DND.106 - เพลิงเยือกแข็ง
“เจ้าคนเสียสติ!”
อู๋ผางหยุนพูดอย่างเย็นชา
แม้จะรู้ว่ากลุ่มโจรสลัดหมาป่าสมุทรนั้นน่ากลัว ซือหยูก็ยังเลือกที่จะต่อสู้! นอกจากคนสิ้นสติแล้วใครจะทำเช่นนั้น!
แต่ลึกในใจ อู๋ผางหยุนนั้นทั้งโกรธเกรี้ยวและละอายใจ ความไม่กลัวของซือหยูนั้นทำให้เขากลายเป็นคนขี้ขลาด!
หลิวกวงกัดฟันและจ้องซือหยู เขามองซือหยูอย่างอุจาดตา!
นี่เป็นครั้งแรกที่องค์หญิงหยุนหยานหวั่นไหว นางไม่เข้าใจว่าอะไรที่ซือหยูให้ความสำคัญนักจนต้องทิ้งชีวิตโดยไม่ลังเลใจเช่นนี้
แต่ผู้นำตระกูลลี่นั้นรู้ความตั้งใจของซือหยูดี เขาตัวสั่น ดวงตาแก่เฒ่าของเขามีน้ำตาไหลล้น
“ลี่กวง! มีศิษย์เช่นนี้แล้ว...เจ้าจะต้องการสิ่งใดอีก?”
เพื่อตอบแทนน้ำใจ เพื่อสังหารศัตรูด้วยมือตัวเอง เพื่อรักษาสัญญา ซือหยูจะทำทุกสิ่งที่เขาทำได้!
แม้รู้ดีว่าอาจจะต้องตาย...ซือหยูก็คิดที่จะสู้จนวาระสุดท้าย!
ร่างอันบอบบางของฉีลั่วหลานสั่นเล็กน้อย คำสัตย์สาบานด้วยความโกรธเกรี้ยวและโศกเศร้านั้นยังคงดังสะท้อนอยู่ในหูนางอย่างเด่นชัด
ความมุ่งมั่นที่มิยอมอ่อนข้อต่อศัตรูนับพัน จิตสังหารที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย พร้อมกับความตั้งใจน้อมรับการต่อสู้จนตัวตายนี้ทำให้ฉีลั่วหลานสั่นกลัวเป็นครั้งแรกในชีวิต
ความหวาดกลัวและตกใจหยั่งลึกลงไปในหัวใจของนาง นางเห็นภาพลวงตาว่าบางทีวันหนึ่ง...นางจะตายด้วยมือซือหยู
“คนที่เหลือโอดครวญกันเสร็จแล้วหรือยัง? ยอมทดสอบซะ หรือก็จงไม่ผ่านการทดสอบกลับไป”
ฉีลั่วหลานเก็บเร้นความโกรธในใจ
ผู้อาวุโสหลายคนบินออกไปพาลูกหลานในตระกูลกลับ พวกเขาโกรธแค้นยากจะกล่าว
“พวกข้าเพียงหวังว่าลูกหลานในตระกูลจะได้เข้าสู่สำนักไปฝึกฝน มิใช่มาเพื่อหาความตายให้กับพวกเขา! สำนักหลิวเซี่ยนจัดการทดสอบเช่นนี้...พวกเจ้าไม่กลัวความโกรธแค้นจากร้อยตระกูลงั้นรึ?”
“เจ้าพาลูกหลานกลับไปได้ แต่พวกเขาจะเสียคุณสมบัติในการเข้าร่วมทดสอบไปตลอดกาล”
ฉีลั่วหลานตอบอย่างไร้เยื่อใย
“พวกเจ้ามันเกินไปแล้ว!”
เหล่าผู้อาวุโสมิอาจข่มความโกรธแค้น นี่มิได้หมายความว่าหากไม่ยอมรับการทดสอบ พวกเขาจะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมทดสอบกับสำนักอีกไปตลอดชีวิตงั้นรึ?
อู๋ผางหยุน หลิวกวง และองค์หญิงหยุนหยานสีหน้าจริงจัง หัวใจสั่นคลอน
“ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย ยอมรับการทดสอบซะ หรือถูกสำนักปฏิเสธไปตลอดกาล”
ฉีลั่วหลานย้ำ
ทั้งร้อยตระกูลโกรธจัด การทดสอบมันป่าเถื่อนและโหดร้ายเกินไป!
การทดสอบในปีนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? มันไม่แปลกประหลาดไปหน่อยรึ?
เหล่าผู้คนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ผู้อาวุโสหลายคนปล่อยให้ลูกหลานในตระกูลตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะเสี่ยง...หรือจะเป็นสามัญชนไปตลอดชีวิต...พวกเขาจะต้องตัดสินมันในตอนนี้
เหล่าลูกหลานในตระกูลต่างชั่งน้ำหนักว่าควรจะเลือกหนทางใด
เห็นได้ชัดว่าการทดสอบครั้งนี้ไม่มีโอกาสจะรอดได้เลย แต่ก็ยังมีอีกครึ่งหนึ่งที่เป็นกึ่งราชันย์และราชันย์ที่ตัดสินใจพยายาม
ด้วยเหตุนี้….จึงมียี่สิบห้าคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
อู๋ผางหยุน หลิวกวง และองค์หญิงหยุนหยานสีหน้าหม่นหมอง พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากทดสอบ
มีเพียงซือหยูที่ยังใจเย็น
ฉีลั่วหลานพยักหน้า
“ดีมาก ตอนนี้ข้าจะประกาศกับพวกเจ้าทั้งยี่สิบห้าคนถึงกฏและรางวัล”
“การทดสอบครั้งนี้คือการกำจัดโจรสลัด สังหารกึ่งราชันย์จะได้รับหนึ่งคะแนน! หากสังหารราชันย์ระดับหนึ่งขั้นต้นจะได้สิบคะแนน! สังหารราชันย์ระดับหนึ่งขั้นกลางได้ยี่สิบคะแนน! สังหารราชันย์ระดับหนึ่งขั้นสูงได้สามสิบคะแนน สุดท้าย...ถ้าหากสังหารหัวหน้าโจรสลัดที่มีพลังระดับสองขั้นต้นได้ เจ้าจะได้ห้าสิบคะแนน!”
ฉีลั่วหลานพูดต่อ
“โจรสลัดหมาป่าสมุทรนั้นเคร่งครัดในกฏ แต่ละคนจะมีตราหยกติดตัวอย่างแน่นอน หลังจากพวกเจ้าสังหารแล้วจงนำตราหยกกลับมา คะแนนพวกเจ้าจะถูกตามนั้น”
องค์หญิงหยุนหยานขมวดคิ้ว
“ท่านฉี คะแนนนั้นมีไว้เพื่อสิ่งใดกัน?”
“ข้ากำลังจะพูดอยู่พอดี มันใช้ตัดสินว่าใครจะได้รางวัลในรอบนี้ คนที่ได้มากกว่าหนึ่งร้อยคะแนนจะได้รับโอสถชำระกายระดับกลางหนึ่งขวด และจะได้รับการชี้แนะจากผู้อาวุโสจากสำนักหนึ่งวัน ….พร้อมทั้งจะได้เป็นศิษย์ในแห่งสำนัก!”
เหล่าผู้อาวุโสเปลี่ยนสีหน้าทันที
“อะไรกัน? รางวัลมันไม่มากไปหน่อยรึ?”
โอสถชำระกายระดับกลางหนึ่งขวดนั้นเทียบได้กับโอสถชำระกายระดับต่ำ มิใช่สิ่งที่ทั้งร้อยตระกูลจะหาได้เลย
และพวกเขายังจะได้คำชี้แนะจากผู้อาวุโสในสำนักอีก ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาจะได้คำชี้แนะเช่นใดบ้าง เพียงแค่การได้ผูกสัมพันธ์กับผู้อาวุโสนั้นก็เพียงพอกับความต้องการของตระกูลแล้ว
แต่รางวัลที่น่าตกใจที่สุดคือรางวัลสุดท้าย...การได้เป็นศิษย์ในของสำนัก!
ความต่างของศิษย์ในและศิษย์นอกของสำนักหลิวเซี่ยนคือศิษย์นอกนั้นจะต้องยอมทำภาระน่าเบื่อของสำนัก และจะต้องคอยเป็นมือเท้าให้กับศิษย์ใน และทรัพยากรที่ศิษย์นอกได้รับนั้นน้อยมาก ยากที่พวกเขาจะสร้างชื่อได้ด้วยตนเอง และพวกเขามักจะหยุดเลื่อนพลังอยู่ที่ราชันย์ระดับสอง
ตระกูลลี่อยู่ลำดับที่สามสิบ แต่มีเพียงลี่กวงเท่านั้นที่ได้เป็นศิษย์ใน
แต่ในตอนนี้...เพียงการทดสอบเดียว...ก็จะได้เข้าไปเป็นศิษย์ในของสำนัก!
หากได้เป็นศิษย์ในนั้นจะถือว่าได้เปลี่ยนชะตาและพลิกชีวิต นั่นยังเป็นการตัดสินชะตาของทั้งตระกูลอีกด้วย
ก่อนที่ฉีลั่วหลานจะหันกลับ นางประกาศสิ่งสุดท้าย
“เราได้ข่าวมาว่าหลังจากที่กลุ่มโจรสลัดปล้นเมือง พวกมันได้ส่งของและกำลังหาเป้าหมายใหม่ เป็นไปได้สูงว่ามันกำลังรวมตัวกัน หากพวกเขาสังหารได้เท่าใดในหนึ่งเดือน นั่นก็หมายถึงคะแนนที่พวกเจ้าจะได้ และสิทธิ์ในการเข้าเป็นศิษย์ในนั้นถือเป็นความสามารถของแต่ละคน หลังจากหนึ่งเดือนจงมารายงานที่กิจการส่วนนอกของสำนัก!”
“พวกเจ้ามีเวลาเตรียมตัวหนึ่งวัน พรุ่งนี้ คนจากสำนักจะพาพวกเจ้าไปยังที่ที่กลุ่มโจรสลัดหมาป่าสมุทรซ่อนตัวอยู่”
หลังจากนางไปหลายต่อหลายคนก็คิดถึงคำถามที่ไม่อาจถามใครได้
จะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาล้มเหลวในการกวาดล้างกลุ่มโจรสลัด...แต่ได้คะแนนมากกว่าหนึ่งร้อยคะแนน? พวกเขาจะไม่ผ่านการทดสอบหรือไม่?
หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็มิอาจที่จะเลี่ยงการเผชิญหน้ากับโจรสลัดที่เป็นราชันย์ได้เลย!
ดวงตาซือหยูมุ่งมั่น แม้ว่ามันจะยาก มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง!
ในการทดสอบครั้งที่สอง ซือหยูมีคะแนนสูงที่สุด นอกจากจะได้โอสถชำระกายระดับต่ำห้าขวดแล้วเขายังได้สิทธิ์เข้าสู่ห้องตำราอีกด้วย
หากรวมกับโอสถที่มีอยู่ก่อนหน้า ในตอนนี้เขาจะมีโอสถทั้งหมดสิบเอ็ดขวด!
ครึ่งวันต่อมา ตัวแทนจากสำนักได้พายี่สิบห้าคนที่เหลือเข้าสู่สำนักหลิวเซี่ยนในบริเวณของศิษย์นอก
“ใครคือซือหยู? มากับข้า ข้าจะพาไปที่ห้องตำรา”
ตัวแทนมองหาซือหยู
ท่ามกลางสายตาริษยาของคนอื่น ซือหยูเดินตามตัวแทนไป
ห้องตำรานั้นถูกคุ้มกันอย่างหนาแน่น ต้องผ่านการตรวจสอบหลายครั้งกว่าซือหยูจะเข้าไปได้
“ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าข้าอ่านตำราระดับใดได้บ้าง?”
ที่ทางเข้ามีสตรีสง่างามอายุประมาณสามสิบปีอ่านตำราเก่าแก่อย่างตั้งใจ
นางร่างกายผอมบางอย่างมาก
ผมของนางปลิวตามแรงลม ร่างกายนางสั่นไหวราวกับเป็นกิ่งไม้เบาบาง มันน่าหลงใหลยิ่งนัก
เมื่อได้ยินเสียงซือหยูนางก็เงยหน้าขึ้น
ซือหยูตกตะลึงไปชั่วครู่!
รูปร่างของนางงดงามมาก แต่ในหน้าของนางนั้นแปลกประหลาด!
ใบหน้านางราวกับเคยถูกโจมตีด้วยพิษร้ายที่ทำลายรูปลักษณ์ของนางไปจนหมด ใบหน้าของนางน่ากลัวมาก
หากซือหยูมิได้มีความตั้งใจที่เหนือกว่าคนอื่น เขาคงร้องเสียงหลงด้วยความตกใจไปแล้ว!
ใบหน้าเช่นนี้มิได้ต่างจากสัตว์ประหลาดหรือผีเลย หากเป็นตอนกลางคืนคนที่พบเห็นคงตกใจกลัวจนถึงแก่ความตาย!
หรือว่านางจะถูกล้างแค้น? ซือหยูรู้สึกสงสารนาง ในชีวิตก่อนของเขาได้พบสตรีมากมายที่เสียโฉมโดยน้ำกรด ทำลายพลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเสียทั้งหมด
แววตาซือหยูแสดงความเห็นใจ เขาก้มหน้าขอโทษ
“คุณผู้หญิง ขอโทษที่รบกวน ข้าขอถาม…..”
“หากเจ้ามีพลังพอก็จะอ่านตำราอะไรก็ได้!”
น้ำเสียงของนางแสดงความรำคาญ นางพูดขัดซือหยู นางอารมณ์เสียเมื่อเห็นแววตาเห็นใจของซือหยู
ซือหยูเบ้ปาก แต่เขารู้สึกว่านางเห็นใบหน้าที่สงสารของเขา เขาจึงมิได้โกรธเคือง
ซือหยูก้าวไปข้างหน้า...ทันใดนั้นก็ราวกับถูกทุ่มใส่ด้วยภูเขาหลายลูก
ปั้ง---
ซือหยูคุกเข่าลงทันที เขาตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน!
ซือหยูถอนหายใจเล็กน้อย มันยากที่เขาจะทรงตัวเอาไว้ได้ ขาทั้งสองข้างพยายามพยุงร่างอย่างไม่มั่นคง ซือหยูตกตะลึง เหตุใดในห้องตำรานี้จึงต้องมีแรงกดดันมหาศาลขนาดนี้?
ซือหยูพยายามทรงตัวและมองไปรอบๆ เขาพบว่าห้องตำรานี้เพียงชั้นเดียว
ซือหยูยืนอยู่ที่ชั้นนอกสุด เหล่าตำรานั้นเรียงรายไปยังส่วนที่ลึกสุดของห้องตำรา ยิ่งลึกเท่าใด จำนวนตำราก็ยิ่งลดลง
ซือหยูเปิดตำราอย่างรวดเร็วและพบว่าตำราใกล้ทางเข้านั้นมีระดับเทพเป็นอย่างน้อย!
ในด้านพลัง ตำราเหล่านี้มิได้อ่อนแอกว่าแก่นแท้จิตน้ำแข็งเลย
มองในห้องตำรานี้ก็พบวิชาระดับเทพมากกว่าพันตำรา!
ตำราในสำนักหลิวเซี่ยนเยอะจนน่ากลัว! ซือหยูไม่สนใจวิชาระดับเทพอีกต่อไป และก้าวไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก
ทุกก้าวที่รุดหน้า นั่นคือแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น
ซือหยูแทบจะกระอักเลือดออกมาตามทาง อวัยวะภายในของเขาสั่นสะเทือนอย่างหนัก ความเจ็บปวดอันเข้มข้นนั้นยากจะทานทน แต่ตอนนี้เขาเพิ่งเดินถึงหนึ่งในสี่ส่วนของห้องตำราเท่านั้น
ซือหยูอดทนแรงกดดันจนถึงขีดสุด แต่ดีที่ซือหยูยังได้เห็นตำราอีกหลายเล่มที่ช่วยให้พอคลายแรงกดดันไปได้
นี่คือตำราระดับสมบัติของสำนักหลิวเซี่ยนที่ร่ำลื่อกัน!
ปั้ง--
ยากมากที่ซือหยูจะขยับเท้า แต่เขาก็เกือบถึงจุดหมายของเขาแล้ว
เอื้อก--
ซือหยูทนไม่ไหวจนกระอักเลือดออกมา อวัยวะภายในสั่นอย่างบ้าคลั่ง เขาต้องทนกับความบาดเจ็บบนร่าง!
ในตอนนี้มันยากแม้จะขยับนิ้ว เข่าทั้งสองข้างสั่นระริกราวกับจะหักไปกับพื้น
เขาจะต้องเลือกตำราและออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
ทันใดนั้นซือหยูก็มองเห็นตำราพันประสงค์มนต์!
นี่คือวิชาระดับสมบัติที่ลี่กวงพูดถึงก่อนตาย...เขาได้เตือนซือหยูถึงวิชานี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่เมื่อซือหยูกำลังจะคว้าตำราพันประสงค์มนต์ เขาก็พบกับตำราอีกเล่มที่มีคำแนะนำเรียบง่าย
เพลิงเยือกแข็ง...วิชาธาตุน้ำแข็งระดับสมบัติ แม้ตำราส่วนระดับสุดท้ายจะถูกทำลายแต่ก็ยังมีระดับแรกและระดับสอง
วิชานี้จะทำให้ผู้ใช้แช่แข็งได้ทุกสรรพสิ่ง เพลิงเยือกแข็งนี้จะทำให้สิ่งรอบข้างเย็นถึงขีดสุด ไม่มีสิ่งใดในโลกป้องกันได้
หากฝึกถึงระดับสูง พลังของมันจะเหนือกว่าวิชาระดับสมบัติทั่วไป เป็นรองเพียงวิชาระดับอำมฤตเท่านั้น
แต่มันก็ยากมากที่จะเข้าใจได้ แม้จะเป็นคนที่มีระดับปัญญาสูงส่งก็ต้องใช้เวลาถึงสิบปีในการบรรลุระดับต้น ใช้เวลาห้าสิบปีในการบรรลุระดับกลาง และร้อยปีในการบรรลุระดับสูง
แม้จะเป็นคนทรงปัญญาหาตัวจับยากก็ต้องใช้เวลาห้าปีในการบรรลุระดับต้น ยี่สิบปีในการบรรลุระดับกลาง และห้าสิบปีในการบรรลุระดับสูง
คนที่เลือกบ่มเพาะวิชานี้จะต้องรู้จักควบคุมตนและเข้าใจขีดจำกัดของตนเอง
แม้พลังมันจะยิ่งใหญ่มาก ความยากในการเข้าใจนั้นก็มากกว่าวิชาระดับสมบัติอื่นจนทำให้หลายต่อหลายคนหลีกเลี่ยงตำรานี้เพราะความกลัว
แก่นแท้จิตน้ำแข็งนั้นถูกฝึกจนถึงขีดจำกัด แต่พลังของมันก็เริ่มที่จะรับมือกับศัตรูไม่ไหว วิชาระดับสมบัตินี้เป็นธาตุน้ำแข็งและมีพลังมหาศาล เหมาะที่ซือหยูจะฝึกฝน
ในตอนที่เขาจะคว้าตำรา เสียงคำรามอันเย็นชาก็ดังมาจากทางเข้า มันคือเสียงของสตรีใบหน้าประหลาด