ตอนที่แล้วGE37 ทัพปราการใต้ การลักพาตัวที่สะเทือนไปทั้งแคว้นเยว่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE39 โลงศพโบราณที่ร่วงหล่นจากนภา ดูดกลืนพลังของศพนางสวรรค์

GE38 ฟักจากดักแด้เป็นผีเสื้อ โอสถจักรพรรดิหยก


 

นับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำตระกูลหลู่ถูกข่มขู่

 

มันทิ้งร่างของตนลงบนเก้าอี้อย่างเศร้าใจ สีหน้าเหม่อลอยขบคิด

 

ถูกจับตัวไป... หลู่หมิงที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นต้น พร้อมกับทัพปราการใต้อีก 500 คน... ทุกสิ่งจบสิ้น

 

“กองทัพที่ข้าทุ่มเวลาฝึกฝนมา 10 ปี...” มันฟาดฝ่ามือใส่โต๊ะชาจนแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่นั่นไม่อาจคลายความโกรธภายในใจของมัน

 

จากเหรียญหยกที่หนานกงเป็นผู้สื่อสารกลับมา มันอยู่ที่เมืองหนิง นายน้อยหนิงเป็นเจ้าเมือง

 

นายน้อยหนิง... ในแคว้นเยว่มีคนชื่อนี้ด้วยหรือ? มันมีพลังระดับใด ที่มาเป็นอย่างไร เหตุใดถึงได้จับตัวคนของมันได้

 

สิ่งที่ทำให้มันไม่อยากเชื่อคือทัพปราการใต้ของมันถูกสังหารไป 300 คนและถูกจับอีก 200 คน ทหารเหล่านั้นเป็นมันที่ฝึกฝนมาตั้งแต่ยังเด็ก แม้ระดับพลังของพวกมันไม่สูงนัก แต่หากร่วมมือกันจู่โจมเป็นกระบวนทัพ พวกมันก็น่าสะพรึงกลัว

 

กองทัพเหล่านั้นสมควรตายในสนามรบ! ไม่ใช่ถูกจับเป็นตัวประกัน!

 

ผู้ที่เรียกขานว่านายน้อยหนิงสามารถจับเป็นทัพปราการใต้ได้ถึง 200 คน ทำให้พวกมันไม่มีโอกาสได้ฆ่าตัวตาย...

 

หลู่หนานสื่อต้องช่วยเหลือคนของมัน หากมันสูญเสียกำลังเหล่านี้ไป ความแข็งแกร่งของตระกูลหลู่จะลดลงกว่าครึ่ง มันจึงเตรียมทรัพย์สมบัติของมันไปมากมายเพื่อไถ่ตัวคนของมัน ตัวมันเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย อีกครึ่งก้าวมันจะบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ การที่ต้องนำทรัพย์สมบัติไปไถ่ตัวคนของมันนั้นถือเป็นการเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง

 

“ฮึ่ม! ข้าต้องไปหาสหาย... หากมีโอกาส ข้าจะทำลายเมืองหนิงให้สิ้นซาก!” แววตาของมันปรากฏเล่ห์กล มันนำเมฆเซียนออกมาและมุ่งหน้าออกจากตระกูลอย่างรวดเร็ว

 

เมฆเซียนของมันทำความเร็วได้เกือบเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น

 

มันเสาะหาสหายทั้ง 3 คนของมันไปทั่วทั้งแคว้นเยว่ เพื่อเทียบเชิญสหายเหล่านั้นให้ร่วมมือ

 

สหายของมัน 2 คนเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูง อีกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นแรก... หลู่หนานสื่อไม่ได้โง่ ในเมื่อนายน้อยหนิงสามารถจับทัพปราการใต้ของมันได้ถึง 200 ชีวิตอย่างง่ายดาย แสดงว่ามันต้องมากความสามารถ แต่หลู่หนานสื่อไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ตัวตนระดับนั้นจะมาสร้างเมืองสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้

 

ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ แต่หากมันสามารถเชื้อเชิญตัวตนระดับนั้นมาได้ เท่านี้ย่อมเพียงพอให้ทำลายเมืองหนิง

 

ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูงทั้งสองคนนั้น หนึ่งแซ่เฉิน อีกหนึ่งแซ่ชู่ ส่วนผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น มีนามว่า ‘หนานหยางสื่อ’ เป็นผู้อาวุโสของนิกายใหญ่ในแคว้นเยว่

 

หลังจากหนานหยางสื่อได้ฟังคำคำบอกเล่าของหลู่หนานสื่อ คิ้วของมันขมวดมุ่น

 

“ทัพปราการใต้แตกพ่าย หลู่หมิงถูกจับตัว...”

 

หนานหยางสื่อเป็นบิดาของหลู่หมิง หลังจากขบคิด มันจึงตัดสินใจลงมือช่วยเหลือหลู่หนานสื่อ

 

ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 4 ขี่เมฆเซียนผ่านนภาพกาศ ผ่านไปหลายชั่วยาม พวกมันก็มาถึงท้องนภาเหนือเมืองหนิง

 

หลู่หนานสื่อมองสำรวจเมืองหนิงเบื้องล่างพลางเผยสีหน้าเย้ยหยัน

 

ในสายตาของมัน เมืองหนิงคือเมืองที่ไร้ค่า

 

กำแพงเมืองทำขึ้นจากไม้ บ้านเรือนภายในสร้างจากไม้ทั้งหมด นายน้อยหนิงผู้เป็นเจ้าเมืองเหตุใดถึงได้สร้างเมืองเช่นนี้

 

ผู้ที่มาเยือน นอกจากตัวมันที่เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย ยังมีผู้เชี่ยวชาญในระดับเดียวกับมันอีก 2 คน และผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้นอีกหนึ่งคน

 

หลู่หนานสื่อเผยรอยยิ้ม ในโลกแห่งนี้ มันเป็นผู้กว้างขวางและมากด้วยสหาย ยิ่งด้วยระดับพลังที่สูงส่งยิ่งทำให้มันได้พบปะสหายมากขึ้นจนกล่าวได้ว่า ใต้ผืนฟ้าทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายล้วนเป็นสหายของมัน

 

นอกจากหลู่หนานสื่อที่มองสำรวจเมืองแล้ว สหายที่มากับมันก็มองสำรวจเช่นเดียวกัน

 

ทั้งหมดล้วนมองว่าเมืองหนิงด้อยค่าและง่ายต่อการทำลาย พวกมันจึงเผยรอยยิ้มที่เย็นชา

 

แต่เมื่อหนานหยางสื่อแผ่สัมผัสเทพไปยังเมืองหนิง มันกลับตกตะลึง มันไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่สัมผัสได้

 

“นั่น...ข่ายพลังระดับแก่นทองคำ!”

 

ข่ายพลังระดับแก่นทองคำเป็นข่ายพลังที่สามารถต้านการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้ ทั่วทั้งแคว้นเยว่ มีเพียงนิกายไท่ชูไพ่และนิกายเทียนหลีโม่เท่านั้นที่สามารถวางข่ายพลังระดับนี้ได้ แม้เป็นนิกายกุ่ยเชว่ ยังวางข่ายพลังได้เพียงระดับประสานวิญญาณเท่านั้น

 

เมืองหนิงที่ไร้ค่ากลับสามารถวางข่ายพลังระดับแก่นทองคำได้ เจ้าเมืองหนิง...นายน้อยหนิงผู้นี้ที่มีมาเช่นใดกันแน่!

 

ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณทั้งสามกำลังเย้ยหยันเมืองหนิง หนานหยางสื่อผู้ที่ทรงพลังที่สุดกลับคิดว่า นายน้อยหนิงผู้นี้ไม่ใช่ผู้ที่จะยั่วยุได้

 

ในขณะที่มันกำลังจะอธิบายถึงข่ายพลังป้องกันเมืองที่ทรงพลังของเมืองหนิงให้ผู้เชี่ยวชาญอีก 3 คนได้ฟัง กองทัพจำนวน 1400 คนกลับกรูกันออกมาจากเมืองอย่างรวดเร็ว ทหารในกองทัพแต่ละคนล้วนมีระดับพลังไม่ต่ำกว่าขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 5

 

กองทัพทั้งหมดจัดกระบวนทัพผสานส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทำให้กลิ่นอายที่ทั้งหมดปลดปล่อยออกมารุนแรงกระทั่งทำให้หนานหยางสื่อตกตะลึง

 

เมืองหนิงกลับมีกองทัพถึง 3 กอง แต่ละกองไม่ได้ด้อยไปกว่าทัพปราการใต้... เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!

 

แค่กองทัพหนึ่งกองก็สามารถต้านรับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้แล้ว เมื่อสามกองทัพผสานรวมกัน ต่อให้พวกมันทั้ง 4 ร่วมมือก็ไม่อาจเอาชัย

 

เดิมทีหนานหยางสื่อตั้งใจจะล้างแค้นเมืองหนิงเพื่อหลู่หนานสื่อ แต่ดูเหมือนจะเป็นเพียงการตัดสินใจที่ผิดพลาด และขณะที่มันกำลังขบคิด ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ 3 คนได้เหยียบย่างนภาปรากฏ

 

บุรุษผู้หนึ่งโหดเหี้ยม อีกผู้เย็นชา อีกผู้เฉียบคมราวกับกระบี่... สองคนเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง และอีกหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูง

 

แม้อีกฝ่ายจะปรากฏตัว แต่ด้วยหลู่หนานสื่อและผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณอีก 2 คน เป็นผู้บรรลุขอบเขตประสานวิญาณขั้นสูง พวกมันจึงไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา ผิดกับหนานหยางสื่อที่มีสายตาเฉียบคม มันมองออกว่าผู้เชี่ยวชาญ 3 คนเบื้องหน้าไม่ธรรมดา

 

หนานกงเปลี่ยนอาภรณ์สวมใส่เป็นสีม่วง ผมดำยาวพลิ้วไสวรายกับสายน้ำ แววตาเย็นชาแต่ชั่วร้ายจับจ้องหลู่หนานสื่อ จากแววตาของหนานกง หนานหยางสื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นที่รุนแรงราวกับสามารถเจาะทะลวงสัมผัสเทพจนทำให้จิตใจของมันสั่นสะท้าน

 

ยุ่ยฉี...บุรุษผู้มีร่างกายสูงใหญ่ราวกับปราการโลหะ ใบหน้าเปล่งแสงสีแดง แม้ระดับพลังจะไม่สูงนัก แต่หนานหยางสื่อกลับสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มันรู้ว่าคนผู้นี้ อีกไม่เกิน 10 ปีจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นทองคำ

 

ส่วนซื่อถูให้ความรู้สึกที่ลึกล้ำยามที่หนานหยางสื่อจ้องมอง! บุรุษผู้นี้ลึกล้ำ มีกระบี่สะพายที่ด้านหลัง เจตจำนงกระบี่รุนแรงทรงพลัง แม้ระดับพลังของบุรุษผู้นี้อยู่เพียงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูง แต่ปราณกระบี่ที่หนานหยางสื่อสัมผัสได้กลับไม่ทำให้มันคิดเช่นนั้น หากบุรุษผู้นี้โกรธเคือง ต่อให้เป็นมันก็ไม่หยุดยั้งได้

 

“คาดไม่ถึงว่าเมืองหนิงจะลึกล้ำเกิดหยั่งถึงเช่นนี้...”

 

หากไม่เพราะว่าห่วงศักดิ์ศรี หนานหยางสื่อจะล่าถอยในทันที มันมีชีวิตมาหลายร้อยปี ผ่านประสบการณ์ต่างๆมากมาย มันรู้ดีว่าคนเหล่านี้ไม่อาจยั่วยุได้

 

แต่ที่น่าเสียใจคือสายตาของหลู่หนานสื่อและสหายของมันกลับไม่เฉียบคมเช่นนั้น พวกมันยังคงเย่อหยิ่ง และแสดงท่าทีว่าอยู่เหนือกว่าอีกฝ่าย

 

“ข้าให้เวลาเจ้าสามลมหายใจ ให้เจ้าเมืองของเจ้าปรากฏตัว!” สหายของหลู่หนานสื่อกล่าวอย่างเย็นชา

 

ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณเพียงสามคนจะมีค่าอันใด ในเมื่อพวกมันมีระดับที่เหนือกว่า เหตุใดพวกมันต้องหวาดกลัว

 

นอกจากนี้ กองทัพทั้งสามมีระดับพลังเพียงขอบเขตเปิดเส้นชีพจร หากพวกมันไม่ร่วมมือกัน จะมีค่าอันใดให้กล่าวถึง?

 

แม้ผู้ที่ได้ชื่อว่านายน้อยหนิงจะดูยิ่งใหญ่ แต่นั่นก็แค่คำกล่าวอ้าง

 

หลู่หนานสื่อและเหล่าสหายคิดเช่นนั้น พวกมันหวังจะทำลายเมืองหนิงเสียตั้งแต่ตอนนี้

 

“จะแค่ข่มขู่... หรือจะสังหารพวกมันทั้งหมดเพื่อจบเรื่อง...”

 

หนานกงกล่าว ต่อให้อีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำตนเองก็ไม่กลัว นั่นเพราะระดับพลังที่แท้จริงของหนานกงสูงส่งกว่าซื่อถู เขาคือพี่ใหญ่!

 

ขณะที่การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น ท้องนภาเหนือเมืองหนิงกลับปรากฏพลังงานที่รุนแรง ท้องนภาครึ่งหนึ่งถูกปกคลุมด้วยเมฆสีแดงฉาน อีกครึ่งถูกปกคลุมด้วยเมฆสีทองอร่าม

 

เมื่อเมฆทั้งสองเคลื่อนผสานเข้าหากัน วังวนที่ถือกำเนิดจากพลังงานจำนวนมหาศาลก็ปรากฏ

 

วังวนเช่นนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อโอสถผันแปรที่ 4 ปรากฏ!

 

ยามนี้ ไม่เพียงหนานหยางสื่อที่ตกตะลึง หลู่หนานสื่อและสหายของมันก็ไม่ต่างกัน

 

นั่นหมายความว่า ภายในเมืองหนิงมีนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 อาศัยอยู่ นักปรุงยาโอสถระดับนี้ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มยังต้องเคารพ!

 

นอกจากอีกฝ่ายจะตกตะลึงแล้ว หนานกง ยุ่ยฉี และซื่อถูเองก็เช่นกัน ทั้งหมดรู้ดีว่าหนิงฝานกำลังเก็บตัวฝึกฝน แต่ไม่รู้ว่าหนิงฝานได้ปรุงโอสถผันแปรที่ 4

 

แววตาของหัวหน้ากองทัพทั้ง 3 เผยถึงความฮึกเหิมและภาคภูมิ หากนายน้อยของพวกตนเป็นนักปรุงยาโอสถผันแปรที่ 4 แม้ระดับพลังจะอยู่เพียงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง แต่ด้วยศักดิ์ฐานะ หนิงฝานจะแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัว ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกก็ไม่กล้ายั่วยุหนิงฝานอย่างไร้เหตุผล

 

ฉากที่ปรากฏวังวนพลังงานเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ ไม่นานวังวนก็แตกสลาย กลิ่นหอมของโอสถฟุ้งกระจาย โอสถที่แท้จริงปรากฏ และในจังหวะเดียวกันนั้น อัสนีสวรรค์ครึ่งดำครึ่งทองได้ฟาดผ่าลงมาอย่างรุนแรง

 

ด้วยอำนาจของอัสนีสวรรค์ ต่อให้เป็นหนานหยางสื่อยังต้องหวาดกลัว

 

อัสนีสวรรค์ผันแปรที่ 4 รุนแรงมากพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้อย่างง่ายดาย

 

“ป้องกันนายน้อยจากอัสนีสวรรค์...” แววตาของหนานกงและคนอื่นๆเผยความกังวล

 

...

 

ภายในห้องปรุงโอสถ หนิงฝานเปิดฝากระถางแยกโอสถ จากนั้นหยิบโอสถจักรพรรดิหยกขึ้นมาจากภายในแล้วเก็บมันไว้ในขวด

 

สัมผัสเทพของหนิงฝานกวาดผ่านไปยังท้องนภาเบื้องบน

 

“ซือซือ เจ้าป้องกันอัสนีสวรรค์ และอย่าให้คนพวกนั้นหนีไปได้!”

 

เมื่อมอบหมายคำสั่งเสร็จ หนิงฝานก็นั่งหลับตา สูดหายใจลึกเพื่อผ่อนคลาย จากนั้นกลืนโอสถจักรพรรดิหยกเข้าไป

 

เมื่อโอสถผ่านเข้าไปในลำคอ มันเริ่มสำแดงอานุภาพอย่างช้าๆ เส้นลมปราณที่เสียหายได้รับการเยียวยา กระดูกที่หักค่อยๆผสานฟื้นคืนอย่างช้าๆ อาการบาดเจ็บภายในถูกฟื้นฟูรักษา ทำให้ร่างกายของหนิงฝานแข็งแกร่งขึ้น และไม่ผอมเหมือนก่อนหน้า

 

แต่หนิงฝานกลับไม่มีเวลาให้ชื่นชมกับผลที่ได้ เพราะยามนี้ ความเจ็บปวดที่รุนแรงกลับปะทุไปทั่วร่าง

 

เส้นลมปราณถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ กระดูกที่รักษาจนหายดีถูกทำลายซ้ำ!

 

แต่สิ่งที่ประหลาดกลับบังเกิด เส้นลมปราณและกระดูกของหนิงฝานเริ่มก่อตัวขึ้นเอง ที่สำคัญ พวกมันยังแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

 

เมื่อทุกสิ่งฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์ มันก็ถูกทำลายอีกครั้ง

 

และเมื่อถูกทำลายมันก็ฟื้นคืน เป็นเช่นนี้สลับไปซ้ำๆคล้ายดักแก้ที่กำลังจะกลายเป็นผีเสื้อ

 

ตามตำรับของโอสถจักรพรรดิหยกแล้ว สรรพคุณของมันคือแปรเปลี่ยนให้ร่างกายมนุษย์เป็นร่างกายที่สูงชั้นกว่าเซียน แม้แต่ปีศาจหรือเซียนยังต้องนับถือ

 

ก่อนที่ผีเสื้อจะพ้นออกมาจากดักแด้ มันต้องลอบคราบและฉีกผิวหนังของตน ขั้นตอนนี้ทำให้ผีเสื้อมากมายต้องตายจากความเจ็บปวด

 

ผู้ที่ใช้โอสถจักรพรรดิหยกก็ไม่ต่างกัน มีคนประมาณ 9 ใน 10 ส่วนที่ไม่อาจอดทนต่อความเจ็บปวดและตายไป แม้เป็นเทพก็ไม่เว้น!

 

ไม่ว่าร่างกายภายในหรือภายนอกของเทพจะสามารถต้านทานการโจมตีที่รุนแรงได้ แต่ไม่อาจต้านทานความเจ็บปวดได้ หากไม่พึ่งพาพลังที่ต้านความเจ็บปวดแล้ว สิ่งเดียวที่จะช่วยได้คือหัวใจที่เข้มแข็ง!

 

“ต้องทน... ไม่งั้นก็ตาย!” หนิงฝานเจ็บปวดจนริมฝีปากซีดขาวไร้โลหิต เขาขบฟันแน่นเพื่ออดทน...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด