ตอนที่แล้วตอนที่ 206 นกกาเหว่าแห่งตระกูลหยาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 208 ตีสุนัขไม่ดูเจ้าของ

ตอนที่ 207 เจ้าจะให้ขอแลกเปลี่ยนเช่นไรกับข้า


ตอนที่ 207 เจ้าจะให้ขอแลกเปลี่ยนเช่นไรกับข้า

ในขณะที่ต่งชิงฮันกล่าว เขาจ้องมองหยางไค่ด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง ราวกับว่ากำลังเฝ้าสังเกตุปฏิกิริยาตอบสนองของเขา เผื่อว่าเขาจะได้รับข่าวคราวอะไรกลับไป

นั่นคือน้องสะใภ้ของเจ้า !! หยางไค่มิได้กล่าวคำพูดที่สับสนให้แก่เขา แต่กล่าวออกไปอย่างชัดเจน

ต่งชิงฮันอ้าปากค้างอย่างช่วยไม่ได้ เขาจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่โง่เขลา เขาไม่เชื่อว่าข่าวลือที่เขาได้ยินมาจะเป็นเรื่องจริง น้องชายบุญธรรมของเขาคนนี้ได้รับชัยชนะในการครอบครองหัวใจของสตรีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนางเซียนแห่งสำนักหลิงเซี่ยว

คนแห่งตระกูลหยาง เป็นพยัคฆ์ที่ซ่อนกรงเล็บเอาไว้อย่างน่าหวาดกลัว ไม่ควรมองข้ามพวกเขาจริงๆ

โชคดีที่เขาไม่โง่เขลาเช่นคุณชายแห่งตระกูลไป๋และหุบเขาจือเหว่ย ต่งชิงฮันหัวเราะด้วยความข่มขื่น เขาก็เป็นคุณชายแห่งตระกูลต่ง มีฐานะที่สูงส่ง และยังมีใบหน้าที่หล่อเหล่าสง่างาม อายุยังน้อย และยังมีความสามารถที่เหลือล้น ทุกสถานที่ที่เขาเดินผ่านล้วนไม่เคยขาดคำชื่นชม ไม่รู้ว่ามีสตรีที่งดงามหลงไหลในตัวเขามากแค่ไหน

แต่เพราะเมื่อเขาเริ่มสืบหาข่าวคราวของหยางไค่เขาได้รับข่าวลือระหว่างหยางไค่และซู่เหยียนว่าพวกเขาทั้งสองมีใจให้กัน ทำให้เขายิ่งระมัดระวังการกระทำของตนเอง เขาจึงไม่ได้ทำสิ่งที่โง่เขลาเช่นคุณชายแห่งตระกูลไป๋และหุบเขาจื่อเหว่ยเพื่อเอาชนะใจของซู่เหยียน

เมื่อสักครู่เขากล่าวเช่นนั้นเพราะต้องการทดสอบ แต่ไม่คิดว่าข่าวลือจะเป็นความจริง ต่งชิงฮันรู้สึกว่าตนโชคดี โชคดีที่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนาง มิเช่นนั้นน้องชายบุตรธรรมของเขาคงจะสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับเขา

หยางไค่ทราบดีว่าคุณชายจากตระกูลที่ย่ิงใหญ่มีนิสัยที่เด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงยอมรับโดยมิได้โกหก การกระทำเช่นนี้มิใช่การโอ้อวด แต่เป็นทัศนคติอย่างหนึ่งของหยางไค่

เขากล่าวบอกอย่างชัดเจนว่าซู่เหยียนเป็นสตรีของเขา !! หากใครคิดจะมายุ่งกับนางเขาจะไม่ยอมปล่อยคนผู้นั้นไปอย่างแน่นอน

เจ้าเด็กบ้าช่างมีโชควาสนาที่ดีเช่นนี้ ต่งชิงฮันหัวเราะอย่างแผ่วเบา แม้ว่าสำนักหลิงเซี่ยวจะเป็นสำนักขนาดเล็ก แต่เขาได้ยินมาว่าสตรีที่ชื่อว่าซู่เหยียนมีการบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งจนอยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 5 คุณสมบัติเช่นนี้น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง นางจึงจัดว่าเป็นอัจฉริยที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง นอกจากนั้น มีโอกาสเป็นไปได้อย่างมากว่านางจะเป็นผู้ที่ได้รับมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่

อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ หากว่านางไปเข้าร่วมกับตระกูลทั้ง 8 ที่ยิ่งใหญ่ นางจะได้รับการปฏิบัติอย่างดีราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง

ในเมื่อนางเป็นน้องสะใภ้ ดูเหมือนว่าตระกูลต่งของข้าคงไม่สามารถดึงนางให้เข้ามาอยู่ในตระกูลต่งได้ ต่งชิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่นอีกครั้ง

พวกเจ้าคงได้รับสิ่งที่ต้องการไปไม่น้อยละสิ ? หยางไค่เงยหน้าขึ้น และกล่าวถามเขาอย่างเรื่อยเปื่อย

ต่งชิงฮันพยักหน้าเล็กน้อย : ก็ได้รับบ้าง แต่ไม่ได้มากอย่างที่เจ้าคิด เจ้าก็เคยเข้าไปยังถ้ำสวรรค์ เจ้ากล่าวบอกแก่ข้าสิ ว่าภายในถ้ำสวรรค์เป็นเช่นไร ?

หยางไค่ครุ่นคิดสักครู่ เขาจึงกล่าวเกี่ยวกับสิ่งที่เขาพบเจอในถ้ำสวรรค์ให้แก่ต่งชิงฮัน แต่เขาไม่ไดกล่าวว่าใครเป็นคนที่ได้ครอบครองมรดกแห่งฟ้าสวรรค์

มันเป็นเพียงข้อมูลที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรมาก แต่ต่งชิงฮันกลับตั้งใจฟังอย่างเพลิดเพลิน

เห้อ ถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์กลับปรากฏอยู่ในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ มันน่าแปลกใจยิ่งนัก มันน่าเสียดายที่เคยดูหมิ่นสำนัก นิกายเล็กๆทั้ง 3 ทำไมมันถึงไม่ปรากฏอยู่ในพื้นดินของตระกูลต่ง ต่งชิงฮันกล่าวด้วยความเสียดาย เขาพร่ำพ้อว่าสวรรค์ไม่ยุติธรรม ผ่านไป 3 เดือนหลังจากที่ถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรคืปรากฏ สำนักและนิกายเล็กๆ ทั้ง 3 ปกปิดเรื่องราวอย่างมิดชิด จนในที่สุด เรื่องนี้จึงค่อยๆแพร่สะบัดไป เหล่าสำนักที่มีอำนาจจึงส่งคนเข้ามาเพื่อค้นหาผู้ที่ได้สืบทอดมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ แต่น่าเสียดายจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครพบเจอผู้ที่ได้รับการสืบทอดมรดกแห่งฟ้าสวรรค์ แต่พวกเขากลับได้รับสมบัติวิเศษเคล็ดวิชาและทักษะการต่อสู้ต่างๆที่จากศิษย์สาวกแห่งสำนักและนิกายทั้ง 3 ที่ออกมาจากถ้ำสวรรค์เป็นจำนวนมาก

สมบัติเหล่านั้นล้วนได้รับความเสียจนมิอาจใช้การได้อีกต่อไป แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็คือสมบัติล้ำค่าที่สืบทอดมานานนับพันปี การเอากลับไปเพื่อค้นหาข้อมูลของมันก็มิได้เสียหายอะไร

นอกจากนั้นสมบัติเหล่านั้นยังอยู่ในระดับสูง อย่างน้อยที่สุด มันก็อยู่ในขั้นปฐพี หรือแม้กระทั่งทักษะการต่อสู้ในขั้นฟ้าสวรรค์

อาจจะกล่าวได้ว่าการปรากฏของถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ทำให้สำนักหลิงเซี่ยว นิกายโลหิต และหอวายุพิรุณกลายเป็นผู้มั่นคั่งในทันที สำนักที่ย่ิงใหญ่ที่เดินทางมาถึง ต่างเสนอข้อแลกเปลี่ยนที่มากมายมหาศาลให้แก่พวกเขา ทำให้พวกเขาทุกคนต่างได้เงินทองมากมาย

แต่สิ่งที่น่าเสียใจคือ มีศิษย์สาวกบางคนที่ถูกล่อลวงโดยข้อเสนอที่เย้ายวน ทำให้พวกเขาละทิ้งสำนักของตนเอง และเข้าร่วมกับสำนักที่มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ สำนักหลิงเซี่ยวก็ประสบกับปัญหาเช่นนี้

ผู้อาวุโสทั้ง 5 ไร้ซึ่งหนทางที่จะหยุดยั้งพวกเขา เพราะสำนักที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นล้วนมีอำนาจที่แข็งแกร่ง มีสิ่งต่างที่เพรียบพร้อม การที่พวกเขารับศิษย์สาวกของพวกเขาไป พวกเขาจะห้ามปรามได้อย่างไร ? เหว่ยซิต่งและซู่ซวนหวู่ทำได้เพียงปล่อยเรื่องราวเหล่านั้นผ่านไปโดยแสร้งว่าไม่รับรู้ พวกเขาเฝ้าภาวนาให้สำนักที่ยิ่งใหญ่และคุณชาย ยอดฝีมือเหล่านั้นกลับไปให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นสำนักหลิงเซี่ยวคงจะถูกทิ้งร้างไปอย่างแน่นอน

ในขณะที่พี่น้องบุตรธรรมทั้งสองกำลังกล่าวสนทนา ได้มีเสียงของผู้พิทักษ์เมฆาคู่ดังขึ้น : นายน้อย คุณชายหยาง คนของตระกูลไป๋และหุบเขาจื่อเหว่ยกำลังมา

หยางไค่และต่งชิงอันหัวเราะเบาๆ : พวกเขามาได้เร็วมาก พวกเขาคงมาเพราะเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ที่เจ้าได้รับในถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์

หยางไค่พยักหน้าอย่างเงียบๆ ก่อนหน้านั้นเม้งวู่หยาเคยกล่าวบอกแก่เขา ว่าตราผนึกดวงดาราที่เขาสำแดงอำนาจของมันออกมาในถ้ำสวรรค์ได้รับความสนใจจากนายน้อยตระกูลไป๋และหุบเขาจือเหว่ยอย่างมาก เพราะมันเป็นเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ที่สามารถโจมตีสัตว์อสูรขั้นที่ 6 เคล็ดวิชานี้ต้องแข็งแกร่งอย่างมาก การที่ตระกูลไป๋และหุบเขาจื่อเหว่ยมาถึงสถานที่แห่งนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขามาที่นี้เพราะเคล็ดวิชาผนึกดวงดาราของหยางไค่

เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป? ต่งชิงฮันกล่าวถามหยางไค่ นายน้อยทั้งสองใช้เวลาในการยุ่งย่ามต่อน้องสะใภ้ของเขาตลอดเวลา หยางไค่คงอดทนต่อความโกรธเคืองอย่างมาก หลังจากนี้หยางไค่ต้องจัดการพวกเขาให้สาสมอย่างแน่นอน

หากว่าหยางไค่เปิดตัวตนที่แท้จริงของเขา คนแห่งตระกูลไป๋และหุบเขาจือเหว่ายคงไม่กล้าล่วงเกินเขา แต่พวกเขาจะทำการขอโทษมากกว่า จากนั้นจึงกระจายตัวกลับไป แต่ปัญหาคือหยางไค่มิอาจที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา ต่งชิงฮันอยากรู้อย่างยิ่งว่าน้องบุตรธรรมของเขาจะจัดการปัญตรงหน้าด้วยวิธีการใด ทำให้ใบหน้าที่อวบอั๋นของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ร่าเริง

ต้องดูการกระทำของพวกเขา หยางไค่กล่าวด้วยสีหน้าที่ไม่แยแส หากการกระทำของพวกเขาดี ข้าจะเจรจาพูดคุยกันได้

แม้ว่าเคล็ดวิชาแห่งตรผนึกดวงดราจะสามารถแสดงอานุภาคความแข็งแกร่งของมันอย่างยิ่งใหญ่เมื่ออยู่กับเขา แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่ออยู่ในมือของผู้อื่น มันจะสามารถแสดงอานุภาคพลังของมัน การขายมันออกไปก็มิใช่เรื่องที่หนักหนาสาหัส

หากการกระทำของพวกเขาไม่ประสงค์ดีล่ะ ? ต่งชิงฮันหรี่ตาและกล่าวถาม

หยางไค่จ้องมองต่งชิงฮันและแสะยิ้มอย่างเย็นชาให้แก่เขา

ต่งชิงฮันหัวเราะออกมา เขากำลังตั้งสติของตนเอง และแสดงสีหน้าอย่างมีความสุขว่าจะได้เห็นการแสดงที่น่าสนุก

เขาคาดหวังว่านายน้อยที่โง่เขลาของตระกูลไป๋และหุบเขาจือเหว่ยจะมีการกระทำและเจตนาที่ดี มิฉะนั้นมันอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เป็นได้

หลังจากนั้นไม่นาน ด้านนอกมีเสียงหัวเราะที่เริงร่าดังขึ้น ด้านนอกประตูกระท่อมมีบุรุษหนุ่มที่มีอายุไม่ห่างจากต่งชิงปรากฏตัวขึ้น คนหนึ่งมีสวมเสื้อคลุมสีขาวดุจหิมะ อีกคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีม่วงที่โอ่อ่า

ทั้งสองเป็นบุรุษหนุ่มที่หล่อเหล่าและโดดเด่น บุรุษที่สวมใส่เสื้อคลุมสีขาว คือนายน้อยแห่งตระกุลไป๋ ไป๋หยุนฟง บุรุษหนุ่มที่ใส่เสื้อคลุมสีม่วงคือนายน้อยแห่งหุบเขาจือเหว่ย ฟางหง

ด้านหลังของพวกเขายังติดตามด้วยศิษย์สาวกแห่งสำนักหลิงเซี่ยว 2 คน หนึ่งในนั้นหยางไค่ค่อนข้างคุ้นเคย แต่กลับนึกชื่อของเขาไม่ออก อีกคนหนึ่งคือศิษย์ผู้ควบคุมหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ เฉาเจิ้งเหวิน

หยางไค่และเฉาเจิ้งเหวินเคยเผชิญหน้ากับถึง 2 ครั้ง ก่อนที่หยางไค่จะออกจากสำนักหลิงเซี่ยว บุรุษหนุ่มผู้นี้ยังเคยมอบได้มอบจดหมายถ่ายทอดคำสั่งจากผู้อาวุโส แต่กลับถูกหยางไค่ปฏิเสธ ทำให้เขาเสียหน้า หลังจากนั้นเขาจึงถูกลงโทษจากผู้อาวุโสที่ 1 จึงทำให้เกลียดชังหยางไค่อย่างยิ่ง

ศิษย์ทั้ง 2 แห่งสำนักหลิงเซี่ยวเคยเข้าไปในถ้ำสวรรค์ ในตอนนี้พวกเขากำลังติดตามไป๋หยุนฟงและฟางหง โดยไม่ห่าง ซึ่งแสดงให้เห็นเจตนาของพวกเขาอย่างชัดเจน นั่นหมายความว่าพวกเขาทั้งสองได้เข้าร่วมกับไป๋หยุนฟงและฟางหง ในตอนนี้พวกเขามิใช่ศิษย์ของสำนักหลิงเซี่ยวอีกต่อไป แต่เป็นศิษย์สาวกของตระกูลไป๋และหุบเขาจือเหว่ย

ศิษย์พี่ต่งช่างเก่งกล้า ท่านแอบมาดื่มเหล่าอยู่ที่นี้ โดยไม่ชวนข้าและศิษย์พี่ฟาง มันน่าแปลกอย่างยิ่ง ไป๋หยุนฟงหัวเราะอย่างเสียงดัง ในขณะที่เขาหัวเราะเขาเหลือมอบหยางไค่ เขาได้สะบัดพัดของเขาออกมาโดยแสดงกิริยาที่หยิ่งยะโส

ฟางหงกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : ศิษย์พี่ต่งไม่หลงไหลในสิ่งที่งดงาม ทำให้ข้าและศิษย์พี่ไป๋เลื่อมใส่อย่างยิ่ง แต่น่าเสียดายที่ข้าและศิษย์น้องไป๋ไปรออยู่ในหอเล็กเกือบครึ่งเดือน ก็ยังไม่เคยพบเจอนางเซียนเลยสักครั้ง เราน่าจะมาดื่มกินในสถานที่แห่งนี้เฉกเช่นศิษย์พี่ต่งดีกว่า

มุมปากของหยางไค่แสะยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น หอเล็กๆที่พวกเขากล่าวถึง คงหมายถึงจวนที่อยู่อาศัยของซู่เหยียน

ต่งชิงฮันยิ้มอย่างแผ่วเบา เขายกมือเชื้อเชิญให้ทั้งสองนั่งลง หรี่ตาให้แก่หยางไค่และกล่าว : ก่อนหน้านั้นท่านพ่อได้ได้จัดงานแต่งให้แก่ข้า ดังนั้นข้าจึงไม่กล้าไล่ตามสตรีอีก ข้าไม่ได้มีชีวิตที่อิสระเฉกเช่นศิษย์พี่และศิษย์น้องทั้ง 2

ไป๋ฟงหยุนและฟางหงนั่งลง ในขณะที่เฉาเจิ้งเหวินและศิษย์แห่งสำนักหลิงเซี่ยวคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังของพวกเขา

ไป๋ฟงหยุนกล่าว : ข้าได้ยินมาว่าศิษย์พี่ต่งได้รับสตรีนางหนึ่งเข้าสู่ตระกูลของท่าน ไม่ทราบว่าศิษย์พี่ต่งจะทำอย่างไรกับสตรีนางนี้ ศิษย์พี่ต่งจะเก็บซ่อนนางเอาไว้ หรือรับนางเป็นภรรยาน้อย ?

ต่งชิงฮันหัวเราะและส่ายหัวไปมา : เหตุใดศิษย์น้องไป๋จึงต้องกล่าวเรื่องที่น่าตลกเช่นนี้ มันเป็นความจริงที่ข้ารับศิษย์สตรีนางหนึ่ง แต่ข้าทำไปเพื่อตระกูลของข้า สตรีนางนั้นได้เข้าไปในถ้ำสวรรค์ นางได้รับโชคชะตาที่ไม่เลว คุณสมบัติก็ใช้ได้ เพียงแค่มีปัจจัยที่เพียงพอสนับสนุนการบ่มเพาะความสามารถของนาง ในวันข้างหน้านางจะมีการเติบโตและก้าวหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง

ไป๋ฟงหยุนหัวเราะเสียงดัง เขาไม่ได้กล่าวถามอีก แต่เขาหันหน้ามองหยางไค่ ดวงตาที่จ้องมองหยางไค่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ความดูหมิ่น และความเย่อหยิ่งทะนงตน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เฉยชา : คนคนนี้ต้องเป็นศิษย์แห่งสำนักหลิงเซี่ยวที่ชื่อว่าหยางไค่ ? ไม่ทราบว่าศิษย์พี่ต่งได้เจรจากับเขาถึงขั้นไหน

คำกล่าวทีไป๋ฟงหยุนกล่าวออกมา แม้จะกล่าวต่อหน้าหยางไค่และกล่าวถึงหยางไค่ แต่เขาไม่ได้เห็นหยางไค่อยู่ในสายตา มันเป็นการกล่าวถามต่งชิงฮันเท่านั้น

เรากำลังเจรา !! ต่งชิงฮันพยักหน้าเล็กน้อย : ยังไม่รู้ผลเจรจา แต่พวกท่านทั้งสองได้มาเสียก่อน

สายตาของไป๋ฟงหยุนและฟางหงเป็นประกาย : ดูเหมือนว่าข้าและศิษย์พี่ฟางยังมีโอกาส

ฟางห่งกล่าวตรงไปตรงมาต่อหน้าหยางไค่ : ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้รับเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ที่มีพลังอำนาจมากมายในถ้ำสวรรค์แห่งมรดกฟ้าสวรรค์ มันเป็นความจริงใช่ไหม ?

หยางไค่กล่าวด้วยรอยยิ้ม : ใช่ !

ฟางหงอึ้งไปชั่วขณะ เขารีบกล่าวตอบ : ข้าจะกล่าวโดยไม่อ้อมค้อม ข้าสนใจเคล็ดวิชาที่เจ้าได้รับอย่างมาก ไม่ทราบว่าเจ้าต้องการข้อแลกเปลี่ยนเช่นไรเจ้าจึงจะยอมมอบเคล็ดวิชานั้นให่แก่ข้า ?

เจ้าสามารถให้ข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อข้าเช่นไร ? หยางไค่กล่าวถาม

ฟางหงหัวเราะเสียงดัง เขายื่นมือเข้าไปในทรวงอกของเขา ก่อนจะดึงเงินจำนวนหนึ่งออกมาให้เขาและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา : นี้คือเงิน 100,000 ตำลึง หากเจ้าเขียนวิธีการฝึกฝนเคล็ดวิชานั้นให้แก่ข้า เงินทั้งหมดนี้จะเป็นของเจ้า

ในขณะที่ฟางหงกล่าวคำเหล่านี้ออกไป สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาแสดงสีหน้าว่าจะเป็นผู้ชนะ เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าเงินจำนวน 100,000 ตำลึงจะทำสามารถดึงดูดความโลภของศิษย์ในสำนักเล็กๆเช่นนี้

ในความเป็นจริง เมื่อเงินจำนวน 100,000 ตำลึงวางอยู่บนโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นเฉาเจิ้งเหวินหรือศิษย์อีกคนหนึ่งของสำนักหลิงเซี่ยว ต่างถูกเงินเหล่านั้นดึงดูดอย่างยิ่ง พวกเขาจ้องมองเงินที่อยู่บนโต๊ะด้วยดวงตาที่ร้อนเป็นไฟ ราวกับว่าพวกเขาอยาได้มันจนตัวสั่น

หยางไค่ส่ายหัวไปมาอย่างช้าๆ

สีหน้าการแสดงออกของฟางหงเปลี่ยนไป เขาดึงเงินออกมาเป็นจำนวนหนึ่งและผลักไปยังด้านหน้าของหยางไค่

หยางไค่ยังคงไม่ไหวติงเช่นเดิม

ไป๋ฟงหยุนหัวเราะเสียงดัง : ศิษย์พี่ฟาง ข้อเสนอของท่านเล็กน้อยเกินไป หยางไค่ มานี้ ข้าจะมองเงินทั้งหมด 200,000 ตำลึงเพื่อแลกกับเคล็ดวิชาของเจ้า เป็นอย่างไร ? เงินจำนวนมากมายเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถหามาได้ในชั่วชีวิตของเจ้า มันเพียงพอที่จะให้เจ้าใช้ไปตลอดชีวิต และยังสามารถใช้เลี้ยงดูภรรยา ลูกหลานของเจ้าถึงหลายชั่วโครต มันทำให้เจ้าได้เพลิดเพลินกับความร่ำรวยอย่างไม่สิ้นสุด

ไป๋ฟงหยุนยื่นข้อเสนอที่มากกว่าฟางหง ทำให้ฟางหงจ้องมองเขาด้วยความโกรธ แต่ไป๋ฟงหยุนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาจ้องมองหยางไค่ด้วยรอยยิ้มที่เป็นผู้ชนะ

ต่งชิงฮันหัวเราะอย่างเสียงดัง โดยมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่ภายใน

คิดจะใช้เงิน 200,000 ตำลึงมาหลอกล่อทายาทผู้สืบเชื้อสายโดยตรงของตระกูลหยาง เจ้า 2 คนนี้ช่างโง่เง่าเต่าตุ่น ต่งชิงฮันอยากจะหัวเราะออกมาอย่างเสียงดังอีกสัก 2-3 ครั้ง แต่เขาต้องอดทนฝืนกลั้นมันเอาไว้ จนหัวไหล่ของเขาสั่นไหวไปมาอย่างไม่หยุด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด