ตอนที่แล้วThe Dark King – Chapter 41 ทางเดิน [อ่านฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปThe Dark King – Chapter 43 มอนสเตอร์ [อ่านฟรี]

The Dark King – Chapter 42 เขต 8 [อ่านฟรี]


The Dark King – Chapter 42 เขต 8

 

“ฉันชื่อสก๊อต นี่คือคู่หูของฉันมีอา” หลังจาดปีเตอร์เดินจากไป ชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบสีดำชี้ไปที่หญิงสาวรูปร่างผอมสูงที่ยืนอยู่ข้างๆเขา “ฉันจะเป็นหัวหน้าทีมของหน่วยสำรวจในอีกสิบวันข้างหน้านี้ จะเป็นการดีที่สุดถ้าพวกเธอฟังคำสั่งของฉัน ไม่งั้นอาจจะมีผลกระทบและบทลงโทษใหญ่เมื่อพวกเรากลับมารวมตัวกัน”

 

เมสัน แซค และเด็กผู้ชายอีกหลายๆคนให้คำมั่นสัญญาว่าจะเชื่อฟังหัวหน้าหลังจากที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับบทลงโทษ

 

สก๊อตพูดกับฟู่เทียนว่า “เด็กน้อยนายชื่ออะไร?”

 

“เทียน” ฟู่เทียนตอบ

 

“เธอดูเหมือนจะมีความสามารถนะ” สก๊อตพูดพร้อมพยักหน้าเล็กน้อย

“แต่อย่าหลงภูมิใจมากจนเกินไปจนทำให้ตัวเองตาบอด ความตายอาจจะรออยู่ทุกซอกทุกมุม อยู่ข้างหลังฉันตลอดเวลาฉันจะบอกนายเองว่าควรระวังอะไร”

 

“เขาจะสอนสิ่งต่างๆกับฉัน?” ฟู่เทียนคิด เขาพยักหน้าเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจ

ทุกคนได้ยินบทสนทนาของพวกเขาเนื่องจากเสียงที่ดังมากซึ่งเกิดจากการสะท้อนไปรอบๆ

 

ส่วนใหญ่ทุกคนล้วนอิจฉาในใจ แต่ก็หลีกเลี่ยงที่จะพูดออกไป

 

“ฟู่เทียนเป็นคนที่มีผลการเรียนดีที่สุด นอกจากนี้เขายังได้รับพรสองประการ” ไม่มีใครสามารถทำให้ตำแหน่งของฟู่เทียนสั่นคลอนได้ นอกจากนี้ทั้งสามคนที่อยู่ห้องนอนเดียวกับเขาก็สนับสนุนเขาด้วย ฟู่เทียน เมสัน แซค และแชม

 

“เอาหล่ะ นี่เป็นส่วนแบ่งอาหารแห้งและน้ำของพวกเธอสำหรับสิบวัน” ครั้งนี้เราเตรียมสิ่งเหล่านี้มาให้แต่ว่าคราวหน้าพวกคุณต้องไปรับมาเองจากสำนักงานใหญ่” สก๊อตชี้ไปยังบริเวณที่มีกระเป๋าสะพายหลังสีดำตั้งเรียงรายอยู่มากมาย

 

ฟู่เทียนมองไปที่กระเป๋าเป้สะพายหลังสำหรับนักท่องเที่ยวสีดำ เขายกมันขึ้นและผูกเชือก กระเป๋าเป้เต็มไปด้วยก้อนโคลน

เขาเคยเห็นพวกมันในบ้านของครอบครัวจูร่า พวกมันคือก้อนมันฝรั่งบด รสชาติไม่อร่อยแต่งายต่อการกิน … จริงๆแล้วถ้าได้กินมันเข้าไป จะไม่มีความรู้สึกอยากจะกินมันอีกเป็นครั้งที่สอง…

 

เมสัน แซค และแชม ตามหลังฟู่เทียนไปเพื่อเลือกเป้สะพายหลัง พวกเขาเลือกกระเป๋าเป้ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย

 

สก๊อตเห็นวิธีการเลือกของพวกเขาและยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องเลือกจากรูปร่างของพวกมัน พวกมันมีน้ำหนักที่เท่ากัน ของพวกนี้มาจากสำนักงานใหญ่และพวกเขาไม่เคยทำพลาดในส่วนที่พวกเขารับผิดชอบ”

 

เมสัน แซค และแชม หัวเราะอย่างเขินอาย

 

“ของพวกนี้คืออะไร?” สก๊อตสังเกตเห็นท่อดินปืนที่เอวของ      ฟู่เทียน

“สิ่งของเล็กๆน้อยๆอย่าได้ใส่ใจเลย” ฟู่เทียนกล่าว

 

สก๊อตพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก เขามองไปยัง 20 สมาคมหน่วยค้นหาและพูดว่า “เตรียมพร้อมสำหรับเดินทาง”

 

สมาชิกของสมาคมหน่วยค้นหาล้วนเป็นผู้ใหญ่ บางคนมีอายุมากกว่าสก๊อต แต่เมื่อสก๊อตเรียกชุมนุมทั้งหมดก็จะรวมเป็นหนึ่ง

พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากสมาคมดังนั้นพวกเขาจึงมีอุปกรณ์และอาวุธที่กลุ่มของฟู่เทียนมี

 

“หัวหน้าสก๊อต วันนี้พวกเราจะไปที่ไหนกัน หา?” ชายหนุ่มร่างผอมถาม

 

“เขต 8” สก๊อตหันไปทางมีอาและพูดว่า “พวกเราควรจะเริ่มโดยเร็วที่สุดใช่ไหม”

 

มีอาพยักหน้าเล็กน้อย

 

สก๊อตเริ่มออกเดินไปข้างหน้าขณะที่ฟู่เทียนกำลังเดินตามเขาไป “สถานที่ที่เราจะไปได้รับการกวาดล้างสิ่งที่เป็นอันตรายไปหมดแล้ว ดังนั้นนายไม่ต้องกังวลอะไรเลยพยายามรักษากำลังเอาไว้”

 

ได้ยินเช่นนี้ฟู่เทียนและคนอื่นๆก็รู้สึกโล่งใจ และพวกเขาก็เริ่มมองไปรอบๆ

 

มันเป็นดินแดนที่แห้งแล้ง ก่อนหน้านี้ฟู่เทียนตั้งข้อสังเกตว่าที่มอสปกคลุมด้านหลังกำแพงยักษ์เป็นเพราะมันอยู่ตรงข้ามกับภูมิประเทศทะเลทรายในอีกด้านหนึ่ง

“นอกกำแพงยักษ์แตกต่างโดยสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับจินตนาการของฉัน  ฉันคิดว่าจะมีทะเลทรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง” เมสันพูดออกมา

 

แซคยิ้มและกล่าวว่า “อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำ”

 

สก๊อตได้ยินคำพูดของแซค เขาจึงหันกลับไปและพูดว่า “มีบ่อน้ำอยู่บนพื้นดินนายไม่จำเป็นต้องขุดหลุม แค่ถ้าจะขุดหลุมฉันกลัวว่ามันจะไม่สามารถดื่มได้”

 

“เอ๋?” แซคตะลึง

 

ฟู่เทียนอธิบายให้เขาฟังว่า “ระดับรังสีที่อยู่ข้างนอกสูงเกินไป”

เราไม่สามารถดื่มน้ำได้แม้ว่าจะถูกกรองผ่านดินแล้วก็ตาม ถ้าต้องการที่จะดื่มอย่างน้อยจะต้องขุดลึกหลายสิบเมตร ถึงจะเพียงพอต่อความปลอดภัยสำหรับร่างกายมนุษย์ ตอนนี้เรามีกำลังพอที่จะเจาะลึกได้โดยไม่ต้องกังวลกับความเหนื่อยล้า ดังนั้นอย่าเหมารวมกับสภาพแวดล้อมนี้กับการฝึกอบรมที่ผ่านมา

 

แซคได้ยินคำพูดของฟู่เทียนเขารู้สึกงงงวย

 

สก๊อตมองย้อนไปที่ฟู่เทียน เขาไม่ได้พูดอะไรและยังคงเดินนำหน้าต่อไป เป็นระยะทางไม่ถึง 10 ไมล์เมื่อพวกเขามาถึงสถานที่ที่มีพืชเหี่ยวเฉา

 

ฟู่เทียนงงงวยในขณะที่เขาเห็นซากปรักหักพัง

 

นี่… … เป็นเมืองที่พังทลาย?

มีถนนยางมะตอยที่มีรอยร้าวอยู่ข้างหน้าเขา มีมอสและพืชพันธุ์เขียวขจีปกคลุมริมถนนและออกมาจากรอยร้าว ผนังคอนกรีตที่ร้าวและทรุดโทรม เมื่อออกมาจากตัวอาคารจะสังเกตเห็นได้ ดูเหมือนว่าพวกมันจะเป็นเศษซากของร้านค้าสองถึงสามชั้น   เถาวัลและตะไคร่น้ำปกคลุมมันทั้งหมด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพวกมันถูกทับถมและถูกฝังไว้ใต้พืชพันธุ์ที่หนาแน่น

 

มีเสื้อผ้าที่ขาดรุ่ยกระจัดกระจายอยู่เต็มท้องถนนที่อ้างว้างนี้

เห็นได้ชัดว่าในช่วงเวลาสามร้อยปี มีฝนตกและฝุ่นปกคลุมพวกมัน พวกเขาหันไปยังวัตถุที่มีสีดำรูปร่างแข็งเหมือนหิน มีเพียงโครงสร้างของมันที่เหลืออยู่รูปร่างของมันสูญเสียไปหมดแล้ว

 

ฟู่เทียนตกใจมาก

 

นี่ … … คือเมืองที่ถูกทำลายทั้งหมด!

 

นี่เป็นผลมาจากการระบาดของภัยพิบัติที่โลกเผชิญเมื่อ 300 ปีก่อน?

 

เมื่อมนุษย์ชาติกำลังเจริญรุ่งเรื่องอารยธรรมได้แผ่ขยายไปทั่วโลก … … เหลือเพียงเปลือกนอกของอายธรรมดั้งเดิมที่ถูกทิ้งเอาไว้

 

เขารู้สึกเจ็บที่อก ลมหายใจแผ่วเบา ดวงตาของเขาเศร้าหมอง

 

“เทียน เทียน?” เมสันเห็นฟู่เทียนหยุดนิ่ง เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ ทำได้เพียงตบไหล่เพื่อปลอบใจ

ฟู่เทียนตั้งสติได้และเห็นสก๊อตกับมีอาเดินตรงไปตามถนนแล้ว

 

เขาเร่งฝีเท้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อตามไปให้ทัน เมื่อฝ่าเท้าสัมผัสกับพืชที่ปกคลุมบนถนนยางมะตอย ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นในหัวใจของฟู่เทียน เขาคิดถึงพ่อแม่และน้องสาวของเขา เหมือนมีเปลวไฟ การระเบิดสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีตผ่านเข้ามาในมโนภาพของเขาที่ละนิด ฟู่เทียนรู้สึกเสียใจที่ทุกคนเสียชีวิต พวกเขาไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้ นี่เป็นเรื่องจริงเช่นเดียวกับซากปรักหักพังที่เขาเห็น

 

“นี่คือพื้นที่เขต 8 มันได้รับการกวาดล้างทั่วทั้งพื้นที่แล้ว”

สก๊อตเห็นคนที่อยู่ข้างหลังเขาเดินตามไม่ทันเขาจึงตะโกนบอกว่า “เร่งฝีเท้าขึ้นหน่อยเวลามีไม่มาก … เราไม่ควรมาเสีบเวลาที่นี่”

 

ฟู่เทียนพยักหน้าตอบ

 

บนถนนที่กำลังเดินอยู่ ฟู่เทียนเห็นว่าถนนถูกเก็บกวาดไว้สะอาดมาก โดยทั่วไปนอกเหนือจากผนังคอนกรีตไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกเลย ถนนที่กว้างขวางถ้าเป็นเมื่อก่อนจะต้องมีรถเต็มท้องถนน แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือเลย เหมือนที่สก๊อตพูดทุกสิ่งทุกอย่างถูกนำกลับไปใช้

 

แต่ถ้าเทคโนโลยีของคนรุ่นก่อนถูกหยิบมาใช้ แล้วทำไมเทคโนโลยีของกำแพงยักษ์ถดถอยไป?

 

เขาเดินตามหลังสก๊อตและมีอาไป ฟู่เทียนรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นเสมือนกับวิญญาณที่มองดูโลกที่คุ้นเคยแต่บัดนี้มันช่างเงียบสงัดเหลือเกิน

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด