ตอนที่แล้วChapter 132: หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 134: ค่ำคืนที่ไม่รู้จบ (ส่วนที่ 2)

Chapter 133: ค่ำคืนที่ไม่รู้จบ (ส่วนที่ 1)


พลังโจมตีของเวทย์มนตร์ลึกลับอาจจะด้อยกว่าเวทย์มนตร์ธาตุกับเวทย์มนตร์แสงอยู่เล็กน้อย, แต่พวกมันก็ยังมีจุดเด่นที่เหนือกว่าเวทย์ชนิดอื่นในแง่มุมนึง – การกลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบของมัน

 

เมื่อ เอเลนอร์ ใช้ดวงตาแห่งวิญญาณสังเกตุผู้อยู่อาศัยในโรงแรมบลูเฮอร์มิท, ไม่มีนักเวทย์คนไหนที่นั่น, ไม่ว่าพวกเขาจะเลเวลอะไร, ที่สงสัยการล่วงล้ำของเวทย์มนตร์ของเธอเลย แต่มันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าทักษะการร่ายเวทย์ระดับสุดยอดของเธอและความชอบของเธอก็มีส่วนสำคัญในเรื่องนี้ด้วย

 

ในตอนที่เธอกำลังสอดแนมห้องของ ลิงค์ อยู่, ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือ เอเลียร์ด ก็ไม่ได้รู้สึกระแคะระคายถึงตัวตนของเธอเลยและไม่มีพวกเขาคนไหนที่มีทีท่าว่าจะตั้งท่าป้องกันอะไรเลยด้วย ในความเป็นจริง, ตอนนี้นักเวทย์หนุ่มทั้งสองกำลังสนทนากันเกี่ยวกับเรื่องการค้นพบเวทย์มนตร์ในช่วงนี้อย่างกระตือรือร้น

 

“ช่วงนี้ฉันกำลังศึกษาเวทย์นกหวีดอยู่และฉันก็มีคำถาม” เอเลียร์ด พูด “ดูที่รอยต่อของวงเวทย์นี้สิ นายคิดว่าวิธีนี้มันจะดีกว่าไหม?”

 

ม้วนกระดาษขนาดใหญ่ถูกคลี่ออกมาบนโต๊ะและเนื้อหาที่อยู่ในนั้นก็คือโครงสร้างของเวทย์มนตร์ เอเลียร์ด เอาปากกาขนนกออกมาและร่างการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยบนม้วนกระดาษ ซึ่งมันได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเวทย์มนตร์ของเวทย์นกหวีดไปเป็นอะไรบางอย่างที่แตกต่างกันอย่างสมบูรณ์

 

นักเวทย์หนุ่มทั้งสองมักจะแบ่งปันความคิดของพวกเขาให้แก่กันอยู่เสมอ ลิงค์ ไม่ได้ปกปิดเวทย์มนตร์ขั้นสุดยอดของเขาจาก เอเลียร์ด เลย, ดังนั้น เอเลียร์ด ในตอนนี้จึงสามารถเชี่ยวชาญในเวทย์นกหวีดได้ แม้ว่าความเร็วในการร่ายเวทย์ของเขาจะยังตามหลัง ลิงค์ อยู่เล็กน้อยก็ตาม เอเลียร์ด สามารถร่ายนกหวีดได้ในเวลา 0.5 วินาที, ซึ่งในความเป็นจริงมันนับว่าผิดปกติมากๆ, แต่มันก็ยังช้ากว่า ลิงค์ อยู่ 0.2 วินาทีอยู่ดี

 

ลิงค์ ตรวจสอบโครงสร้างเวทย์มนตร์ใหม่ที่ เอเลียร์ด คิดและตระหนักได้ว่าถึงแม้ความเร็วในการคิดของ เอเลียร์ด จะยังน้อยกว่าเขาอยู่เล็กน้อย, แต่หัวของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่แม้แต่เขาก็อาจจะไม่สามารถคิดได้ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ทำไม ลิงค์ ถึงมักจะรู้สึกชื่นชมข้อมูลและความคิดเห็นของ เอเลียร์ด อยู่เสมอ

 

หลังจากที่ไตร่ตรองอย่างเงียบๆเป็นเวลาสิบนาที, ลิงค์ ก็หยิบปากกาขนนกขึ้นมาและเพิ่มรูนไปที่โครงสร้างใหม่อีกสองจุด จากนั้นเขาก็พูด “นี่น่าจะสมบูรณ์นะ”

 

“ใช่, นั่นแหล่ะ!” เอเลียร์ด สังเกตุ, ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น “จริงๆแล้วนั่นคือจุดที่ฉันกำลังพยายามทำให้สำเร็จอยู่เลย! แต่ฉันยังมีคำถามบางอย่างอยู่...”

 

พวกเขาเริ่มขุดคุ้ยลึกเข้าไปในรายละเอียดยิบย่อยของโครงสร้างเวทย์นกหวีด พวกเขาพยายามอย่างสุดความสามารถและตรวจสอบลักษณะปลีกย่อยทีละส่วนและใช้ทุกวิธีที่เป็นไปได้ในการปรับแต่งก่อนที่จะปล่อยเรื่องที่เหลือไป

 

ความคิดของพวกเขาจมปรักอยู่กับการสนทนาอย่างสมบูรณ์จนพวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีดวงตากำลังสอดส่องพวกเขาอยู่ตลอดเวลา

 

เอเลนอร์ มองอย่างกระตือรือร้นด้วยความสนใจ คนทั่วไปอาจจะพบว่าบทสนทนาของเด็กหนุ่มพวกนี้ราบเรียบและน่าเบื่อ, แต่นักเวทย์อย่างเธอรู้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังพูดกันนั้นห่างไกลจากคำว่าโง่

 

ทัศนีย์ภาพที่มาจากดวงตาแห่งวิญญาณนั้นไม่ได้ชัดเจนพอที่จะทำให้เธอมองเห็นโครงสร้างที่แท้จริงที่เขียนอยู่บนม้วนกระดาษ, แต่ เอเลนอร์ ก็สามารถนึกภาพกว้างๆได้จากบทสนทนาระหว่าง ลิงค์ กับ เอเลียร์ด

 

ตอนแรกเธอฟังเด็กหนุ่มพวกนี้โดยไม่ได้มีความอยากรู้อยากเห็นจริงๆ ในความเป็นจริง, เธอมีรอยยิ้มสบายๆบนใบหน้าของเธอและคิดว่ามันน่าจะน่าเบื่อ อย่างไรก็ตาม, บทสนทนาของพวกเขาลึกซึ้งขึ้น, เธอจดจ่ออยู่กับพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆและในตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเธอก็ทุ่มไปที่พวกเขาทั้งหมด

 

มันเป็นเรื่องจริงที่พวกเขาแค่กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องเวทย์มนตร์ระดับต่ำ, แต่มันเห็นได้ชัดจากความรู้และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของพวกเขาว่าในความเป็นจริงแล้วพวกเขาเป็นนักเวทย์หนุ่มที่มีพรสวรรค์สูงมาก ประกายความคิดที่พวกเขาชักจูงจากกันและกันนั้นไม่ธรรมดาและพวกเขาก็เต็มไปด้วยจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์

 

จินตนาการอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ, เพราะยังไงซะ, ไม่ว่าใครก็สามารถฝันกลางวันได้ แต่ความประทับใจที่มากที่สุดเกี่ยวกับนักเวทย์สองคนนี้คือความสามารถของพวกเขาที่เปลี่ยนแนวคิดและความเชื่อในหัวของพวกเขาให้เป็นพลังและความแข็งแกร่งที่แท้จริงได้ในรูปแบบของการปรับแต่งเวทย์มนตร์ ขณะที่ดวงตาของพวกเขากำลังจ้องขึ้นไปที่ดวงดาว, พวกเขาก็ก้าวเท้าของพวกเขาอย่างมุ่งมั่นบนพื้นดินที่แข็งกร้าว – นี่คือความแข็งแกร่งอันน่าเกรงขามอย่างแท้จริงที่อัจฉริยะเหล่านี้ครอบครองอยู่!

 

แน่นอนว่า เอเลนอร์ เป็นจอมเวทย์, แต่ถึงแม้ว่าเธอจะจดจ่ออยู่กับการสนทนาระหว่าง เอเลียร์ด กับ ลิงค์ เธอในตอนนี้ก็ไม่รู้เลยว่าโครงสร้างของเวทย์มนตร์แปลกประหลาดที่เรียกว่านกหวีดนี้จริงๆแล้วมันมีหน้าตาเป็นยังไงกันแน่

 

แต่นั่นคือจุดที่เธอสะดุดเข้ากับข้อจำกัดของดวงตาแห่วงวิญญาณ ถ้าเธอต้องการจะเพิ่มพลังของเวทย์มนตร์เพื่อทำให้วิสัยทัศน์ของเธอในห้องของ ลิงค์ กับ เอเลียร์ด ชัดเจนขึ้น, เธอก็จะกระตุ้นความผันผวนของมานาซึ่งอาจจะไม่เป็นจุดสังเกตุเมื่อเธอใช้กับคนปกติ, แต่เธอมั่นใจว่านักเวทย์หนุ่มพวกนี้จะตรวจจับมันได้ในชั่วอึดใจและตัวตนของเธอก็จะถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน

 

สถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟช่างเป็นสถานที่ที่โดดเด่นอะไรเยี่ยงนี้! ฉันเพิ่งจะบังเอิญเจอนักเวทย์หนุ่มสองคนของพวกเขาและผลก็ออกมาว่าพวกเขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่นอย่างเหลือเชื่อ! เอเลนอร์ อดที่จะถอนหายใจออกมากับความคิดนี้ไม่ได้

 

เวลาได้ล่วงเลยผ่านไป, และสองชั่วโมงก็ผ่านไปทั้งแบบนั้น ลิงค์ กับ เอเลียร์ด ดัดแปลงเวทย์นกหวีดของพวกเขาเสร็จสมบูรณ์และตอนนี้ก็กำลังพูดคุยกันเรื่องทั่วไป พอถึงจุดนี้, เอเลนอร์ ก็หมดความสนใจในตัวพวกเขาเช่นกัน ตอนนี้เธอรู้สึกกระตือรือร้นที่จะดูว่านักเวทย์ของสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟคนอื่นเหมือนกับสองคนนี้รึเปล่า, ดังนั้นเธอจึงย้ายดวงตาสอดแนมของเธอไปที่อีกห้องนึงของโรงแรม

 

ฉันสงสัยจังว่าพวกเขาทุกคนจะน่าสนใจเหมือนกับสองคนนี้รึเปล่านะ เอเลนอร์ คิดว่ามันน่าจะเป็นเช่นนั้น

 

เธอมองเข้าไปในห้องที่มีนักเวทย์อายุ 30 ปีคนนึงอาศัยอยู่ เขาไม่ได้กำลังศึกษาตำราเวทย์มนตร์, ในความเป็นจริงแล้วเขากำลังขย่มกับโสเภณีอยู่ เอเลนอร์ ขมวดคิ้วแล้วย้ายไปอีกห้องนึง มีนักเวทย์สามคนในห้องนี้และพวกเขาก็กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอย่างมีความสุขหมกมุ่นอยู่กับเกมส์ไพ่ของ โนเอล บริดจ์ มีเหรียญทองอยู่บนโต๊ะและมวนซิการ์ในมือของพวกเขา, พร้อมกับควันหนาฟุ้งเต็มห้อง เอเลนอร์ ถอนตัวออกมาจากห้องนั้นในทันทีและสอดแนมเข้าไปในห้องอื่นอีกสองสามห้อง, แต่พวกเขาทุกคนต่างก็ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งมึนเมาหรือไม่ก็กิจกรรมเรื่อยเปื่อย มันดูราวกับว่านักเวทย์พวกนี้ได้โยนความคิดเกี่ยวกับเวทย์มนตร์ออกจากหัวของพวกเขาไปแล้วและดื่มด่ำกับชีวิตของพวกเขาในเมืองหลวง

 

ฉันเดาว่าฉันคงจะคิดผิดสินะ นักเวทย์สองคนนั้นไม่เหมือนกับนักเวทย์คนอื่นๆจากสถาบันของพวกเขา และด้วยเหตุนั้นจุดสนใจของ เอเลนอร์ จึงกลับมาที่ เอเลียร์ด กับ ลิงค์

 

นักเวทย์หนุ่มสองคนอาศัยอยู่ในห้องสูทที่มีห้องนอนสองห้องและห้องนั่งเล่นหนึ่งห้อง ในขณะนี้พวกเขาทั้งคู่กำลังอยู่ในห้องนั่งเล่น, แต่พวกเขาไม่ได้พูดคุยกันเรื่องทั่วไปอีกต่อไปแล้วและยุ่งอยู่กับการสร้างอุปกรณ์เวทย์มนตร์ชิ้นใหม่แทน จะพูดให้ถูกก็คือ, จริงแล้วมันคือนักเวทย์หนุ่มที่ถูกเรียกว่า ลิงค์ ที่กำลังยุ่งอยู่กับอุปกรณ์เวทย์มนตร์ชิ้นใหม่ของเขาขณะที่อีกคนนึงที่ถูกเรียกว่า เอเลียร์ด กำลังมองเขาอยู่ข้างๆ

 

ลิงค์ ยังคงมีสปิริตเต็มที่และไม่สามารถไปนอนได้เพราะเขาตื่นเต้นกับงานเทศกาลนักเวทย์ในวันพรุ่งนี้ เขามีวัตถุดิบเหลืออยู่บางส่วนดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะใช้พวกมันให้เกิดประโยชน์และเอาไปสร้างเครื่องประดับเวทย์มนตร์

 

ในความเป็นจริง, เขากำลังสร้างสร้อยคอโดยใช้สร้อยคอที่เขาเคยเห็นบนโลกในชีวิตก่อนของเขามาเป็นแบบขณะที่รวมเข้ากับการปรับแต่งของตัวเองบางส่วนด้วยเช่นกัน ซึ่งสร้อยคอที่ออกมานั้นได้กลายเป็นผลงานศิลปะอันประณีตเพราะมันคือการผสมกันของสองรูปแบบ – รูปแบบที่มาจากโลกเก่า และรูปแบบที่มาจากโลกนี้ แต่เพราะเวลาที่มีจำกัด, ลิงค์ จึงไม่ได้ใส่พลังเวทย์มนตร์อะไรลงบนสร้อยเลย, แม้ว่า, เขาจะสามารถใส่เวทย์บาเรียเลเวล 2 ลงไปได้ก็ตาม

 

เอเลียร์ด กำลังเฝ้ามองเขาอยู่ข้างๆด้วยความสนใจอย่างลึกซึ้ง เขาประทับใจทักษะของ ลิงค์ ในการเสริมพลังและงานฝีมือของเขา, แต่เขาสนใจในความสมบูรณ์แบบของ ลิงค์ มากกว่า ลิงค์ เป็นคนประเภทที่จะควบคุมคุณภาพของสิ่งต่างๆที่เขาสร้างอย่างเข้มงวดและจะไม่มีวันลืมความผิดพลาดที่เล็กที่สุดเลยด้วยซ้ำ ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ, อุปกรณ์เวทย์มนตร์ทั้งหมดของเขานั้นสมบูรณ์แบบจนไร้ที่ติ

 

พอสร้อยคอสร้างเสร็จ, เอเลียร์ด ก็หยิบมันขึ้นมาและตรวจสอบทุกๆส่วนของมัน มันทำมาจากทองและแกะสลักด้วยลวดลายของรูนโดยใช้มิธริล มันส่องประกายภายใต้แสงเทียน, เผยให้เห็นสีเงินเปล่งปลั่งของมิธริลจนดูเหมือนกับดวงดาวในค่ำคืนที่มืดมิด นอกจากนั้นยังมี, มีจี้คริสตัลสีน้ำเงินที่มีรูปร่างเหมือนหยดน้ำตากำลังส่องประกายจางๆขณะที่มันถูกเติมด้วยมานาด้วย

 

เอเลียร์ด หลงใหลในสร้อยคอนี้มากจนเขาไม่อยากจะวางมันลง แม้กระทั่ง เอเลนอร์ ที่กำลังสอดส่องพวกเขาอยู่และไม่ได้เห็นสร้อยคออย่างชัดเจนจริงๆก็ยังรู้สึกประทับใจอย่างมาก ตอนนี้เธออาจจะมีชีวิตอยู่มากว่าร้อยปี, แต่เธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่รักในสิ่งสวยงาม – ซึ่งหลักฐานก็มาจากการตัดสินใจของเธอที่รักษาหน้าตาของเธอเอาไว้ให้เป็นเด็กผู้หญิงอายุสิบแปดปี

 

ในความเป็นจริง, เอเลนอร์ ต้านทานความงดงามของเครื่องประดับชิ้นนี้ไม่ได้ เธออยากจะวิ่งตรงมาที่ห้องของเด็กหนุ่มพวกนี้ในทันทีเพื่อดูสร้อยคออันงดงามของ ลิงค์ ไกล้ๆ

 

ขณะเดียวกันภายในห้อง, ลิงค์ สังเกตุเห็นปฏิกิริยาของ เอเลียร์ด ในผลงานของเขาและสามารถเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

 

“มันน่าจะเป็นของขวัญที่ดีสำหรับ เอเลน่า นะ, ว่าไหม?” เขาแซว เอเลียร์ด

 

“อะไรนะ? ไม่มีทาง! อย่าไร้สาระหน่า!” ใบหน้าของ เอเลียร์ด ในตอนนี้แดงก่ำด้วยความเขินอาย เขาคิดไม่ถึงว่า ลิงค์ จะอ่านความคิดของเขาได้แม่นยำขนาดนี้

 

“หยุดตีเนียนได้แล้วหน่า, ไอเพื่อนเวร” ลิงค์ พูด “นายจะเอาสร้อยคอนี้ไปก็ได้, แต่อย่าลืมจ่ายฉันด้วยราคาสองเท่าของวัตถุดิบพวกนี้หล่ะ!”

 

“ดีล” เอเลียร์ด ชอบสร้อยคอนี้จริงๆ วัตถุดิบพวกนี้มีราคาเกือบ 200 เหรียญทอง, ซึ่งหมายความว่าเขาติดหนี้ ลิงค์ แค่ 400 เหรียญทองเท่านั้น เขารู้ถึงคุณภาพและความประณีตของสร้อยนี้ มันน่าจะสามารถขายได้ในราคาสิบเท่าของวัสดุที่ใช้ทำมันอย่างง่ายดาย, ดังนั้นมันจึงเป็นข้อตกลงที่ดีมาก

 

เอเลนอร์ รู้สึกหวั่นไหวกับฉากที่เธอเห็น เธอได้เห็นพรสวรรค์ที่น่าทึ่งของเด็กหนุ่มสองคนนี้และได้เห็นความขยันของพวกเขา, แต่ว่าความเป็นเพื่อนระหว่างสองคนนี้ทำให้เธอประทับใจมากที่สุด

 

พวกเขาทั้งคู่มีบุคลิกที่ดีและจริงใจและพวกเขาก็เชื่อใจกันมาก มีความสัมพันธ์ที่อธิบายไม่ได้ระหว่างพวกเขาซึ่งมันได้ช่วยพัฒนาและส่งเสริมกันและกัน

 

เอเลนอร์ ที่โดดเดี่ยวไม่เคยได้รับประสบการณ์ความเป็นเพื่อนที่มาพร้อมกับความเชื่อใจและความเข้าใจที่มากขนาดนี้ เธอมักจะเรียนรู้เวทย์มนตร์ด้วยตัวคนเดียวอย่างเงียบๆ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เธอเจอปัญหาในการเรียนของเธอ, เธอก็จะเตรียมพร้อมลุยและพยายามแก้ไขมันด้วยตัวเอง ทุกๆครั้งเธอจะรู้สึกเศร้าและโดดเดี่ยว, เธอค้ำจุนตัวเองและอดทนกับความโดดเดี่ยวเช่นกัน

 

เธอไม่เคยคิดว่าจะมีใครในโลกนี้ที่เธอจะสามารถแบ่งปันความคิดและความรู้สึกของเธอด้วยได้, ใครจะอ่านความคิดของเธอในตอนที่ความคิดแล่นขึ้นมาในหัวของเธอและคอยสนับสนุนทุกๆความพยายามและการกระทำของเธอกัน

 

ดวงตาแห่งวิญญาณของ เอเลนอร์ โผเข้าไปหาระหว่างเด็กหนุ่มทั้งสองและจดจ่อไปที่ ลิงค์ ในที่สุด

 

เปรียบเทียบกับนักเวทย์อีกคนนึง, เด็กหนุ่มผมดำดูไม่โดดเด่นเลย แต่, เอเลนอร์ ก็พบว่าเขาน่าหลงใหลมาก ในความเป็นจริง, เขาเป็นคนที่ควบคุมการสนทนาระหว่างทั้งสองคนนี้ มีบรรยากาศเบาบางรอบๆตัวเขาที่เก็บความแข็งแกร่ง, ความอ่อนโยน, ความจริงใจ และความฉลาด, รวมเอาไว้ในคนๆเดียว

 

มันจะเป็นยังไงกันนะถ้าได้มีเพื่อนแบบนี้? ความคิดนี้ได้กระตุ้นไฟแห่งความอิจฉาในหัวใจของ เอเลนอร์

 

หลังจากนั้นไม่นาน, ทั้งสองก็กลับไปที่ห้องนอนของพวกเขา ดวงตาของ เอเลนอร์ ตาม ลิงค์ ไปที่ห้องของเขา

 

ภาพของ ลิงค์ ที่อยู่ตัวคนเดียวในห้องได้กระตุ้นให้ เอเลนอร์ อยากไปหาเขา

 

บางทีตอนนี้ฉันน่าจะไปหาเขานะ? เธอคิด

 

หลังจากเฝ้าสังเกตุ ลิงค์ อยู่หลายชั่วโมง, เธอก็รู้สึกว่าตราบเท่าที่เธอพูดกับเขาอย่างสุภาพ, เขาก็น่าจะแสดงเวทย์มนตร์ที่เรียกว่าเวทย์นกหวีดให้เธอดู, หรือเขาอาจจะช่วยเธอสร้างเครื่องประดับเวทย์มนตร์อันใหม่ของเธอก็ได้ เขาคงจะไม่หยาบคายจนถึงกับปฏิเสธคำขอของผู้หญิงหรอก, ใช่ไหม?

 

แรงกระตุ้นรุนแรงมากจนมันบีบคั้นหัวใจของ เอเลนอร์ และทำให้เธอตกอยู่ภายใต้การควบคุมของมันอย่างสมบูณณ์ พอเธอเห็นว่า ลิงค์ หลับไปแล้ว, เอเลนอร์ ก็กัดฟันของเธอและหยุดดวงตาแห่งวิญญาณและร่ายเวทย์มนตร์ลึกลับอีกเวทย์นึง – อีกาทมิฬ

 

หมอกเมฆสีเทาเริ่มลอยขึ้นและห่อหุ้มร่างกายของเธอ เมื่อหมอกสงบลง, อีกาขนดำตัวนึงก็พาเธอไปและกระพือปีกของมัน, บินออกหน้าต่างและมุ่งหน้าไปที่ห้องนอนของ ลิงค์

 

มันคือการเคลื่อนไหวที่น่าประหลาดใจสำหรับเธอ, แต่คำคืนนี้ยาวนานและไม่รู้จบและการนอนหลับของเธอก็สั้น เธอไม่สามารถทนที่จะอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรเลยขณะที่ความอยากรู้อยากเห็นในตัวเด็กหนุ่มคนนี้คอยกวนใจเธอตลอดทั้งคืนได้

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด