ตอนที่แล้วตอนที่ 122 แสงแห่งพระเจ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 124 ทำลายผนึก

ตอนที่ 123 บรรลุเป้าหมายของตัวเองโดยใช้ประโยชน์จากคนอื่น


ในชีวิตที่แล้ว หลิงฮันได้เสี่ยงอันตรายไปยังโบราณสถานมากมาย และโบราณสถานบางแห่งก็มีแสงแห่งพระเจ้าเช่นนี้

 

เหนือกว่าระดับสวรรค์ยังมีระดับทลายมิติอยู่อีก มีคำบอกเล่าว่าใครที่สามารถทะลวงผ่านระดับทลายมิติได้สำเร็จ คนผู้นั้นจะได้รับพลังในการบดขยี้ห้วงมิติและเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นพระเจ้า เพราะงั้นผนึกที่ถูกสร้างขึ้นโดยจอมยุทธระดับทลายมิติจึงถูกเรียกว่าแสงแห่งพระเจ้า

 

ในชีวิตที่แล้ว ด้วยการที่เขาต้องการค้นหาหนทางในการทะลวงผ่านระดับทลายมิติ หลิงฮันจึงตระไปยังโบราณสถานต่างๆให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะหาได้ เพราะงั้นเขาถึงเคยเห็นแสงแห่งพระเจ้ามาแล้วหลายครั้ง

 

คำบอกเล่าส่วนใหญ่... ไม่สามารถเชื่อถือได้

 

ในความคิดของเขา แสงแห่งพระเจ้าไม่สมควรเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นโดยจอมยุทธระดับทลายมิติ แต่เป็นพลังศักดิ์สิทธิที่เล็ดลอดออกมาจากศพของจอมยุทธระดับสวรรค์หลังจากที่พวกเขาตายแล้ว

 

เมื่อคิดเช่นนี้ หลิงฮันอดที่จะตกตะลึงขึ้นมาไม่ได้ หรือว่าก่อนหน้านี้จะมีจอมยุทธระดับทลายมิติปรากฏตัวขึ้นมา และด้วยเหตุผลบางอย่าง จอมยุทธระดับทลายมิติคนนั้นได้กลายเป็นศัตรูของเจียงเย่เฟิงและคนอื่นๆ? ถ้าเป็นพลังอำนาจของจอมยุทธระดับทลายมิติ การที่จอมยุทธระดับสวรรค์ต้องเสียชีวิตลงไปมากมายเพราะไปต่อต้านศัตรูที่แข็งแกร่งแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

 

แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือจอมยุทธระดับสวรรค์จำนวนมากได้ค้นพบสุสานของจอมยุทธระดับทลายมิติ และเพื่อที่จะได้ครอบครองสมบัติที่ถูกทิ้งไว้โดยจอมยุทธระดับทลายมิติคนนั้น จอมยุทธระดับสวรรค์เหล่าเข้าปะทะห้ำหั่นกันจนได้รับบาดเจ็บและล้มตายนับไม่ถ้วน

 

เมื่อเทียบความเป็นไปได้ทั้งสองอย่างอยู่ในใจ หลิงฮันคิดว่าอย่างแรกน่าจะเป็นไปได้มากกว่า

 

“สหายน้อย มีวิธีอะไรในการทำลายผนึกตรงหน้ารึไม่?” จ้าวหวูเซว่ถาม

 

“มีแน่นอน!” หลิงฮันหยักหน้า ถ้าเป็นผนึกอย่างอื่นเขาอาจจะไม่รู้วิธี แต่นี่คือผนึกแสงแห่งพระเจ้าที่ในชีวิตที่แล้วเขาเคยทำลายมาแล้วหลายครั้ง การจะทำลายผนึกตรงหน้านั้นไม่เกี่ยวข้องกับพลังบ่มเพาะ สิ่งที่สำคัญคือวัตถุดิบที่จำเป็นบางอย่าง

 

“ว่าไงนะ?!” จ้าวหวูเซว่และคนอื่นๆอุทานขึ้นมาพร้อมกัน จ้าวหวูเซว่เพียงแค่ถามออกไปเฉยๆโดยไม่ได้คาดหวังอะไร แต่มันไม่เคยคิดเลยว่าหลิงฮันจะให้คำตอบที่เหนือความคาดหมายแบบนั้นกลับมา

“จริงๆรึ?” เมื่อได้ยินคำตอบของหลิงฮัน ความสงสัยให้เกิดขึ้นในใจของชายชราคนอื่นๆ เพราะอย่างไรหลิงฮันก็เป็นเพียงจอมยุทธระดับรวมธาตุ ในสายตาของพวกมันหลิงฮันเป็นคนที่อ่อนแออย่างมาก

 

“พวกเจ้าจะเลือกที่จะไม่เชื่อข้าก็ตามใจ แต่ถ้าพวกเจ้าอยากจะให้ข้าทำลายผนึก... ข้าจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบบางอย่าง ถ้าเจ้าสามารถนำวัตถุดิบเหล่านั้นมาให้ข้าได้ ข้าจะสามารถทำลายผนึกนี่ได้ทันที” หลิงฮันประกาศออกมา

 

“สหายน้อยหลินโปรดบอกพวกเรามา ว่าสหายน้อยต้องการวัตถุดิบอะไร” จ้าวหวูเซว่พูด

 

หลิงฮันบอกรายชื่อและจำนวนของวัตถุดิบออกไป ชื่อของวัตถุดิบเหล่านี้ทำให้ใบหน้าของจ้าวหวูเซว่และคนอื่นๆเปลี่ยนเป็นสีเขียว

 

...วัตถุดิบที่หลิงฮันต้องการ คือการสูญเสียทรัพย์สมบัติทั้งตระกูลของพวกมันอย่างแท้จริง!

 

“เมื่อใดที่พวกเจ้ารวบรวมทรัพย์สมบัติเหล่านี้ได้ ข้าจะทำลายผนึกให้ แต่ถ้าพวกเจ้ายังรวบรวมมาไม่ได้ก็อย่ามารบกวนข้า!” หลิงฮันพูดและพาหญิงสาวทั้งสองกลับไปยังเส้นทางที่พวกเขาเข้ามา โดยทิ้งชายชราทั้งสิบที่กำลังแลกเปลี่ยนสายตากันอย่างลังเลเอาไว้เบื้องหลัง

 

“พวกเจ้าทุกคนคิดว่าคำพูดของเจ้าหนูนั่นจะเชื่อถือได้รึไม่?” จ้าวหวูเซว่ถามขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศตึงเครียด

 

“ในเมื่อเขาเป็นตัวแทนของปรมาจารย์หวู่ เขาคงไม่พูดอะไรออกมาโดยที่ไม่คิด”

 

“แต่เจ้าหนูนั่นเพิ่งจะอายุประมาณสิบหกหรือสิบเจ็ดปีเองนะ เขาจะมีความสามารถขนาดนั้นจริงรึ?”

 

“เรื่องที่เขาเป็นอัจฉริยะไร้ที่เปรียบคงจะเป็นความจริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถเป็นตัวแทนของปรมาจารย์หวู่ได้หรอก”

 

“พวกเจ้าทุกคนไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าเด็กนั่นต้องการวัตถุดิบล้ำค่าจำนวนมากมาย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะสามารถตัดสินกันเองได้ คงจะดีที่สุดหากพวกเราส่งนกสื่อสารกลับไปรายงานเรื่องนี้ให้กับผู้อาวุโสระดับสูงของตระกูลพวกเราในเมืองจักรพรรดิ”

 

“นั่นก็จริง!”

 

พวกมันทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อพวกมันกลับไปยังเต็นท์ที่พัก พวกมันรีบส่งนกสื่อสารกลับไปยังเมืองจักรพรรดิในทันที

 

นกสื่อสารเป็นสัตว์อสูรประเภทหนึ่ง เมื่อฝึกจนเชื่องแล้ว พวกมันจะสามารถใช้เป็นผู้ส่งข่าวสารได้ พวกมันทั้งบินได้รวดเร็วและสามารถเดินทางได้หลายพันไมล์ในหนึ่งวัน เพราะงั้นพวกมันจึงได้รับการตอบกลับจากตระกูลในวันถัดมา ทางตระกูลของพวกมันยอมรับคำขอของหลิงฮัน และทุกตระกูลจะส่งจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณมาส่งวัตดุดิบด้วยตนเอง

 

นั่นเพราะวัตดุดิบเหล่านั้นมีค่ามากเกินไป บางทีคลังสมบัติของแคว้นพิรุณอาจจะว่างเปล่าไปครึ่งนึงเพราะวัตถุดิบเหล่านี้เลยก็ได้

 

เพียงสี่วันต่อมา จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณหลายคนได้มาถึงลำธารใต้พิภพพร้อมกับวัตถุดิบที่หลิงฮันขอไป

 

“สหายน้อย เจ้ายังหนุ่มแต่กลับมีความรู้มากมายเสียจริง!” ชายชราที่มีท่าทางใจดีและโอนโยนเดินเข้ามาในเต็นท์ที่พักของหลิงฮันพร้อมกับยิ้มอย่างใจเย็น ราวกับว่ามันกำลังมองหลานของตนเองอยู่

 

แต่ทางด้านหลิวอู๋ตงกลับแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา ชายชราคนนี้เป็นผู้อาวุโสของตระกูลหลี ชื่อของมันคือหลีซางเย่ มันเป็นจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณอย่างแท้จริง แต่อย่าได้โดนท่าทางที่ใจดีและอ่อนโยนของมันหลอกเอาเชียว ในความเป็นจริง ชายชราคนนี้เป็นคนที่โหดเหี้ยมและเลือดเย็นอย่างมาก มันมีชื่อเสียงขึ้นมาในเมืองจักรพรรดิเพราะจำนวนคนที่ต้องเสียชีวิตลงไปด้วยมือของมัน ในตอนที่มันยังเยาว์วัย ไม่มีใครรู้ว่ามือของมันเปื้อนเลือดไปมากขนาดไหน

 

ตอนนี้มันไม่ใช่รุ่นเยาว์อีกต่อไป แถมมันยังใช้เวลาทั้งหมดไปกับการพยายามทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบาน ซึ่งทำให้ชื่อเสียงที่กระหายเลือดของมันค่อยๆหายไป มีเพียงแค่ผู้คนในยุคสมัยเดียวกับมันเท่านั้นที่รู้ว่ามันเป็นเทพแห่งความตาย

 

หลิงฮันหัวเราะและพูด “ข้ามีนิสัยชอบเรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง เพราะงั้นข้าเลยมีความรู้ในด้านต่างๆอยู่บ้างเล็กน้อย”

 

แสงแห่งพระเจ้าไม่ใช่สิ่งที่จะทำลายได้ด้วยพลังมหาศาล แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้ ดังนั้นหลิงฮันจึงพยายามทำลายผนึกอยู่หลายหนทาง จนในที่สุดก็ค้นพบวิธีที่จะทำให้เขาสามารถเปิด‘ประตู’ของแสงแห่งพระเจ้าได้

 

“ฮ่าๆๆ การเป็นรุ่นเยาว์นี่มันดีจริงๆ มีเวลาให้ทำอะไรตั้งหลายอย่าง แถมยังสามารถเรียนรู้ทุกสิ่งที่ต้องการ ไม่เหมือนกับข้าที่เท้าข้างนึงได้ก้าวเข้าไปในโรงแล้ว เมื่อข้าปิดตาหลับลงในตอนกลางคืน ข้าไม่อาจรู้ได้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะสามารถลืมตาขึ้นมาได้รึเปล่า” หลีซางเย่พูดพร้อมกับหัวเราะ อย่างไรก็ตาม เสียงของเราะของมันนั้นน่าหวาดกลัวจนทำให้หลิวอู๋ตงและหลีซื่อฉางขนลุก

 

หลิงฮันไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย เขาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงจอมยุทธระดับสวรรค์จะมาหวาดกลัวจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณเนี่ยนะ? น่าขันเสียจริง

 

“ผู้อาวุโสโปรดกลับไปก่อน ข้าจำเป็นต้องเตรียมการบางอย่าง หลังจากนี้ประมาณหนึ่งวัน ข้าจะเตรียมการเสร็จสิ้นและพร้อมทำลายผนึกนั่น” หลิงฮันพูด

 

หลีซางเย่อดประหลาดใจไม่ได้ เจ้าหนูนี่กล้าไล่มันรึ? อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันจำเป็นต้องพึ่งพาอีกฝ่าย ดังนั้นมันจึงไม่กล้าโต้ตอบและเดินออกจากเต็นท์ที่พัก

 

“เฮ้อ ในที่สุดมารเฒ่าก็ออกไปเสียที!” หลิงฮันถอนหายใจ เขารีบหยิบวัตถุดิบสมุนไพรล้ำค่าขึ้นมาและเริ่มทำการหลอมเม็ดยา

 

นี่มัน!

 

หลิวอู๋ตงและหลีซื่อฉางตกอยู่ความมึนงงเมื่อพวกนางเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ดูเมื่อว่าหลิงฮันจะบรรลุเป้าหมายของตัวเองโดยใช้ประโยชน์จากคนอื่น! เขาพูดชื่อวัตถุดิบสวรรค์ไพรที่ไม่จำเป็นจำนวนมากออกไปเพื่อที่จะนำมาใช้หลอมเม็ดยาให้กับตนเอง

 

คนที่จะกล้าหลอกลวงตระกูลจักรพรรดิของแคว้นพิรุณและแปดตระกูลใหญ่ ทั่วทั้งแคว้นคงจะมีเพียงหลิงฮันแค่คนเดียว

 

แต่มันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่รึ? หากจะขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิปรุงยาอย่างเขา พวกมันจะไม่จ่ายบางสิ่งบางอย่างที่มีค่าเท่าเทียมกันมาได้อย่างไร?

 

หลิงฮันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และไม่พักเลยตลอดช่วงเช้าจนถึงค่ำ เขาหลอมเม็ดยาอย่างต่อเนื่องจนได้เม็ดยามาเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงรุ่งเช้าของวันถัดไป หลิงฮันหัวเราะดีใจพร้อมกับโยนขวดเม็ดยาไปให้หลิวอู๋ตงและหลีซื่อฉาง “นี่เป็นส่วนแบ่งของพวกเจ้า”

 

เมื่อวานทั้งสองสาวกลายเป็นผู้ช่วยของเขาในการแยกประเภทของสมุนไพรหลากหลายชนิด ไม่เช่นนั้นหลิงฮันคงไม่สามารถหลอมเม็ดยาได้มากมายขนาดนี้

 

“เม็ดยาแปรเปลี่ยนสี่ภพ! เม็ดยาชำระล้างธาตุ!” ดวงตาอันงดงามของหลีซื่อฉางมองสำรวจขวดเม็ดยา และอ้าปากค้างด้วยความตะลึง “มีคนที่สามารถหลอมเม็ดยาเหล่านี้ได้สำเร็จอยู่บนโลกนี้ด้วย!”

 

“อะไรคือเม็ดยาแปรเปลี่ยนสี่ภพกับเม็ดยาชำระล้างธาตุ?” หลิวอู๋ตงไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับศาสตร์แห่งการปรุงยา ดังนั้นใบหน้าของนางจึงเต็มไปด้วยความสับสน

 

“พวกมันทั้งสองคือโอสถวิญญาณที่สามารถช่วยเพิ่มระดับพลังของผู้ที่กินมันลงไปได้ และผลลัพธ์ของพวกมันยังได้ผลดีกว่าเม็ดยาที่คล้ายกันที่มีให้เห็นกันอยู่ในตอนนี้ แต่เม็ดยาแปรเปลี่ยนสี่ภพจะใช้ได้ผลกับจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุ ส่วนเม็ดยาชำระล้างธาตุจะใช้ได้ผลกับจอมยุทธระดับรวมธาตุ” หลีซื่อฉางอธิบาย

 

สีหน้าของหลิวอู๋ตงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มีผลลัพธ์ดีกว่าสิบเท่า... มันหมายความว่าอย่างไรน่ะรึ? มันหมายถึงนางจะสามารถบรรลุถึงระดับก่อเกิดธาตุขั้นเก้าได้ภายในเวลาไม่ถึงปีและจะทะลวงผ่านระดับห้วงจิตวิญญาณไปได้!

 

เมื่อนางคิดว่านางจะบรรลุระดับห้วงจิตวิญญาณได้โดยมีอายุเพียงยี่สิบปี นางเกือบจะหมดสติล้มลงไป

 

หลิงฮันหัวเราะ จริงอยู่ว่าถ้าเม็ดยาทั้งสองถูกหลอมขึ้นโดยคนอื่น มันจะมีผลลัพธ์ดีกว่าเม็ดยาที่มีให้เห็นอยู่ในสมัยนี้สิบเท่า แต่เม็ดยาที่เขาหลอมขึ้นมาสมควรจะเป็นเม็ดยาที่มีคุณภาพอย่างน้อยสิบสามดาว นอกจากผลลัพธ์ที่ดีกว่าสิบเท่าแล้วมันยังเพิ่มประสิทธิภาพของเม็ดยาขึ้นไปอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ แต่เขาจะไม่บอกเรื่องนี้กับสองสาว ไม่งั้นพวกนางจะต้องหวาดกลัวจนลืมหายใจอย่างแน่นอน

 

*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด