ตอนที่แล้วGE36 เรือเหาะฉีเหม่ย การก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการต่อสู้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE38 ฟักจากดักแด้เป็นผีเสื้อ โอสถจักรพรรดิหยก

GE37 ทัพปราการใต้ การลักพาตัวที่สะเทือนไปทั้งแคว้นเยว่


 

นิกายกุ่ยเชว่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของแคว้นเยว่ ภายในหมู่บ้านกระเรียนทมิฬ ข่าวลือว่าเมื่อครั้งโบราณ วิหคหยินตัวหนึ่งได้ตายที่นี่ เหลือทิ้งไว้เพียงโครงกระดูก ทำให้สถานที่แห่งนี้มีชื่อเสียง

 

ห่างจากหมู่บ้านกระเทียนทมิฬ 300 ลี้ มี ‘ป่าเฟิงหลิง’ กินพื้นที่กว้างกว่า 100 ลี้อยู่ ป่าแห่งนี้ดูราวกับป่าที่ถูกบางตระกูลละทิ้ง ทำให้ยามนี้ไม่มีผู้ใดอยู่ภายในป่าแห่งนั้น

 

งานรับศิษย์ของนิกายกุ่ยเชว่จะดำเนินเป็นเวลา 3 วัน... ยามนี้ บนท้องนภาเหนือผืนป่าเฟิงหลิงที่ไร้ผู้คนได้มีเรือเหาะลำหนึ่งปรากฏ

 

ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณเหยียบย่างนภาลงมาเบื้องล่าง ผู้หนึ่งใช้สมบัติธาตุน้ำแข็ง ผู้หนึ่งควบคุมสัตว์เลี้ยง ส่วนอีกผู้ใช้กระบี่ ทั้งหมดตัดทำลายผืนป่าเฟิงหลิง

 

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ผืนป่ากว่า 100 ลี้ถูกตัดทำลาย!

 

ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านไปมาบริเวณนั้นที่ประสบพบเห็นเรือเหาะขนาดยักษ์ ล้วนคิดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำเดินทางมา พวกมันจึงไม่กล้าเข้าไปสำรวจใกล้ๆ

 

ดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำผู้นี้ต้องการถากถางป่าเพื่อสร้างเมือง แต่เหตุใดผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่ยิ่งใหญ่ถึงได้เลือกผืนป่าที่รกร้างกันดารแห่งนี้

 

สถานที่แห่งนี้ไม่มีภูเขา ไม่มีสายน้ำ ปราณวิญญาณเบาบาง ไม่สมควรที่จะสร้างเมือง

 

เรือเหาะลำยักษ์ลงจอดบนพื้นดิน ผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรมทั้ง 1400 คนได้รับคำสั่งให้ใช้ไม้ที่ตัดมาสร้างเป็นเมือง ไม่นานนัก ผู้เยาว์คนหนึ่งก็เดินลงมาจากเรือเหาะพร้อมกับสตรีที่งดงามอีก 2 คน

 

ผู้เยาว์คนนั้นขยับมือ แปรเปลี่ยนเรือเหาะลำยักษ์ให้มีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือและเก็บเข้ากระเป๋า

 

ผู้เยาว์คนนี้ใบหน้าซีดขาวไร้โลหิต ร่างกายได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่ยังสามารถผู้ฝึกตนจำนวนมากสร้างบ้านเรือน และใช้หยกสวรรค์ในการสร้างข่ายพลังขนาดใหญ่

 

ร่างกายของผู้ฝึกตนแข็งแรงกว่าคนทั่วไปมาก... ผ่านไปเพียงครึ่งวัน ผู้เยาว์ก็นำกำลังคนทั้ง 1400 นำท่อนไม้ทั้งหมดสร้างหมู่บ้านในลักษณ์เป็นวงกลม รอบนอกเป็นกำแพงไม้สูง 3 จ้าง เหลือทางเข้าเมืองไว้เพียงทางเดียว

 

ผู้เยาว์ได้นำหยกสวรรค์จำนวน 5 หมื่นก้อนและแร่ล้ำค่าอีกมากมาย เพื่อวางข่ายพลังระดับแก่นทองคำปกป้องเมือง ด้วยข่ายพลังนี้ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำก็ไม่กล้าทำลาย แต่ผู้เยาว์กลับขมวดคิ้วราวกับยังไม่พอใจ

 

“กำแพงไม้ป้องกันการจู่โมของสัตว์ได้ แต่หากถูกผู้เชี่ยวชาญจู่โจมย่อมไม่อาจต้านรับได้ สถานที่แห่งนี้แห้งแล้ง ปราณวิญญาณเบาบาง ไม่เหมาะกับการฝึกฝนของกองทัพเทพเรา... แต่ช่างเถอะ ให้พวกมันอยู่ที่นี่ก่อน ไว้หากหาหยกสวรรค์และแร่อื่นๆได้เมื่อไหร่ ข้าจะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของที่นี่ และสร้างเมืองขึ้นใหม่!”

 

หนิงฝานเดินทางมาไกล สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้ทางตะวันตกของแคว้นเยว่ ห่างไกลจากเมืองฉีเหม่ย แต่ยามนี้ หนิงฝานจะใช้สถานที่แห่งนี้เป็นฐานที่มั่นก่อน

 

ตัวเมืองกินพื้นที่ 3 ลี้ และกำแพงรอบนอกกินพื้นที่ 7 ลี้ ยามนี้ได้เป็นของหนิงฝานแล้ว

 

เหนือประตูเมือง ปราณกระบี่ของซื่อถูสลักชื่อเมืองไว้ว่า ‘เมืองหนิง ซึ่งหมายความว่าเมืองแห่งนี้เป็นของหนิงฝาน!

 

หนิงฝานไม่สนใจเข้าร่วมนิกายกุ่ยเชว่แม้แต่น้อย หากไม่เพราะต้องตอบแทนบุญคุญแทนหานหยวนจี๋ และช่วงชิงปราณหยินลึกล้ำ เขาจะไม่เข้าร่วมนิกาย นอกจากนี้ ที่นิกายกุ่ยเชว่ยังมีผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของเขาอยู่

 

เมืองหนิงมีที่อยู่อาศัยร่วม 2000 หลังคา นับเป็นเมืองที่มีขนาดเล็กจนน่าใจหาย วัสดุที่ใช้สร้างเมืองก็ธรรมดาอย่างที่สุด

 

ที่เมืองฉีเหม่ย สิ่งก่อสร้างต่างๆภายในเมืองสร้างขึ้นจากน้ำแข็งหนา ที่นิกายเทียนหลีโม่ สิ่งก่อสร้างสร้างขึ้นจากหยก แต่เมืองหนิง... หากผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างเห็นคงหัวเราะ

 

สำหรับเมืองหนิง นอกจากข่ายพลังขนาดใหญ่ที่ทรงพลังแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรโดดเด่น

 

“ซือซือ เจ้าสร้างพันธะกับชีพจรพิภพใต้ดิน ข้าจะสร้างห้องปรุงโอสถในเมือง”

 

ขณะที่คนอื่นๆกำลังยุ่ง หนิงฝานก็ใช้ซื่อหวูเสียทำพันธะกับชีพจรพิภพ เพื่อชักนำเพลิงเหล่านั้นมาใช้ในการปรุงโอสถจักรพรรดิหยก

 

คาดไม่ถึงว่าจะสามารถสร้างพันธะกับเส้นชีพจรพิภพได้ แต่การเริ่มต้นอาจยากสักนิด

 

...

 

ภายในหนึ่งวันเมืองหนิงก็แล้วเสร็จ

 

ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านไปมาไม่มีผู้ใดสนใจกับเมืองใหม่แห่งนี้

 

แต่ยังมีหนึ่งตระกูลใหญ่ในแคว้นเยว่ตะวันตกที่อาจไม่พอใจ นั่นคือตระกูลหลู่

 

‘หลู่หนานสื่อ’ ผู้นำตระกูลหลู่ เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย อีกก้าวเดียวจะบรรลุแก่นทองคำ มี ‘วิชาขัดเกลาร่างกาย’ ที่น้อยคนในแคว้นเยว่จะมี และป่าเฟิงหลินที่หนิงฝานสร้างเมืองแห่งนี้ ก็เป็นสถานที่ของตระกูลหลู่

 

เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ป่าเฟิงหลิงให้กำเนิด ‘ผลหลิงเพลิง’ เป็นผลไม้ที่สามารถขัดเกลาร่างกายของมนุษย์ให้แข็งแกร่ง นับเป็นของล้ำค่า ทำให้ยามนั้นตระกูลหลู่รับทรัพย์มากมายมหาศาล แต่หลังจากนั้น ธรรมชาติได้เปลี่ยนไป เส้นชีพจรเพลิงสูญหาย ตระกูลหลู่จึงได้ตัดต้นหลิงทิ้งเพื่อให้พวกมันเติบโตใหม่

 

แต่ยามนี้กลับมีผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมกลุ่มหนึ่งเข้ายึดครองป่าเฟิงหลิงและตั้งเมือง เมื่อข่าวนี้ถึงหูของหลู่หนานสื่อ มันกลับไม่ใส่ใจ

 

ป่าเฟิงหลิงที่ตายแล้วแห่งนี้ ไม่มีอะไรต้องเก็บเกี่ยวอีกแล้ว

 

แต่อีกข่าวที่ตามมา กลับทำให้มันยากจะคงความสงบ ใบหน้าแดงฉานโกรธเคือง

 

นั่นเพราะชีพจรเพลิงใต้พื้นดินที่สาบสูญได้ถูกพลังสายหนึ่งชักนำและสร้างพันธะขึ้นมาใหม่อีกครั้ง!

 

“เมื่อมีชีพจรเพลิง ผลหลิงเพลิงก็จะถือกำเนิดอีกครั้ง!” หลู่หนานสื่อประหลาดใจ เมื่อครั้งที่ชีพจรเพลิงสูญหายไปจากป่าเฟิงหลิง ตัวมันที่เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย ไม่สามารถใช้พลังชักนำชีพจรเพลิงกลับมาได้ แต่การที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมเหล่านี้ทำได้ หมายความว่าพวกมันโชคดี?

 

ยามนี้ชีพจรเพลิงได้กลับมาหล่อเลี้ยงป่าเฟิงหลิงอีกครั้ง หลู่หนานสื่อจะไม่ยอมยกป่าแห่งนี้ให้ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมเหล่านั้นเด็ดขาด

 

มันลูบเคราครุ่นคิด แววตาเผยประกาย มันหันมองชายชราที่เป็นทาสรับใช้กลุ่มหนึ่งงแล้วกล่าว “หลู่หมิง เราต้องช่วงชิงป่าเฟิงหลิงกลับมา ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นเป็นใคร มีที่มาอย่างไร แข็งแกร่งระดับไหน...”

 

“รายงานผู้นำตระกูล ข้าได้สืบเสาะข่าวมาว่า เมืองแห่งนั้นมีชื่อว่าเมืองหนิง เป็นเมืองธรรมดาที่เพิ่งสร้าง...”

 

“เพิ่งสร้าง? เช่นนั้นก็เป็นไปได้ที่... อืม... เมืองหนิง... เจ้าเมืองแห่งนั้นสมควรมีแซ่หนิง แต่แซ่หนิงไม่สมควรเป็นแซ่ของขุมกำลังใหญ่ในแคว้นเยว่ เช่นนั้น...เจ้านำ ‘ทัพปราการใต้’ ไปยึดป่าเฟิงหลิงจากพวกมัน อย่าได้เข่นฆ่าสังหาร แต่หากมันขัดขืนก็สังหารไม่ปราณี!”

 

“รับทราบ บ่าวจะนำทัพปราการใต้ไป!”

 

หลู่หมิงผู้เป็นทาสรับใช้เผยสีหน้าตกตะลึง

 

ในโลกของผู้ฝึกตน ขุมกำลังต่างๆจะมีกองทัพไว้ทำสงคราม เหมือนอย่างหานหยวนจี๋ที่มี กององครักษ์เหมย กององครักษ์น้ำแข็ง และกององครักษ์กระบี่ ส่วนด้านของตระกูลหลู่ คือทัพปราการใต้ พวกมันมีคนทั้งหมด 500 กองทัพของพวกมันถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 17 ของแคว้นเยว่ ดังนั้นต่อให้เป็นกองทัพของนิกายใหญ่บางแห่งยังด้อยกว่าพวกมัน

 

ทหารในทัพปราการใต้ทั้งหมดมีพลังอยู่ในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 4 พวกมันทั้งหมดถูกฝึกมาอย่างดี หากจู่โจม พวกมันอาจสามารถทำลายตระกูลขนาดเล็กได้

 

หลู่หมิงคาดไม่ถึงว่าผู้นำตระกูลจะใช้ทัพปราการใต้ที่แข็งแกร่งเพื่อจัดการกับผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมเหล่านั้น แบบนี้ไม่เท่ากับสังหารไก่ด้วยขวานหรอกหรือ?

 

แต่นั่นเป็นเพราะผู้นำตระกูลไม่ประมาท

 

หลู่หมิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนเอ่ยปากถาม “ท่านผู้นำตระกูล ท่านไม่จำเป็นต้องใช้ทัพปราการใต้หรอก แค่ตาเฒ่าเช่นข้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นต้นก็สามารถทำลายเมืองนั้นได้แล้ว”

 

“หลู่หมิง... เจ้ายังบกพร่องอยู่ เจ้ามั่นใจจนเกินไป... จำไว้! ต่อให้เผชิญหน้ากับทัพที่เล็กขนาดไหนเจ้ายังต้องระวัง เพราะ ‘อินทรีย์ที่ล่ากระต่าย มันไม่เคยยั้งมือ’! จงจำไว้ให้ดี ไปได้แล้ว...”

 

เมื่อกล่าวเสร็จ หลู่หนานสื่อกับหลับตาและไม่กล่าวอะไรอีก

 

หลู่หมิงไม่กล้าขัดคำสั่งของหลู่หนานสื่อ มันเร่งเคลื่อนทัพปราการใต้ผ่านจันทราในยามราตรี มุ่งหน้าไปยังเมืองหนิงอย่างรวดเร็ว

 

ทหารของทัพปราการใต้แต่ละคนล้วนแข็งแกร่ง เมื่อผู้ฝึกตนระหว่างทางเห็นพวกมัน ทุกคนต่างตกตะลึงและหลีกทาง

 

“ที่ตระกูลหลู่นำทัพปราการใต้ออกมาในครั้งนี้ พวกมันต้องการทำลายนิกายฝ่ายอธรรมใด...”

 

“ดูนั่น! นั่นหลู่หมิง ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นต้น มันเป็นผู้นำทัพด้วยตนเอง การได้เห็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ ช่างเป็นบุญตานัก...”

 

ผู้ฝึกตนบางคนพูดคุยเมื่อเห็นทัพปราการใต้ เมื่อคำกล่าวเหล่านั้นได้ยินถึงหูหลู่หมิง มันภาคภูมิจนเก็บอาการไม่อยู่

 

‘ผู้นำตระกูลเห็นความสำคัญของเรื่องเล็กๆนี่เกินไป... แค่ทำลายเมืองหนิง แต่กลับต้องใช้ถึงทัพปราการใต้...’

 

ผ่านไปสองชั่วยาม ทัพปราการใต้เดินทางมาได้หลายร้อนลี้ กระทั่งทิวทัศน์เบื้องหน้าปรากฏเมืองขนาดเล็กแห่งหนึ่ง

 

หลู่หมิงที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ สามารถมองเห็นในระยะที่ไกลขนาดนั้นได้อย่างชัดเจน มันเห็นว่าเมืองหนิงเป็นเพียงเมืองที่สร้างขึ้นจากไม้ ไม่คู่ควรให้กล่าวถึง ไม่คู่ควรให้ชายตามอง

 

มันแสดงสัญญาณมือเมื่อถึงระยะที่ห่างจากเมืองหนิง 10 ลี้ เพื่อให้ทัพของมันลงจากม้า

 

มันแผ่สัมผัสเทพส่งเป็นเสียงดังสะท้อนไปยังเมืองหนิง

 

“ข้าผู้เฒ่าหลู่หมิง ผู้นำทัพปราการใต้ มาเพื่อยึดครองเมืองหนิง ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 10 ลมหายใจเพื่อปรากฏตัว หากพวกเจ้ายอมแพ้ ข้าจะเมตตาไม่สังหารผู้ใด”

 

หลู่หมิงนั่งหลับตาอยู่บนหลังม้าอย่างสงบ

 

มุมปากของมันขมวดมุ่นเย้ยหยัน สัมผัสเทพของขอบเขตประสานวิญญาณขั้นแรกของมัน สมควรทำให้ผู้ฝึกตนภายในเมืองหนิงหวาดกลัว

 

เมืองหนิงที่มีสภาพย่ำแย่เช่นนั้น เหล่าผู้เชี่ยวชาญฝ่ายปีศาจที่อาศัยอยู่ภายใน คงเป็นผู้เชี่ยวชาญจากชนบทที่อาจไม่เคยพบผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณมาก่อน

 

มันมั่นใจว่าจะขู่อีกฝ่ายได้ แต่ทันใดนั้น รอยยิ้มของมันกลับแข็งค้าง ใบหน้าเผยความไม่อยากเชื่อ ดวงตาเบิกกว้าง

 

ใบหน้าของมันซีดขาวไร้โลหิต กล้ามเนื้อบนใบหน้าบิดกระตุก กรามอ้าค้างจนไม่อาจขยับปากกล่าว

 

“สะ...สามผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ...สองคน..ขั้นกลาง...อีกหนึ่งขั้นสูง... ทัพของพวกมันก็....”

 

จันทราสาดแสงนวล หนานกง ซื่อถูก และยุ่ยฉีเหยียบย่างนภาปรากฏ แรงกดดันประสานวิญญาณปลดปล่อย ทัพของผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมจำนวน 1400 คนกรูกันออกมาจากเมืองภายในไม่กี่อึดใจและจัดขบวนพร้อมรบ

 

‘กระบวนทัพหยินยาง’ ‘กระบวนทัพสามกระบี่สังหาร’ และ ‘กระบวนทัพจักรพรรดิน้ำแข็งสี่ประสาน’!

 

ทหารในกองทัพ ผู้ที่มีระดับพลังต่ำที่สุดคือขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 5 ปราณสังหารที่ทหารเหล่านี้สะกดมาทั้ง 40 ปี ยามนี้ได้เวลาปลดปล่อย

 

“พวกบัดซบ ค่ำคืนที่แสนดีเช่นนี้กลับกล้ารบกวนนายน้อยหนิง พวกเจ้าเบื่อชีวิตแล้วใช่มั้ย?”

 

ใบหน้าของยุ่ยฉีสูบฉีดด้วยโลหิต ในมืออุ้มหมูม่วงตัวเล็กๆไว้ มันจู่โจมด้วยพลังขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง เข้าใส่หลู่หมิงจนกระอักโลหิตและร่วงตกม้า

 

นายน้อยหนิง... ผู้ใดคือนายน้อยหนิง? คนผู้นี้สามารถบัญชาการสามผู้นำกองทัพที่ทรงพลัง คนผู้นี้สามารถมีทาสเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณถึง 3 คน นายน้อยหนิงผู้นี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป

 

ครานี้... ตระกูลหลู่เจอตอเข้าให้แล้ว

 

“ฆ่าพวกมันให้หมด! ดาบของบิดาหิวโหยโลหิตมานานแล้ว!” ยุ่ยฉีพุ่งทะยานนำทัพ กองทัพเทพทั้งสามเคลื่อนเข้าทำสงครามกับทัพปราการใต้

 

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทัพปราการใต้ถูกสังหารไป 300 คน ถูกจับตัวอีก 200 คน หลู่หมิงผู้นำทัพถูกยุยฉีทุบตีกึ่งเป็นกึ่งตายและถูกจับกุม

 

อีกด้านของเมืองหนิง... หนิงฝานกำลังปรุงโอสถอยู่ภายในห้องปรุงโอสถ หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพเข้าสำรวจสถานะการณ์และยิ้มเล็กน้อย เขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกทั้งหมด

 

“ดี... ดูเหมือนข้าไม่ต้องลงมือเอง สามกองทัพเทพของข้าที่ถูกฝึกมาอย่างดีช่างไม่ธรรมดา...”

 

หนิงฝานกลับมาปรุงโอสถต่อ พื้นเบื้องหน้าของหนิงฝานเป็นหลุมลึกสามจ้าง ด้านล่างเป็นเพลิงพิภพที่ชักนำขึ้นมาจากชีพจรพิภพ

 

ด้านบนของหลุมวางไว้ด้วยกระถางแยกโอสถ มังกรเพลิงทมิฬทั้ง 8 ตัวได้ถูกผนึกไว้ภายในสร้อยหยินหยาง ยามนี้หนิงฝานกำลังปรุงโอสถจักรพรรดิหยก

 

โอสถจักรพรรดิหยกเป็นโอสถผันแปรที่ 4 มีสมุนไพรที่หาได้ยาก

 

สมุนไพรเสริมเองก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ สมุนไพรหลักของโอสถชนิดนี้คือหญ้าจักรพรรดิหยกและหญ้าปีศาจ สมุนไพรทั้งสองชนิด แม้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ยังยากจะหาได้พบ โอสถจักรพรรดิหยกสามารถล้างเส้นลมปราณและไขกระดูก อานุภาพของมันนับว่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก

 

การขัดเกลาร่างกายของตนคือการทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง ข่าวลือกล่าวว่า โอสถจักรพรรดิหยกจะทำให้ผู้ที่กินมันเข้าไปได้ครอบครอง ‘ร่างเหนือเซียน’  เป็นร่างที่แม้แต่อาวุธเทพโบราณก็ไม่อาจสร้างความเสียหาย หรือหากกล่าว คนผู้นั้นจะกลายเป็นผู้อมตะ

 

สมุนไพรของโอสถจักรพรรดิหยกยากจะค้นหา กว่าจะได้มานับว่าเลือดตาแทบกระเด็น มีคำกล่าวของโอสถจักรพรรดิหยกว่า ‘จะไม่มีสิ่งก่อสร้างหากไม่ทำลายเสียก่อน’ นั่นหมายความว่า หากกินโอสถเข้าไป เส้นลมปราณและไขกระดูกทั้งหมดจะถูกทำลาย จากนั้นสร้างตัวขึ้นใหม่ ถือเป็นการชะล้างโดยสมบูรณ์

 

หากนำสิ่งสกปรกออกจากร่างได้...แค่นั้นย่อมไม่พอ เพราะต่อให้นำสิ่งสกปรกออกจากใยฝ้าย ใยฝ้ายย่อมไม่มีทางเปลี่ยนเป็นโลหะ

 

หนิงฝานมีร่างกายของมนุษย์ ผอมบาง และยังได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูก ทั้งเส้นลมปราณเสียหายอย่างหนัก

 

ยามนี้ร่างกายของหนิงฝานนับว่าไม่อาจเสียหายได้มากกว่านี้อีกแล้ว ดังนั้นยามนี้ การใช้โอสถจักรพรรดิหยกจึงถือเป็นโอกาสที่เหมาะที่สุด

 

ภายในกระถางแยกโอสถ กลิ่นหอมของโอสถลอยออกมา พลังงานภายนอกเตาเริ่มผันผวน

 

ผ่านไปครึ่งวัน ในที่สุดหนิงฝานก็ปรุงโอสถจักรพรรดิหยกสำเร็จ!

 

รุ่งเช้ามาเยือนอย่างช้าๆ ตระกูลหลู่ปั่นป่วนยุ่งเหยิง

 

เพราะหลู่หนานสื่อที่ตื่นขึ้นมา แต่ไม่เห็นหลู่หมิงและทัพปราการใต้ของตนกลับมา

 

‘แปลก กองทัพที่รั้งอันดับที่ 17 กลับถูกเมืองขนาดเล็กทำลายในชั่วข้ามคืน?’

 

“หรือพวกมันจะประสบเหตุการณ์ไม่คาดฝันบางอย่าง... ฮ่าฮ่า เป็นไปไม่ได้ หลู่หมิงเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ ยิ่งหากรวมกับกระบวนทัพของทัพปราการใต้แล้ว ต่อให้ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำก็ใช่ว่าจะเอาชัยได้... อืม... หลู่หมิงพาคนไปมากขนาดนั้น ยามนี้มันสมควรกลับมาได้แล้ว”

 

ไม่นานก็ถึงยามสาย... หลู่หมิงยังคงไม่กลับมา หลู่หนานสื่อเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข

 

มันนำเหรียญหยกที่สลักชื่อของหลู่หมิงออกมาแล้วกล่าว หยกชิ้นนี้สามารถสื่อสารได้ในระยะถึง 100 ลี้

 

หลู่หนานสื่อกล่าวผ่านเหรียญหยกด้วยโทสะ “หลู่หมิง รีบกลับมาได้แล้ว! ข้าแค่ให้เจ้าทำลายเมืองหนิง เหตุใดเจ้าถึงช้าขนาดนี้!”

“...” เหรียญหยกอีกฝั่งไม่ตอบ

 

“หลู่หมิง? ได้ยินหรือเปล่า?”

 

“...” ยังคงไม่มีเสียงตอบ

 

“แย่แล้ว เกิดบางอย่างขึ้นกับพวกมัน!” หลู่หนานสื่อตกตะลึง หลู่หมิงที่เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ เดินทางไปพร้อมกับทัพปราการใต้ แต่กลับประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

 

แต่ในขณะที่มันตกตะลึง เหรียญหยกอีกฝั่งก็สื่อสารกลับมา เพียงแต่เจ้าของเสียงเป็นเสียงของปีศาจผู้ชั่วร้าย จนทำให้หลู่หนานสื่อเสียวสันหลังวาบ

 

“ข้าหนานกง... คนของเจ้าอยู่ในมือของพวกข้า ฮ่าฮ่าฮ่า... ถ้าอยากได้คนของเจ้าคืนก็เร่งมุ่งหน้ามาที่เมืองหนิง...”

 

ด้วยเวลาเพียง 1 วัน แคว้นเยว่กลับเกิดการลักพาตัวที่สั่นสะเทือนไปทั้งแคว้น และยามนี้ ผู้เชี่ยวชาญในแคว้นเริ่มให้ความสนใจเมืองหนิงแล้ว!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด