ตอนที่แล้วDND.102 - บุพผาแห่งร้อยตระกูล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.104 - ประลองราชันย์

DND.103 - องค์หญิงหยุนหยาน


นั่นหมายความว่าด้วยความยินยอมของพ่อแม่เช่นนี้...ซือหยูจะได้เป็นบุตรเขยตระกูลเฉิน! และจะได้แต่งงานกับบุพผาแห่งร้อยตระกูล!

อกลี่คงหุยแทบจะระเบิด! ตั้งแต่ซือหยูปรากฏตัวขึ้นก็ไม่มีสิ่งใดเป็นไปตามที่คาดสักอย่าง

ยิ่งไปกว่านั้นซือหยูยังช่วงชิงหัวใจนางอันเป็นที่รักของเขา และยังช่วงชิงหัวใจของพ่อแม่นางไปอีก! เขาได้เยอะเกินไปแล้ว!

ตระกูลลี่ได้ต้อนรับซือหยูด้วยความเอื้อเฟื้อ...และเขาตอบแทนด้วยความเนรคุณ!

“ก็ได้! หลังจากนี้ข้าจะแนะนำให้พวกเจ้ารู้จักกัน!”

ลี่คงหุยกัดฟันแน่น แววตาชิงชัง

เฉินซื่อเอ๋อยิ้ม

“ขอบคุณนะพี่คงหุย พี่เป็นคนดีจริงๆ”

เฉินซื่อเอ๋อหน้าแดงเมื่อขมริมฝีปาก

“จริงๆแล้วพ่อแม่ข้าชอบพี่ซือหยู หากเป็นไปได้ ถ้าพวกเราหมั้นกัน….พี่ต้องไปงานแต่งงานของข้าด้วยนะ”

ผู้นำตระกูลเฉินคิดจะผูกติดซือหยูผ่านการแต่งงาน

เอื้อก---

คำพูดของนางทำให้เขารู้สึกราวกับถูกกระหน่ำแทงอย่างไร้ปรานีอีกครั้ง

“ซือหยู!”

ลี่คงหุยแอบคำรามในใจ เขาเกลียดชิงซือหยูจนถึงกระดูกดำ!

ซือหยูยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วยาม ซือหยูยังคงประลองกับคนหลายคนในคราเดียวต่อไป!

ในเวลาทีเหลืออยู่นี้ ซือหยูเลี่ยงที่จะประลองกับกึ่งราชันย์ อย่างน้อยก็เพื่อหลีกเลี่ยงจุดจบอันน่าเศร้า

ซือหยูประลองกับอีกสิบคน

ในนั้นมีสตรีที่เป็นกึ่งราชันย์อยู่ด้วย

หลังจากชนะระดับเก้าขั้นสูงทั้งเก้าคน ก็เหลือกึ่งราชันย์เพียงคนเดียว

“ถึงตาเจ้าแล้ว! เข้ามาซะ!”

ซือหยูแอบจับเวลา เวลาที่เหลืออยู่นี้มิอาจชนะนางได้

“ข้าชื่อเฉินซื่อเอ๋อ...ข้าขอยอมแพ้!”

กึ่งราชันย์วิ่งออกจากลานประลองด้วยใบหน้าแดงก่ำ

ซือหยูตกใจมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ศัตรูของเขายอมแพ้ตั้งแต่ก่อนที่จะต่อสู้

แม้จะเป็นระดับเก้าขั้นสูงที่รู้ตัวว่ามิอาจสู้ได้ก็ต่อสู้จนถึงที่สุด

แต่กึ่งราชันย์นางนี้กลับยอมแพ้ตั้งแต่แรก!

ยิ่งไปกว่านั้นซือหยูยังแทบจะไม่ได้เห็นหน้านางด้วยซ้ำ

ฉีลั่วหลานตีระฆังทองแดงและประกาศอย่างเย็นชา

“ซือหยูชนะสี่สิบเก้าครั้งติดต่อกัน ได้เก้าสิบแปดคะแนน รวมกับโอสถหกขวดและบุพผาห้ากลีบ มีคะแนนทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบห้าคะแนน”

“คนต่อไป...เจ้า!”

ฉีลั่วหลานชี้นิ้วแบบสุ่มไปยังลี่คงหุย

ลี่คงหุยส่งสายตาเชือดเฉือนไปยังซือหยู เขากระโดดขึ้นลานประลองและชี้ไปยังกลุ่มคน

“ข้าจะประลองกับพวกเจ้าทั้งยี่สิบคน!”

ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหล!

ผู้นำตระกูลลี่ขมวดคิ้ว

“ถูกอารมณ์ครอบงำ กระทำอย่างไร้สติ!”

ความหยาบคายของซือหยูนั้นมิใช่เรื่องจริงแม้แต่น้อยด้วยพลัง แต่เป็นลี่คงหุยเองที่ตกอยู่ในอารมณ์และอยากจะประลองกับยี่สิบคนเพื่อชิงชัยกับซือหยูและอวดเก่งต่อหน้าสตรี!

บรรยากาศความเร่าร้อนของผู้ชมมิได้ปะทุอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้ลี่คงหุยผิดหวังเล็กน้อย เขาหันไปมองด้วยไฟแค้น

เฉินซื่อเอ๋อไม่แม้แต่มองลานประลอง นางยืนอยู่ข้างพ่อแม่และจ้องมองซือหยูอย่างหลงใหล!

“ซือหยู!”

กระบวนท่าของลี่คงหุยนั้นป่าเถื่อนและบ้าบิ่น ทุกกระบวนท่าเต็มไปด้วยช่องโหว่ เขาโจมตีจู่โจมไปอย่างร้อนใจและไร้แผนการ

“นี่เป็นแค่การประลอง เจ้ายังป่าเถื่อนเช่นนี้อีก! พวกเรา โจมตีมันในทีเดียวเลย!”

ลี่คงหุยได้ทำให้ระดับเก้าขั้นสูงทั้งยี่สิบคนโกรธแค้นอย่างไม่ตั้งใจ

ไม่เหมือนกับซือหยู...ลี่คงหุยมิได้มีวิชาบ่มเพาะที่สามารถจัดการกับคนกลุ่มใหญ่ได้ และการต่อกรกับคนมากมายขนาดนี้นั้นยากดั่งเข็นครกขึ้นภูเขา

ด้วยความโกรธแค้นของศัตรูนั้นทำให้ยากที่เขาจะรับมือไหว เขาตกอยู่ในอันตราย!

หลังจากหนึ่งชั่วยาม ในยี่สิบคนนี้...ลี่คงหุยเอาชนะได้เพียงสิบห้าคน

แต่ยังไงเขาก็ชนะ เขาทำตามเงื่อนไงสิบคนได้สำเร็จ

เขาบาดเจ็บหลายแห่งในร่างกาย ใบหน้าของเขาดำมืด เสื้อผ้าของเขาฉีกขาด แววตานั้นเสียใจ

เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้นี้เกินมือลี่คงหุย

และยังไม่มีกึ่งราชันย์ปะปนอยู่ในกลุ่มเลยสักคน...มิเช่นนั้นโอกาสที่เขาจะแพ้คงมหาศาล

เมื่อเห็นเช่นนี้เฉินซื่อเอ๋อก็หันไปมองซือหยูอีกครั้ง ความสะบักสะบอมของลี่คงหุยได้ทำให้ความนับถือซือหยูในตัวนางล้ำลึกขึ้น

เอื้อก--

ท่าทางสนใจซือหยูของเฉินซื่อเอ๋อทำให้หัวใจลี่คงหุยกระตุกอย่างแรก

เขาได้ประลองกับยี่สิบคนเพื่อแข่งกับซือหยูและเพื่อพิสูจน์ต่อเฉินซื่อเอ๋อว่าเขาก็ประลองกับคนมากมายได้ในคราเดียวเช่นกัน เขาทำไปเพื่อหวังว่าเฉินซื่อเอ๋อจะเปลี่ยนใจ

แต่เขาไม่รู้เลยว่าเขากลับได้ช่วยทำให้ซือหยูดูดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้ความหลงใหลในตัวซือหยูของเฉินซื่อเอ๋อนั้นมากขึ้นไปอีก!

“เมื่อกลับตระกูลแล้ว...จงหันหน้าชนกำแพงชะโงกดูเงาตัวเองไปเสียครึ่งปี!”

ผู้นำตระกูลลี่ก่นด่าด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

เหตุที่ซือหยูประลองกับคนได้มากมายในคราเดียวก็เพราะเขาชำนาญการต่อสู้ครบหลายด้าน และยังปรับให้ต่อสู้ได้จริง อีกทั้งยังมีวิชาบ่มเพาะที่รับมือได้กับคนเป็นกลุ่ม

ต่างกับลี่คงหุยที่มิได้มีทักษะเหนือกว่าผู้ใดมากนัก เขายังไม่มีวิชาไว้ใช้จัดการกับคนเป็นกลุ่มอีกด้วย

ความอยากเลียนแบบซือหยูนั้นทำให้เขาเป็นเช่นนี้! เขาได้ทำให้ชื่อเสียงตระกูลลี่หม่นหมอง...เป็นความอับอายแห่งวงศ์ตระกูล!

โชคดีที่ในสายตาคนนอก ซือหยูยังนับเป็นสมาชิกตระกูลลี่ มิเช่นนั้นตระกูลลี่คงมิได้รับสายตาเกรงใจเช่นนี้

ผู้นำตระกูลลี่ถอนหายใจ การที่ชื่อเสียงของตระกูลเขาถูกคนนอกรักษาเอาไว้นั้นช่างตลกร้ายยิ่งนัก

ฉีลั่วหลานเรียกผู้แข็งแกร่งขึ้นมายังลานประลอง

อู๋ผางหยุน หลิวกวง และเหล่าสตรีอายุสิบแปดอันงดงามที่เป็นราชันย์ระดับหนึ่ง

พวกเขาถูกยั่วยุโดยซือหยู พวกเขาทั้งสามเลือกที่จะประลองกับหลายคนในคราเดียว

การต่อสู้ของราชันย์นั้นน่าตื่นตายิ่งนัก!

สตรีอันงดงามนั้นสำเร็จขั้นราชันย์ระดับหนึ่งมาไม่นาน และนางมิได้มีวิชาต่อสู้กับคนจำนวนมาก นางจึงเอาชนะได้เพียงสิบห้าคนในหนึ่งชั่วยาม ร่วมกับโอสถที่นางได้แล้ว นางมีคะแนนหนึ่งร้อยสิบสองคะแนน

แม้หลิวกวงจะสำเร็จขั้นราชันย์ระดับหนึ่งมาไม่นาน เขาก็มาจากสภาพแวดล้อมอันยากลำบากในเฉินยี่ที่มิได้มีทรัพยากรมากนัก ดังนั้นด้วยพลังอันแข็งแกร่งของเขา...เขาชนะได้ถึงหกสิบคน รวมกับโอสถที่ได้แล้วเขามีคะแนนหนึ่งร้อยยี่สิบสองคะแนน

แต่คนที่น่าทึ่งที่สุดคึออู๋ผางหยุน เขาเป็นราชันย์ขั้นหนึ่งเช่นกัน แต่ก็เหนือกว่าสตรีงดงามและหลิวกวง เขาชนะไปเจ็ดสิบสองคน รวมกับโอสถที่ได้มาทำให้เขามีคะแนนหนึ่งร้อยสี่สิบสองคะแนน!

อู๋ผางหยุนทำให้ทุกคนนิ่งงัน!

“อย่างที่คิดเลย คนจากตระกูลลำดับสาม ตระกูลอู๋นั้นมีอัจฉริยะอย่างอู๋ผางหยุนที่ยากจะพบ”

“หลิวกวงที่มาจากเกาะแห้งแล้งนั่นก็มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่านั้น มาจากพื้นที่ที่มีทรัพยากรจำกัดและยังมีพลังอันหาตัวจับยาก!”

“องค์หญิงหยุนหยานก็เก่งไม่แพ้กัน!”

องค์หญิงหยุนหยานมีอายุสิบแปดปีและงดงาม รูปร่างอันสง่างามมาพร้อมส่วนโค้งเว้าอย่างปราณีต ชุดสีขาวพระจันทร์ของนางไร้ที่ติ ใบหน้าของนางงดงามจนเกือบลืมหายใจ ผิวหนังขาวราวกับเคลือบด้วยหิมะ ดวงตาสดใสของนางราวกับน้ำตกใสกระจ่างในป่าลึก บริสุทธิ์ไร้สิ่งด่างพร้อย ริมฝีปากแดงมาพร้อมกับใบหน้าไร้ที่ติไร้มลทิน

นางยืนอย่างเขินอายขณะที่ห้วงเวลาหยุดนิ่งไปกับนาง

ความสง่างามของนางมิอาจเทียบเคียงได้กับผู้ใด

คนรอบข้างต่างหมองอย่างเหม่อลอย รู้สึกตัวอีกทีจึงรีบหันไปมองทางอื่น

องค์หญิงหยุนหยานคือคู่หมั้นขององึ์ชายจากแคว้นอื่น องค์ชายผู้นั้นเข้าเป็นศิษย์ในได้สำเร็จในปีที่แล้ว พลังของเขาแข็งแกร่งจนน่ากลัว หากใครประสงค์ร้ายต่อองค์หญิงหยุนหยานก็ยากที่จะคิดว่าจะต้องพบเจอกับสิ่งใดบ้าง!

เมื่อได้ยินเสียงคนพูดคุยกันซือหยูจึงหันไปมององค์หญิงหยุนหยาน

ไร้ที่ติและสง่างาม...นางงดงามหาใดเทียบ

ในตอนนั้นซือหยูเห็นภาพลวงตาของเซี่ยจิงหยู

แต่ในเสี้ยววินั้นเขาก็ส่ายหัวและมองไปทางอื่น

แม้น่าจะงดงาม แต่ก็ยากที่จะแทนที่เซี่ยจิงหยูที่อยู่ในใจเขา

จริงๆแล้ว...องค์หญิงหยุนหยานก็สำรวจซือหยูอยู่ด้วย

เป็นปกติที่นางจะต้องสนใจเด็กหนุ่มอายุสิบสี่ที่มีพลังอันน่าทึ่งอยู่แล้ว

เมื่อเห็นแววตาบริสุทธิ์ของซือหยูก็ทำให้องค์หญิงหยุนหยานที่มักจะเคยชินกับการอดทนสายตาเร้นราคะจากบุรุษมากมายเริ่มชอบเขา

นางยิ้ม...รอยยิ้มนั้นเพียงพอที่จะลบล้างทั้งเมือง

“การประลองจบลงแล้ว ต่อไปเป็นการจัดร้อยลำดับแรก!”

“กฏคือคนที่มีคะแนนต่ำสุดจะต้องประลองกับคนที่มีคะแนนสูงกว่า หากชนะจะได้คะแนนหนึ่งในสามจากคนที่ประลอง หากแพ้จะต้องเสียคะแนนหนึ่งในสามให้กับคนที่ประลองด้วย”

“หากเสมอ คนที่ถูกท้าประลองจะต้องให้คะแนนที่ท้าประลองหนึ่งในสี่ส่วน”

“คะแนนจะถูกคิดหลังการประลอง ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ผู้ที่คะแนนน้อยที่สุดจะต้องประลองกับคนที่คะแนนสูงกว่า!”

หลายคนมีคะแนนเพียงหนึ่งหรือสองคะแนน หลังจากพูดคุยกันแล้วพวกเขาก็เลือกคนที่จะประลอง

จากต่ำสุดสู่สูงสุด ผู้ชนะจะได้ประลองกับคนที่คะแนนสูงกว่าไปเรื่อยๆ หากแพ้คนที่ประลองด้วยนั้นก็จะประลองต่อไปกับคนที่คะแนนสูงกว่า ขั้นตอนนี้จะเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าจะได้คนที่มีคะแนนสูงสุด...อู๋ผางหยุน!

ขั้นตอนนี้กินเวลาอยู่นาน

ในที่สุดก็มาถึงระดับของกึ่งราชันย์

เฉินซื่อเอ๋อประลองกับลี่คงหุยที่ระดับสูงกว่านาง

นางยิ้มเผยลักยิ้มทั้งสอง

“พี่คงหุย ให้ข้าชนะนะ ตกลงไหม?”

ลี่คงหุยหวั่นไหวกับท่าทางน่าสงสารของนาง แต่เขาก็ได้ยินเสียงนางบ่นพึมพำอย่างแผ่วเบา

“หลังจากข้ายอมแพ้พี่ซือหยูแล้ว...เขาจะยังรู้สึกชอบข้าอยู่ไหมนะ? หึหึ….”

คำพูดเหล่านั้นทำให้ลี่คงหุยระเบิดโทสะ!

“ซื่อเอ๋อ หามีอารมณ์ความรู้สึกใดในการประลองไม่ และยังมีผู้อาวุโสดูอยู่ หากข้ายอมแพ้เจ้าจะถูกตำหนิเอาได้”

เฉินซื่อเอ๋อไม่พอใจ

“หลังจากชนะข้าไปแล้วเจ้าก็แพ้พี่ซือหยูอยู่ดี!”

ได้ยินเช่นนั้นลี่คงหุยก็บินไปข้างหน้าด้วยความโกรธ...เขาไม่ออมมือแม้แต่น้อย!

ตู้ม--

เพียงสามกระบวนท่า ด้วยความประมาทของเฉินซื่อเอ๋อนั้นทำให้นางมองกระบวนท่าของศัตรูคลาดเคลื่อน ทำให้นางบาดเจ็บรุนแรงที่ไหล่ นางร้องเสียงดังและพ่ายแพ้

แววตาเฉินซื่อเอ๋อเศร้าพร้อมกับร่องรอยโลหิตบนริมฝีปาก น้ำตาเอ่อล้น ก่อนที่นาจะหันบินออกไป นางพูดเพียงสามคำด้วยความโกรธเกรี้ยว

“ข้า เกลียด เจ้า!”

ในตอนนั้นลี่คงหุยคืนสติจากความโกรธ แต่มันก็สายไปแล้ว!

เขาไม่มีหวังที่จะได้มีความรู้สึกลึกซึ้งกับเฉินซื่อเอ๋ออีกต่อไปแล้ว!

“ต่อไปเจ้าจะต้องประลองกับคนที่คะแนนมากกว่าเจ้า”

ฉีลั่วหลานประกาศอย่างเย็นชา

ลี่คงหุยมองคนที่เหลือ มีกึ่งราชันย์ที่มีคะแนนสูงกว่าเขามากมาย แต่เขาก็มองผ่านคนเหล่านั้นก่อนจะมองมายังซือหยู

“ข้าประลองกับคนที่ลำดับสูงกว่าหลายขั้นได้หรือไม่?”

ลี่คงหุยกัดฟัน

ฉีลั่วหลานมองไปยังทิศที่เขามอง...และพบซือหยู นางจึงพยักหน้าอย่างเยือกเย็น

“ย่อมได้!”

“ดีล่ะ ถ้าเช่นนั้น ข้าขอประลองกับซือหยู!”

ลี่คงหุยดีใจ!

ในด้านพลัง ลี่คงหุยมั่นใจว่าเขาไม่แพ้ซือหยู!

“ซือหยู ก้าวมาข้างหน้า!”

ฉีลั่วหลานประกาศ

ฟึ่บ--

ทั้งสองบินมาอยู่บริเวณตรงกลางและมองหน้ากัน

“ซือหยู! ยอมตายไปซะ!”

ลี่คงหุยคำรามเสียงต่ำและโจมตีซือหยูโดยไม่ทันให้ตั้งตัว!

ใบหนห้าซือหยูยังคงสับสน เพราะเขาไม่รู้ว่าลี่คงหุยไปเอาความเกลียดชังเขามาจากไหน

ซือหยูที่รู็สึกถึงสายลมพิโรธมิอาจดูแคลนการโจมตีนี้ได้เลย

“พลังสายวารีทะลวง!”

ลี่คงหุยโจมตีเข้ามา

วิชาระดับเทพขั้นสูง!

ฝ่ามือทั้งสองของเขาวาดวงกลมในอากาศ เกิดพลังรุนแรงหมุนวนด้านใน!

พลังอันเยือกเย็นดูดกลืนสิ่งรอบข้างกลายเป็นกังหันที่ลอยได้

ตู้ม---

เขาใช้ฝ่ามือผลักพลังหมุนวนออกไป มันเป็นพลังอันรุนแรงหาใดเทียบ มันกลืนกินทุดสิ่งที่ขวางทาง ราวกับแม่น้ำทอดยาวที่หลอมรวมด้วยพลัง พลังของมันยากที่จะรับไว้ได้!

เมื่อเห็นลี่คงหุยโจมตีหมายเอาชีวิต ดวงตาซือหยูเยือกเย็นลง

“ประสานอัสนีเยือกแข็ง!”

ซือหยูยกดัชนีชี้ไปยังลี่คงหุย แสงทำลายล้างพุ่งตรงไปข้างหน้า

เอื้อก--

แม้พลังกังหันนั้นจะแข็งแกร่งมาก...ก็มิอาจต้านอัสนีเยือกแข็งของซือหยูได้!

ตู้ม---

พลังสายวารีระเบิดเสียงดัง!

แรงระเบิดทำให้เศษชิ้นส่วนภายในสายวารีกระจัดกระจายไปด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง!

ลี่คงหุยที่อยู่ด้านหลังนั้นเป็นจุดอับสายตาและมิอาจป้องกันได้ทัน ทั้งร่างของเขาถูกสายพิรุณกรวดทรายจากพลังตัวเองพุ่งเข้าใส่ทันที!

อ๊าก----

เอื้อก---

ลี่คงหุยกระอักเลือดออกมาและลอยไปข้างหลัง!

แต่การโจมตีนั้นยังไม่จบ!

พลังที่ยังปะทุอยู่ของอัสนีเยือกแข็งได้พุ่งเข้าบดขยี้อกของลี่คงหุย

ลี่คงหุยนั้นนอนคว่ำอยู่กลางอากาศ แม้เขาจะไม่ตาย เขาก็ต้องบาดเจ็บสาหัส

ไม่ดีแน่!

ใบหน้าซือหยูเปลี่่ยนไปเล็กน้อย เขาเปลี่ยนตำแหน่งเล็กน้อยและยกมือขึ้นเพื่อปัดเศษระเบิดไปอีกทางและคลายพลังอัสนีเยือกแข็งที่ยังหลงเหลืออยู่

ฟึ่บ--

ซือหยูพลิกมืออีกครั้งและคว้าลี่คงหุยที่กำลังจะกระแทกพื้นได้ทัน

เหล่าหนุ่มสาวตระกูลลี่นั้นมิได้เป็นมิตรกับซือหยูแม้แต่น้อย

แต่ลี่กวงคงไม่ปรารถนาให้ซือหยูสังหารลูกหลานในตระกูลเขาแน่

ใบหน้าผู้นำตระกูลลี่นั้นโล่งใจและยินดี

แต่ในตอนนั้นสิ่งที่ทุกคนมิได้คาดการณ์ก็เกิดขึ้น!

แววตาลี่คงหุยเยือกเย็น เขาใช้โอกาสที่ซือหยูคว้าตัวเขาและโจมตีศีรษะซือหยูด้วยฝ่ามือ!

ฝ่ามือนั้นรวดเร็วและรุนแรง มันเป็นการโจมตีที่ซือหยูไม่ทันได้ตั้งตัว แม้แต่เหล่าราชันย์ก็มิอาจป้องกันมันได้!

“ตายซะ!”

ลี่คงหุยไม่หลงเหลือเหตุผลอีกแล้ว เขามีแต่โทสะหลงเหลืออยู่ในกาย!

“เจ้าเดรัจฉานต่ำช้า!”

ผู้นำตระกูลลี่โกรธจัด!

ลี่คงหุยตอบแทนความเอื้อเฟื้อด้วยการเนรคุณ ใช้โอกาสลอบโจมตี!

ทุกคนอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ไม่มีใครคิดว่าลี่คงหุยจะลอบโจมตีออกมา!

แต่พวกเขาก็อยู่ห่างเกินกว่าจะช่วยซือหยูได้

ซือหยูมองฝ่ามือที่ใกล้เข้ามา แววตาเขาเยือกเย็นถึงขึดสุด

“ข้า..ซือหยูผู้นี้ทำสุดความสามารถแล้ว อย่าโทษข้าก็แล้วกัน….”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด