ตอนที่แล้วตอนที่ 231 ไล่ฆ่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 233 เจ้าหนีพ้น ?

ตอนที่ 232 ถึงคราวของข้า


ตอนที่ 232 ถึงคราวของข้า

กลิ่นอายแห่งกระบี่ที่รุนแรงได้แพร่กระจายออกไปทุกหนทุกแห่ง ร่าง เขากุมกระบี่ในมือพุ่งไปยังด้านหน้าของหยางไค่ ร่างเงาของเขาเป็นดั่งคลื่นแสงแห่งดวงอาทิตย์ กระบี่ที่อยู่ในมือได้สร้างม่านแสงแห่งกระบี่ที่เต็มไปด้วยอำนาจพลังแห่งการฆ่า ในเวลานี้ มันได้พุ่งโจมตีไปยังเหนือศีรษะของหยางไค่ และยังได้ปิดผนึกรัศมีบริเวณกว่าหลายสิบจ้าง

ในห้วงอากาศที่ว่างเปล่าได้ก่อเกิดเสียงที่เสมือนคนผู้หนึ่งกำลังดีดพิณดังแว่วเข้ามาอย่างไม่สิ้นสุด พู่ว พู่ว !!! เสียงเฉือดเฉือนผ่านห้วงอากาศด้วยอาวุธที่แหลมคมดังขึ้น กลิ่นอายแห่งกระบี่ที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่ากำลังพุ่งตัดผ่านห้วงอากาศเข้า ในเวลาเดียวกันกลิ่นอายเหล่านี้ได้ล้อมหยางไค่เอาไว้ทุกรอบทิศทาง

ในขณะที่แสงประกายแห่งความเยือกเย็นถาโถมเข้ามา สีหน้าของหยางไค่แปรเปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึมยิ่งกว่าเวลาไหน เขาเคลื่อนไหวพลังลมปราณภายในร่างกายอย่างดุดัน ร่างกายของเขาได้แพร่กระจายความร้อนที่กดทับอย่างมหันต์ออกมา ฝ่ามือทั้งสองก่อกำเนิดลมปราณและพุ่งไปยังด้านหน้าอย่างรุนแรง

พลังลมปราณของทั้งสองปะทะซึ่งกันและกัน ปัง ปัง !! ได้เกิดเสียงระเบิดขึ้นบนกลางอากาศ ม่านแสงแห่งกระบี่นับร้อยคลื่นได้ถูกทำลายไปกว่าครึ่งในชั่วพริบตา

สีหน้าของจี่เจี่ยนซิงแปรเปลี่ยนเป็นความเยือกเย็น เขากล่าวสบทด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา : ไม่เจียมตัว !!

กระบี่ในมือกวัดแกว่งขึ้นมาอีกครั้ง กลิ่นอายแห่งกระบี่ที่ยังหลงเหลือได้รวมตัวในทิศทางแห่งหนึ่ง มันได้รวมตัวกันก่อเกิดเป็นรูปร่างของกระบี่ขนาดใหญ่ และพุ่งฟันไปยังหยางไค่ที่อยู่ตรงหน้าทันที

ม่านตาของหยางไค่หดลง เขากลางฝ่ามือ หมุนเวียนหยดน้ำพลังลมปราณหยางออกนอกร่างกายภายใต้การสั่งการจากการจิตวิญญาน ทำให้มันแปรเปลี่ยนเป็นโล่ป้องกันสีโลหิต ปกป้องการโจมตีจากจี่เจียนซิงที่กำลังโจมตีเข้ามา

ปัง !!! กลิ่นอายแห่งกระบี่ปะทะกับโล่ป้องกัน ทันใดนั้นโล่ป้องกันสีโลหิตสั่นสะเทือนและเกิดเป็นระลอกคลื่น ก่อให้เกิดเป็นรอยร้าวเส้นหนึ่ง แต่มันยังไม่แตกกระจาย แต่การโจมตีของจี่เจี่ยนชินได้มลายายไปอย่างไร้ร่องรอย

ในช่วงเวลาที่คับคัน หยางไค่เคลื่อนไหวโล่ป้องกันสีโลหิตไปยังด้านหน้าของเขา เขาก้าวออกไปและพุ่งไปยังจี่เจี่ยนซิง จี่เจี่ยนซิงสูดลมหายใจเข้าอยางแผ่วเบา เขาถอยกลับออกไปอย่างรวดเร็ว หยางไค่ไล่ตามไปอย่างกระชั้นชิด เงาร่างของทั้งสองรวดเร็วดั่งแสงแห่งสายฟ้า คนหนึ่งใช้วท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวที่น่าอัศจรรย์ คนหนึ่งใช้การเคลื่อนไหวแห่งการบ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่ง แต่ความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งสองไม่มีใครเป็นรองใคร

เงาร่างของทั้งพุ่งตัดผ่านไปมาอย่างยุ่งเหยิง กระบวนท่าที่รุนแรงของทั้งสองต่างถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง

สีหน้าของจี่เจี่ยนซิงประกายด้วยความตื่นตกใจ เขาไม่คิดว่าเจ้าเด็กคนนี้ที่ถือกำเนิดในสำนักอันดับ 2 การบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งของเขามีเพียงเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 แต่กลับมีความสามารถที่มากมาย ทำให้เขาไม่สามารถที่จะจัดการเขาได้ในเวลาแรก

จิตใจเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ ทำให้การโจมตีของเขารุนแรงยิ่งขึ้น กระบี่ของเขากวัดแกว่งป้องกันเอาตนเองเอาไว้อย่างแน่นหนา ทันใดนั้น กระบี่ที่มีความยาวประมาณ 3 ชุ่นไดพุ่งออกมาจากปลายกระบี่ที่อยู่ในมือของเขาดั่งอสรพิษที่พุ่งออกมาจากถ้ำอย่างไม่หยุด กระบวนท่าในการโจมตีเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็ว มันแปลกประหลาดจนมิอาจคาดเดาได้

ต้นไม้น้อยใหญ่ที่อยู่รอบข้างล้มลงทีละต้นทีละต้นอย่างรวดเร็ว ทุกบริเวณที่พวกเขาพุ่งผ่าน คละคลุ้งไปด้วยเศษก้อนหินดินทรายที่ลอยขึ้นมายังอากาศ การต่อสู้ของพวกเขาช่างรุนแรงและไร้ความปราณีอย่างน่าหวาดกลัว

ระยะเวลาสั้นๆ เพียง 10 ลมหายใจ พวกเขาแลกเปลี่ยนกระบวนการต่อสู้ถึง 30 กระบวนท่า ไม่มีใครยอมใครไม่มีใครเป็นรองใคร แต่ในการต่อสู้จี่เจี่ยนซิงจะเป็นผู้ได้เปรียบเป็นส่วนใหญ่ ใน 10 กระบวนท่า จะมี 8 กระบวนท่าที่เขาเป็นผู้พุ่งโจมตี

หึหึ เสียงหัวเราะที่เย็นเยือกดังขึ้น จี่เจี่ยนซิงตวัดกระบี่ฟาดฟันมันไปยังโล่ปอ้งกันสีโลหิตของหยางไค่อย่างต่อเนื่อง

ซวากก !! โล่ป้องกันสีโลหิตที่สร้างขึ้นจากหยดน้ำพลังลมปราณหยางไม่สามารถทนต่อการโจมตีที่แข็งแกร่ง ในที่สุด มันได้ถูกทำลายจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

สีหน้าของหยางไค่แปรเปลี่ยนไป เขารีบหนีออกจากรัศมีการโจมตีของจี่เจียนซิง แต่จี่เจียนซิงจะให้โอกาสเขาได้อย่างไร ?

ราวกับว่ากระบี่ของจี่เจียนซิงมีจิตวิญญาณ เมื่อมันทำลายโล่ปอ้งกัน มันได้พุ่งม้วนไปยังแขนข้างหนึ่งหยางไค่ในทันที

ซวก ซวก ซวก .......... เสื้อผ้าขาดกระจุยกระจาย ปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ

หยางไค่สบทด้วยความเกรี้ยวโกรธ พลังลมปราณปะทุอย่างดุดัน เขาใช้พลังลมปราณในการป้องกัโดยที่เขายังก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ถอยหนี หมัดที่เต็มไปด้วยความอำนาจพลังแห่งการโจมตีได้พุ่งออกไปอย่างรุนแรง ทันใดนั้นหมัดของเขาได้จุดประกายเปลวเพลิงขนาดใหญ่ มันรุนแรงและร้อนระอุจนห้วงอากาศทีว่างเปล่าบิดเบี้ยวอย่างน่าหวาดกลัว

เมื่อสัมผัสได้อำนาจพลังแห่งการฆ่าที่รุนแรงและน่าหวาดกลัว สีหน้าของจี่เจี่ยนซิงประกายด้วยความตื่นตะลึง กระบี่ได้พุ่งแทงไปยังไหล่ของหยางไค่ มันพุ่งแทงลึกเข้าไปประมาณ 3 ชุ่น ในช่วงเวลานั้น จี่เจี่ยนซิงยังได้หยิบยืมพลังปะทะต่อการโจมตีของเขา และถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

แต่ดูเหมือนว่ามันจะช้าเกินไป เพราะหมัดเปลวเพลิงผลาญอัคคีได้ระเบิดพลังที่แข็งแกร่งของมันออกมาอย่างรวดเร็ว

ปึงปึงปังปัง .........................จี่เจี่ยวซิงถอยหลังออกไปประมาณ 10 ก้าว เขาพยายามชะลอ

ละกำลังของหมัดเปลวเพลิงผลาญอัคคี และยังได้หมุนเวียนพลังลมปราณแท้จริงเพื่อทำลายพลังที่แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขา

หลังจากนั้น สีหน้าของจี่เจี่ยนซิงแปรเปลี่ยนสีขาวซีด เขาสูดลมหายใจเข้าไปยังรวดเร็ว

การทำลายพลังที่แทรกซึมของหมัดเปลวเพลิงผลาญอัคคีผ่านไปได้ด้วยดี ในเวลานี้มันได้ถูกเขาทำลายจนหมดสิ้น จึงทำให้เขาไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย

แต่ในทางกลับกัน แขนเสื้อข้างขวาของหยางไค่ถูกทำลายจนหมดสิ้น เผยให้เห็นรอยแผลเล็กจากถูกเฉือนของกระบี่จำนวนมากมาย ตั้งแต่แขนถึงไหล่ของเขาถูกย้อมด้วยโลหิตที่เปียกชุ่ม กลายเป็นภาพที่น่าสยดสยองจนน่าขนลุก

ในขณะที่จี่เจี่ยนซิงทำลายพลังแห่งหมัดอัคคีผลาญเปลวเพลิงที่แทรกซึมเข้าไป หยางไค่ได้ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา เขาขยับแขนไปมา และทำลายกลิ่นอายแห่งกระบี่ที่แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของเขาจนหมดสิ้นเช่นเดียวกัน

หึหึ........... จี่เจี่ยนซิงจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่เยือกเย็นและยังประกายด้วยความโหดเหี้ยม เขาจ้องมองหยางไค่ยังไม่วางตาย : ความแข็งแกร่งเพียงเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 แต่กลับมีความแข็งถึงขั้นนี้ !! น่าชืนชม น่าชื่นชม !!

ในขณะที่กล่าว กระบี่ของเขาได้ชี้ไปยังทิศทางของหยางไค่ : เจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนผสานลมปราณที่แข็งแกร่งที่สุดเท้าที่ข้าเคยพบเจอ พลังลมปราณของเจ้าบริสุทธ์ไม่แพ้ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนลมปราณแท้จริง แม้แต่ข้ายังข้ายังมิอาจเทียบได้ !! แต่........ชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย ยังไงก็ต่ำต้อย เคล็ดวิชาแห่งกระบี่ของสำนักกระบี่เก้าดวงดารา เต็มไปด้วยพลังความแข็งแกร่งที่ไม่สิ้นสุด ไม่ใช่คนอย่างเจ้าจะสามารถทำลายไปได้

จี่เจี่ยนซิงจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่หยิ่งยะโส สุ้มเสียงเยือกเย็น และต่ำทุ้ม : ข้าในเมื่อสักครู่ ใช้ความแข็งแกร่งออกไปเพียง 7 ส่วน หากข้าปลดปล่อยความแข็งแกร่งของข้าทั้งหมด เจ้าจะสามารถยืนหยัดจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร ?

สองมือกุมกระชับกระบี่ในมือไว้แน่น โดยอยู่ในระดับทรวงอก สีหน้าของจี่เจี่ยนซิงเคร่งขรึม พลัง

ลมปราณแท้จริงปลดปล่อยออกมา เขาได้กล่าวตะโกนด้วยเสียงที่เยือกเย็น : กระบี่กายารวมเป็นหนึ่ง

ปัง..........เสียงกระบี่ที่ก้องวังวานดังขึ้น กระบี่ที่อยู่ในมือของเขาสั่นสะท้านอย่างไม่หยุด

กลิ่นอายแห่งกระบี่ที่แหลมคมระเบิดออกมาจากร่างกายของจี่เจี่ยนซิง ในเวลานี้จี่เจียนซิงเปรียบดั่งกระบี่เล่มหนึ่งที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการฆ่า พลังลมปราณแท้จริงเคลื่อนไหวอยู่ภายนอกร่างกาย ทันใดนั้นพลังความแข็งแกร่งของเขาได้พุ่งทะยานจนถึงขีดสุด ผมที่ยาวสลวยของสยายไปยังด้านหลังราวกับมีลมวายุที่รุนแรงพัดผ่านมา กระบี่จำนวนมากมายได้ปรากฏอยู่ด้านหน้าของเขาและเคลื่อนไหวไปมาอย่างไม่หยุด

เมื่อจ้องมองออกไป ราวกับว่าจี่เจียนซิถูกปกป้องด้วยกระบี่นับหมื่นเล่ม

เคล็ดวิชาของสำนักกระบี่เก้าดวงดารา น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง

หยางไค่หรี่ตาจ้องมอง สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความโหดเหี้ยมอย่างน่าหวาดกลัว

แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจี่เจี่ยนซิงเกรี้ยวโกรธจากการถูกหยางไค่โจมตี เขาจึงต้องปลดปล่อยเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา เคล็ดวิชา กระบี่กายารวมเป็นหนึ่ง ก่อกำเนิดจากพลังลมปราณแท้จริงจนกลายเป็นกระบี่นับหมื่นเล่ม ในเวลานี้จี่เจี่ยนซิงเปรียบดั่งเม่นที่แข็งแก่ง หากหยางไค่จะใช้หมดัเปลวเพลิงผลาญอัคคีโจมตี จะเป็นเขาเองที่ได้รับบาดเจ็บ

เจ้าสามารถบีบบังคับให้ข้าใช้ กระบี่กายารวมเป็นหนึ่ง มันเพียงพอที่จะให้เจ้าภูมิต่อความสามารถของเจ้า !! จี่เจียนซิงจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่เยือกเย็น ดวงตาของเขาประกายด้วยความทระนงที่ไม่ยอมแพ้ ในขณะที่เขากล่าว เขาค่อยๆเดินเข้ามาหาหยางไค่อย่างแผ่วเบา

หยางไค่ไม่กล้าที่จะรอช้า เขาปลดปล่อยพลังความแข็งแกร่งแห่งความอดทนที่ไร้พ่ายออกมาจากกระดูกทองคำ

พลังความแข็งแกร่งแห่งเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 พุ่งทะยานขึ้นสู่เขตแดนผสานลมปราณขั้นสูงสุด

ในขณะที่พลังความแข็งแกร่งของหยางไค่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 1 หยางไค่ได้ใช้พลังความแข็งแกร่งความอดทนที่ไร้พ่าย ซึ่งทำให้ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งทะยานขึ้นสู่เขตแดนผสานลมปราณขั้นสูงสุด ในตอนนี้แม้ว่าพลังความแข็งแกร่งของเขาจะอยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 7 มันก็เป็นเช่นนั้นเหมือนเดิม

เมื่อเป็นเช่นนี้ มันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนลมปราณได้รับพลังความแข็งแกร่งที่แท้จริง พลังลมปราณภายในร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นพลังลมปราณแท้จริง สำหรับผู้ฝึกยุทธุ์ทุกคนมันเป็นเพิ่มระดับความแข็งแกร่งของตนเอง มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายที่จะให้พลังความแข็งแกร่งของตนพุ่งทะยานไปถึงจุดนั้น

เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังความแข็งแกร่งที่พุ่งทะยานอย่างฉับพลันของหยางไค่ สีหน้าของจี่เจี่ยนซิงแสดงออกด้วยความประหลาดใจ เขาเผยให้เห็นรอยยิ้มจางและกล่าวอย่างโอหัง : ไม่เลว แท้จริงแล้วเจ้าเองก็ไมได้ใช้พลังความแข็งแกร่งทั้งหมด แต่ไม่ว่าอย่างไร เจ้าในตอนนี้ก็เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนผสานลมปราณ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า.........

จะใช่คู่ต่อสู้หรือไม่ใช่คู่ต่อสู้ เดี่ยวก็รู้เอง หยางไค่หัวเราะอย่างเย็นชา ฝ่ามือของเขากางออก โล่ป้องกันสีแดงโลหิตปรากฏออกมาอีกครั้ง

สีหน้าของจี่เจี่ยนซิงแสดงออกด้วยความเยือกเย็นในทันที เมื่อสักครู่เขาเสียเปรียบต่อโล่ป้องกันนี้ เขาโจมตีเป็นเวลานานจึงสามารถทำลายมันได้ ในตอนนี้เมื่อเขาเห็นว่าหยางไค่สามารถสร้างมันออกมาได้อย่างง่ายดายอีกครั้ง ทำให้เขาเกรี้ยวโกรธอย่างสุดขีด และตะโกนคำรามด้วยเสียงที่ดุดัน : ข้าจะทำลายโล่ป้องกันสวะของเจ้า เพื่อเป็นการสั่งสอนที่เจ้าไม่รู้จักเจียมตัว !!

จี่เจียนซิงเร่งฝีเท้า ทันใดนั้นเขายกกระบี่ไว้เหนือศีรษะ กลิ่นอายแห่งกระบี่จากพลังลมปราณแท้จริงที่อยู่ภายนอกร่างกายปลดปล่อยคลื่นแห่งพลังที่แข็งแกร่งออกไปหลายครั้ง หลังจากนั้นกระบี่ของจี่เจี่ยนซิงตวัดลงมาและพุ่งโจมตีไปยังหยางไค่อย่างรุนแรง

หยางไค่เอียงตัวหลบหนีการโจมตี แต่กลิ่นอายแห่งกระบี่จากพลังลมปราณแท้จริงแตกต่างจากการโจมตีเมื่อสักครู๋ เพราะมันสามารถเคลื่อนไหวโจมตีจากการสั่งการของจี่เจี่ยนซิง

หยางไค่หลบหนีอย่างรีบเร่งกว่า 3 ครั้ง จี่เจี่ยนซิงคิดว่าเขาสามารถฆ่าคนที่อยู่ตรงหน้า เขาหัวเราะอย่างโหดเหี้ยมและเริ่มปลดปปล่อยกระบวนท่าแห่งการโจมตีที่มีพลังอำนาจที่มากมายมหาศาล และพุ่งโจมตีไปที่หยางไค่ทันที

หยางไค่ยกโล่ป้องกันสีโลหิตป้องกัน ปัง !! โล่ป้องกันสั่นสะท้านไปมา ราวกับว่ามันไม่สามารถที่จะยืนหยัดต่อไปได้ จี่เจี่ยนซินหัวเราะด้วยเสียงที่ดังนั้น กระบวนท่าแล้วท่าเล่าที่เขาปลดปล่อยออกไปโดยไร้ซึ่งความปราณี ควบคู่กับกลิ่นอายแห่งกระบี่จากพลังลมปราณแท้จริงที่แปลกประหลาด ก่อให้เกิดภาพที่หยางไค่ป้องกันการโจมตีจากโล่ป้องกันที่น่าเวทนา

ในการต่อสู้ พลังลมปราณของทั้งพุ่งพล่านออกมาและแพร่กระจายออกไปอย่างรุนแรง

การโจมตีด้วยเจตนาแห่งการฆ๋าที่แข็งแกร่งเช่นนี้ มันส่งผลกระทบต่อร่างกายของผู้ฝึกยุทธุ์ทุกคน พละกำลังทางด้านร่างกายมีขีดจำกัด ดังนั้นพลังลมปราณจะใช้ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด

สำหรับผู้ฝึกยุทธุ์ทุกคนการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงพวกเขาจะคิดคำนวนพลังลมปราณของตนเองอย่างถี่ถ้วน พวกเขาจะใช้วิธีที่ตนเองต้องสูญเสียน้อยที่สุดแต่สามารถโจมตีด้วยพลังแห่งการฆ่าที่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในจุดนี้ไม่ว่าจะเป็นหยางไค่หรือจี่เจี่ยนซิงพวกเขาไม่สามารถที่จะทำได้ ความแข็งแกร่งแห่งเขตแดนของพวกเขายังไม่ถึงขั้นนั้น พวกเขามีเพียงหนทางเดียวคือการถ่ายทอดพลังลมปราณไปยังกระบวนท่าการโจมตีของพวกเขา

ระยะเวลาสั้นๆเพียงครึ่งก้านธูป หยางไค่มิได้โจมตีออกไป เขาป้องกันการโจมตีตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ แต่กลับเป็นจี่เจี่ยนซิงที่โจมตีด้วยพลังด้วยความตื่นเต้น เขาหัวเราะอย่างไม่หยุด เขาแสดงท่าทีว่าตนเองจะสามารถเอาชนะหยางไค่ได้อย่างแน่นอน

ในขณะที่หลบซ่อนจากการโจมตี ดูเหมือนว่าการป้องกันของหยางไค่กำลังจะพังทลาย ฝ่าเท้าของเขาซวนเซไปมา ราวกับว่ากำลังจะล้มลงไปที่พื้น

เมื่อจี่เจียนซิงมองเห็นโอกาสที่หอมหวานเช่นนี้ เขาจะปล่อยโอกาสนี้ไปได้อย่างไร ? กระบี่ที่อยู่ในมือพุ่งเฉือนออกไป โดยเป้าหมายของเขาคือลำคอของหยางไค่

หยางไค่ยกโล่ป้องกันสีโลหิตด้วยความตื่นตระนหก แต่จี่เจี่ยนซิงมีการป้องกันไว้ตั้งแต่แรก กระบี่ของเขาสั่นไปมา จากการพุ่งเฉือนกลายเป็นการพุ่งแทง โล่ป้องกันของหยางไค่แปรเปลี่ยนไปตามรูปแบบการโจมตี มันได้พุ่งทะยานลงมาป้องกันหยางไค่อย่างรวดเร็ว

จี่เจี่ยนซิงหัวเราะด้วยความเยือกเย็นอย่างไม่หยุด ดวงตาของหยางไค่ประกายด้วยความสงบนิ่ง

ในขณะที่กระบี่ของจี่เจี่ยนซิงกำลังจะปะทะกับโล่ป้องกันของหยางไค่ โล่ป้องกันสีโลหิตแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน มันได้หดตัวและกลายเป็นรูปร่างของดาบสั้น 1 เล่ม

สีหน้าของจี่เจี่ยนซิงแสดงออกมาด้วยความตื่นตะลึง เขาจ้องมองดาบสั้นสีโลหิตเฉือนตัดกระบี่ของเขาด้วยความไม่เชื่อ

ฉึกก !! กระบี่ถูกตัดจนมันหักเป็น 2 ท่อน !!

ก่อนหน้านั้น ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่ม หยางไค่สามารถใช้หยดน้ำพลังลมปราณหยางทำลายสมบัติแห่งการป้องกันระดับสามัญทั่วไป ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาพุ่งทะยานขึ้นสู่เขตแดนผสานลมปราณ พลังลมปราณของเขาบริสุทธิ์ยิ่งกว่า กระบี่ที่อยู่ในมือของจี่เจี่ยนซิงเป็นเพียงอาวุธที่สร้างมาจากเหล็กกล้า มันไม่ใช่สมบัติวิเศษ แล้วมันจะสามารถทนต่อการโจมตีจากหยดน้ำพลังลมปราณหยางที่แข็งแกร่งของหยางไค่ได้อย่างไร

หยางไค่รอโอกาสนี้เป็นเวลานาน ดาบสั้นเริงร่าเคลื่อนไหวดั่งบุพผาที่พลิ้วไหว

เพล้ง เพล้ง !! กระบี่ในมือที่อยู่ในมือของจี่เจี่ยนซิงถูกตัดออกเป็นหลานท่อน หากไม่ใช่เพราะเขาถอยหนีได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่มือกุมดาบเอาไว้คงถูกตัดจนขาดอย่างแน่นอน

เจ้า.............. ดวงตาของจี่เจี่ยนซิงสั่นระรัว เขาจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่ตื่นตะลึง ก่อนหน้านี้จี่เจี่ยนซิงโจมตีหยางไค่ด้วยจิตวิญญาน เขาไม่ได้ใช้กระบี่โจมตีต่อหยางไค่โดยตรง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่ากระบี่จะถูกทำลาย แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่า โล่ป้องกันจะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นรูปร่างของดาบสั้นได้

การประมาทเพียงระยะเวลาสั้น อาวุธกลับถูกทำลายในพริบตา

เมื่อศิษย์สาวกแห่งกระบี่เก้าดวงดราไร้ซึ่งกระบี่ มันถูกตัดสินแล้วว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาต้องลดลงอย่างมาก

ตอนนี้ ถึงคราวข้าบ้าง !! หยางไค่สูดลมหายใจเข้าอย่างลึกซึ้ง ท่าทางสีหน้าที่อ่อนแอและอ่อนล้าแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน ดวงตาประกายด้วยแสงสว่างที่ล้นพ้น กลิ่นอายแห่งความกระหายการต่อสู้แพร่กระจายอย่างไม่สิ้นสุด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความดุดันจ้องมองไปที่จี่เจี่ยนซิง

จี่เจียนซิงรู้ตัวในทันที เมื่อสักครู่หยางไค่กำลังเล่นละครตบตาเขา รวมไปถึงก่อนหน้านี้ที่โล่ป้องกันสีโลหิตถูกทำลายจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ล้วนเป็นสิ่งที่ตั้งใจสร้างมันขึ้น การทำร้ายตนเอง ลดความแข็งแกร่งในการป้องกัน อดทนซ่อนเร้นเป็นเวลานาน เพียงเพราะต้องการทำลายกระบี่ของตนเอง

การวางแผนที่ลึกซึ้ง แผนการที่เฉียบคม !! จี่เจียนซิงเงยหน้าจ้องมองหยางไค่

แต่จี่เจี่ยนซิงไม่มีทางยอมแพ้ เขาโยนด้ามของกระบี่ออกไปและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หยิ่งยะโส : ไม่มีกระบี่แล้วจเป็นอย่างไร ? มันก็เหมือนเช่นเคย เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า !!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด