้นบินออกมาตามมาด้วยเล่มที่สี่,ห้า,หก,เจ็ด....

ดาบวิญญาณกว่าสิบเล่มนั้นรวมตัวกันเป็นเส้นพร้อมกับพลังฉีของ เฉียนกิ่ว นั้นได้วิ่งจากด้ามจับมาที่ปลายดาบ  ดาบทุกเล่มนั้นต่อด้ามจับจนถึงปลายเข้าด้วยกันจนขยายขนาดไปยาวกว่า 20 หลา  ดาบนั้นเหมือนกับมังกรเงินที่มีชีวิตที่สั่นไหวไปมาในท้องฟ้าอย่างกับแม่น้ำหลี่

ทักษะดาบแม่น้ำหลี่ !

ทักษะดาบที่ดีที่สุดของทางใต้

ดาบเล่มแรกของ เฉียนกิ่ว นั้นดูซับซ้อนอย่างมากในตอนที่มันเปลี่ยนออกมาโจมตีเขาทิศทาง ดาบเล่มหลังได้รวมตัวเข้าด้วยกันและพุ่งผ่านฝูงคนออกมาโดยไม่ได้ไปสัมผัสกับใคร  จากมุมมองของ ฉินมู่ แล้ว เขาเห็นแค่ปลายดาบเล่มแรกแต่ไม่สามารถมองเล่มที่เหลือได้

เมื่อรู้สึกได้ถึงความเป็นภัยเกิดขึ้นมาในหัวใจ สิ่งที่เขาไม่อาจมองเห็นได้หมายถึงความไม่รู้ซึ่งหมายถึงว่าเขาไม่สามารถหลบมันได้รึคาดเดาได้ว่ามันจะมาจากทิศทางไหน

ทักษะดาบนี่มันช่างน่ากลัวจริงๆ !

ในตอนนั้นดาบเล่มแรกได้สั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมกับแทงเข้าใส่ ฉินมู่ และทำให้เขาแทบหมดสติ

ดาบด้านหลังพุ่งเข้าใส่โจมตี ดาบเล่มที่สองพุ่งตามเข้ามาใส่คอของ ฉินมู่  ซ้ำอีก

 

 

 

 

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด