ตอนที่แล้วบทที่ 82 - คนแปลกหน้า (1) [อ่านฟรีวันที่ 28/11/2561]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 84 - คนแปลกหน้า (3) [อ่านฟรีวันที่ 02/12/2561]

บทที่ 83 - คนแปลกหน้า (2) [อ่านฟรีวันที่ 30/11/2561]


บทที่ 83 - คนแปลกหน้า (2)

 

ฉากในดันเจี้ยนก็ไม่ได้ต่างจากที่เขาเคยเห็นมากนัก ที่ราบที่ไร้ที่สิ้นสุดมันได้เต็มไปด้วยความรกร้างว่างเปล่า.... จะมีก็แค่สีของท้องฟ้าที่เปลื่ยนไป ท้องฟ้าในตอนนี้ได้ถูกปกคลุมได้ด้วยสีดำราวกับว่าดันเจี้ยนจะพังลงได้ทุกเมื่อ

[การเชื่อมต่อกันมันได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าหายนะครั้งใหญ่ครั้งที่สองยังไม่ได้มาถึงเร็วๆนี้ แต่ฉันก็รู้สึกได้เลยว่ามังกรมันอาจจะออกมาจากพื้นผิวที่พังของดันเจี้ยนได้ตลอดเวลา]

"เรต้าคาร์อิฮ่าห์ ฉันจะไปที่วงเวทย์ได้ยังไงกัน"

[เรต้าไม่เป็นไร สถานที่แห่งนี้ยังคงเป็นพื้นผิวของดันเจี้ยนอยู่ คุณจะต้องไปที่พื้นที่หลัก อย่างน้อยที่สุดก็น่าจะเป็นที่ที่เราได้สู้กันในอดีต ก่อนที่จะเข้าไปในดาเรย์]

"เยี่ยม งั้นก็รีบไปกันเลย"

ยูอิลฮานได้หยิบเอาขวดบลัดดริ้งออกมาและดื่มลงไปในทันที

"ฟู่.... ฮ่าห์"

ยูอิลฮานได้ทิ้งขวดลงพื้นไปและพุ่งตัวออกทันที ความเร็วของเขาเร็วขึ้นเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเหตุผลมันก็คือเพราะมานา

มานาได้ส่งผลต่อทุกๆปรากฏการณ์และทุกๆการกระทำ และวิธีที่จะใช้พวกมันง่ายที่สุดก็คือผ่านสกิล

มีบางสกิลที่จะใช้ได้ด้วยแค่มานาและบางสกิลก็ไม่จำเป็นต้องใช้มานา แต่ว่ายังไงก็ตามหากมีมานาอยู่ด้วยมันก็จะทรงพลังมากขึ้น

พลังเหนือมนุษย์และกระโดด ทั้งสองสกิลนี้ก็อยู่ในหมวดนี้ด้วย และต้องขอบคุณกับการที่สกิลปกปิดตัวตนของเขาไม่ได้ใช้มานาเลยเนื่องจากมันเป็นสกิลติดตัวทำให้เขาสามารถจะใช้มานาทั้งหมดไปกับสกิลพลังเหนือมนุษย์และสกิลกระโดดได้อย่างเต็มที่

[พลังมานาได้เสริมเข้าไปในพลังเหนือมนุษย์ ประสิทธิภาพของสกิลเพิ่มขึ้น 20%]

ในตอนนี้ออฟชั่นของกำไลข้อมือการฟื้นฟูมานาก็ทำงานทันที นอกจากนี้มันก็ไม่ใช่แค่นั้น ตัวเขาในตอนนี้ได้ใส่ต่างหู แหวนและสร้อยคอเสริมเข้าไกปอีกด้วย

[ต่างหูงูทมิฬของนักรบผู้ราบเรียบ]

[ระดับ - ยูนีค]

[ออฟชั่น -

เพิ่มความเร็วในการฟื้นฟูมานา 10%

เมื่อโจมตีในระยะประชิดมีโอกาสทำให้ฝ่ายตรงข้ามตรงอยู่ในความหวาดกลัว]

[ข้อจำกัดผู้ใช้งาน - ผู้สร้าง ยูอิลฮาน]

[ความทนทาน - 2,200/2,200]

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีหินพลังเวทย์คลาส 3 แต่ว่าด้วยวัสดุที่ดีพอมันก็ทำให้เครื่องประดับของเขาทั้งหมดต่างก็มีออฟชั่นที่ดีเยี่ยม เมื่อนำมารวมแล้วมันได้เพิ่มคว่ามเร็วการฟื้นฟูมานาถึง 50%

ยูอิลฮานยังได้มีความตั้งใจที่จะทำเครื่องประดับทั่วตัวมาใส่เหมือนคนโบราณในสมัยก่อนด้วย แต่ว่าเอิลต้าก็ได้หยุดเขาเอาไว้ก่อน

อาร์ติแฟคเครื่องประดับมันไม่เหมือนกันกับผ้าคลุมเกราะหรืออาวุธ อาร์ติแฟคเครื่องประดับจะส่งผลต่อร่างกายโดยตรงดังนั้นหากสวมใส่มันมากเกินไปจะทำให้เกิดความเสียหายขึ้นแทน แค่ที่ยูอิลฮานใส่ตอนนี้ก็มากแลล้วด้วย

ยังไงก็ตามก็เพราะเครื่องประดับทั้งสี่อย่างนี้และบลัดดริ้งได้ทำให้เขาสามารถจะใช้การฟื้นฟูเหนือมนุษย์ได้อย่างต่อเนื่อง ยูอิลฮานได้รักษาสภาพของเขาอยู่ในจุดสูงสุดตลอดเวลาในขณะที่วิ่งผ่านดันเจี้ยนไปด้วย

ถ้าหากว่าตัวยูอิลฮานในตอนที่เกิดหายนะครั้งใหญ่ขึ้นตอนแรกเร็วเหมือนรถไฟเหาะแล้วล่ะก็ งั้นตัวเขาในตอนนี้ก็เหมือนกับเครื่องบินเจ็ท เอิลต้าได้คว้าผมของเขาแน่นด้วยความตื่นเต้น

"ไม่เห็นเจอโทรลล์หรือแมงป่องเลย"

[นี่มันก็เป็นหลักฐานว่าดันเจี้ยนกำลังถูกเชื่อมต่ออยู่ มานามันน่าจะทำให้ดันเจี้ยนถูกดูดเข้าไปในดาเรย์]

ถ้าหากว่ามีโทรลล์ เขาก็จะสามารถเก็บบลัดดริ้งเพิ่มขึ้นมาได้ แต่ว่าในเมื่อเขาไม่เห็นมันจึงทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย

ยังไงก็ตามตอนนี้เขาก็ตัดสินใจที่จะซื้อเลือดของโทรลล์หลังจากที่จัดการเคลียร์ที่ดาเรย์และกลับไปที่โลก ฉากรอบๆตัวเขาได้เริ่มที่จะเปลื่ยนไป จากที่ราบไปเป็นป่าที่มีความสูงไปจนถึงต่ำ

"ฮ่าห์"

ด้วยมานาที่หนาแน่นมากจนเกินพอดีทำให้ยูอิลฮานรู้สึกเวียนหัว เรต้าได้บอกเอาไว้ว่าดาเรย์ได้ประสบกับหายนะครั้งใหญ่ครั้งที่สาม และระดับของมานาที่นี่ก็มากจนโลกเทียบไม่ติด

[นี่มันเรียกว่าไข้มานา ทุกๆคนที่ไปต่างโลกต่างก็ได้ประสบพบกับเรื่องแบบนี้]

"เย้ ฉันรู้สึกดีใจจนอยากจะร้องเลยที่ในที่สุดก็ได้มีประสบการณ์เดียวกับพวกเขา"

ยูอิลฮานได้พูดออกมาในขณะที่สูดหายใจลึก ถึงแม้ว่าเขาจะเวียนหัวเล็กน้อยย แต่ว่าหลังจากนั้นพักหนึ่งเขาก็ตระหนักได้ว่าุกๆอย่างมันไม่ได้แย่อย่างที่เขาคิด

ถ้าหากว่ามีความเข้มข้นของมานาที่สูงอยู่รอยตัวเขา งั้นเขาก็สามารถจะคาดหวังประสิทธิภาพที่สูงขึ้นจากการใช้มานาจำนวนเท่าเดิม

ยูอิลฮานได้คลายความตึงเครียดที่ได้รับลงมา จากนั้นเขาก็ได้ใช้เวลาอีก 30 นาทีเพื่อที่จะเข้ามาในพื้นที่ของวงเวทย์ที่เรต้าได้พูดถึง

[เยี่ยมเลย มันยังอยู่ที่นี่]

ถึงแม้ว่ายูอิลฮานจะไม่จะไม่เจออะไรที่แปลกไปจากด้านหน้าเขา แต่ว่าเสียงของเรต้าก็ดังขึ้นมา เขาได้ยืนยันกับเธอในขณะที่เอียงหัวงง

"จริงหรอ? มันจะไม่มีอะไรอย่างการลักลอบของมังกรหรืออะไรแบบนี้หรอ?"

[ไม่มีเลย มันยังเหมือนกับในตอนที่ข้าเช็คตอนล่าสุด]

ความมั่นใจของเรต้าได้ทำให้เอิลต้ามองไปที่วงเวทย์ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะใช้เวทย์เพราะว่าที่นี่คือโลกที่ถูกทิ้ง แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าความสามารถในการมองวงเวทย์ของเธอจะถดถ่อยไป

[วงเวทย์นี่ไม่ได้รับความเสียหายเลย นอกจากนี้มันก็เป็นอย่างที่เรต้าพูด มันได้เริ่มเปิดทำงานลับๆหลังจากที่ตระหนักได้ว่าเราเป็นเจ้าของวงเวทย์ มันเป็นวงเวทย์ที่ซับซ้อนจริงๆ]

[นี่คือความภาคภูมิใจของเราเหล่าเอลฟ์ ถึงแม้ว่าจักรวรรดิที่สร้างขึ้นจะถูกทำลายก็ตาม.....]

แม้ว่าตอนนี้มันจะเรียบร้อยปกติดีแต่ยูอิลฮานก็คิดว่ามันจะต้องมีข้อผิดพลาดแน่ แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกไป มันจะเป็นการดีที่จะเตรียมพร้อมสำหรับทุกๆสถานการณ์มากกว่าที่จะไปพูดเรื่องร้ายๆ

[คุณจะทำอะไรล่ะ? คุณกำลังจะไปล่ามังกรเลยไหม?]

"มีพวกมันทั้งหมดกี่ตัวล่ะ?"

เรต้าได้ตอบกลับมาทันทีราวกับรอคอยอยู่แล้ว

[มีเผ่ามังกรทั้งหมด 45,988 ตัวที่วงเวทย์ได้ตรวจพบ จากทั้งหมดนี้มี 1,233 ตัวที่เป็นคลาส 4]

"อะ...."

ยูอิลฮานได้เปิดปากออกมาเหมือนจะพูดอะไรแต่แล้วก็ปิดปากลงไป ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าทำไมดาเรย์ถึงล้มสลาย

เมื่อคิดเกี่ยวกับมันดูการที่โลกเกือบจะถูกทำลายเพราะมอนสเตอร์คลาส 4 เพียงตัวเดียว แต่แล้วนี่อะไรล่ะ? ไม่ว่าจะมีคนที่ได้ประสบกับหายนะครั้งใหญ่ครั้งที่สามยังไง นี่มันก็เป็นโลกที่บ้ามาก

สมดุลมันอยู่ที่ไหนกัน? ยูอิลฮานได้มองไปที่เอิลต้าบนหัวและพูดออกมา

"ผู้จัดการทำงานของเธอสิ"

[ถ้าฉันต้องออกจากสวรรค์ยูอิลฮานคุณจะรับผิดชอบไหม?]

"....ไม่ล่ะ ขอโทษด้วย แต่ช่วยอย่ายอมแพ้และพยายามให้เต็มที่ที่สุด"

ยูอิลฮานได้พูดขึ้นอีกครั้งในขณะที่คิดถึงคำพูดของเอิลต้าที่เต็มไปด้วยคำจำนวนมากที่ชวนเข้าใจผิด ในตอนนี้เขาก็หันไปหาเรต้า

"ไม่มีมอนสเตอร์ตัวอื่นนอกไปจากเผ่ามังกรเลยหรอ? ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วงเลเวล 100"

[แน่นอนว่ามีอยู่ เผ่ามังกรได้กวาดล้างมอนสเตอร์และมนุษย์ทั้งหมดออกไป แต่ว่ามันก็ยังมีมอนสเตอร์อีกจำนวนมาก หรือไม่ก็เป็นเพราะว่ามอนสเตอร์แค่มีจำนวนมากเกินไป]

เสียงของเรต้าฟังดูหดหู่ใจเล็กน้อย ยูอิลฮานไม่ได้ถามเกี่ยวกับมัน เขากลัวว่ามันจะทำให้เธอหดหู่ลงไปยิ่งกว่าเดิม

"ถ้างั้นก่อนอื่นก็ไปที่นั่นกันก่อน"

ก่อนที่เขาจะได้ยินเรื่องจำนวนของเผ่ามังกรในทวีปดาเรย์ ยูอิลฮานได้เต็มไปด้วยความกล้าหาญที่ไร้ความระวังตัว แต่ว่าหลังจากที่เขารู้ว่าพวกมันมีมากกว่าสี่หมื่นตัวแล้วทำให้เขาจริงจังขึ้นมา เขามั่นใจในแผนการซุ่มโจมตีด้วยการใช้วงเวทย์ว่ามันจะให้ผลที่น่าทึ่งอยู่แล้ว แต่ว่าเขาก็ยังมั่นใจว่าแผนการของเขาก็จะต้องพังลงในกลางทางแน่เว้นเสียแต่เผ่ามังกรทั้งหมดจะเป็นพวกโง่

แล้วถ้างั้นเขาต้องทำยังไงล่ะ? คำตอบก็ง่ายมาก เขาต้องเพิ่มความสามารถของเขาให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้และลดจำนวนของพวกมันให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ก่อนที่พวกมันจะรู้ตัว

"ถ้าฉันเจอกับพวกมัน ถ้างั้นมันจะเป็นการรบแบบกองโจรนับจากตอนนั้น ฟุฟุ แม้กระทั่งตอนนี้ฉันก็ยังตื่นเต้นแล้ว"

[ยูอิลฮานเสียงคุณน่ะ เสียงคุณดูตรงกันข้ามเลยนะ]

เขาได้พแค่ว่ามันไรสาระมากหลังจากที่คิดทบทวนหลายครั้ง เข้ามากวาดล้างโลกที่เต็มไปด้วยผู้ที่ทำลายโลกด้วยตัวเขาเองงั้นหรอ? เขาไม่ได้เป็นพระเองในนิยายอะไรพวกนี้ซะหน่อยนี่

แต่ว่าเขาจะทำอะไรได้ล่ะ? มันไม่มีคนอื่นที่จะทำมันได้อีก เขาจำเป็นต้องก้าวออกมาด้วยความรู้สึกเหมือนกับโกคูที่พยายามจะปกป้องโลก จากนั้นเขาก็ได้ก้าวไปในวงเวทย์

เรต้าได้ใช้งานวงเวทย์และวงเวทย์ก็ได้ทำงานส่งเขาไปในที่หมายอย่างราบรื่น

ทุกๆที่ต่างก็มืดสนิท นอกไปจากนี้มานาที่เขาสูดหายใจก็หนาแน่นขึ้นไปอีก

ยูอิลฮานรู้เหตุผลในทันที และมันก็เพราะว่าที่ที่เขาอยู่ก่อนหน้านี้เป็นแค่ทางเข้าด้านนอกของทวีปเท่านั้น แต่ว่าในตอนนี้อาจจะเรียกได้ว่าเขาอยู่ด้านในสุด

[ฮี๊ๆๆๆ]

[บรูววววววววววววว]

เสียงที่น่าขนลุกได้ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง มันใช้เวลาเพียงเล็กน้อยสำหรับยูอิลฮานที่จะหาเสียงเหล่านั้นในขณะที่ปรับตัวกับความกดดันของมานา

"พวกนั้นมันอะไร....?"

[ผี]

เอิลต้าได้ตอบกลับมา

[พวกมันเป็นมอนสเตอร์อันเดตที่มักจะเกิดมาตามสถานที่ต่างๆอย่างอาณาจักรที่ถูกทำลาย หมู่บ้านที่ตายเพราะภัยพิบัติ พวกมันแทบจะไม่โดนผลการโจมตีทางกายภาพเลยหากปราศจากมานาแล้วจะเป็นการยากที่จะล่ามัน แน่นอนว่าถ้าคุณทำลายพวกมันด้วนน้ำหนักหลายสิบตันงั้นแม้แต่พวกผีก็ไม่รอดแน่ ดังนั้นคุณจึงไม่จัดอยู่ในประเภทนั้น]

ในตอนนี้เขาใช้มานาได้แล้ว เขาไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องใช้วิธีที่เสี่ยงๆแบบนั้นแล้วและเขาก็อยากจะเถียงกลับไป แต่แล้วก็มีบางอย่างมาดึงความคิดของเขาไว้ก่อน

"อาณาจักรที่พังทลาย ภัยพิบัติ ถ้างั้นก็หมายความว่า"

เสียงที่ตอบกลับมาในคราวนี้คือเสียงที่เศร้าใจของเรต้า

[ถูกแล้ว คนที่ยังถูกติดกับที่แห่งนี้เนื่องจากว่าพวกเขาหนีไปจากความรุนแรงที่ไร้เหตุผลและภัยพิบัติไม่ได้ คนที่ตายลงไปได้กลายมาเป็นมอนสเตอร์หลังจากที่สูญเสียทั้งเหตุผลและจิตใจเพราะคำสาปของมานา พวกเขาคือประชาชนของโลกที่ถูกทำลาย]

[นั่นมันก็เป็นเรื่องดี ยูอิลฮานส่งพวกเขาไปพักผ่อนเถอะ มันถึงเวลาที่จะใช้พลังจากคู่หูทูตสวรรค์แล้ว พลังที่จะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้นเมื่อสู้กับอันเดต แน่นอนว่าคุณก็ยังใช้ 'การสนับสนุนของทูตสวรรค์' ได้เนื่องจากอยู่ในโลกที่ถูกทอดทิ้ง]

เธอเห็นอกเห็นใจเช่นกัน แต่ว่าคำพูดของเธอมันไร้ความปราณีใดๆ เอาเถอะหากคิดย้อนกลับไปเธอก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว เธอจะมุ่งหน้าไปเพียงแค่เป้าหมายของเธอเท่านั้น สิ่งนี้มันก็คล้ายๆกับบุคลิกของตัวยูอิลฮานเช่นกัน

"ใช่ ฉันควรจะทำแบบนั้น"

[....ฉันก็ยังอยากจะขอร้องคุณ]

"ไว้ใจได้เลย"

ทำให้พวกเขากลายมาเป็นพลังใหญ่ของยูอิลฮาน พลังที่จะเอาไปจัดการกับเผ่ามังกรที่ได้ทำลายโลกนี้หรือพูดให้ชัดก็คือค่าประสบการณ์จำนวนมาก

ยูอิลฮานได้หวังเอาไว้อย่างมาก เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดี

เมื่อผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เลเวลของยูอิลฮานก็กลายมาเป็น 90 แล้ว ความคาดหวังของเขาได้ถูกทรยศ

"นี้มันไม่ได้แล้ว ฉันน่าจะเริ่มล่ามังกร"

[เป็นความคิดที่ดี]

เขารู้สึกเสียใจกับเรต้า แต่ว่าเจ้าพวกผีบัดซบนี่ให้ผลลัพธ์ที่แย่มาก

พวกผีมันจะหายไปเมื่อมันถูกฆ่าและไม่ได้ทิ้งอะไรไว้อีกราวกับจะล้อเลียนยูอิลฮาน

ยังดีที่ค่าประสบการณ์ของพวกมันไม่ได้แย่นัก แต่ว่าการที่จะพอใจกับมันจำเป็นต้องเป็นค่าประสบการณ์ที่มากกว่านี้

เลเวลขึ้นมา 3 แค่สัปดาห์เดียวเท่านั้นเอง นอกไปจากนี้ความเร็วจะค่อยๆลดลงเมื่อเวลาผ่านไปด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะล่ามันโดยไม่กินหรือนอนก็ตามที

มันเป็นการยากมากที่จะเอาแต่ฆ่าพวกผีจนไปถึงเลเวล 100 แต่ว่าที่นี่เขามีคนที่มีคลาส 4 และเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูงอยู่นะ! ตอนนี้เป็นครั้งแรกสำหรับยูอิลฮานที่เริ่มให้ความสำคัญกับเอิลต้า

[มันก็แค่สถานการณ์ของคุณมันเร่งด่วนเล็กน้อย แต่ว่าตราบเท่าที่มีเวลาด้วยความสามารถของคุณมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย]

"แต่ว่าเธอก็น่าทึ่งอยู่ดี มันได้หมายความว่าเธอได้พยายามมาอย่างมากเป็นเวลาหลายปีนั้น"

ยูอิลฮานได้ยกย่องเอิลต้าขึ้นสูง เขาเป็นคนที่มีนิสัยคล้ายๆกับคังมิเรย์ที่จะเคร่งครัดกับตัวเองและคนอื่นด้วยเหมือนกันจึงเป็นเรื่องยากที่จะมีคนถูกชมโดยยูอิลฮาน ดังนั้นเอิลต้าก็ได้แสดงออกมาอย่างพอใจ

[นั่นมันเป็นเรื่องจริง ถึงแม้ว่าฉันเห็นฉันแบบนี้ ฉันก็อายุเจ็ด... กรี๊ดดด!]

"โอ้ โอ้ยยยย"

เอิลต้าได้ปิดปากเธอทันทีและดึงผมของยูอิลฮาน อายุของเธอเกือบจะถูกเปิดเผยไปแล้ว

[มันนำมาสู่คำถามนี้นี่! เจ้ามนุษย์ชั่วร้าย!]

"โอ้ย มันเจ็บนะหยุดเถอะ"

ยูอิลฮานได้รีบดึงเธออกไปทันที ในโลกที่ถูกทอดทิ้งนี้ทำให้ความสามารถทางกายภาพที่น่าสงสารอยู่แล้วของเธอได้น่าสงสารมากขึ้นไปอีกและแม้กระทั่งเขาก็สามารถะจะแกล้งเธอได้หากว่าเขาต้องการใช้กำลัง แต่ว่าด้วยความกลัวการถูกแก้แค้นทำให้เขาไม่ได้ทำอะไรมากนัก

มันเป็นเรื่องจริงนี่

ถ้าหากว่าจะมีอะไรที่ยูอิลฮานได้ประโยชน์จากสิ่งนี้มันก็คือสิ่งที่เอิลต้าเพิ่งจะพูดไป เขาได้กลายเป็นชำนาญในการใช้ความสามารถของคลาสย่อย คู่หูของทูตสวรรค์แล้ว

ไม่ต้องพูดถึงความสามารถโดยพื้นฐานที่เขาได้รับมาในตอนที่กลายเป็นคู่หู่ของทูตสวรรค์ แถมเขาก็ยังได้สกิลที่ทรงพลังอย่างการสนับสนุนของทูตสวรรค์ที่ทำให้เขาใช้พลังของเอิลต้าได้เมื่อเขาอยู่ในโลกที่ถูกถอดทิ้งอีกด้วย

เอิลต้าได้บอกว่าเธอด้อยกว่าลิต้า แต่ถึงแบบนั้นแค่เขาได้พลังส่วนหนึ่งจากเธอ ความสามารถของเขาก็เพิ่มมากกว่า 30% แล้ว

มันไม่ใช่แค่เรื่องง่ายๆอย่างแค่พลังเพิ่มขึ้นเท่านั้น มันจะไม่แต่ยูอิลฮานจะสามารถเสริมพลังของเขาโดยไม่ลดแรงของเอิลต้าแล้ว เขายังสามารถนำพลังทั้งหมดนั้นไปในการโจมตีครั้งเดียวเพื่อที่จะไม่รับกรสนับสนุนได้อีกด้วย

ยูอิลฮานได้ประตัวกับขีดจำกัดของการเสริมพลังของเขาในตอนท้ายของสัปดาห์และเขาก็ยังเน้นไปที่การโจมตีด้วยการใช้พลังทั้งหมดซึ่งเรียกว่าการโจมีตีของทูตสวรรรค์ มันเป็นผลให้เขาสามารถปรับตัวกับความสามารถ ฟันเฟืองของพลังและบทลงโทษได้อย่างยอดเยี่ยม

ดังนั้นนี่จึงถึงเวลาออกไปล่าเผ่าพันธ์มังกรแล้ว

เมื่อปลอบเอิลต้าลงไปแล้ว ยูอิลฮานก็หยิบเอาหินพลังเวทย์คลาส 2 ออกมาสิบก้อน นี่มันคือราคาที่จะเปิดใช้งานวงเวทย์

จำนวนที่ใช้จะลดลงไปหากว่าเป็นของคลาส 3 แต่ว่าสำหรับยูอิลฮานที่มีหินพลังเวทย์คลาส 2 กว่าหมื่นก้อนอย่างนี้มันเป็นเรื่องดีกว่า

"เร้ต้าขอนะ เราจะไปล่าพวกตัวที่อยู่ลำพังก่อน"

[คุณวางแผนจะฆ่าเผ่ามังกรแล้ว?]

เรต้าได้ถามออกมาอย่างกังวลและยูอิลฮานก็หยักหน้าเงียบๆ จริงๆแล้วในการคำนวณของเขา เขาจะฆ่าเผ่ามังกรคลาส 3 ได้ง่ายๆ แต่เนื่องจากสถานที่แห่งนี้มันเป็นแบบนี้ทำให้เขาคลายความตึงเครียดไปไม่ได้เลย

เขาจะต้องสู้กับคลาส 4 หากเขาพลาดไปเจอมัน

ไม่ว่าเรต้าจะร้หรือไม่ก็ตาม เธอก็ตอบกลับมาพร้อมกลืนน้ำลาย

[ข้าเข้าใจแล้ว พวกเราจะไปทันที]

วงเวทย์ได้ทำงานและกลืนกินยูอิลฮานลงไป ในเวลาต่อมาเขาก็กำลังเผชิญหน้ากับงูที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาได้ใช้วงเวทย์มาหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็ยังทึ่งกับความทรงพลังของมันไปทุกที

ยังไงก็ตมสิ่งที่สำคัญในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องวงเวทย์แต่เป็นงูยักษ์ หรือพูดอีกอย่างคือเผ่ามังกรคลาส 3

เขาคำนวนได้เสร็จสิ้นทันทีที่เขาเห็นมัน งูคลาส 3 ได้ถูกฆ่าในทันทีและตัวต่อจากนั้นก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าการสนับสนุนของทูตสวรรค์จะน่าทึ่งมาก แต่ว่าเทคนิคที่ฝังลึกในตัวยูอิลฮานมันยิ่งกว่านั้น

เขาได้กระโดดขึ้นไปในขณะที่ใช้การปกปิดตัวตนถึงขีดสุด

นี่มันคือช่วงเวลาการเริ่มต้นของ 'โลกแห่งการล่า' ของยูอิลฮาน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด