ตอนที่แล้วDND.100 - โอสถชำระกาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.101.5 - จองหองถึงที่สุด(ตอนปลาย)

DND.101 - จองหองถึงที่สุด(ตอนต้น)


ซือหยูหันไปมอง ….มันคือหลิวกวง!

เขาเดินตามตามชายหนุ่มร่างอวบตัวเตี้ยที่ยิ้มอย่างลำพองใจ

เด็กหนุ่มผู้นั้นอายุประมาณซือหยู...แต่พลังบ่มเพาะของเขาได้ไปถึงระดับราชันย์ขั้นสองแล้ว!

อายุสิบสี่ปีและเป็นราชันย์ขั้นสอง! ซือหยูตกตะลึง!

ลี่กวงกับซือร่งฝึกฝนมาเป็นร้อยปี และทำได้เพียงเป็นราชันย์ระดับสิง! แม้อัจฉริยะเช่นลี่คงหุยก็เพิ่งเข้าสู่ระดับกึ่งราชันย์เมื่ออายุยี่สิบปี

ซือหยูฟื้นคืนสติและมองไปทางอื่น ผมสงสัยว่าเซี่ยนเอ๋อกับจิงหยูเป็นอย่างไรบ้าง ด้วยความสามารถของพวกนางคงทำให้ถูกผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งบางคนรับไปเป็นศิษย์แล้ว

ชายหนุ่มร่างอวบจ้องมองซือหยู

“เจ้ารู้จักเขางั้นรึ?”

หลิวกวงย่อตัวลงให้เท่ากับชายหนุ่มราวกับเป็นคนรับใช้ เขามองซือหยูและตอบด้วยความเหยียดหยาม

“เขาคืออัจฉริยะจากเกาะเดียวกับข้า หลังจากทดสอบแล้วเขามีวิญญาณไร้ค่า และถูกทิ้งไว้บนเกาะ ข้าไม่รู้เหตุใดเขาจึงมายังทวีปเฉินหลงหรือมาในการทดสอบของสำนักหลิวเซี่ยนนี้ได้”

เมื่อได้ยินว่าซือหยูมีคุณสมบัติวิญญาณไร้ค่า ชายร่างอวบก็ไม่สนใจอีก

ในตอนนั้น แววตาหลิวกวงดึร้ายและกระซิบข้างหูเด็กหนุ่ม

“ศิษย์พี่หยวนหู่ เขาคือศิษย์ของลี่กวง!”

หืม?  แววตาชายร่างอวบเตี้ยเย็นชาลง และยิ้มด้วยใบหน้าอ้วนกลม เขามิได้ใสซื่อหรือเป็นปกติเลย เขากลับดูป่าเถื่อนโหดร้าย

“หึหึ! น่าสนใจ!”

ลี่คงหุยเดินผ่านหน้าเขา

“พวกเจ้ามีสัมพันธ์เช่นใดกับมัน?”

เหล่าคนตระกูลลี่นั้นเย็นชากับซือหยูมาก พวกเขาไม่ชอบซือหยูอยู่แล้วดังนั้นจึงไม่ลังเลที่จะเว้นระยะห่างกับซือหยู

“พวกเราเป็นเพียงคนแปลกหน้า”

ลี่คงหุยตอบอย่างระวัง

“ฮื่ม! ดีแล้วที่เป็นเช่นนั้น หากเจ้าอยู่กับมัน ข้าจะทำให้พวกเจ้าไม่รอดไปด้วยแน่!”

เขามองซือหยูอย่างเย็นชา

“เจ้าอย่าเข้าสำนักหลิวเซี่ยนจะดีกว่า หรือหากเข้ามา...ก็ควรระวังตัวไว้...”

หลังจากนั้นหลิวกวงก็เดินกรีดกรายมาด้านหน้า

“นี่คือศิษย์พี่หยวนหู่ ศิษย์คนใหม่ของหนึ่งในสิบผู้อาวุโสในสำนัก คำเดียวจากเขาจะอยู่บนฟ้าดินตลอดไป!”

“เกือบจะลืมไป ร่างวิญญาณไร้ค่าเช่นเจ้าไม่มีศิษย์จะเข้าสำนักด้วยซ้ำ หากนี่เป็นเกาะเฉินยี่เจ้าคงจะแสดงพลังได้ แต่ที่นี่เจ้าเป็นเพียงมดปลวก! ความต่างระหว่างเจ้ากับข้าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!”

ฟึ่บ--

คลื่นพลังปราณหมุนรอบกายหลิวกวง!

หลังจากที่ไม่ได้เจอเขาหนึ่งเดือน เขาได้บรรลุขั้นราชันย์ระดับหนึ่งแล้ว เขากลายเป็นราชันย์ที่แท้จริง!

ซือหยูสีหน้ามิแปรเปลี่ยน

“ความต่างชั้นระหว่างข้ากับเจ้ายังเป็นเช่นเดิม”

“ขอบเขตราชันย์เป็นสิ่งที่วิญญาณไร้ค่าอย่างเช้าไม่มีวันเข้าใจได้หรอก รอคอยซะ เราอาจจะได้ประลองกันในภายหลัง ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าพลังของขอบเขตราชันย์เป็นยังไง!”

หลิวกวงเดินออกไป

ฟึ่บ--

ทันในนั้นก็มีสตรีปรากฏอยู่ที่เหนือศีรษะคนนับพัน นางโปรยกลีบบุพผาร้อยกลีบ

เสียงอันเบาบางเล็ดรอดมาจากปากนาง

“ในกลีบบุพผาเหล่านี้มีสิบกลีบที่เร้นโอสถชำระกายระดับต่ำเอาไว้ ใครที่แย่งมันมาได้ โอสถนั้นก็เป็นของเจ้า”

นางบินออกไป รูปลักษณ์ของนางทำให้คนที่มองนั้นตกใจ

เหล่าผู้คนเริ่มตื่นเต้น

นอกจากตระกูลในสามสิบลำดับแรก ไม่มีตระกูลมากนักที่จะมีโอสถชำระกายระดับต่ำ

และแม้จะเป็นอัจฉริยะจากสามสิบตระกูลแรกก็ยากที่จะได้โอสถชำระกายมาครอง

ท่ามกลางบุพผาร้อยกลีบนี้มีโอสถถึงสิบขวด! พวกเขาจะต้องพยายามแย่งมาให้ได้!

ซือหยูเริ่มเคลื่อนไหว!

ฟึ่บ--

ซือหยูใช้สายตาแหลมคมกว่ามนุษย์ปกติมองผ่านกลีบบุพผาทั้งหมด แม้มันจะดูเหมือนกระจายออกไป แต่มันก็อาจจะตกมายังเท้าของเขา!

ซือหยูพบโอสถชำระกายในทันทีสามขวด มันถูกมัดไว้อีกด้านของกลีบบุพผา!

แต่ก่อนที่กลีบบุพผาจะหล่นสู่พื้นก็มีเหล่ากึ่งราชันย์ทะยานขึ้นฟ้าแย่งชิงโอสถที่กลางอากาศ!

เหล่ากึ่งราชันย์พร้อมกับปีกพลังปราณนั้นเร็วมาก

ลี่คงหุยตาเป็นประกายและรีบพุ่งไปยังบนอากาศ เขาคว้ากลีบบุพผาได้หนึ่งกลีบ...แต่มันว่างเปล่า

เขาแอบถอนหายใจกับความอับโชค...แต่ก็มีกลีบที่มีโอสถอยู่ด้วยลอยผ่านหน้าเขา!

ลี่คงหุยดีใจมาก เขายื่นมือออกไปคว้า

พลั่ก---

แต่ในตอนนั้นก็มีสายลมรุนแรงโจมตีเขาจากด้านหลัง!

อ๊าก--

อวัยวะภายในลี่คงหุยสั่นสะเทือนอย่างแรง เขากระอักเลือดออกมาก่อนจะบินถอยหลังไปหลายสิบศอก!

“โอสถเป็นของข้า!”

เด็กหนุ่มอายุสิบห้ายิ้มกว้าง

ลี่คงหุยโกรธมาก แต่หลังจากได้เห็นพลังของศัตรูใบหน้านั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความกลัว!

ราชันย์ระดับหนึ่ง! เด็กหนุ่มอายุสิบห้าคนนั้นเป็นราชันย์ระดับหนึ่ง!

และลี่คงหุยยังรู้ว่าเขาเป็นคนที่มาจากร้อยตระกูลแรก เขาคืออัจฉริยะจากตระกูลลำดับสาม อัจฉริยะจากตระกูลหวู...อู๋ผางหยุน!

แม้จะเป็นตัวแทนของตระกูลมิต่างกัน ลี่คงหุยก็ไม่กล้าพอเมื่ออยู่ต่อหน้าอู๋ผางหยุน ดังนั้นเขาจึงหันกลับไปหาโอสถที่ซ่อนอยู่ภายในกลีบบุพผาที่เหลือ

ฟึ่บ ฟึ่บ--

แสงสีม่วงแล่นผ่านข้างเขา

มันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและมิใส่ใจกลีบบุพผาข้างเขาเลยแต่ไปคว้าอีกสามกลีบอย่างแม่นยำ

ที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงก็คือทุกกลีบนั้นล้วนมีโอสถชำระกายระดับต่ำติดอยู่!

ซือหยูยังไม่หยุดและซ่อนโอสถไว้ในชุด เขามองรอบๆและพบโอสถอีกสองขวดที่ยังไม่มีใครพบทันที!

ฟึ่บ--

ซือหยูบินไปคว้าโอสถอีกสองขวดด้วยความดีใจ

ขณะที่ทุกคนยังมองหาอย่างยากลำบากว่ากลีบใดมีโอสถติดอยู่ ซือหยูก็คว้ามันออกมาแล้ว

เพียงครู่เดียวซือหยูก็ได้รับโอสถระดับต่ำมาห้าขวด!

การเคลื่อนไหวของซือหยูได้ทำให้คนจำนวนมากสนใจ!

“เขา...เขาแย่งไปห้าขวดแล้ว!”

บางคนร้องออกมาด้วยความทึ่ง

เพียงประโยคเดียวก็เรียกความริษยาจากฝูงชนได้!

ฟึ่บ ฟึ่บ--

หลายคนมิอาจทนต่อโอสถห้าขวดอันล่อตาล่อใจได้ จึงมีคนกลุ่มเล็กๆบินไปหาซือหยู

ซือหยูยิ้มอย่างเยือกเย็น

“พวกเจ้ามาถูกเวลาแล้ว!

ฟึ่บ--

แสงสีม่วงทิ้งภาพติดตาไว้เบื้องหลังและทะยานอย่างรวดเร็วราวกับเงา

ความเร็วของซือหยูนั้นตามกึ่งราชันย์ได้อย่างง่ายดาย!

“ไม่นะ! โอสถข้า! มันชิงไปแล้ว!”

กึ่งราชันย์ที่ร่วมล้อมซือหยูตกใจ!

เขาแอบได้โอสถมาหนึ่งขวด แอบซ่อนมันอย่างดีในเสื้อ ซือหยูรู้ได้ยังไง?

เขาไม่รู้ว่าซือหยูพบการเคลื่อนไหวของเขาอย่างชัดเจนเพียงปราดตามอง! เขาจะป้องกันตัวได้ยังไง?

โอสถทั้งสิบขวด...หกขวดตกเป็นของคนคนเดียว...ทำให้ทุกคนทั้งตกใจและประทับใจ

ทันใดนั้นก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดบนท้องฟ้า เหล่ากึ่งราชันย์หลายต่อหลายคนกำลังบินไล่ตามเด็กหนุ่มอายุสิบสี่กลางมวลเมฆา

ฟึ่บ--

ตอนนั้นเองก็มีแสงทมิฬปรากฏข้างซือหยู!

ดวงตาเยือกเย็นและซุกซนมองซือหยู

“เห็นแก่เจ้าที่ช่วยข้ารวมโอสถถึงหกขวด ข้าจะเบามือกับเจ้า”

ตู้ม--

ฝ่ามือยักษ์อันทรงพลังที่มีพลังของราชันย์ระดับหนึ่งปะทะกับอกซือหยู!

การโจมตีอันดุร้ายนั้นหมายมั่นว่าจะทำให้บาดเจ็บรุนแรง...ตรงข้ามกับคำว่า ‘เบามือ’ อย่างเห็นได้ชัด!

“การล่าจบลงแล้ว!”

เสียงอันเบาบางแผ่กระจายทั่วบริเวณ

เสียงระฆังทองแดงที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณดังสะท้อนไปทั่ว เหล่าผู้คนตัวสั่น

พลังปราณในร่างกายของพวกเขาสลายออก เหล่าคนที่บินอยู่เริ่มเสียการควบคุม เกือบจะตกสู่พื้น

เหล่ากึ่งราชันย์หน้าถอดสีและร่วงลงกับพื้น บางคนที่เป็นราชันย์ระดับหนึ่งร่อนลงมาอย่างปลอดภัย

อู๋ผางหยุนกัดฟันเมื่อพลังฝ่ามือของเขาถูกแทรกแทรงกลางครัน

“โชคดีนักนะ!”

เขาเดาะลิ้นและจ้องซือหยู

ซือหยูไม่ยี่หระ เหล่ากึ่งราชันย์ฉละราชันย์ร่อนลงพื้นอย่างกังวล

มเพียงซือหยูที่มิได้รับผลจากระฆังทองแดง เขากลับสู่พื้นอย่างง่ายดายจนทุกคนตกตะลึง

ราชันย์หลายคนมองซือหยูอย่างตกใจและสับสน

พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าพลังที่ทำให้ซือหยูบินได้นั้นมิได้มาจากพลังปราณ แต่เป็นเพราะวิชาตัวเบาที่บ่มเพาะจนถึงระดับสูง

และแม้จะไม่มีพลังลึกลับนั่น เหล่าอัจฉริยะพันคนก็ตกใจกับจำนวนโอสถที่ซือหยูได้อยู่ดี...จากสิบขวด ซือหยูได้มาหกขวด!

มันยอดเยี่ยมมาก!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด