ตอนที่แล้วGE43 ยกระดับวิญญาณ หลอมสร้างสมบัติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE45 ร้องขอปรมาจารย์ปรุงโอสถ

GE44 หลอกลวงผู้คน หลอกลวงตนเอง


 

รุ่งเช้ามาเยือน หมอกยามเช้าปกคลุม สามกองทัพเทพปีศาจทมิฬออกไปนอกเมืองและเริ่มฝึกฝน

 

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หนางหยางสื่อและหลู่หนานสื่อได้นำทัพปราการใต้ออกมา

 

หนานหยางสื่อดูไม่สนชื่นนัก เพราะเมื่อคืนมันไม่ได้นอนหลับสบาย แต่หลู่หนานสื่อกลับเผยสีหน้าตื่นเต้น วันนี้มันจะทำให้หนิงฝานตกใจในทัพปราการใต้ของมัน

 

“สหายเต๋าหลู่หนานสื่อ ดูเหมือนเมื่อคืนเจ้าไม่ได้นอน” หนานกงยิ้มพลางกล่าวด้วยแววตาที่เฉียบคม

 

“สหายเต๋าหนานกงสนใจด้วยหรือ... ข้าจะไปหลับสบายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนสหายเต๋าหนานกงได้อย่างไร” หลู่หนานสื่อกล่าว มันรู้ว่าหนานกงกำลังเหน็บแนมมัน

 

“สหายเต๋าหลู่ ท่านกล่าวราวกับท่านกำลังโกรธ”

 

“ข้าขอถามท่าน... การที่ท่านกลายเป็นทาสของนายน้อย...ผู้ใดควรถูกตำหนิ? หากไม่เพราะท่านคิดลงมือกับเมืองหนิง ท่านจะมีชะตากรรมเช่นนี้หรือไม่? ข้ารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นทำให้ท่านไม่พอใจ แต่ทั่งหมดนั่น...ท่านตำหนิได้เพียงตนเอง”

 

หนานกงกล่าวเพื่อเตือนสติของหลู่หนานสื่อ เดิมทีมันตำหนิไปเสียทุกสิ่ง แต่ยามนี้ความรู้สึกเหล่านั้นได้ลดน้อยลงแล้ว มันถอนหายใจก่อนกล่าว “อืม... ข้าตำหนิได้เพียงตนเองที่ทำให้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้...ต่อให้ข้าตาย ข้าก็ตำหนิได้เพียงตนเองเท่านั้น”

 

คำกล่าวของหนานกงแสดงให้เห็นถึงความห่วงใย ในเมื่ออีกฝ่ายให้มีปัญหา มันเองย่อมรับรู้ได้

 

“สหายเต๋าหลู่อาจเข้าใจผิด บางทีการเป็นผู้ติดตามเช่นข้าอาจมิใช่หายนะ...แต่เป็นโชคของท่าน”

 

“...”  หลู่หนานสื่อไม่กล่าว การถูกอีกฝ่ายจับตัว ประทับตราวิญญาณ และกลายเป็นทาส อนาคตย่อมมืดมน เหตุใดจึงกล่าวว่าเป็นโชค? หรือคำกล่าวนั้นเป็นเพียงคำกล่าวเลื่อนลอย

 

“ฮ่าฮ่า.. ได้ยินว่าทหารของสหายเต๋าหลู่แข็งแกร่ง ท่านต้องการให้ทหารของเราประชันกันหรือไม่?” หนานกงยิ้มพลางกล่าว แววตาดูราวกับอ่านใจของคนได้

 

ให้ทหารประชัน? เหตุที่หลู่หนานสื่อมาให้วันนี้ก็เพราะต้องการให้ทหารของตนประชันกับอีกฝ่ายเพื่อกู้ชื่อเสียง

 

แววตาของหลู่หนานสื่อเป็นประกายดูมีชีวิตชีวา มันเร่งสั่งให้กองทัพของตนจัด ‘กระบวนทัพสูญสิ้นจันทรา’

 

เดิมทีทัพปราการใต้ต้องมีจำนวน 500 คนเพื่อทำให้กระบวนทัพสมบูรณ์ กระบวนทัพสูญสิ้นจันทราคือกระบวนทัพที่ ‘ล้อม 3 เหลือ 1 ‘ จากนั้นจึงสังหารอย่างโหดเหี้ยม แต่ด้วยยามนี้คนไม่พอ หลู่หนานสื่อจึงเปลี่ยนกระบวนทัพสูญสิ้นจันทราให้เป็น ‘ป้องกัน 3 เหลือ 1’ เพื่อป้องกันการจู่โจมทั้งหมด ทำให้ทัพของตนมีการป้องกันที่ทรงพลัง นับว่าหลู่หนานสื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญการศึกที่ไม่ธรรมดา

 

ยามนี้หนานกงบังเกิดความคิดบางอย่าง มันเห็นว่าหลู่หนานสื่อเป็นผู้มีพรสวรรค์ หากทำให้มันยอมจำนนได้ หนิงฝานจะได้ผู้ที่ทรงพลังเข้าร่วม เมื่อ 40 ปีก่อน หนานกงเป็นที่รู้จักในนาม ‘ทำลายชะตาสวรรค์’ มันเป็นผู้รับใช้และผู้แนะนำหานหยวนจี๋ เป็นผู้นำทัพที่สามารถบัญชาการได้ทุกสถานการณ์อย่างสุขุม ดังนั้นมันจึงถือเป็นปีศาจคนหนึ่ง เดิมทีมันเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้นที่ครอบครองเส้นชีพจรจิตวิญญาณสวรรค์อัสนี แต่มันยังครองครองเส้นชีพจรจิตวิญญาณน้ำแข็งที่ทำให้บุคลิกแปรเปลี่ยนได้

 

อัสนีทำให้ผู้คนหวาดกลัว น้ำแข็งทำให้ผู้คนสงบ ด้วยเหตุนั้นมันจึงเก็บซ่อนหัวใจแห่งปีศาจของมันเอาไว้ ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกราวกับมันเป็นบุรุษผู้หล่อเหลาและใจดี

 

หนานกงเป็นผู้ที่มองคนออก ยุ่ยฉีนั้นซื่อสัตย์และอุทิศทั้งกายใจ ส่วนซื่อถูจงรักภักดีแต่กล่าวน้อย

 

การที่หานหยวนจี๋ยอมยกหนานกงให้เป็นผู้ติดตาม นับว่าหนิงฝานได้สมบัติมาครองแล้ว

 

“หากจะให้อีกฝ่ายยอมจำนวนต้องลบล้างความยิ่งทะนงของมันก่อน...” แววตาของหนานกงเป็นประกายราวกับอัสนี มันจ้องมองหลู่หนานสื่อราวกับหมาป่าจ้องกินลูกแกะ

 

“สหายเต๋าหนานกง เหตุใดเจ้ามองข้าเช่นนั้น... หรือเพราะกระบวนทัพสูญสิ้นจันทราของข้ายังไม่ดีพอ?” จิตใจของหลู่หนานสื่อสั่นสะท้าน แม้หนานกงเบื้องหน้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง แต่ความรู้สึกกลับบอกมันว่า หนานกงคือผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น

 

“กระบวนทัพของสหายเต๋าหลู่ช่างเลิศล้ำ...หนานกงนับถือ แต่สหายเต๋าหลู่อาจจะยกย่องกระบวนทัพของสามกองทัพเทพปีศาจทมิฬของข้ามากกว่า”

 

“สามกองทัพเทพปีศาจทมิฬ! ช่างคุ้นนัก ราวกับเคยได้ยินที่ใดมาก่อน...”

 

หลู่หนานสื่อส่ายหน้า มันคิดไม่ออก เมื่อ 40 ปีที่แล้ว สามกองทัพเทพปีศาจทมิฬมีชื่อเสียงมาก พวกมันกลับคล้ายราชินีแห่งรัตติกาลที่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว

 

ยามนี้หลู่หนานสื่อจ้องมองกระบวนทัพของสามกองทัพเทพ แม้หนานกงไม่ได้ออกคำสั่ง แต่เหล่าทหารกลับจัดกระบวนทัพได้แล้วเสร็จภายในไม่กี่ลมหายใจ

 

“รวดเร็วยิ่งนัก!” แววตาของหลู่หนานสื่อเผยถึงความประหลาดใจ เพราะความเร็วในการจัดกระบวนทัพเช่นนี้ ในแคว้นเยว่มีไม่ถึง 3 กองทัพที่ทำได้

 

เมื่อมันเพ่งพิศกระบวนทัพ มันกลับตกตะลึง เพราะกระบวนทัพที่สามกองทัพเทพปีศาจทมิฬแสดงออกมานั้น เป็นกระบวนทัพโบราณ!

 

อันได้แก่ ‘กระบวนทัพหยินหยาง’ ‘กระบวนทัพสามกระบี่สังหาร’ และ ‘กระบวนทัพจักรพรรดิน้ำแข็งสี่ประสาน’!

 

สามกระบวนทัพนี้เป็นกระบวนทัพที่ยิ่งใหญ่ ยากนักจะปรากฏ แต่สิ่งที่ทำให้มันตกตะลึงที่สุดคือ กระบวนทัพโบราณทั้งสามได้ถูกปรับเปลี่ยนให้สมบูรณ์มากขึ้น

 

ตั้งแต่ครั้งที่กระบวนทัพโบราณทั้งสามปรากฏ เมื่อส่งต่อมายังรุ่นสู่รุ่น ได้มีการปรับเปลี่ยนให้กระบวนทัพเหล่านั้นสมบูรณ์อย่างต่อเนื่อง

 

หลังจากพิเคราะห์อย่างถ้วนถี่ หลู่หนานสื่อพบว่าผู้นำสามกองทัพเทพปีศาจทมิฬอาจเป็นผู้แก้ไข

 

ด้วยความรู้และประสบการณ์ในการจัดกระบวนทัพของมัน มันรู้ว่ากระบวนทัพโบราณทั้งสามนี้ได้ถูกปรับเปลี่ยนไม่น้อย แม้ไม่ทราบว่าทำได้อย่างไร แต่การปรับปรุงกระบวนทัพไม่ใช่เรื่องธรรมดา

 

“ขอข้าถาม... ถามสหายเต๋าหนานกงได้หรือไม่ว่าผู้ใดเป็นผู้ปรับปรุงกระบวนทัพเหล่านี้...” หลู่หนานสื่อกลืนน้ำลาย มันเลิกยิ่งทะนงในตนเองแล้ว เพราะหากอีกฝ่ายสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนทัพโบราณได้ นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายคือปรมาจารย์กระบวนทัพอย่างแท้จริง

 

“ย่อมได้... กระบวนทัพนี้ได้รับการปรับปรุงอย่างท่านว่า แต่ผู้ที่ปรับปรุงนั้น...คือเจ้าเมืองของเรา!”

 

“เห้อ... คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้าเมือง! การปรุงโอสถของเจ้าเมืองล้ำเลิศก็จริง แต่ยากนักที่จะมีความสามารถในการปรับปรุงกระบวนทัพได้อย่างลึกซึ้งเช่นนี้! เป็นไปได้อย่างไร...ทุกคนย่อมมีขีดจำกัดเป็นของตน แต่หากกล่าวถึงเรื่องเต๋าแห่งกระบวนทัพ ทั้งชีวิตของข้าไม่เคยเห็นผู้ใดทำได้เช่นนี้มาก่อน อย่างน้อยข้าก็กล้ากล่าวว่าในโลกพิรุณไม่มีบุคคลเช่นนี้อยู่!”

 

“หากโลกพิรุณไม่มี...แล้วโลกที่สูงชั้นกว่ามีหรือไม่?” หนานกงยิ้ม แม้ลักษณะของหนานกงจะดูคล้ายบุรุษขี้อาย แต่คำกล่าวกลับคล้ายอัสนีสวรรค์ฟาดผ่าลงข้างหูของหลู่หนานสื่อ

 

หนานหยางสื่อที่อยู่ไม่ไกลออกไปก็เผยสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน

 

ปีศาจทมิฬหนิง...นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 เป็นคนของสี่แดนสวรรค์เช่นนั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้น การที่บรรลุทั้งเต๋าแห่งโอสถและเต๋าแห่งกระบวนทัพย่อมไม่ถือเป็นเรื่องแปลก การที่หนานหยางสื่อและหลู่หนานสื่อได้เป็นทาสของหนิงฝาน ย่อมเป็นโชคลาภของพวกมัน

 

ผู้คนจำนวนมากมีความฝันที่จะได้เป็นทาสรับใช้ของเซียนในแดนสวรรค์ทั้งสี่ เพียงแต่เซียนเหล่านั้นย่อมไม่ปรายตามองพวกมัน

 

หลู่หนานสื่อและหนานหยางสื่อจ้องมองกันด้วยสีหน้าประหลาดใจ

 

ยามนี้พวกมันรู้แล้วว่าคนไม่ได้โชคร้าย การที่พวกมันได้เป็นทาสรับใช้ของบุคคลที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น ในอนาคตพวกมันอาจได้ก้าวไปยังแดนสวรรค์ทั้งสี่ ได้เป็นเซียนที่แท้จริง

 

ยามนี้แววตาของพวกมันไร้ซึ่งความเศร้าโศก ไร้ซึ่งความเกลียดชัง ไร้ซึ่งความเย่อหยิ่งจองหอง มีเพียงความตื่นเต้นที่ไม่อาจบอกบรรยาย

 

การได้เป็นทาสรับใช้ของปีศาจทมิฬหนิงนับเป็นลาภอันประเสริฐ!

 

หนานกงยิ้ม เพียงคำกล่าวไม่กี่คำกลับทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนความคิดได้ นี่นับเป็นครั้งแรกที่หลู่หนานสื่อและหนานหยางสื่อรู้สึกยอมจำนนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และต่อให้พวกมันไม่มีตราประทับวิญญาณ พวกมันจะไม่ทรยศหนิงฝานเด็ดขาด

 

หนานกงยิ้ม ซื่อถูแสดงสีหน้าเรียบเฉย แต่ยุ่ยฉีกลับขดปากแล้วด่าทอหนานกงในใจ

 

มันรู้ดีว่านายน้อยของมันไม่ใช่คนของแดนสวรรค์ทั้งสี่ แต่เป็นผู้ที่มากพรสวรรค์

 

“พี่ใหญ่หนานกงหลอกลวงผู้คนอีกแล้ว... ในอดีตพี่ใหญ่เคยหลอกลวงสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองฉีเหม่ย และยามนี้กลับยังหลอกลวงทาสรับใช้ของนายน้อย...”

 

แต่ที่น่าเศร้าคือหนานกงยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น

 

“สหายเต๋าหลู่ สหายเต๋าหนานหยาง พวกท่านลองมองข้า...ตัวข้าหนานกงเป็นอย่างไรบ้าง? พวกท่านอาจไม่ทราบ เมื่อ 300 ปีก่อนข้าได้แต่ตำหนิตนเองที่ยั่วยุท่านเจ้าเมืองกระทั่งตนเองกลายเป็นทาส เมื่อครั้งนั้นข้าปรารถนาความตาย ข้าหลงคิดว่าตนเองจะไร้ซึ่งโอกาสได้แสดงพรสวรรค์ แต่พวกท่านดูข้ายามนี้... ข้าได้กลายเป็นผู้นำของสามกองทัพเทพปีศาจทมิฬ ทั้งท่านเจ้าเมืองยังยกย่องข้า! หากพวกท่านสวามิภักดิ์กับท่านเจ้าเมืองทั้งกายใจ ท่านจะหลุดพ้นจากคำว่าทาส และกลายเป็นผู้ที่ได้รับผิดชอบหน้าที่สำคัญเช่นข้า ดังนั้น การที่พวกท่านจะได้กลายเป็นเซียนอาจไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป!”

 

“อะไรนะ!? สหายเต๋าหนานกงเคยเป็นทาส? นี่ช่าง...”

 

หลู่หนานสื่อและหนานหยางสื่อตกตะลึงกระทั่งอ้าปากค้าง ชะตาชีวิตช่างผกผัน!

 

หนานกงเป็นทาส 300 ปีกระทั่งได้รับความเชื่อใจจากปีศาจทมิฬหนิง มอบหมายหน้าที่สำคัญให้ดูแล เช่นนั้นวันหนึ่ง...ปีศาจทมิฬหนิงอาจปลดตราประทับวิญญาณ ปลดปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระ และได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญ

 

“พวกข้าทั้งสองยอมรับเจ้าเมืองทั้งกายใจ... สหายเต๋าหนานกง ไม่ทราบว่าท่านเจ้าเมืองชื่นชอบสิ่งใด ฮ่าฮ่า... หากท่านยอมบอกพวกข้า พวกข้าย่อมต้องตอบแทนท่าน...”

 

หลู่หนานสื่อและหนานหยางสื่อหยิบกระเป๋าเก็บของของตนออกมา ภายนั้นมีหยกสวรรค์ 2000 ก้อน ยื่นส่งให้กับหนานกงอย่างทราบซึ้งใจ

 

ส่วนหนานกงก็รับกระเป๋าทั้งสองใบมาอย่างซึ้งใจก่อนกล่าว “สหายเต๋าหลู่ สหายเต๋าหนานหยาง พวกท่านสุภาพเกินไปแล้ว... ฮ่าฮ่า ในเมื่อพวกท่านจริงใจต่อข้า ข้าย่อมต้องจริงใจต่อพวกท่าน... ด้วยที่ข้าเป็นทาสมานาน จึงรู้ว่าเจ้าเมืองชื่นชอบสิ่งใด...”

 

ยุ่ยฉีจ้องหนานกงเขม็ง เพียงคำกล่าวไร้สาระไม่กี่คำกลับทำให้หนานกงได้หยกสวรรค์ถึง 4000 ก้อน... หนานกงนับเป็นนักตุ้มต๋นโดยแท้!

 

แล้วหนานกงก็เริ่มกล่าววาจาไร้สาระ ราวกับตนเองใกล้ชิดกับหนิงฝานมาก แต่นั่นกลับทำให้หลู่หนานสื่อและหนานหยางสื่อตกตะลึงทั้งมีความสุข

 

“อะไรนะ? เจ้าเมืองชื่นชอบสตรีเช่นนั้นรึ? อืม... หากมีโอกาสข้าจะหากระถางขัดเกลาที่งดงามถวายให้เจ้าเมือง”

 

“อะไรนะ? เจ้าเมืองชื่นชอบความมั่งคั่ง? อืม..ดี ข้าเองก็ชื่นชอบเช่นกัน ดูเหมือนข้าจะเข้ากับเจ้าเมืองได้ดี”

 

“อะไรนะ? เจ้าเมืองชื่นชอบชุดชั้นในสตรี? นี่...ออกจะดูแปลกไป”

 

“อะไรนะ? เจ้าเมืองชื่นชอบแอบดูสตรีอาบน้ำ?”

 

...

 

หนานกงยังหลอกลวงทั้งสองต่อ แต่แววตากลับเผยถึงความกังวล เพียงนั่นกลับทำให้อีกฝ่ายคิดว่ามันคือความจริงใจและจงรักภักดี ดังนั้นที่หนานกงกล่าวมาจึงทำให้หนิงฝานดูไม่เป็นอันตรายแม้แต่น้อย

 

แต่ยามนี้ยังมีอันตรายที่ซ่อนอยู่ โดยที่หนานกงไม่ทราว่าจะจัดการอย่างไร

 

เจ้าเมืองหนิง ปีศาจทมิฬหนิง หนิงฝาน... หนานกงไม่ทราบว่าจะปิดซ่อนเรื่องนี้อย่างไร แม้มีคนไม่มากที่รู้จักกองทัพเทพปีศาจทมิฬ แต่หากนิกายต่างๆส่งคนมาขอให้หนิงฝานปรุงโอสถ อาจมีบางคนที่จดจำที่กองทัพเทพปีศาจทมิฬ และเดาตัวตนของหนิงฝานออกว่าเป็นศิษย์คนใหม่ของหานหยวนจี๋

 

แต่ถึงอย่างนั้น วันนี้ยังไม่เกิดเรื่องใดๆเกิดขึ้น  แม้ผู้ที่เคยพบเห็นหนิงฝานมีไม่มาก แต่หากเทียบกันแล้วยังนับว่ามากอยู่ดี

 

“ไม่รู้ว่านายน้อยจะปิดซ่อนสถานะปีศาจทมิฬหนิงอย่างไร... หากคนอื่นๆรู้ว่านายน้อยเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง ไม่ว่านิกายฝ่ายอธรรมหรือธรรมะย่อมต้องเข้าจู่โจมนายน้อย... แต่ต่อให้เป็นเซียนจากแดนสวรรค์ทั้งสี่ ผู้ใดที่กล้าลงมือกับนายน้อย ข้าหนานกงจะปกป้องด้วยชีวิต!”

 

 

ภายในเมืองหนิง หนิงฝานเปิดประตูห้องออกมาโดยที่ใบหน้าไม่ได้มีผ้าปกปิด ที่ข้างกายของหนิงฝานฝั่งหนึ่งเป็นจื่อเฮ่อ อีกฝั่งเป็นชายชราในชุดคลุมดำ

 

ใบหน้าของชายชราผู้นี้ดูคล้ายกับหนิงฝาน ใบหน้าปกปิดด้วยผ้าคลุมทำให้ไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่แท้จริง หากไม่เอาผ้าคลุมหน้าออก คนอื่นๆย่อมคิดว่าชายชราคือหนิงฝาน ที่สำคัญ ชายชราผู้นี้ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสุดท้าย

 

ชายชราผู้นี้ดูคล้ายสตรี เรือนร่างบอบบาง น้ำเสียงไพเราะน่าฟัง

 

“นายท่าน... เหตุใดท่านให้ซือซือใช้ ‘วิชาลับจำแลงกาย’ แปรเปลี่ยนเป็นชายชราที่อัปลักษณ์เช่นนี้ ซือซือไม่ชอบ ซือซือไม่อยากเป็นชายชรา...”

 

ชายชราที่ว่าคือซื่อหวูเสียที่ใช้วิชาจำแลงกาย

 

“ซือซือ เจ้าต้องเชื่อฟังข้า...” หนิงฝานปวดหัวกับนาง

 

จากที่เห็น หนิงฝานจะให้ซื่อหวูเสียปลอมตัวเป็นปีศาจทมิฬหนิง การทำเช่นนี้ทำให้ปกปิดได้อย่างง่ายดาย

 

ยามนี้ทหารในสามกองทัพเทพปีศาจทมิฬรู้ว่าหนิงฝานคือปีศาจทมิฬหนิง ต่อให้ปกปิดความลับดีขนาดไหนย่อมยากที่จะป้องกันไม่ให้มันหลุดรอด

 

การจะปลอมสถานะของปีศาจทมิฬหนิง หนิงฝานต้องหลอกลวงคนของตนก่อนว่า หนิงฝานไม่ใช่ปีศาจทมิฬหนิง

 

ปีศาจต้องหลอกลวง หากไม่หลอกลวงก็ไม่รอด คำสอนของหานหยวนจี๋ปรากฏขึ้นในใจของหนิงฝานอีกครั้ง

 

เมื่อสร้างตัวปลอมของปีศาจทมิฬหนิงแล้ว ย่อมถึงคราวที่หนิงฝานจะต้องบอกกองทัพของตนว่าเขาไม่ใช่ปีศาจทมิฬหนิง!

 

การพบปะผู้คน หนิงฝานจะให้ซื่อหวูเสียช่วยรับหน้า ส่วนเรื่องการปรุงโอสถ ตนเองจะเป็นผู้ลงมือ หากให้ซื่อหวูเสียที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสุดท้ายเป็นปีศาจหนิง ต่อให้นิกายฝ่าอธรรมหรือธรรมะก็ไม่อาจยั่วยุ

 

วิธีการของหนิงฝานนับเป็นเล่ห์กลที่ล้ำเลิศ เหมือนกับการทำให้ศพกลับมาชีวิตใหม่

 

ก่อนหน้าที่ซื่อหวูเสียจะกลายเป็นทาสของหนิงฝาน นางแกล้งทำตัวเป็นบุรุษมานานหลายปี ทำให้นางเชี่ยวชาญทักษะด้านนี้เป็นพิเศษ ยิ่งด้วยยามนี้ ไม่ว่านางจะแสดงสีหน้าอย่างไรก็ดูคล้ายหนิงฝาน

 

แต่มีอยู่หนึ่งสิ่งที่ทำให้หนิงฝานปวดหัว นั่นเพราะยามที่นางกล่าว นางกล่าวด้วยน้ำเสียงสตรีที่นุ่มนวลและไพเราะ

 

“ซือซือ... ยามเจ้าอยู่กับผู้อื่น จำไว้ว่าห้ามกล่าวอะไรเด็ดขาด”

 

“หากไม่ให้กล่าวซือซืออึดอัด... น่าเบื่อด้วย” นางขดปาก

 

“หากเจ้ากล่าวข้าจะฆ่าเจ้า” หนางฝานตัดสินใจขู่นาง

 

“ฆ่าข้า...ไม่กล่าวก็ได้...ซือซือจะอดทน” นางเอามือปิดบางในท่าทีที่น่ารักราวกับสาวน้อย แต่น่าเสียดาบที่ยามนี้นางอยู่รูปลักษณ์ของชายชรา

 

หนิงฝานขมวดคิ้ว นางเชื่อฟังหนิงฝานเป็นอย่างดี ทำให้นานไป หนิงฝานยิ่งไม่กล้าทำอะไรนาง

 

เหตุใดเป็นเช่นนี้ เมื่อลบความทรงจำของนาง นางกลับกลายเป็นสาวน้อยบริสุทธิ์ แต่หากไม่ลบความทรงจำของนาง ย่อมยากจะกล่าวว่านางจะทำเรื่องอันตรายร้ายแรงอันใด... เพราะร่างจริงของนางในแดนสวรรค์ทั้งสี่ เป็นถึงแม่ชีพรหมจรรย์

 

“ในอนาคตข้างหน้าจะทำอย่างไรกับนางดี...”

 

ขณะที่หนิงฝานขบคิด จื่อเฮ่อที่อยู่ข้างกายกลับจ้องมองหนิงฝานและซื่อหวูเสียแปลกๆ

 

‘พี่ฝานนำพี่ซือซือมาจากที่ใด... แม้ข้าไม่ทราบที่มา แต่พี่ซือซือดีกับพี่ฝานมาก... จริงสิ...เรื่องศพของนางสวรรค์ พี่ฝานไปนำมาจากที่ใด ไม่ว่าอย่างไรครั้งหน้าข้าจะไม่ยอมให้พี่ฝานทำแบบนั้นกับศพอีก’

 

...

 

ในขณะนั้นเอง ผู้เชี่ยวชาญจากรอบทิศต่างมุ่งตรงมายังเมืองหนิง ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้บ้างเป็นศิษย์นิกายกุ่ยเชว่ บ้างเป็นผู้อาวุโสของนิกายอื่นๆ

 

ปีศาจทมิฬหนิงคือผู้ใด? พวกมันต้องเห็นด้วยตาของตนให้ได้!...

 

“มีนายน้อยสองคน!”

 

ยุ่ยฉีเกาหัวด้วยความึนงง ชายชราในชุดดำและหนิงฝานนั้นคล้ายกันมาก

 

แต่เมื่อซื่อถูมอง ดูราวกับมันมองออก มันจ้องมองหนิงฝานอย่างมีนัย เพียงแต่ไม่กล่าวออกมา

 

ส่วนหนานกงตกตะลึงเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็จ้องมองหนิงฝานอย่างนับถือ และพยักหน้าราวกับเข้าใจเล่ห์กลของหนิงฝาน

 

“นายน้อยหลอกสามกองทัพเทพปีศาจทมิฬได้สำเร็จ! ช่างน่าสนใจ”

 

เมื่อสามกองทัพเทพปีศาจทมิฬเห็นชายชราในชุดคลุม พวกมันกลับตกตะลึง

 

“ข้าคือนายน้อยแห่งเมืองฉีเหม่ย นาม ‘หนิงฝาน’ ชายชราข้างกายข้าคือปีศาจทมิฬหนิง เป็นเจ้าเมืองหนิงแห่งนี้ และเป็นปู่ของข้า!”

 

นายน้อยหนิงไม่ใช่เจ้าเมือง? แต่เจ้าเมืองกลับเป็นปู่ของนายน้อย!

 

สามกองทัพเทพปีศาจทมิฬปั่นป่วนโกลาหล...

 

“ฮ่าฮ่า...ซือซือเป็นปู่ของนายท่าน...” ซื่อหวูเสียเกือบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ แต่หนิงฝานหยิกนางไว้และส่งสายตาเตือน

 

แววตาของหนิงฝานราวกับกำลังบอกว่า ‘หากเจ้าเปล่งเสียง ข้าจะฆ่าเจ้า’

 

แล้วซื่อหวูเสียก็ไม่กล้ายิ้มอีก ยามนี้มือข้างที่หนิงฝานสัมผัสนาง แผ่พลังสายหนึ่งที่ทำให้จิตใจของนางสั่นสะท้าน

 

“ขอนายน้อยอายุยืน... ขอเจ้าเมืองปีศาจทมิฬอายุยืน...” หนางกงเร่งกล่าวกลบกลื่อนความโกลาหล ซื่อถูจ้องมองหนิงฝาน ส่วนยุ่ยฉีที่ไม่รู้เรื่องก็เร่งกล่าวสรรเสริญ

 

เมื่อเห็นผู้นำทัพกระทำ เหล่าทหารทั้งหมดต่างเร่งกล่าวคำสรรเสริญต่อหนิงฝานและปีศาจทมิฬหนิงในทันที

 

หลู่หนานสื่อและหนานหยางสื่อก็เร่งกล่าวสรรเสริญ แต่พวกมันกลับรู้สึกแปลกใจ เหตุใดปีศาจทมิฬหนิงถึงไม่ยอมกล่าว?

 

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกมันจะต้องใส่ใจ ยามนี้พวกมันจ้องมองหนิงฝาน เพราะหนิงฝานเป็นหลานของปีศาจทมิฬหนิง

 

‘สมแล้วที่เป็นหลานชายของปีศาจทมิฬหนิง ด้วยอายุเพียงเท่านี้แต่กลับบรรลุประสานวิญญาณขั้นกลาง ช่างไม่ธรรมดา!’

 

ระดับพลังที่แท้จริงของปีศาจทมิฬหนิงคือแก่นทองคำขั้นสุดท้าย... มิน่าถึงได้สังหารชู่ซิงและซิงเฉินได้อย่างง่ายดาย เมื่อวันนั้นปีศาจเฒ่าผู้นี้กลับปิดซ่อนพลังที่แท้จริงของตนไว้

 

นักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 มีระดับพลังในขอบเขตแก่นทองคำขั้นสุดท้าย เหตุผลทั้งสองสิ่งทำให้ผู้คนเชื่อถือ

 

หากจะหลอกลวงให้แนบเนียน ต้องหลอกคนของตนด้วย... หนิงฝานส่ายหน้าอย่าไร้หนทาง เพราะนี่ป็นครั้งแรกที่หนิงฝานโกหก

 

เป็นปีศาจต้องหลอกลวงโกหก...มิเช่นนั้นอาจไม่มีทางรอด การหลอกลวงผู้คนนั้น ต้องเริ่มที่ตนเองเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยหลอกลวงทั้งโลก!...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด