ตอนที่แล้วGE52 หลานเหม่ยและคำสั่ง [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE54 ขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย [ฟรี]

GE53 แต้มที่น่าตกตะลึง [ฟรี]


ผู้ที่เข้าป่าภูติพราย นอกจากเหนือจากผู้เข้ารับการทดสอบ ยังมีผู้ดูแลอีก 20 คนติดตามไป

ผู้เข้าร่วมการทดสอบแต่ละคนจะได้รับแผ่นหยกขนาดเล็ก 1 แผ่นติดตัว ซึ่งก็คือ ‘หยกสะสมแต้ม’ หน้าที่ของมันเพื่อบันทึกแต้มที่ได้จากนิกาย

แต้มของนิกายนั้น นอกจากจะใช้แลกวิชาแล้ว ยังใช้แลกสมบัติวิญญาณ โอสถ หรือยกสถานะของตนได้

ในหยกสะสมแต้มแต่และแผ่นนั้นจะมีคำว่า ‘ห้า’ เปล่งประกายออกมา นั่นหมายความว่าผู้ถือครองแผ่นหยกมี 5 แต้ม ซึ่งเป็นแต้มที่ได้จากการผ่านการทดสอบที่ 1

หยกสะสมแต้มนั้นจะมอบให้เพียงศิษย์ของนิกายกุ่ยเชว่ นั่นหมายความว่าผู้ที่ได้รับอนุญาติให้เข้าป่าภูติพรายนั้น ได้เป็นศิษย์ของนิกายแล้ว

แต่หากศิษย์คนใดที่ตายในป่าภูติพราย ศิษย์คนนั้นจะหมดสถานะความเป็นศิษย์ทันที ดังนั้น ผู้ที่รอดออกมาเท่านั้นจึงจะถือเป็นศิษย์นิกายที่แท้จริง

ป่าภูติพรายแบ่งออกเป็น 9 ส่วน แต่ละส่วนเป็นนิกายกุ่ยเชว่กำหนด ครั้งหนึ่งผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำของนิกายได้ออกสำรวจป่า แต่ต้องหยุดการสำรวจไว้เพียงส่วนที่ 4 เพราะไม่สามารถต้านทานราชาภูติผีที่แข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม ทำให้การค้นพบราชาภูตผีในคราวนั้น เป็นที่โจษจันในนิกายกุ่ยเชว่

เป็นไปได้ว่าป่าภูติพรายแห่งนี้เป็นที่ซ่อนของปราณหยินลึกลับ ซึ่งแปรเปลี่ยนให้พื้นที่ส่วนที่ 4 ขึ้นไปเป็นสถานที่อันตรายร้ายแรง

แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่น่ายินดี นั่นคือภูตผีที่อยู่ในป่านั้นถูกจำกัดระดับพลังในแต่ละเขตพื้นที่ และพวกมันไม่สามารถออกจากป่าภูติพรายได้

เมื่อมีศพถูกฝังในป่าภูติพราย ไม่นานนัก ศพเหล่านั้นจะกลายเป็นภูติผี ปรากฏการณ์เช่นนี้นับว่าแปลกพิศดาร

ในโลกแห่งการฝึกตนมีสุภาษิตว่าไว้ ‘ยิ่งสถานที่ใดมีภูตผีปีศาจ สถานที่แห่งนั้นยิ่งมีความลับ’ ดังนั้นป่าภูติพรายแห่งนี้สมควรมีความลับที่ท้าทายสวรรค์อยู่

การทดสอบรอบที่ 2 นี้จำกัดอยู่เพียงเขตที่ 1 ของป่าภูติพราย ที่กินพื้นที่กว้างกว่า 30 ลี้

หากข้าสู่ป่า ผู้เข้าร่วมทดสอบจะสามารถต่อสู้ สังหาร เก็บสมุนไพร ล่าสังหารภูตผีภายในป่า หาสถานที่ซ่อนให้รอดพ้น 1 เดือน... ไม่ว่าอะไรย่อมทำได้ทุกสิ่ง

เส้นทางของฝ่ายอธรรมนั้น เต็มไปด้วยอันตรายทุกย่างก้าว มีเพียงหัวใจที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัวเท่านั้นที่ก้าวต่อไปได้... แม้จะซ่อนตัวได้ แต่ไม่ใช่จะซ่อนได้ตลอดชีวิต ไม่ช้าก็เร็ว ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับอันตราย

ในพื้นที่ส่วนที่ 1 ของป่าภูติพราย ภูตผีที่อยู่ภายในนั้นจะแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจร หากล่าสังหารพวกมันได้จะได้แต้ม การให้แต้มนั้นแบ่งเป็น สังหารภูตผีในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 1 ถึง 3 จะได้ 1 แต้ม ขอบเขตเปิดเส้นชีพเส้นชีพจรที่ 4 ถึง 6 ได้ 2 แต้ม และ จาก 7 ถึง 10 นั้นได้แต้มสูงถึง 10

ภูตผีที่มีระดับพลังสูงจะถูกล่าสังหารได้ยากกว่า ทำให้ได้คะแนนมากกว่า หากเป็นภูติผีในขอบเขตประสานวิญญณาขั้นต้น จะได้แต้มมากถึง 100 แต้ม  ขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลางได้ 200 แต้ม ขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูง 500 แต้ม และขอบเขตประสานวิญญาณอีกครึ่งก้าวบรรลุแก่นทองคำจะได้แต้มมากถึง 1000 แต้ม

การจะล่าภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณ ต้องเข้าสู่ส่วนที่ 2 ของป่า ซึ่งผู้เข้ารับการทดสอบทั่วไปไม่อาจเข้าไปได้ มีเพียงผู้ดูแลการทดสอบเท่านั้นที่เข้าไปได้

หากเหล่าผู้ดูแลนิกายเป็นผู้เข้าไปล่าภูติผี ไม่ว่าจะเป็นระดับใดพวกมันจะไม่ได้แต้ม เพราะภูติผีภายในป่านั้น มีไว้ให้เพียงศิษย์นิกายล่าสังหาร

นอกจากการล่าสังหารภูติผีแล้ว ในส่วนที่ 1 ยังมีสมุนไพรอายุ 10 ปีอยู่ หากเก็บสมุนไพรมาได้จำนวนหนึ่ง สามารถใช้พวกมันแลกเปลี่ยนได้

ภายในส่วนที่ 1 ของป่าภูติพรายนี้ 10 ปีจะเปิดให้ศิษย์นิกายได้เข้ามาล่า ดังนั้นช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจึงทำให้สมุนไพรที่อยู่ภายในเติบโตได้พอดี

แต่นอกเหนือจากการล่าสังหารภูติและเก็บสมุนไพรเพื่อแลกแต้มแล้วนั้น ยังมีวิธีที่ง่ายดายกว่า

นั่นคือการช่วงชิง!

หากช่วงชิงแผ่นหยกสะสมแต้มของผู้อื่นมาได้ แต้มภายในแผ่นหยกก็จะกลายเป็นของคนผู้ที่ได้ไป

แต่หากผู้ใดทำแผ่นหยกแตก คนผู้นั้นต้องเสีย 10 หยกสวรรค์จึงได้หยกสะสมแต้มมาใหม่

เมื่อผู้เข้ารับการทดสอบเข้าสู่ป่าภูติพราย ผู้คนส่วนใหญ่จะแยกออกเดินทางตามลำพัง แต่ก็มีบ้างที่รวมกลุ่มกัน เหล่าผู้ดูแลที่ติดตามเข้าไปจะซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ลับเพื่อเฝ้าดู คนเหล่านี้จะถูกสั่งห้ามให้ความช่วยเหลือ

เวลาที่กำหนดไว้คือ 1 เดือน หากหลังจาก 1 เดือนผู้ใดรอดชีวิตออกมาจากป่าได้คนผู้นั้นจะได้เป็นศิษย์ที่แท้จริงของนิกายกุ่ยเชว่ทันที

ภายในเขตส่วนที่ 1 แห่งนี้ ผู้คนจะสัมผัสได้ราวกับว่าถูจ้องมองอยู่ตลอดเวลา

หนิงฝานกำแผ่นหยกไว้แน่นพลางนำแผนที่ที่หลานเหม่ยให้ออกมา บนแผนที่จะถูกลากเส้นแบ่งออกเป็น 9 ส่วน 3 ส่วนแรกเป็นพื้นที่ที่บ่งบอกสมุนไพรและจุดอันตรายไว้มากมาย แต่ส่วนที่ 4 ถูกบันทึกไว้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะในอดีต บรรพบุรุษของนิกายกุ่ยเชว่ไม่ได้สำรวจส่วนที่ 4 ทั้งหมด ทั้งยังถูกภูติผีในระดับดวงจิตแรกเริ่มจู่โจมจนบาดเจ็บ

นั่นหมายความว่าภูติผีที่อยู่ภายในส่วนที่ 4 นี้ต้องเป็นภูติผีระดับราชาภูติ

“คาดมิถึงว่าป่าภูติพรายจะแปลกเช่นนี้... ลึกเข้าไปในนั้นย่อมต้องซ่อนความลับที่มิธรรมดาเอาไว้”

ยามนี้สร้อยหยินหยางที่อยู่ภายในตันเถียนของหนิงฝานกำลังเกิดปฏิกริยาบางอย่าง ราวกับมีบางสิ่งที่ทำให้มันมีปฏิกริยา

ปฏิกริยาที่ว่าไม่มาจากปราณหยินลึกล้ำ แต่มาจากบางสิ่งที่น่าหวาดกลัว

หนิงฝานครุ่นคิด ด้วยพลังของตนในยามนี้ ส่วนที่ 1 ของป่าไม่เป็นปัญหา ส่วนที่ 2 หากเพิ่มความระมัดระวังย่อมไม่เป็นปัญหา ส่วนที่ 3 หากพบอันตรายและซ่อนตัวย่อมไม่ใช่ปัญหาเช่นกัน แต่ส่วนที่ 4 ที่มีภูติผีในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มอยู่นั่น...หากฝืนเข้าไปก็รังแต่จะนำความตายมาสู่ตน

นับว่าโชคดีที่หลานเหม่ยมอบแผนที่ให้ ไม่งั้นหนิงฝานคงออกสำรวจไปทั่วโดยไม่รู้ว่าความตายได้รอตนอยู่

หลังที่ทุกคนได้รู้ตัวของหนิงฝาน ไม่มีผู้ใดกล้าคิดยั่วยุ เหล่าสตรีที่แม้จะหวาดกลัวแต่ยังส่งสายตาเกี้ยวพา เพื่อหวังว่าหนิงฝานจะชอบพอ แต่ต่อให้พวกนางมอบกายให้ หนิงฝานย่อมไม่สนใจ เพราะบางที ต่อให้เป็นทั้งชีวิต สิ่งที่หนิงฝานอาจมิเคยขาดเลยคือสาวงาม

ยามนี้ในแหวนกระถางขัดเกลาของหนิงฝานมีสตรีอยู่ถึง 17 คน ที่กำลังรอให้หนิงฝานเก็บเกี่ยวพลัง

ขณะที่ผู้คนกำลังเดินทางอยู่นั้น ไม่มีผู้ใดทราบว่าหนิงฝานได้ล่วงลึกเข้าไปในป่า แม้ระหว่างทางจะพบสมุนไพรระดับ 10 ปีอยู่มากมาย แต่เขาไม่ชายตา นอกจากนี้ยังมีภูติผีในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 2 ลอบจู่โจมอย่างต่อเนื่อง

ด้วยกระบี่แยกสวรรค์คู่กาย เพียงกระบี่เดียวย่อมสังหารภูติผีเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย กระทั่งผ่านไปชั่วธูปไหม้ครึ่งดอก ภูติผีถูกสังหารไปแล้วกว่า 15 ตน และยามนี้แต้มในแผ่นหยกของหนิงฝ่านได้เพิ่มเป็น 20 แล้ว

ในระหว่างที่สังหารเหล่าภูติผีนั้น หนิงฝานสังเกตุเห็นกลุ่มก้อนของบางสิ่งภายในร่างของพวกมัน หลังจากพวกมันถูกสังหาร กลุ่มก้อนเหล่านั้นจะก่อตัวเป็นเป็นมุกวิญญาณ

มุกวิญญาณเหล่านี้โปร่งใส ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สัมผัสได้จากสัมผัสเทพ เมื่อหนิงฝานหยิบมันขึ้นสำรวจ เขากลับตกตะลึง เพราะมุกวิญญาณได้แทรกซึมเข้าสู่ร่างและยกระดับสัมผัสเทพขึ้นเล็กน้อย

“‘มุกภาวนา’! ภูติผีเหล่านี้สมควรมีตัวตนเพียงใน ‘ดินแดน 9 หยิน’ เมื่อภูติผีเหล่านี้ถูกสังหาร พวกมันมีโอกาสก่อตัวเป็นมุกภาวนา คาดมิถึงว่าป่าภูติพรายแห่งนี้คือดินแดน 9 หยิน!”

หนิงฝานตกตะลึง ดินแดน 9 หยินไม่ใช่สถานที่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มันเกิดจากข่ายอาคมขนาดยักษ์ที่มีระดับเหนือกว่าไร้แบ่งแยกขึ้นไป และผู้ที่จะวางข่ายอาคมระดับนั้นได้ย่อมเป็นปีศาจโบราณ... หรือป่าภูติพรายแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพราะปีศาจโบราณต้องการเก็บเกี่ยวมุกภาวนา เพื่อยกระดับพลังของมัน

หากเป็นเช่นนั้นจริง ส่วนที่ลึกที่สุดของป่า อาจมีภูติผีหรือปีศาจที่เป็นผู้สืบทอดของปีศาจโบราณอยู่ เพราะหากมันสังหารและเก็บเกี่ยวมุกภาวนาในระดับนั้นได้ มันย่อมเพิ่มพูนพลังได้มาก

“เช่นนั้นข้ายิ่งมิอาจประมาทและปล่อยให้ภูติผีหลุดมือ ข้าต้องเริ่มล่าพวกมันตั้งแต่ส่วนที่ 1!”

สีหน้าหนิงฝานแปรเปลี่ยน รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏ รุ้งหิมะงดงามเหยียบย่าง พุ่งทะยานไปพร้อมกับกระบี่แยกสวรรค์ในมือ พาดผ่านป่าที่มืดมนและวังเวง เพื่อปลิดชีวิตของภูติผีทุกตน

นิกายกุ่ยเชว่ วังศิษย์ฝ่ายใน... ผู้อาวุโสเมิ่งฉู่อ้าปากหาว

มันผู้นี้มีนิสัยเกียจคร้าน เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง เป็นผู้อาวุโสนิกายที่มีสถานะต่ำต้อย จึงเป็นเพียงผู้เฝ้าตำหนักแห่งนี้เท่านั้น

ตำหนักแลกเปลี่ยนแห่งนี้ เป็นตำหนักให้ศิษย์นิกายสามารถนำแต้มที่ได้มาแลกเปลี่ยนวิชา หรือสมบัติวิญญาณ

ที่กึ่งกลางของตำหนักมีโต๊ะสีดำขนาดใหญ่ บนโต๊ะมีภาพแสดงแต้มที่ศิษย์แต่ละคนได้

ผู้ที่ได้แต้มเป็นอันดับหนึ่งคือผู้นำนิกายกุ่ยเชว่สื่อ มีแต้มทั้งหมด 96,000 แต้ม

ผู้ที่ได้อันดับสองคือหนึ่งในสี่ปีศาจแห่งนิกายกุ่ยเชว่...หลิงกุ่ยคู มันออกจากนิกายไปเมื่อ 70 ปีที่แล้ว เป็นตายร้ายดีอย่างไรไม่ทราบ นอกจากนี้ แต้มของมันยังเพิ่มขึ้นครั้งละ 10,000 แต้ม ซึ่งได้จากการสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสุดท้ายของนิกายฝ่ายธรรมะ... ก่อนที่มันจะออกจากนิกายไป มันเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลาง และทำแต้มได้มากถึง 72,000 แต้ม แต่ยามนี้ แต้มของมันเพิ่มเป็น 84,500 แต้ม... ไม่รู้ว่ามันผู้นี้สังหารผู้เชี่ยวชาญฝ่าธรรมะไปมากมายเท่าไหร่ ทั้งยังไม่รู้ว่ามันสังหารผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นจากที่ใด

ผู้คนมากมายคาดเดาว่า 70 ปีมานี้ หลิงกุ่ยคูน่าจะบรรลุเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มแล้ว... แต่นั่นเป็นเพียงการคาดเดา

ผู้ที่ได้แต้มเป็นอันดับที่ 3 คือปีศาจทมิฬหาน หรือหานหยวนจี๋ ได้แต้มไปทั้งหมด 68,300 แต้ม ซึ่งแต้มทั้งหมดนั้น ส่วนใหญ่มาจากการปรุงโอส... โอสถผันแปรที่ 3 ที่ชายชราปรุงขึ้นมานั้น ได้แต้มหลายพันต่อเม็ด

ลำดับแต้มถัดจากนั้นลงไปเป็นของผู้อาวุโสนิกาย ส่วนผู้เยาว์ที่ได้แต้มสูงสุดนั้นคือเยี่ยนซวนหยิน มันใช้เวลาน้อยกว่า 30 ปีในการบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง มันจึงถูกเรียกขานว่าผู้เยาว์อันดับหนึ่งของนิกาย ทั้งยังได้รั้งตำแหน่งผู้อาวุโสของนิกายแล้ว นับว่าพรสวรรค์ของมันไม่ธรรมดา

เยี่ยนซวนหยินได้แต้มมากถึง 19,000 และรั้งอันดับที่ 45 จากศิษย์นิกายทั้งหมด

หากเทียบกับผู้อาวุโสเมิ่งฉู่แล้ว การทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันตำหนักแลกเปลี่ยนทำให้มันได้ 100 แต้ม ตัวมันทำหน้าที่คุ้มกันมา 200 ปี มันจึงได้แต้มไปทั้งหมด 24,000 แต้ม

“วันนี้เป็นการทดสอบรอบที่ 2 ของนิกาย มิรู้ว่าผ่านไป 1 เดือนจะมีศิษย์ใหม่ผู้ใดทำแต้มได้ถึง 100 แต้มหรือไม่ ฮ่าฮ่า แม้จะเป็นเพียง 100 แต้ม แต่สำหรับผู้เยาว์เหล่านั้นนับเป็นเรื่องยาก ในอดีตเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว ข้าสังหารภูติผีในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรได้ 7 ตน และเก็บสมุนไพรได้ 200 จิน ครั้งนั้นข้าได้แต้มพียง 15 แต้มเท่านั้น... ผู้ที่มีพรสวรรค์และเป็นผู้ได้แต้มสูงสุดสมควรเป็นเยี่ยนซวนหยิน ครั้งนั้นมันได้มากถึง 170 แต้ม...”

ผู้อาวุโสเม่งฉู่นอนอยู่บนเก้าอี้เองอย่างเกียจคร้าน สายตากวาดไปยังรายชื่อผู้เป็นเจ้าของแต้ม

ในหมู่ศิษย์ใหม่ของนิกายจำนวนมากนั้น ผู้อาวุโสเมิ่งฉู่สำรวจและสรุปออกมาอย่างรวดเร็ว

“ฮ่าฮ่า 5 แต้ม! การทดสอบที่ 2 ผ่านไปเพียง 2 ชั่วยาม แต่ผู้เยาว์เหล่านี้กลับได้เพียง 5 แต้ม...พวกมันสังหารภูติผีเหล่านั้นมิตายหรืออย่างไร? แค่กๆๆ... ช้าก่อน... นี่มัน!”

ผู้อาวุโสเมิ่งฉู่สำลักชาที่กำลังจิบ เพราะตกตะลึงกับแต้มที่เห็น

ลี่สื่อหวน ผ่านไป 2 ชั่วยามมันผู้นี้ได้ไปถึง 9 แต้ม

9 แต้มภายใน 2 ชั่วยาม! ผู้เยาว์ผู้นี้สังหารภูติผีในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 3 ไปแล้ว 3 ตัว เป็นไปได้อย่างไร!

เมื่อผู้อาวุโสเมิ่งฉู่เคลื่อนสายตาขึ้นเหนือชื่อลี่สื่อหวน มันเห็นนามลู่สื่อเฉียว ที่ได้แต้มไปมากถึง 17 แต้ม!

ผู้เยาว์ผู้นี้ได้ 10 แต้มในคราวเดียว นั่นหมายความว่ามันต้องสังหารภูติผีในระดับเปิดเส้นชีพจรที่ 7 ไปแล้ว 1 ตน!

ลู่สื่อเฉียว ศิษย์ใหม่ผู้นี้แข็งแกร่งพอให้สังหารผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 7 แล้วอย่างนั้นหรือ? หากเทียบกับในอดีต บางทีลู่สื่อเฉียวอาจมีพรสวรรค์มากกว่าเยี่ยนซวนหยิน

เมิ่งฉู่รู้ว่าเรื่องนี้ต้องรายงานเบื้องบน นอกจากมันจะรับหน้าที่คุ้มกันตำหนักแลกเปลี่ยนแล้ว มันยังมีหน้าที่รายงานข้อมูลของศิษย์นิกายที่มีการเพิ่มคะแนนอย่างรวดเร็ว เพราะศิษย์เช่นนั้นมีศักยภาพให้ทุ่มเทฝึกฝน

แต่ขณะที่มันลุกขึ้นจากเก้ากี้แล้วเตรียมไปรายงาน มันกลับหันมาที่โต๊ะอีกครั้งและยืงนิ่งหยุดหายใจราวกับคนตาย

มันตกใจทั้งหัวใจเต้นรัวจนราวกับจะทะลุออกมาจากหน้าอก

มันเห็นชื่อหนิงฝานที่แต้มกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

754 แต้ม!

เพียงสองชั่วยาม หนิงฝานทำแต้มได้มากถึง 754 แต้ม ผู้เยาว์ผู้นี้ทำอันใดในป่าภูติพราย?!

ปีศาจ! เมิ่งฉู่อุทานในใจ การที่แต้มเพิ่มขึ้นเร็วเช่นนี้นับว่าน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก

“หนิงฝาน...หนิงฝาน! ข้าต้องเร่งแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำนิกาย”

ด้วยที่เมิ่งฉู่เกียจคร้านและไม่สนใจสิ่งใด มันจึงไม่รู้จักหนิงฝาน และไม่รู้ที่มาของหนิงฝาน

มันรู้เพียงหนิงฝานผู้นี้คือศิษย์ใหม่ที่น่าสะพรึงกลัว และได้ทำเรื่องราวที่คาดไม่ถึงในป่าภูติพราย…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด