ตอนที่แล้วChapter 19: ร่างราชันย์ที่ตื่นขึ้นมา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 21: พลังของยา

Chapter 20: แก่นวิญญาณรูปร่างมนุษย์


ผู้ใหญ่บ้านทำหน้านิ่งแล้วยิ้มออกมา – “  ในตอนที่แก่นวิญญาณนั้นยังไม่ตื่น พลังฉีภายในในการบ่มเพาะของเขานั้นก็แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธในระดับแก่นวิญญาณแล้วและเข้มข้นกว่าของข้าตอนที่ข้าอยู่ในระดับนั้น  ตอนนี้เมื่อมันตื่นขึ้นมา เขานั้นมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้น การฝึกฝนนับไม่ถ้วนและเลือดวิญญาณจำนวนมากที่พวกเราเอาให้เขานั้นมันมีเหตุผลพอที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ”

ปู่หมอช็อคและพึมพำ – “แต่เพื่อให้มีพลังที่เข้มข้นกว่าท่านตอนนั้นแล้ว ตอนนั้นท่าน...”

“ข้าไม่ใช่คนพิการเฉกเช่นตอนนี้”

หัวใจปู่หมอหล่นวูบ เหตุผลเดียวว่าทำไมพลังฉีถึงปลดปล่อยออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้นก็เพราะพวกมันมีคุณสมบัติ  ถ้าไม่มีคุณสมบัติในพลังฉีของ ฉินมู่ แล้ว  มันเป็นธรรมดาที่เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังของมันออกมาได้อย่างเต็มที่

แม้ว่าเขาจะปลุกแก่นวิญญาณขึ้นมาและมีพลังเข้มข้นกว่าคนทั่วไป มันก็ไร้ประโยชน์ที่ไม่อาจปลดปล่อยพลังมันออกมาได้อย่างเต็มที่

ในตอนที่สองคนนั้นเดินมาที่กองไฟ ปู่หนวกก็เอาหูเหล็กของเขาออกมาล้างกับไวน์แล้วใส่คืนกลับเข้าไปที่หู  เขาเทไวน์นั่นลงในกองไฟและไฟนั่นก็ลุกไหม้ขึ้นอย่างกราดเกรี้ยว  ปู่หนวกยิ้มและถามขึ้นมา – “ผู้ใหญ่บ้าน  เราเพิ่งทดสอบเสร็จตะกี้และแม้ว่า ฉินมู่ จะปลุกร่างราชันย์ขึ้นมาแล้วแต่เขายังคงไม่สามารถปลดปล่อยพลังฉีของร่างราชันย์ออกมาได้  ด้วยความรู้ที่ท่านมี แน่นอนว่าท่านั้นต้องรู้วิธีปลดปล่อยพลังฉีของเขาออกมา ถูกต้องหรือไม่ ?”

ในตอนนั้นปู่หมอรู้สึกได้ว่าหัวของชายที่ยืนอยู่ข้างๆเขานั้นใหญ่กว่าเดิมเป็นสามเท่า

ผู้ใหญ่บ้านเงยหน้าขึ้นและทำสีหน้าหมดหนทางให้ปู่หมอแต่ปู่หมอนั้นได้หันไปอีกด้านและยื่นขนมปังให้ เฒ่าหม่า

“เอิ่ม มู่เอ๋อ นั้นมีร่างราชันย์ที่แข็งแกร่งหรือไม่ ?” – ผู้ใหญ่บ้านถาม

ปู่หนวกเข้าใจสิ่งที่เขาพูดและออกมา – “แข็งแกร่งสิ ! พลังฉีของเขานั้นเข้มข้นอย่างมากจนยากที่จะหาใครมาเทียบได้ !”

คนอื่นๆเองก็รู้สึกแบบเดียวกันและต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย  ในตอนที่ ฉินมู่ สู้กับ กู่ ซึ่งเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสทั้งห้าของแม่น้ำหลี่นั้น  พวกเขาเห็นพลังฉีภายในอันมากกว่าปกติที่ ฉินมู่ แสดงออกมา  ด้วยการอัดพลังฉีลงใส่ท่อมไม้แล้ว ดาบของ กู่ นั้นไม่สามารถที่จะตัดมันได้เลยซึ่งหมายความว่าพลังฉีของ ฉินมู่ นั้นหนาแน่นอย่างมาก

ผู้ใหญ่บ้านถามขึ้นมาอีกครั้ง – “พลังฉีของเขาหนาแน่นหรือไม่ ?”

ปู่หนวกตอบกลับ – “หนาแน่นจนน่ากลัว ! แม้แต่ตอนที่ข้าอยู่ระดับเดียวกับเขา พลังฉีของข้ายังเทียบเท่าเขาไม่ได้ !”

ในตอนที่เขาพูดจบ คนที่เหลือเองก็แสดงสีหน้าบ่งบอกว่าตัวเองก็เช่นกัน   พลังฉีของ ฉินมู่ นั้นหนาแน่นเกินไปจนน่าเหลือเชื่อ แม้ว่าแก่นวิญญาณของเขาจะเพิ่งตื่นขึ้นมาแต่มันก็ราวกับว่าเขาทำการบ่มเพาะมันมาหลายสิบปี

ผู้ใหญ่บ้านค่อยๆชักจูงคนอื่นๆและถามขึ้นมา – “เนื่องจากพลังฉีของเขาหนาแน่นและมีความทนทานแล้วทำไมเขาถึงปลดปล่อยพลังมันออกมาได้ไม่เต็มที่ ?”

ครั้งนี้ปู่หนวกไม่ได้พูดเรื่องเดิมแต่กลับตบต้นขาตัวเองและอุทานออกมา – “ถูกต้องเลย ! ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ผู้ใหญ่บ้าน ?”

ผู้ใหญ่บ้านเกือบสำลักกับคำตอบนี้และรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า  โชคดีที่ปู่ใบ้ข้างๆเขานั้นเริ่มตื่นเต้นจนเต้นไปรอบๆพร้อมกับส่งเสี่ยง ‘ แบะๆๆ ‘ ไม่หยุด

“ปู่ใบ้พูดถูก !”

ในที่สุดปู่หนวกก็เข้าใจ – “พลังฉีของ มู่เอ๋อ นั้นหนาแน่นและทนทานแต่เขาไม่อาจปลดปล่อยพลังของมันออกมาได้ มันหมายความว่ามีปัญหาอยู่ในพลังฉีร่างราชันย์ของเขา  ทักษะของเรานั้นไม่เหมาะกับเขา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงปลดปล่อยพลังออกมาไม่ได้ ปัญหามันอยู่ที่เรานี่แหละ !”

ราวกับยกความกดดันทั้งหมดออกไป ผู้ใหญ่บ้านนั้นอยากจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและในตอนนั้นเองปู่หนวกก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง – “มีอีกปัญหาแล้ว เราจะปลดปล่อยพลังฉีออกมาจากร่างชันย์ได้ยังไงกัน ? พวกเราทุกคนต่างก็ไม่รู้อะไรเลย ดังนั้นด้วยความรู้ที่ท่านมีแล้ว ท่านมีความเห็นว่าอย่างใด ผู้ใหญ่บ้าน ?”

ผู้ใหญ่บ้านหวังว่าเขาอยากจะมีแขนจะได้ตบไอ้บ้านี่จนตายแต่เขาก็บางเหตุผลที่ว่าทำไม ฉินมู่ ถึงปลดปล่อยพลังออกมาไม่ได้

พลังฉีของร่างวิญญาณทั้งสี่นั้นต่างก็มีคุณสมบัติของตัวเอง  ยกตัวอย่างเช่นพลังฉีพยัคฆ์ขาวที่ซึ่งมีธาตุทองที่ทำให้อาวุธมีประสิทธิภาพด้านการป้องกันและโจมตีขึ้นอย่างมาก  พลังฉีพยัคฆ์ขาวเองก็ยังสามารถเปลี่ยนเป็นกงเล็บที่แหลมคมฉีกกระชากศัตรูและยังสามารถเปลี่ยนเป็นโล่ที่สามารถป้องกันการโจมตีได้ด้วย

พลังฉีมังกรเขียวนั้นมีคุณสมบัติของสายฟ้า มันสามารถควบคุมสายฟ้าและทำการฟื้นฟูได้

พลังฉีวิคสีขาดนั้นมีคุณสมบัติธาตุไฟซึ่งทั้งรุ่นแรงและยากที่จะต้านทาน  ปู่หมอและปู่ใบ้นั้นมีร่างวิญญาณแบบนี้  ทั้งการทำยาของปู่หมอรวมถึงการหลอมอาวุธของปู่ใบ้นั้นต้องใช้คุณสมบัติของพลังฉีธาตุนี้

ยังคงมีพลังฉีของเต่าทมิฬที่ซึ่งเด่นเรื่องการป้องกันและสามารถควบคุมน้ำได้

แต่พลังฉีของ ฉินมู่ นั้นไม่ได้มีคุณสมบัติเหล่านั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่ไม่ได้ แม้ว่าการบ่มเพาะของเขานั้นจะแข็งแกร่งแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาเพิ่มพลังของตัวเองได้มากมายนัก

แต่แค่รู้เหตุผลมิได้หมายความว่าจะรู้วิธีแก้

“มู่เอ๋อ แก่นวิญญาณของเจ้าหน้าตาเป็นเช่นใด ?” – ผู้ใหญ่บ้านถามขึ้นมา

ฉินมู่ อธิบายถึงความแปลกของแก่นวิญญาณในจุดสมบัติแก่นวิญญาณออกมาและทำให้ทุกคนอึ้ง  พวกเขามองหน้ากันด้วยความแปลกใจกับเรื่องแก่นวิญญาณที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์

นี่เป็นครั้งแรกในโลกที่พวกเขาได้ยินเรื่องแบบนี้

ฉินมู่ เองก็แปลกใจและถามออกมา – “ย่า ปู่หม่า ไม่ใช่ว่าแก่นวิญญาณของท่านจะมีหน้าตาคล้ายท่านตอนเด็กหรอกรึ ?”

ย่าซี ส่ายหน้าและถอนหายใจ – “ไม่  ไม่แปลกใจเลยว่าเจ้ามีร่างราชันย์  แม้แต่แก่นวิญญาณก็ยังแตกต่างจากของเรา  ช่างน่าอิจฉาจริงๆ   แก่นวิญญาณของย่านั้นคือเสือขาว มันเป็นเสือขาวตัวน้อย”

“แก่นวิญญาณของข้านั้นก็เป็นมังกรเขียว” – เฒ่าหม่า พูดขึ้น

ปู่หนวกเองก็ตอบกลับ – “แก่นวิญญาณของข้านั้นเป็นเต่าทมิฬ”

ปู่ใบ้ทำท่าทางอีกครั้งบ่งบอกว่าแก่นวิญญาณของเขานั้นคือวิหคสีชาด

ผู้ใหญ่บ้านหลับตาและครุ่นคิดบางอย่าง  ร่างวิญญาณทั้งสี่นั้นจุดแก่นวิญญาณจะเปิดตั้งแต่เกิดและพวกเขาต้องแค่ทำการปลุกพวกมันขึ้นมาเพื่อจะได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ แม้ว่าจะมีความแตกต่างทางแก่นวิญญาณในบรรดาร่างวิญญาณทั้งสี่แต่พวกมันก็อยู่ในสี่ประเภทนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากมายนัก

แก่นวิญญาณของบางคนนั้นไม่ใช่เสือขาว,มังกรเขียว, วิหคสีชาด,รึเต่าทมิฬแต่ก็ยังจัดอยู่ในสี่ประเภทนี้อยู่ดี

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพลังฉีของร่างวิญญาณทั้งสี่ถึงได้มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน

แก่นวิญญาณของ ฉินมู่ นั้นมีรูปร่างเป็นมนุษย์และไม่ได้มีคุณสมบัติใดๆ  นั่นเป็นเหตุผลให้ยากที่เขาจะปลุกมันขึ้นมาได้และยิ่งยากกว่าเดิมในการปลดปล่อยพลังมันออกมาได้อย่างเต็มที่

ผู้ใหญ่บ้านพยายามหาวิธีที่จะใช้งานพลังฉีของร่างราชันย์แต่แม้ว่าเขาจะมีความรู้มากมายเท่าไหร่แต่เขาก็ยังคิดหาทางมิได้เลย

ย่าซี เห็นสีหน้าของเขาและตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วหัวเราะออกมา – “ผู้ใหญ่บ้านนั้นรู้ว่า มู่เอ๋อ มีร่างราชันย์แต่มิรู้ว่าวิธีบ่มเพาะสำหรับร่างราชันย์หรอกรึ ?”

ใบหน้าของผู้ใหญ่บ้านเริ่มแดงกล่ำและพยักหน้าตอบกลับ

ผู้อาวุโสทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา ในตอนนั้นปู่บอดก็พึมพำบางอย่างออกมา – “ท่านมีความรู้มากที่สุดในบรรดาพวกเราและถ้าท่านไม่รู้วิธีในการบ่มเพาะของร่างราชันย์แล้ว ไม่ใช่หมายความว่าร่างราชันย์นั้นจะไร้ค่าหรอกรึ ?”

ทุกคนต่างก็เงียบเมื่อได้ยินดังนั้น

อยู่ๆปู่เชือดก็ได้อุทานออกมา – “ทักษะของร่างราชันย์นั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยมนุษย์ ถูกหรือไม่ ?”

ทุกคนต่างก็มองไปที่เขาด้วยสีหน้าสับสน

ปู่เชือดหัวเราะออกมา – “ถ้าทักษะร่างราชันย์นั้นสร้างขึ้นมาโดยมนุษย์ ทำไมเราไม่สร้างของเราขึ้นมาเองล่ะ ? แม้ว่าเราจะสร้าง มันไม่ได้แต่ มู่เอ๋อ นั้นสามารถสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง ! ขนาดไม่มีคนมาสอนข้า ข้ายังสร้างทักษะมีดฆ่าหมูขึ้นมาได้  ถ้าพวกเจ้าไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้นล่ะก็ข้าคงผิดหวังในตัวพวกเจ้าทุกคน ! มู่เอ๋อ  อย่าให้ข้าผิดหวังในตัวเจ้า !”

ฉินมู่ พยักหน้าและรู้สึกคึกพร้อมกับตะโกนขึ้นมา – “ไม่ต้องกังวลปู่เชือด แน่นอนว่าข้าจะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง !”

ปู่เชือดหัวเราะออกมาดังๆและตบไปที่ไหล่ของเด็กน้อย  คนที่เหลือเองต่างก็หัวเราะทำให้บรรยากาศอันกดดันตะกี้นั้นหายไป

เมื่อเห็นว่าเป็นดังนั้น หัวใจของผู้ใหญ่บ้านก็เริ่มผ่อนคลายลงและเขาก็ได้หัวเราะออกมาดังๆ

“การโกหกพวกเขาว่า มู่เอ๋อ นั้นมีร่างราชันย์เพื่อที่จะให้พวกเขามีแรงกระตุ้นที่จะมีชีวิตต่อไปนั้นเหมือนกับข้าเอาหัวโขกกำแพงเพื่อรักษาคำโกหกนี้  ที่ข้าคาดไม่ถึงก็คือพวกเขาน่ะมีแรงกระตุ้นอยู่แล้วแต่ข้านี่แหละที่เป็นคนคิดมันไม่ออกเอง”

ด้วยการที่ความกังวลได้หายไป  เขารู้สึกโล่งขึ้นมาทั้งร่างกายและจิตใจต  การมาของ ฉินมู่ นั้นทำให้ทุกคนอยากมีชีวิตอยู่ต่อและอีกทั้งยังมุ่งมั่นที่จะทำให้เด็กน้อยนี่แข็งแกร่งขึ้นด้วย !

ปู่หมอมองไปที่ผู้ใหญ่บ้านแล้วยิ้มออกมา  ผู้ใหญ่บ้านนั้นไม่เคยมีความสุขรึยิ้มแบบนี้มานานแล้ว

“ข้ารู้สึกว่าเรานั้นจะสามารถผลักดันร่างราชันย์ให้ไปถึงขีดสุดจนมันสามารถปลดปล่อยพลังฉีภายในออกมาได้”

ด้วยแสงไฟจากกองไฟที่ส่องออกมาทำให้หน้าของปู่เชือดนั้นดูโหดร้ายยิ่งกว่าเดิม – “คนเราจะไม่รอดถ้าไม่เคยคลั่งมาก่อน  ร่างราชันย์นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าร่างวิญญาณและพลังฉีเองก็แข็งแก่รงกว่าด้วย   เงื่อนไขของพลังในการปลดปล่อยพลังฉีออกมาน่าจะดูมีมากกว่าปกติ  นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องหาวิธีผลักดันมันให้ถึงขีดสุดเพื่อให้เขาปลดปล่อยพลังออกมาได้ !”

ปู่ด้วนพยักหน้า – “รองเท้าเหล็กของ มู่เอ๋อ นั้นต้องหนากว่านี้และเหล็กถ่วงเองก็ต้องเพิ่มน้ำหนักขึ้นเพื่อบังคับให้เขาวิ่งให้เร็วกว่าเดิม !”

ปู่บอดตบไม้เท้าตัวเองและพูดขึ้น – “การบ่มเพาะของเขานั้นดูธรรมดาเกินไป  เราจะต้องฝึกเข้มให้กับเขาเพื่อเป็นการบังคับให้การบ่มเพาะของเขานั้นพัฒนาจนถึงขีดสุด”

เฒ่าหม่า ตอบกลับ – “ถูกต้อง เราต้องฝึกฝนเขาให้หนักขึ้นเพื่อบังคับมันออกมาให้ได้”

ปู่ใบ้ทำมือส่งสัญญาณและทำเสียงฟึดฟัด

ฉินมู่ รู้สึกตื้นตันอย่างมากแต่เขาเองก็รู้สึกแย่อยู่เหมือนกัน  เขาตื้นตันกับการที่ผู้อาวุโสเหล่านี้เป็นห่วงเขาแต่ทำไมคนเหล่านี้ต้องพูดคำว่า ‘ บังคับ ‘ ออกมากันทุกคนด้วย ?

ปู่หมอหรี่ตาลงและเข้าไปคุยด้วย – “เราต้องพัฒนาเขา ! พัฒนาเขาจนกระทั่งพลังฉีของเขานั้นปลดปล่อยพลังออกมาได้อย่างเต็มที่ ! มีสัตว์อสูรและสมุนไพรหายากและมีเพียงอันเดียวอยู่ในดินแดนแห่งนี้ซึ่งข้าสามารถทำยาจากมันขึ้นมาได้  สวนสมุนไพรด้านนอกของข้านั้นมีสมุนไพรวิญญาณมากมายซึ่งมากพอที่จะเสริมสร้างร่างกายให้กับเขาจนผิวของเขานั้นจะมีน้ำวิญญาณออกมาในตอนที่พวกเจ้าหยิกเขาเลย !”

“ปู่หมอ ดูเหมือนว่าการจะทำเช่นนั้นเจ้าเองก็จะเสียไปมากเช่นกัน !” - ทุกคนต่างก็หัวเราะกันออกมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด