ตอนที่แล้วDND.96 - ทดสอบคุณสมบัติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.98 - แท้จริงซ้ำร้าย

DND.97 - ยามหนทางถูกปิดกั้น...อีกหนทางจึงปรากฏ


ทุกคนตัวนิ่งงัน

ความสับสนผสมปนเปกับความขัดแย้งบนใบหน้า

ไม่นาน เคาฉวนก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

“วิญญาณไร้ค่า...หึ...ทำให้ข้าประหลาดใจเสียจริง”

หลังจากแสงสีชาดส่องประกาย คำว่า ‘วิญญาณไร้ค่า’ ก็เห็นได้อย่างชัดเจน

ลี่กวงตกใจ ยากจะเชื่อสิ่งที่ได้เห็น

“จะเป็นไปได้ยังไง...ระดับปัญญาของเจ้ากับความเร็วในการบ่มเพาะเร็วกว่าคนทั่วไปมากนัก...เจ้าจะมีวิญญาณไร้ค่าได้ยังไง?!”

แม้แต่ซือร่งที่มิได้ชอบพอซือหยูก็มิอาจเชื่อเช่นกัน

จ้าวกวงสับสน ซือหยูเพิ่มพลังอย่างรวดเร็ว กลายเป็นดาวตกจากนภา...เพียงเพื่อชนผืนปฐพี

เขาจะมีวิญญาณไร้ค่าได้ยังไง?

ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย...ซือหยูยังคงใจเย็น

มีเพียงตัวซือหยูเองที่รู้ว่าเขาเอาระดับปัญญามาจากไหน ระดับปัญญาซือหยูมิได้กล้าแกร่งนัก ทุกสิ่งเกิดจากพลังเร่งเวลาสองร้อยเท่าของเขา

สำหรับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นก็เพราะการใช้โอสถจำนวนมากพร้อมกับสมบัติธรรมชาติ...มิใช่เพราะการดูดซับพลังปราณ

หากจะมีวิญญาณไร้ค่า...ก็ต้องเป็นเพราะเหตุนี้

ซือหยูค่อยๆดึงมือออกอย่างผิดหวัง ความรู้สึกข่มขื่นค่อยๆก่อตัวขึ้นในจิตใจ

เขามีหม้อเก้ามังกร...แต่ถูกลิขิตให้ติดอยู่ในระดับเก้าไปตลอดกาลงั้นรึ?

โลกที่น่าตื่นตาอย่างทวีปเฉินหลงจะเป็นเช่นใดกัน? จะกว้างใหญ่เพียงใดกัน? อัจฉริยะที่อยู่ในนั้นจะมีมากเท่าใด? นักรบแข็งแกร่งที่นั่นจะมากแค่ไหน?

หรือเขาถูกลิขิตให้ติดอยู่ในเกาะเล็กจ้อยในมหาสมุทรกว้างใหญ่เพื่อเป็นมดปลวกไปตลอดชีวิต?

เขาสัญญากับดยุคเซี่ยนหยูว่าจะหาโอสถมารักษาแขนของเขา และเคยสัญญาณกับตนเองว่าวันหนึ่งเขาจะได้เป็นคนที่ลิขิตชะตาตนเอง

ทุกสิ่งที่ทำไว้ในอดีต...ต้องจบลงตรงนี้งั้นรึ?

ความหลงใหลในเส้นทางบ่มเพาะพลังยังคงมิเสื่อมคลาย...แต่เหตุใดร่างกายจึงมีคุณสมบัติเช่นนี้?

ในตอนนี้ ซือหยูรู้สึกราวกับว่าได้กลับไปยังสำนักในชั่วข้ามคืน...กลับไปยังจุดที่เขาคือศิษย์ระดับเงินที่อ่อนแอที่สุด

ในครึ่งปี...เขาทะลวงเส้นทางไปทั้งทวีปราวกับดารารุ่ง แต่วันนี้เขากลับถูกส่งกลับไปยังจุดเริ่มต้น...เขายังคงเป็นบุรุษผู้อ่อนแอเมื่อครึ่งปีที่แล้วเช่นเดิม

หลิวกวงที่เกรงกลัวซือหยูหัวเราะอย่างควบคุมมิได้

“มังกรกับหนอน...ฮ่าๆๆๆ ข้าพูดถูกจริงๆด้วย ข้าหลิวกวงคือมังกร...และเจ้าจะเป็นมดปลวกไปตลอดกาล!”

ความกังวลบนใบหน้าหลิวกวงหายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะอันยินดี

ดวงตาซือร่งเยือกเย็น

“กั้นขวางเจ้ากับเซี่ยนเอ๋อคือตัวเลือกที่ดีแล้ว!”

ซือหยูรู้สึกถึงสายตามากมายที่คอยจับจ้อง แต่เขาก็เงียบกริบ...เขาอ่อนล้าเกินกว่าจะโต้ตอบถ้อยคำเหยียดหยาม

คำว่า ‘วิญญาณไร้ค่า’ ได้ตัดสินชะตาซือหยู

ขณะที่อีกหลายคนจะได้ไปยังทวีปเฉินหลงและทิ้งร่องรอยแห่งตนไว้ประดับฟ้าดิน...แต่ผู้ชนะการต่อสู้แห่งศตวรรษกลับต้องพบความโดดเดี่ยว อ้างว้าง...และถูกลิขิตให้เป็นมดปลวกไปชั่วกาล

แสงตะวันยามบ่ายคล้อยสาดร่างซือหยู ก่อให้เกิดเงาเดียวดายทอดยาวออกไป ไม่มีใครคิดอีกแล้วว่าเขาคือราชันย์แห่งศตวรรษ

“พี่หยู”

เสียงอ่อนโยนแผ่วเบา มืออันอบอุ่นนุ่มละมุนคว้าฝ่ามือของเขา

แม้จะอ่อนโยน แต่ก็เด็ดเดี่ยวและมีพลัง มันส่งผ่านความอบอุ่นไปยังวิญญาณซือหยู

เซี่ยจิงหยูเปล่งประกายและงดงามเมื่อกุมมือซือหยูอย่างกล้าหาญ

“โลกใบนี้ยังมีข้า ใครสนกันว่ามันจะเป็นเกาะน้อยหรือแผ่นดินใหญ่ ข้าจะติดตามพี่หยูไปทุกหนแห่ง”

ซือหยูหวั่นไหว ณ จุดต่ำสุดของชีวิต...ความงดงามของนางก็ยังคงอยู่กับเขา

ขีวิตที่ไม่มีนางคงจะเปล่าเปลี่ยวอย่างยิ่ง

ซือหยูจับมืออันอ่อนโยนของนางและนิ่งไปชั่วครู่...จากนั้นก็มองไปยังเคาฉวน

“ทดสอบนาง...เจ้าจะไม่ผิดหวัง”

เคาฉวนขมวดคิ้ว

“นางงั้นรึ? แก้วทดสอบวิญญาณใช้ได้เพียงแปดครั้ง เหตุใดข้าจะต้องสิ้นเปลืองมัน?”

เซี่ยจิงหยูกุมมือซือหยูแน่น

“นั่นไม่จำเป็นหรอก”

นางยืนกราน

เคาฉวนไม่สนใจคำของเซี่ยจิงหยู เขาหันมามองและนำแก้วทดสอบมาข้างหน้า

“หึหึ...เห็นแก่เจ้าที่โศกเศร้าเช่นนี้...ข้าจะให้โอกาสเจ้าและให้นางทดสอบ”

เขายั่วยุ

“พี่หยู...ข้าไม่อยากจะ...”

เซี่ยจิงหยูปฏิเสธ

ซือหยูมิสนใจนางและวางมือนางลงบนแก้วทดสอบ เขาดูสุขุมและยิ้มอย่างน่าสงสาร

“หากวันหนึ่งเจ้ากลับมาจากเฉินหลง...โปรดบอกข้าด้วยว่าโลกภายนอกเป็นเช่นใด...”

แสงสีชาดเปล่งประกายพร้อมถ้อยคำบนแก้วทดสอบ!

“วิญญาณทมิฬระดับสูง!”

เคาฉวนที่ไม่คาดคิดถึงเหตุการณ์เช่นนี้นิ่งเป็นไก่ตาแตก!

คุณสมบัติระดับทมิฬนั้นหายากอย่างยิ่งยวดในสำนักหลิวเซี่ยน รวมเคาฉวนไปแล้วก็มีเพียงศิษย์ไม่กี่คนที่มีวิญญาณทมิฬ

และระดับทมิฬขั้นสูงนั้นก็คือระดับที่ดีที่สุดในสำนัก! มีเพียงคนเดียวเท่านั้นในสำนัก...นั่นก็คือศิษย์ระดับสูงสุดในสำนักหลิวเซี่ยน!

ตัวตนของนางจะต้องสร้างความโกลาหลให้กับสำนักแน่!

เคาฉวนคิด...หากเขาพานางไปอยู่ภายใต้การชี้แนะของอาจารย์เขาได้...เขาจะได้รางวัลเป็นอะไรกันนะ?

เขามิได้สังเกตเลยว่าเซี่ยจิงหยูหน้าแดงและจ้องมองซือหยูทั้งน้ำตา

“พี่หยู...จะอยู่ที่นี่คนเดียวได้ยังไง?”

ซือหยูปล่อยเซี่ยจิงหยูอย่างแผ่วเบาและฝืนยิ้ม เขาส่ายหัว

“ข้ามีดวงตาคู่นั้นที่ช่วยให้ข้าเห็นโลกภายนอก...ข้าจะไม่โดดเดี่ยว”

เคาฉวนรีบร้อนที่จะรับรางวัล การทดสอบจบลงแล้วและพวกเขาควรจะกลับเฉินหลงอย่างรวดเร็ว

เคาฉวนยิ้มอย่างอ่อนโยนและสุภาพนอบน้อม

“ศิษย์น้อง เวลามิรอคอยพวกเรา เราจะไปกันทันที”

เขามองจ้าวกวง เหมิงหลาง และหลิวกวง

“พวกเจ้าจะยืนนิ่งกันอยู่ทำไม? ขึ้นวิหคแล้วเราจะไปกันเดี๋ยวนี้!”

หลิวกวงรู้สึกแย่ตั้งแต่ที่พบว่าเซี่ยจิงหยูมีวิญญาณทมิฬระดับสูง...เขาถูกเคาฉวนละสายตา สัญญาที่เคาฉวนให้เขาเมื่อครู่คงต้องหายไป...ทำให้เขาไม่สบายใจ

ดวงตาเซี่ยจิงหยูมิยอมคลาดซือหยู นางหลับตาไม่นาน เมื่อลืมตาอีกครั้งก็มีน้ำตาไหลรินลงมา นางยิ้ม

“พี่หยู! วันหนึ่งข้าจะกลับมาเล่าให้ฟังแน่นอน...”

นางสะอื้นไห้

เมื่อนางร้องไห้ เสียงของนางก็หายไปกับสายลม

นับจากวันนี้ไป นางจะอยู่ในโลกที่กว้างใหญ่กว่าเดิม และซือหยูก็จะกลับมาโดดเดี่ยวอีกครั้ง

“เดี๋ยวก่อน! ศิษย์น้องเคา ข้ามีหลานสาว คุณสมบัติของนางอาจจะดีมากแน่”

ซือร่งรีบพูด

เคาฉวนหงุดหงิด

“ใครสนหลานสาวเจ้ากัน? ข้าจะรีบกลับไปรายงานสำนักเดี๋ยวนี้! ลืมมันไปซะ!”

“รอหลานสาวนางเถอะ”

เซี่ยจิงหยูยังคงสับบสน

สีหน้าเคาฉวนอ่อนโยนลงทันที เขาจำเป็นต้องเคารพเซี่ยจิงหยู

“เอาล่ะ...ทำให้เสร็จแล้วจะได้รีบกลับโดยเร็ว!”

เคาฉวนโบกมืออย่างใจร้อน

ซือร่งขอบคุณเขาและรีบไปพาตัวเซี่ยนเอ๋อที่กำลังบ่มเพาะพลัง

เซี่ยนเอ๋อยังไม่รู้ว่าซือหยูมาถึงแล้ว นางไม่รู้เลยว่าท่านยายจะพานางไปไหน...นางมาถึงวิหคยักษ์ด้วยความสับสน

“วางมือเจ้าซะ”

เคาฉวนพูดห้วนๆ เขากำลังเร่งรีบ

เซี่ยนเอ๋อไม่มีเวลาดูรอบๆด้วยซ้ำ ซือร่งกดมือนางลงบนแก้วทดสอบ

แสงสีชาดเปล่งประกาย เห็นข้อความอย่างชัดเจน

“วิญญาณทมิฬระดับกลาง!”

ข้อความชัดเจนนั้นทำให้เคาฉวนที่ร้อนรนหัวเราะ

“ฮ่าๆๆๆ วิญญาณทมิฬอีกคนงั้นรึ! และยังเป็นระดับกลางอีกด้วย”

เขาได้วิญญาณทมิฬถึงสองคนในคราเดียว...เคาฉวนมิเคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

ซือร่งตัวสั่น น้ำตานองหน้า

“ดี! ดีมาก! ตระกูลซือ...ตระกูลซือมีหวังแล้ว!”

“ศิษย์น้อง...โปรดขึ้นมาที่นี่”

เคาฉวนมีความสุขมาก เขาเชิญฉินเซี่ยนเอ๋อขึ้นวิหคยักษ์ด้วยรอยยิ้ม

นางเกาหัวด้วยความสับสน นางมองไปรอบๆ นางยังไม่เข้าใจสถานการณ์ด้วยซ้ำ

ตอนนั้นเอง...ดวงตากลมโตของนางก็ได้พบกับร่างอันคุ้นเคย

ใบหน้าอันคุ้นเคย รูปลักษณ์ ร่างกาย...และเสื้อผ้าที่สวม…

แม้สีผมของเขาจะเป็นสีเงินลึกลับและดวงตาของเขากลายเป็นสีม่วง แต่แววตาของเขายังคงเป็นดังเดิมเช่นครั้งที่เขาต้องปกป้องนางจากการล้างสังหารในตำหนักเซี่ยนหยู

นางอาจจะเข้าใจผิดกับบุรุษผู้อื่น...แต่นางไม่มีวันลืมจิตวิญญาณของคนไปได้

“พี่ซือหยู!!”

นางใฝ่หาเขามานาน และวันนี้เขาก็อยู่ในสายตาแล้ว...ฉินเซี่ยนเอ้อพุ่งเข้าไปยังอ้อมแขนของซือหยู

นางมีความสุขกับอ้อมกอดอันคุ้นเคย วันที่จากลานั้นทำให้นางขุ่นเคืองใจมาตลอด นางน้ำตาไหลพราก

ซือหยูกอดเซี่ยนเอ๋อด้วยความสับสน

หลิวกวงสีหน้าเย็นชา เขาลงจากวิหคและเดินมาคว้าไหลของฉินเซี่ยนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม

“ศิษย์น้องเซี่ยนเอ๋อ...ไปกับศิษย์พี่ที่สำนักที่ใหญ่กว่านี้เถอะ เราจะฝึกฝนด้วยกัน...ดีไหม?”

เซี่ยนเอ๋อไหล่สั่น ดวงตานางเต็มไปด้วยน้ำตา นางหันศีรษะด้วยความเกรี้ยวกราด

“ข้าต้องการแค่พี่ซือหยู ข้าไม่อยากจะอยู่กับเจ้า! ออกไป!”

หลิวกวงตัวแข็งทื่อ เหตุใดซือหยูจึงสำคัญกับนางนัก? นางจึงได้โกรธเช่นนี้!

หลิวกวงถอนหายใจ

“เซี่ยนเอ๋อ...เราทั้งคู่ต่างเป็นมังกร ซือหยูมิได้รับสิทธิ์นั้น เราต่างถูกลิขิตให้แยกจาก แม้เจ้าจะรักเขา...แต่มันก็เป็นไปไม่ได้”

เซี่ยนเอ๋อคล้องแขนกับลำคอซือหยู

“ข้าไม่เชื่อหรอก! พี่ซือหยูคือชายที่เก่งที่สุด!”

เคาฉวนหรี่ตามอง

“ศิษย์น้องเซี่ยนเอ๋อ...มากับข้าเถอะ ซือหยูก็แค่มดปลวก”

“ข้าไม่เชื่อ! เอาแก้วทดสอบมาให้ข้า...พี่ซือหยูดีกว่าพวกเจ้าทุกคน!”

เซี่ยนเอ๋อยื่นมือขอแก้วทดสอบ

“ข้าจะทดสอบเขาเป็นครั้งสุดท้าย...แต่หลังจากนั้นเจ้าจะต้องมากับข้า”

เคาฉวนรีบร้อนเล็กน้อย แต่สองสตรีที่นับว่ามีความสามารถเหตุใดจึงมีสัมพันธ์เน่นเฟ้นกับซือหยูนัก?

เซี่ยนเอ๋อลูบคาง นางโอบกอดแก้วทดสอบและดันไปหาซือหยูอย่างคาดหวัง

“พี่ซือหยู ลองทดสอบเร็ว บอกพวกเขาว่าพี่คือคนที่แกร่งที่สุด!”

ในใจนาง...ซือหยูคือคนที่มิอาจถูกแทนที่

ซือหยูลูบหัวนางด้วยความรัก

“เซี่ยนเอ๋อ ไปกับจิงหยูก่อนเถอะ หากข้าสะสางเรื่องที่นี้เสร็จ..ข้าจะตามไป...ตกลงไหม?”

เขาไม่ปรารถนาจะให้เซี่ยนเอ๋อเห็นเขา ณ จุดต่ำสุดดของชีวิต

“พี่ซือหยูจะไม่ลองตอนนี้งั้นรึ? บอกคนพวกนี้ไปสิว่าพี่ซือหยูคือคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด”

เซี่ยจิงหยูน้ำตานอง

“เซี่ยนเอ๋อ...พี่ซือหยูมีพลังงดงามเหนือพวกเราทุกคน...จะต้องมีคนที่แกร่งกว่านี้พาเขาตามเราไปแน่ เราจะไปกันก่อน...แล้วพบกันในอีกไม่นาน...”

“เช่นนั้นหรือ...”

เซี่ยนเอ๋อยิ้มและขึ้นหลังวิหคยักษ์อย่างไม่สนใจใคร

“ดั่งคำข้า...พี่ซือหยูยอดเยี่ยมที่สุด!”

เซี่ยนเอ๋อโบกมือและหัวเราะ

“พี่ซือหยู รีบตามพวกเรามาเร็วๆนะ!”

ก่อนจะบินจากไป เซี่ยนเอ๋อนึกถึงอะไรขึ้นมาได้และนำขวดหยกจากเสื้อของนางออกมาขว้างให้ซือหยู

เซี่ยนเอ๋อหน้าแดง นางเขินอายเล็กน้อย

“นั่น...ท่านย้ายให้พี่ ใช่แล้ว...เป็นท่านยาย..มิใช่ข้า”

เขารับไว้มัน มันคือโอสถวิญญาณระดับสวรรค์และระดับเทพ ทั้งสองขวดเต็มไปด้วยรอยแตกและความหดหู่ราวกับว่าต้องต่อสู้เพื่อแย่งมันมา

ซือหยูตาแดงก่ำ...ซือร่งไม่มีทางให้โอสถกับเขาแน่

ขวดโอสถเหล่านี้จะต้องถูกเซี่ยนเอ๋อจงใจรวบรวมเก็บไว้ให้เขาแน่

แต่ละขวดนั้นเต็มไปด้วยความรักอันไร้เดียงสาจากเซี่ยนเอ๋อ

เซี่ยนเอ๋อ….

ความเจ็บปวดในจิตใจเอ่อล้นออกมา

เคาฉวนที่ร้อนรนรีบสั่งให้วิหคยักษ์ทะยานขึ้นท้องนภา

ซือหยูมองวิหคยักษ์บินจากไป ไกลขึ้นและไกลขึ้น ซือหยูมองดูจนมันกลายเป็นจุดทมิฬบนท้องนภาและหายไปจากเส้นขอบฟ้า

น้ำตาไหลพรากจากดวงตาซือหยู ความเจ็บปวดโอบล้อมดวงใจ

เขาเข้มแข็งมาจนถึงวันนี้ ใบหน้ายังคงสุขุมรอบคอบ

แต่ในวันนี้...การอำลาเซี่ยนเอ๋อกับจิงหยูยากที่เขาจะข่มความโศกเศร้าไว้ได้ ราวกับว่าโลกหันหลังให้กับเขา ทิ้งเขาไว้เบื้องหลังในห้วงอันเยือกเย็น

“เซี่ยนเอ๋อ...”

ซือหยูกำหมัดแน่น เขาข่มความโศกเศร้าและความรู้สึกที่ต้องพบกับความไม่ยุติธรรมเอาไว้

ลี่กวงตกใจอยู่นาน เขาทั้งสงสารและเห็นใจ เขาถอนหายใจอย่างแผ่วเบา

“ซือหยู...เจ้าต้องดูแลตัวเอง ช่วงชีวิตธรรมดามิได้หมายความว่าเจ้าจะมิอาจสุขใจได้”

เรื่องกลายมาเป็นเช่นนี้...ลี่กวงมิอาจหาถ้อยคำปลอบใจได้เลย

ชะตาซือหยูช่างไม่ยุติธรรม

ในตอนนั้นเอง ลี่กวงก็มองไปยังแก้วทดสอบในมือซือหยู แสงสีชาดแสดงข้อความ ‘วิญญาณไร้ค่า’ เขาถอนหายใจ

“ซือหยู...หากเจ้าไม่มีที่ไป เจ้าจะกลับไปที่วิหารก็ย่อมได้...อ๊ะ!”

ลี่กวงร้องเสียงหลงอย่างประหลาดใจ!

เขามองข้อความ ‘วิญญาณไร้ค่า’ ที่สูญเสียแสงสว่างและพบกับข้อความอื่นมาแทนที่!

ซือหยูพบสิ่งที่เกิดขึ้นบนแก้วทดสอบเช่นกัน...เขาสีหน้าหม่นหมอง

ข้อความสองคำค่อยๆ ปรากฏพร้อมกัน มองจากความยาวแล้วมันมิใ่คำว่า ‘วิญญาณไร้ค่า’ แต่เป็นคำอื่น

หรือนี่...จะเป็นคุณสมบัติซือหยูที่แท้จริง?

เมื่อข้อความชัดเจนขึ้น...หัวใจซือหยูก็เต้นแรง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด