ตอนที่แล้วตอนที่ 312 ใครมาก่อนมาหลัง? (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 314 ดอกไม้ไฟ (FREE)

ตอนที่ 313 บรรลุแล้ว (FREE)


แม้ ซู ฉิง จะยังหนุ่มอยู่ เขาก็แก่กว่า ฟาง เจิ้งจือ อยู่ 2-3 ปี ถึงจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับ 4 ทั้งคู่แต่ ซู ฉิง ก็ยังมีอำนาจมากกว่า

ไม่ว่ายังไง...

มันเป็นเรื่องแปลกสำหรับ ฟาง เจิ้งจือ ที่พูดแบบนี้

อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ได้ทำมัน นอกจากนี้เข้าพูดด้วยท่าทีอันปกติและนิ่งสงบ ถ้าไม่ใช่เพราะความเยาว์ของเขาล่ะก็ เจ้าหน้าที่คงคิดว่านั่นเป็นการสั่งสอนของผู้อาวุโส

ซู ฉิง พูดอะไรไม่ออก

เขาอาจมีความอดทนที่น่าทึ่ง แต่อย่างไรมันก็มีขีดจำกัด และมันกำลังจะหมดไป

ฟาง เจิ้งจือ ยังคงพูดอยากพูดมากกว่านี้เขาต้องการให้ ซู ฉิง โกรธ

อย่างไรก็ตาม ซู ฉิง ไม่ตามน้ำ เขาจึงทำอะไรต่อไม่ได้

หนานกง เฮา ไม่ได้พูดอะไรอื่น เขาวางข้อสอบลงบนมือของขุนนางหลวงและเดินจากไป

ใบเมเปิ้ลบนเสื้อของเขาถูกลมพัด และพบว่านั่นเป็นรอยคราบแดงบนเสื้อเขา

ผู้เข้าสอบต่างตกใจ  พวกเขาได้เห็นว่าคราบบนเสื้อของ หนานกง เฮา ไม่ใช่ใบเมเปิ้ล พวกเขาเห็นรอยเลือดเป็นใบเมเปิ้ลต่างหาก

หนานกง เฮา ไปทำอะไรมา?

ทำไมเสื้อผ้าของเขาถึงเปื้อนเลือด ทำไมเลือดถึงเป็นทรงใบเมเปิ้ล?

ไม่มีใครรู้

อย่างไรก็ตามจักรพรรดิไม่คิดว่ามันน่าแปลก เขามองดู หนานกง เฮา เดินออกไปและครุ่นคิด

   ...

การสอบด้านปัญญาเสร็จสิ้นแล้ว

ผลการสอบจะออก 5 วันหลังจากนี้ สถานที่ประกาศคือ "หอพิพากษา" มันคือที่จัดพิธีเปิดและงานศพ

เป็นที่ที่องค์จักรพรรดิให้ความเคารพต่อบรรพบุรุษ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่จักรพรรดิลุกจากบัลลังก์ เขาได้บอกว่าจะประกาศผลที่นี่ หลายคนต่างไม่เข้าใจเพราะที่นั่นเป็นสถานที่เฉพาะจักรพรรดิเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้

เหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นจักรพรรดิเพราะเขาเป็นคนที่ยิ่งใหญ่จริงๆ เขาเป็นบุตรแห่งสวรรค์ กระนั้นแล้วเหล่าสามัญชนไม่ควรเข้าไปที่นั่น

หนึ่งในพวกเขาเคยเป็นเจ้าหน้าของกรมพิธีการ

เขาแสดงท่าทีห่วงใยองค์จักรพรรดิ พยายามอ้างถึงประวัติศาสตร์ว่ามันขัดต่อธรรมเนียม

อย่างไรก็ตาม ...

มันไม่มีประโยชน์

จักรพรรดิตัดสินใจแล้ว ไม่มีอะไรขัดคำสั่งเขาได้

จึงไม่มีใครพูดอะไร

หอพิพากษากลายเป็นสถานที่ประกาศผลสอบระดับสภา หลาย 10 ปีที่มันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย

เป็นสถานที่ที่คนส่วนมากอยากจะเข้าไปสักครั้ง และเป็นสถานที่ได้รับการคุ้มกันหนาแน่นที่สุดด้วย

วั้นนี้แสงไฟของหอพิพากษาได้ถูกจัดขึ้น

มันผิดปกติ

ปกติจะจุดเฉพาะเปิดงานฉลองประจำปีหรือการประกาศผลระดับสภาประจำปี

อย่างไรก็แสงส่องสว่างขึ้นในคืนนี้

จักรพรรดิเองก็อยู่ในหอนั้น

ภายในหอพิพากษาจะต่างไปจากหออื่นๆ หออื่นจะเต็มไปด้วยทองคำสว่างไสว แต่หอพิพากษาเต็มไปด้วยธูปเทียน

ข้อสอบของแต่ละคนถูกวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ

จักรพรรดิควรจะต้องจัดการเรื่องประเทศ เขาไม่จำเป็นต้องดูทุกบทความ ในอดีตเขาไม่เคยนั่งดูด้วยตัวเองทั้งหมด

วิธีตรวจนั้นง่ายมาก

เขาจะรวมเจ้าหน้าที่ 8 คน และให้พวกเขาเป็นคนคัดเลือกก่อน จากนั้นเลือกบทความดีเด่นมาทั้ง 20 ฉบับ

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้จักรพรรดิไม่ได้ทำเช่นนั้น

การตัดสินทั้ง 200 บทความอาจเป็นงานที่น่าเบื่อ แต่เขาเลือกที่จะทำ

เขาตรวจมาตลอด 10 ชั่วโมงโดยไม่ลุกไปไหน

นี่มันดูผิดปกติ

ที่สำคัญเขาไม่เลือกตรวจที่หอสมุดหลวง แต่กลับเป็นหอพิพากษา

ค่ำคืนที่หนาวเหน็บ

แสงในหอพิพากษายังคงไม่ดับหาย แสงในเมืองเองก็ส่องสว่างเช่นกัน

บ้านพักของราชาต้วนก็สว่างไสว

บ้านพักองค์รัชทายาทเองก็สว่าง

อย่างไรก็ตามบ้านพักของ ปิง หยาง ไม่มีแสงใด นอกจากนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวภายในบ้าน นาง ออกไปข้างนอกกลางค่ำกลางคืนแบบนี้

นางออกไปทำอะไร?

ไม่มีใครรู้

   ...

กลุ่มเมฆปกคลุมศาลาเต๋าสวรรค์ ใครๆต่างมองดูดวงดาวที่ส่องสว่าง

หญิงสาวในชุดยาวสีชมพูกับดวงตาเป็นประกายยืนอยู่บนจุดสูงสุดของศาลาเต๋าสวรรค์

นางยืนเท้าเปล่าบนหินก้อนหนึ่ง แหงนหน้ามองดูดาวบนฟ้า

และมีสาวน้อยคนหนึ่งอยู่ด้านหลัง นางสวมชุดคลุมหนาสวมผ้าพันคอสีขาวนวล แม้อย่างนั้นนางก็ยังคงยืนกอดอกด้วยความหนาวเหน็บ

มันเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง

อย่างไรก็ตามสถานที่อย่างศาลาเต๋าสวรรค์เป็นดั่งฤดูหนาว

อย่างไรก็ตาม สาวน้อยก็ไม่ได้พูดอะไร ถ้า ฉือ กูเหยียน ไม่ได้พูดอะไร นางจะไม่พูดอะไรราวกับคนรับใช้

สุดท้าย ฉือ กูเหยียน ก็ก้มหน้าลงมา ดวงตาของนางเปล่งประกาย

เย่เอ๋อ มองไปที่ดวงตาของนางที่ระยิบระยับราวกับกลุ่มดาว นางรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ยืนเคียงข้าง ฉือ กูเหยียน ในตอนนี้

"วันนี้เป็นวันของการทดสอบระดับสภา?"่

"ใช่แล้ว เห็นคุณหนูไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องภายนอก ข้าเลยไม่ได้บอกท่าน " เย่เอ๋อ ตอบ

"อืม... หนานกง เฮา ก็เข้าร่วมงั้นหรือ?" ฉือ กูเหยียน พยักหน้าเบา ๆ

"เขาเข้าร่วม"

"เขาเข้าร่วมจริงๆ ... " ปากนางสั่นเล็กน้อยราวกับพึมพำ

"คุณหนู พวกเราต้องทำอะไรหรือไม่?"่

"ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าเป็น หนานกง เฮา ผลการทดสอบระดับสภาคงรู้กันอยู่แล้ว"

"คุณหนูคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะแพ้จริงๆหรือ?"่

"ข้าไม่คิดว่าเขาจะแพ้ แต่ข้าไม่รู้เลยว่าเขาจะชนะได้ยังไง ข้าไม่สามารถทำอะไรได้ และไม่รู้ด้วยว่าข้าทำอะไรได้ "

"ในโลกนี้มีอะไรที่คุณหนูไม่รู้ด้วยงั้นหรือ?" เย่เอ๋อ ตกใจ

"ใช่แล้ว นี่เป็นตัวอย่าง" ฉือ กูเหยียน พยักหน้าขณะที่นางมองไปทางทิศตะวันออก นั่นคือที่เมืองหลวง

เย่เอ๋อ รู้สึกทึ่งที่เห็นท่าทีของนาง

ตั้งแต่นางกลับมาที่ศาลาเต๋าสวรรค์ นางก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

นางไม่ได้ถามเรื่องการเมืองหรือเยือกเย็นเหมือนแต่ก่อน นางเอาแต่พูดเรื่องการฝึกฝนและวิชาดาบกับ เย่เอ๋อ

ตอนนี้ที่นางพูดอยู่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน

ฉือ กูเหยียน คนเดิมจะไม่พูดถึงอะไรพวกนี้ ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะยากแค่ไหนนางก็จะหาแนวทางแก้ได้เสมอ

"ยินดีด้วย กูเหยียน!" เสียงผู้อาวุโสดังจากที่ไกลๆ จากนั้นก็มีร่างคนหนึ่งปรากฎขึ้นด้านหลัง

เขาเป็นคนที่มีผมสีเงินและสวมเสื้อคลุมสีขาว อย่างไรก็ตามผิวของเขาเรียบเนียน ราวกับเป็นวัยรุ่นอายุ 20

"ยินดีที่ได้พบ ผู้คุมศาลา!"เย่เอ๋อ กล่าวทักทายเมื่อเห็นร่าง

ผู้คุมศาลาเต๋าสวรรค์คือ มู่ ฉิงเฟิง เป็นผู้ที่อยู่บนจุดสุดยอด

"อืม เจ้ามาที่นี่กับกูเหยียนทุกวัน  เจ้าไม่สวมเสื้อผ้าเพิ่มงั้นรึ ช่วงนี้ยิ่งหนาวๆอยู่ นี่คือหยกร้อนเจ้าเอาไปใช้ได้ "หยกชิ้นหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในมือของ เย่เอ๋อ

"ขอบคุณท่านผู้คุมศาลา!"เย่เอ๋อรับด้วยความยินดี

"ลุกขึ้นเถอะ" มู่ ฉิงเฟิง กล่าวพูด

"ท่าน" ฉือ กูเหยียน หันไปคำนับด้วยความนับถือ

"อืม เจ้าเข้าใจมันแล้ว ตอนนี้เจ้าเข้าถึงมันแล้ว " มู่ ฉิงเฟิง พยักหน้า

"เข้าถึง? ท่านwไม่ได้บอกข้าให้ปูพื้นฐานให้ดีและค่อยบรรลุมันในอีก 2 ปีงั้นรึ?" ฉือ กูเหยียน ดูไม่ค่อยเข้าใจ

"พื้นฐานของเจ้าแน่นแล้ว จะฝืนมันไปอีกก็ไม่มีความหมายอะไร" มู่ ฉิงเฟิง ส่ายหัว

"ข้าเข้าใจแล้ว" ฉือ กูเหยียน พยักหน้า

"ถ้าขาเดาไม่ผิด หนานกง เฮา คงถึงระดับนั้นแล้วเช่นกัน" มู่ ฉิงเฟิง พูดขณะมองไปทางเมืองหลวงเช่นกัน

"หมายความว่า หนานกง เฮา อยู่ในระดับอภินิหารแล้ว?"่

"ใช่ข้าคิดว่าคงไม่มีใครรู้เรื่องนี้แม้แต่ที่ตระกูลเขา" มู่ ฉิงเฟิง พยักหน้า

ฉือ กูเหยียน ไม่พูดอะไร ลุกขึ้นและมองไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง

...

เพจหลัก : Double gate TH

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด