ตอนที่แล้วบทที่ 67 - ฉันก็ยังเป็นเจ้าของตึก (6) [อ่านฟรีวันที่ 29/10/61]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 69 - ฉัน เทพพระเจ้า!? (2) [อ่านฟรีวันที่ 2/11/61]

บทที่ 68 - ฉัน เทพพระเจ้า!? (1) [อ่านฟรีวันที่ 31/10/61]


บทที่ 68 - ฉัน เทพพระเจ้า!? (1)

 

เขตภูมิภาคคันโตนี้เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ทางการเมืองของญี่ปุ่นและยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าของญี่ปุ่นอีกด้วย

เพราะแบบนี้การที่การพังของดันเจี้ยนได้เริ่มขึ้นในจังหวัดคานากาว่าโดยที่ไม่ได้ให้สัญญาณเตือนใดๆก่อนเลยทำให้ชาวญี่ปุ่นจตำนวนมากตกตะลึง มันไม่ใช่แค่ญี่ปุ่นเท่านั้น คนอื่นๆบนโลกก็ยังเป็นเหมือนกัน

มอนสเตอร์ที่มีคลาส 1 กับคลาส 2 ได้ปรากฏตัวมาทั่วทุกๆนี่อย่างน่าทึ่ง แต่ว่าสิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดเลยก็เพราะว่าทุกๆคนเชื่อว่าการพังของดันเจี้ยนมันจะไม่เกิดขึ้นเว้นเสียแต่หายนะครั้งใหญ่ครั้งที่สองจะมาถึงเท่านั้น

นี่มันเป็นช่วงเวลาที่ความรู้ที่พวกเขาได้เรียนรู้มาจากต่างโลกได้กลายเป็นไร้ค่า

ถ้าหากว่าการพังของดันเจี้ยนมันจบแค่ดันเจี้ยนพังงั้นมันก็จะไม่มีปัญหาอะไรอีก แต่ยังไงก็ตามมอนสเตอร์ที่ถูกปล่อยออกมาจากดันเจี้ยนไม่เพียงแค่จะพยายามฆ่ามนุษย์เท่านั้นแต่พวกมันก็ยังพยายามที่จะปล่อยให้มอนสเตอร์ตัวอื่นๆเป็นอิสระด้วยการทำลายดันเจี้ยนอื่นๆอีกด้วย นี่มันเป็นเพราะพวกมันรู้ว่าด้วยกองกำลังของพวกมันยังไม่เพียงพอ

และสิ่งนี้มันจะไม่มีทางจบลงเลยเว้นแต่ว่าพวกมันจะถูกฆ่าจนหมดหรือว่าพวกมันจะฆ่ามนุษย์ทั้งหมดได้ ถ้าหากว่าเจ้าพวกนี้มันครอบคลุมโลกได้งั้นมันก็กลายเป็นจุดจบของโลกแล้ว

นอกไปจากนี้พวกมอนสเตอร์ที่อยู่บนโลกก็มีระดับสติปัญญาที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอีกด้วยดังนั้นการเคลื่อนไหวของพวกมันจึงมีความรอบคอบและชั่วร้าย

มันเป็นผลให้ภายในแค่วันเดียวหลังจากการพังของดันเจี้ยนเกิดขึ้นได้มีดันเจี้ยนทั้งหมดในจังหวัดคานากาว่าพังลงไปด้วยและความเสียหายและบาดเจ็บล้มตายก็ได้เกิดขึ้นในจังหวัดคากานาว่าจำนวนมหาศาลเช่นกัน

เมื่อมาถึงจุดนี้ ไม่สิ ในตอนนี้แล้วพวกเขาก็ได้รู้แล้วว่าเกิดการพังของดันเจี้ยนขึ้น ญี่ปุ่นได้ขอความช่วยเหลือไปทั่วโลก มีองกรณ์แห่งชาติที่ซึ่งเตรียมพร้อมสำหรับกรณีแบบนี้ช่วยกระจายข่าวออกไปด้วยเช่นกัน

แน่นอนว่าประเทศอื่นๆจะไม่ทำแค่นั่งผ่อนคลายแน่นอนเพราะว่ามันจะเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆด้วย พวกเขารู้ว่าคลื่นมอนสเตอร์พวกนั้นจะไม่ได้หยุดอยู่แค่ญี่ปุ่นแน่

แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นเกราะแต่ว่ามันก็ไม่ได้เปลื่ยนความจริงที่ว่ามันเป็นเรื่องอันตรายอยู่ดี มีจำนวนดันเจี้ยนหลายแห่งของญี่ปุ่นที่มีมอนสเตอร์ที่บินได้ถูกคังอยู่ ถ้าหากว่าถูกพวกมันลุมโจมตีสักครั้งนั่นก็หมายถึงจุดจบจริงๆแล้ว

อย่างแรกเลยประเทศอื่นๆได้ตรวจสอบในความเป็นไปได้ที่จะเกิดการพังของดันเจี้ยนขึ้นในประเทศของตัวเองก่อนและพวกเขาทำเพียงส่งกองกำลังหนุมไปที่ญี่ปุ่นในขณะที่กองกำลังระดับสูงของพวกเขาเตรียมตัวอยู่ใกล้กับดันเจี้ยนเลเวลสูงๆในประเทศของตนเอง

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกมองว่าเห็นแก่ตัว แต่ว่ามันก็ช่วยไม่ได้นี่ มันจะเป็นเรื่องแย่แน่หากว่าประเทศของพวกเขาต้องประสบหายนะแทนในตอนที่ไปช่วยญี่ปุ่น

มีผู้มีความสามารถหลายแสนคนได้เดินทางไปที่ญี่ปุ่น เลเวลที่ต้ำสุดในหมู่พวกเขาก็อยู่ที่เหนือกว่า 20 และพวกเขาเหล่านี้เป็นคนที่สามารถจะเรียกได้ว่าเป็นระดับ 'สูง' คนระดับสูงพวกนี้ได้มารวมตัวกันที่คันโต

ในหมู่คนพวกนี้ได้เสียชีวิตไปในการต่อสู้ที่วุ่นวายในวันแรกไปกว่า 20% และความเสียหายมันก็ได้เพิ่มขนาดขึ้น

{กี๊ซซซซซซซซซซซ}

"เวร นั่นมันมอนสเตอร์ที่บินได้นี่!"

"กองกำลังป้องกันตัวเอง กองกำลังพิเศษของกองกำลังป้องกันตัวเองไปอยู่ไหน! ถ้าพวกเขาไม่หยุดมันที่นี่ แม้แต่ที่ชิซูโอกะก็จะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่"

"ไปที่ดาดฟ้าสอยพวกมันลงมาเร็ว! ป้องกันพวกมันเอาไว้ในพื้นที่ A-1!"

สิ่งแรกที่พวกเขาน่าจะทำก็คือการป้องกันไม่ให้พวกมันกระจายออกไปในพื้นที่อื่นๆ พวกเขาทั้งหมดต้องการที่จะจบวิกฤตนี้ภายในจังหวัดคานากาว่า แต่ว่ามันสำเร็จไปเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นเอง

พวกเขาสามารถจะป้องกันไม่ให้มันเข้าไปในจังหวัดชิสุโอกะได้ แต่ว่าในเส้นทางไปสู่โตเกียวได้ถูกฝ่าออกไปแล้ว

{กี้ มีเพื่อนเรามากมายที่นี่}

{มีมนุษย์จำนวนมาก ลมหายใจของมนุษย์ บันทึกมากมาย!}

"เวรเอ้ย กันพวกมันเอาไว้!"

นี่มันบังเอิญงั้นหรอ? ที่โตเกียวมีดันเจี้ยนมากกว่าเมืองใดๆในโลกแล้ว ไม่ใช่แค่นั้นแต่มันยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกจำนวนมากด้วย และเหนือสิ่งอื่นใดเลยก็คือผู้คน นี่มันทำให้สถานการณ์แย่ลงแล้ว

"นะ หนี หนีไปโลกอื่น!"

"บ้าเอ้ย ฉันเพิ่งจะกลับมา... มะ ไม่!"

เลือดและเนื้อได้กระจายไปทั่วทุกที่ สิ่งก่อสร้างได้พังทลายลง และรถก็ได้เกิดการระเบิด จำนวนการเสียชีวิตของผู้ใช้พลังก็มากขึ้นเช่นเดียวกัน ทุกๆคนที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ต่างก้ได้เจอกับความตายอย่างเป็นธรรม

ญี่ปุ่นที่ได้เจอกับความรุนแรงของมอนสเตอร์ในช่วงแรกของหายนะครั้งใหญ่ก็ได้ติดตั้งการป้องกันสิ่งก่อสร้างอย่างแข็งแกร่งเอาไว้ แต่ว่ามันก็ไม่พอสำหรับคลื่นมอนสเตอร์ชุดนี้เลย ของพวกนั้นไม่ได้ผลอะไรเลยสักนิด

ถ้าหากว่าเป็นมอนสเตอร์คลาส 1 งั้นมันก็ยังพอที่จะป้องกันด้วยอาวุธสมัยใหม่ได้ แต่ว่าสำหรับพวกคลาส 2 มันเป็นไปไม่ได้เลยเว้นแต่ว่าจะระดมขีปนาวุธใส่พวกมัน พวกนี้มันจะต้องถูกป้องกันด้วยผู้ใช้พลังเท่านั้น

และเพราะแบบนี้จึงได้เกิดสภาพแวดล้อมที่ตระกูลที่ซึ่งมีเลเวลสูงทำการได้อย่างอิสระถูกสร้างขึ้นมา ในหมู่ตระกูลพวกนี้ก็มีตระกูลเทพสายฟ้าของเกาหลีด้วยที่ตอบรับในคำขอช่วยเหลือของญี่ปุ่น

"นายูนา บัฟ!"

["ทำให้โล่ของพี่ใหญ่ขึ้นๆ!]

"อ่า เธอทำอะไรกับบทร่ายเวทย์หน่อยไม่ได้หรอ!?"

{กี้ ป้องกันเวทย์}

"ป้องกันมอนสเตอร์ด้านหลังเรา! ป้องกันหัวหน้า!"

"หัวหน้า ยังไม่เสร็จอีกหรอ?"

"อีกไม่นานแล้ว!"

โครงสร้างสมาชิกของตระกูลเทพสายฟ้าแปลกเป็นอย่างมาก จักรพรรดินีคังมิเรย์ได้อยู่จุดศูนย์กลาสและถัดจากเธอก็คือนักบวชนายูนา คนที่ป้องกันพวกเธอที่อยู่ด้านหน้าก็คืออัศวินศักดิ์สิทธิ์คังฮาจิน และคนอื่นๆกว่า 7 คนซึ่งพวกเขาได้เลือกมายืนอยู่ด้านหน้าเพื่อป้องกันคังมิเรย์กับนายูนา

"เชนต์ ไลนิ้ง!"

{กี๊ซซซซซ}

{คะ ความกล้าของออร์ค แอ๊ก!}

คังมิเรย์ได้ตะโกนออกไปในขณะที่จับคทาที่หรูหราด้วยสองมือของเธอ ก้อนสายฟ้าได้ส่งประกายออกมาจากบนหัวของเธอก่อนที่จะกระจายไปทั่วพื้นที่และโจมตีใส่ออร์คคลาส 2 และมันก็ไม่ได้จบเพียงแค่นั้นมันยังกระจายใส่มอนสเตอร์ตัวอื่นๆและฆ่าพวกมันไปอีกด้วย

การโจมตีนี้ได้ซ้อนทับกระจายมากไปเรื่อยๆจนฆ่ามอนสเตอร์คลาส 2 ได้มากกว่า 70 ตัวในการร่ายเวทย์เพียงครั้งเดียว เธอก็ดูจะทึ่งกับพลังทำลายของตัวเองก่อนที่จะลูบที่คทาของเธอและถูมันกับแก้ม

"เป็นคทาที่น่ารักที่สุดเลย"

"ถ้าเป็นแบบนี้เธออาจจะแต่งงานกับคทาได้เลยนะนั่น.... พวกมันกำลังจะมาจากอีกทางแล้ว ร่ายเวทย์ต่อไปเลย"

"สร้างเวทย์ที่สุดยอดพลังของมิเรย์ต่อเลย!"

"อย่างที่พูดนั่นแหละ ร่ายมันเลย!"

ยังไงก็ตามจักรพรรดินีที่ยืนอยู่ในระดับสูงเสมออยู่แล้ว เธอไม่ได้อยู่ในจุดที่เธอจะพอใจกับตัวเองแค่นี้

คังมิเรย์ได้เปิดปากของเธอขึ้นในขณะที่มองไปที่กลุ่มออร์คระดับสูงคลาส 2 นับสิบ

"ใครที่ทำได้ดีในตอนนี้ล่ะ?"

"อัศวินโลหะจากอังกฤษแล้วก็มาเกียจากอิตาลีที่กำลังโด่งดัง"

"มาเกียหรอ? มันค่อนข้างจะโอ้อวดนะ"

มาเกียคือคำในภาษาอิตาลีที่มีหมายความว่าเวทมนตร์ แต่ว่าในเวลาเดียวกันคังมิเรย์ก็พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดในเมื่อเธอก็ได้ใช้ 'เทพสายฟ้า' เป็นชื่อตระกูลของเธอเอง แต่ว่าคังมิเรย์ก็ไม่ได้สนใจอะไรและป้องกันขวานของออร์คไปเงียบๆ

"ถึงแบบนั้นมันจะเป็นเราที่จะไปต่อ"

คังมิเรย์ได้พึมพัมออกมาในขณะที่มีสายฟ้าส่งประกายออกมาจากตาของเธอ บนคทาของเธอสายฟ้าได้ตอบสนองแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

คทานี้มันไม่ใช่แค่เสริมในพลังเวทย์เท่านั้นแต่ว่ามันยังลดเวลาร่ายและเวลาในการใช้งานเวทย์อีกด้วย มันเป็นพลังที่น่าทึ่งที่ทำให้กับเธอที่เคยผ่านเลเวล 60 ไปแล้ว เธอได้นึกถึงตัวเองในตอนนั้นขณะที่มองคทานี้

'เขาให้เจ้านี่กับฉันเพราะว่าเขาเชื่อในตัวฉัน ฉันจะแสดงให้เขาเห็นว่าเขาไว้ใจถูกคนแล้ว ไม่สิ ฉันอยู่เหนือกว่าที่เขาคำนวนไว้ซะอีก'

ในความเป็นจริงแล้วเธออยากจะแสดงให้เขาเห็นต่อหน้าเลยและเธอได้พยายามที่จะติดต่อให้เขามาญี่ปุ่นด้วยเพราะมันไม่มีความช่วยเหลือจากพันธมิตรคนใดจะดีไปกว่าเขาอีกแล้ว แต่ว่าด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เธอติดต่อหาเขาไม่ได้ แม้ว่าพวกเธอจะได้ติดต่อกันครั้งหรือสองครั้งหลังจากที่แวนการ์ดเปิดร้ายด้วย เธอแม้กระทั่งซื้อของที่มีคุณภาพจากแวนการ์ดไปด้วยซ้ำ แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะมาที่นี่

เว้นเสียแต่ว่าเขาจะไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงในสถานการณ์บางอย่างได้ เขาก็น่าจะอยู่ที่นี่ เขาอาจจะมีส่วนร่วมอยู่กับเหตุการณ์ใหญ่ในที่ที่เธอไม่รู้ก็ได้ การแข่งขันของพวกเขาได้เริ่มขึ้นไปแล้ว

"ฟุฟุ"

รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นมาบนริมฝีปากของคังมิเรย์ นี่มันสว่างไสวจนทำให้คนที่อยู่รอบๆตัวเธอผงะไปแต่ว่าเธอก็ไม่ได้สนใจเลยซักนิด เธอทำเพียงแค่ตะโกนออกไปในขณะที่ถือคทาที่รวบรวมพลังจำนวนมากเอาไว้

"หอกสายฟ้า สามเท่า!"

ในสถานที่ที่มีต้องจัดการให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ในสถานที่แบบนี้ฉันจะเหนือกว่าเขา! เวทย์ของเธอได้สั่นสะเทือนไปตามอารมณ์ของเธอ และสมาชิกของตระกูลเทพสายฟ้าได้กระจายไปรอบๆสนามรบตามความบ้าคลั่งของจักรพรรดินี นี้มันเป็นจุดเริ่มต้นของตำนาน

ในขณะเดียวกันยูอิลฮานที่ไม่สนเลยสักนิดแม้ว่าจักรพรรดินีจะมีไฟต้องการแข่งขันกับเขาหรือไม่ก็ตาม เมื่อเขาได้ออกมาจากดันเจี้ยนเขาก็ต้องหัวเราะเมื่อได้เจอกับฉากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นนี้

แต่มันไม่ใช่ว่ายูอิลฮานเป็นพวกโรคจิตที่หัวเราะยินดีเมื่อเขาได้เห็นคนตายและสิ่งก่อสร้างระเบิดนะ ที่เขาขำออกมาเนื่องจากว่าเขาได้พบว่านี่มันไร้สาระมากที่สถานการณ์ที่ทูตสวรรค์กังวลว่าจะเกิดขึ้นได้เกิดขึ้นมาแล้วไม่ว่าความเข้มข้นของมานาจะสูงแค่ไหนก็ตาม

"แล้วการพังของดันเจี้ยนที่เกิดขึ้นนี่มันเกิดได้ง่ายเป็นปกติเลยหรอ?"

[เพิ่งได้รับภารกิจมาแล้ว] (เอิลต้า)

การแสดงออกของทูตสวรรค์ก็บูดบึ้งเท่าที่เธอจะทำได้แล้ว

ในความเป็นจริงเนื่องจากวงแหวนทูตสวรรค์ของเธอทำให้พวกเธอได้รู้แล้วว่าเกิดการพังของดันเจี้ยนขึ้น

ยังไงก็ตามถ้าหากยูอิลฮานไม่กวาดล้างดันเจี้ยนงั้นดันเจี้ยนนั่นก็จะพังลงไปเช่นกันและจากนั้นมอนสเตอร์คลาสสามที่มีพลังในการปกปิดตัวตนก็จะหลุดออกมาและจะสร้างหายนะครั้งใหญ่ที่เป็นประวัติศาสตร์ขึ้นมาแทนทำให้พวกเธอเลือกที่จะเงียบไว้

ยูอิลฮานได้หยิบเอาที่ขว้างหอกออกมาจากกระเป๋าของเขา หลังจากปรับแต่งและซ่อมแซมมันแล้วทำให้พลังโจมตีของมันเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยจากตอนแรก

[ที่ขว้างหอกกระดูก 'แสงจันทร์' 'หยาบกร้าน']

[ระดับ - ยูนีค]

[พลังโจมตี - 3,000]

[ออฟชั่น - ระยะโจมตีเพิ่มขึ้น 50% พลังโจมตีและความแม่นยำเพิ่มขึ้น 40 เมื่ออยู่ใต้ดวงจันทร์]

[ความทนทาน - 1,778/1,850]

[อุปกรณ์ขว้างหอกที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อขว้างหอกขนาดเล็กบนตะขอออกไป ผลของมันจะแตกต่างกันออกไปอย่างมากตามความสามารถของผู้ใช้]

เมื่อเขากำลังเงยหน้าขึ้นมาเขาก็ได้พบว่าดวงจันทร์กำลังเต็มด้วยในค่ำคืนนี้อย่างบังเอิญ มันเป็นช่วงเวลาที่จะอารวาดได้อย่างสมบูณณ์แบบ ที่ขว้างหอกนี้มันก็เป็นอาวุธที่ดีแล้วในเวลาปกติ แต่ว่าหากเป็นในเวลากลางคืนมันจะกลายเป็นอาวุธที่น่ากลัวเนื่องจากผลออฟชั่นแสงจันทร์

เขาได้เตรียมหอกที่จะใช้ขว้างมาพอแล้วเช่นกัน ยังไงก็ตามเขากำลังวางตำแหน่งที่จะขว้างหอกออกไป จากนั้นเขาก็ถามทูตสวรรค์

"จ่ายรางวัลภารกิจล่วงหน้านิดนึงทีสิ"

[เอาเถอะ ถ้าเป็นคุณ คุณจะต้องรับมือกับสิ่งต่างๆได้อย่างถูกต้องแน่ มันคงไม่เป็นไร แล้วต้องการอะไรล่ะ] (เอิลต้า)

"เพิ่มสองออฟชั่นให้กับกระเป๋าสะพาย หนึ่งคือเพิ่มพื้นที่เพิ่มเติม แล้วก็อีกอย่างคือ"

ยูอิลฮานได้เหวี่ยงแขนออกไปด้วยแรงทั้งหมดของเขาเพื่อปาหอกพุ่งออกไป

หอกที่เขาขว้างออกไปได้พุ่งผ่านอากาศราบกับว่ามันจะตัดผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน มันได้พุ่งผ่านมอนสเตอร์ที่บินสองตัวที่กำลังจะฆ่าคนด้วยการยิงคนของพวกมันออกไป

[คุณได้รับค่าประสบการณ์ 540,857]

[คุณได้รับบันทึกปีกเหล็กเลเวล 66]

[คุณได้รับค่าประสบการณ์ 514,334]

"ควบคุมการเก็บไอเทมจากระยะไกล"

เพราะแบบนี้ยูอิลฮานก็สามารถจะเก็บหอกที่เขาขว้างออกไปและของจากมอนสเตอร์ที่เขาฆ่าได้

[โอ้ จินตนาการของคุณนี่มันน่ากลัวขึ้นไปทุกๆวันจริงๆเลย] (ลิต้า)

"เธอทำได้ใช่ไหม?"

ยูอิลฮานได้ขว้างหอกเล่มที่สองออกไปในเวลาเดียวกันด้วยนี้ ได้มีมอนสเตอร์สองตัวได้ตายลงไปด้วยหอกของเขาเหมือนครั้งที่แล้วและคนที่ต่อสู้บนพื้นดินอยู่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นว่ามอนสเตอร์ที่บินอยู่ที่กำลังฆ่าพวกเขาง่ายๆได้ตายลงไปอย่างง่ายดาย

ยังไงก็ตามสิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าอีกเลยก็คือพวกเขาไม่รู้ว่าหอกที่ถูกขว้างนั่นถูกขว้างมาจากไหน

[แนน่นอนว่าพวกเขาจะเราจะทำมันต่อให้พวกเราจะต้องดึงรากของสวรรค์ออกมาก็ตาม] (เอิลต้า)

เอิลต้าได้ตอบกลับมาอย่างมั่นใจ

[ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรแล้ว ไปอารวาดตามที่คุณต้องการเลย] (เอิลต้า)

"ได้เลย"

ยูอิลฮานได้ยิ้มขึ้นมาพร้อมกลับตอบกลับไปสั้นๆ เขาได้เดินไปตรงกลางของสนามรบที่ไม่มีใครเห็นเขา นี่มันคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวสยองขวัญ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด