ตอนที่แล้วDND.60 - ระเบิดแดนอันตราย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.62 - ชีวิตและความตายของดยุค

DND.61 - มือเปล่าสังหาร


ร่างตู้หยุนเทียนกระเด็นลอยตกจากลานประลองอย่างแรง

ผู้รับใช้เพลิงเข้ามาดู แขนของตู้หยุนเทียนมอดไหม้ไม่มีชิ้นดี เหลือเพียงเส้นเอ็นที่ยึดผิวหนัง

บริเวณส่วนอกเต็มไปด้วยโลหิต หัวใจเต้นเบาบาง ทุกส่วนของร่างมีโลหิตเต็มไปหมด ชีวิตตู้หยุนเทียนตกอยู่ในอันตราย!

ซือหยูเกือบจะสังหารตู้หยุนเทียนด้วยหมัดเดียวงั้นรึ? พลังซือหยูน่ากลัวแค่ไหนกัน?...และตอนนี้เขายังบรรลุขอบเขตพลังใหม่แล้วด้วย

สีหน้าของเหล่าผู้ประเมินเปลี่ยนไป แววตาหวาดกลัว

“เพลิงอัศนี!”

เพลิงสีม่วงมิใช่เพลิงแต่เป็นสายฟ้าเข้มข้นที่รวมตัวกันเรียกว่าเพลิงอัศนี พลังของมันแกร่งกว่าสายฟ้ามากมายนัก วิชาระดับสวรรค์แบบไหนกันถึงสร้างเพลิงอัศนีเช่นนี้ขึ้นมาได้?

แต่นี่ไม่ใช่เวลามาสนใจเพลิงอัศนี

ชีวิตตู้หยุนเทียนกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาอยู่บนเส้นกั้นความเป็นความตาย ผู้รับใช้เพลิงมิปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆแน่

อย่างที่คาดไว้ ผู้รับใช้เพลิงมีสีหน้าโกรธเกรี้ยว เพลิงพิโรธปะทุอยู่ในแววตาเพื่อบดบังจิตสังหาร

แม้จะช่วยตู้หยุนเทียนไว้ได้ เขาก็จะพิการอยู่ดี แขนของเขาไม่มีวันเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ตู้หยุนเทียนถูกลิขิตให้เป็นคนไร้ค่าเสียแล้ว

รังสีอำมหิตจากผู้รับใช้เพลิงปกคลุมไปทั่วลานประลอง รังสีของเขาโจมตีจิตใจทุกคนราวกับค้อนยักษ์

“อวดดีนัก...เจ้าฆาตกร! เจ้าโจมตีรุนแรงขนาดนี้ในงานประชุมศักดิ์สิทธิ์! ข้า ผู้รับใช้แห่งวิหาร...ขอเอาเจ้าออกจากการประชุมครั้งนี้!”

หากซือหยูถูกประกาศให้เป็นผู้ชนะ เขาจะได้เป็นราชาแห่งงานประชุมศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่อยู่ระดับเดียวกับเขาในรุ่นนี้มิอาจต่อกรได้

แต่การตัดสิทธิ์จากผู้อาวุโสเพลิงทำให้ไม่มีผู้ได้รับมงกุฎ

เหล่าผู้ชมที่กำลังหวาดกลัวนั้นมีความโกรธอยู่ในใจมิต่างกัน...พวกเขาเข้าใจความไร้ยุติธรรมที่ซือหยูต้องพบเจอ

ตู้หยุนเทียนตั้งใจสังหารซือหยูในทุกกระบวนท่า...ตลอดจนแอบลอบโจมตีทุกครั้งที่มีโอกาส...เหตุใดผู้รับใช้เพลิงจึงไม่หยุดเขา?

แต่เมื่อตู้หยุนเทียนบาดเจ็บเพราะซือหยู...ผู้รับใช้เพลิงกลับลงโทษซือหยู

ความยุติธรรมอยู่แห่งหนใดกัน?

ภาพลักษณ์อันขาวสะอาดแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้หายไปจากหัวใจเหล่าผู้บ่มเพาะพลัง

ซือหยูมิได้มองผู้รับใช้เพลิง เขาค่อยๆเดินลงจากลานประลองโดยไม่หันหลังกลับ เสียงของเขาแหบพร่า เย็นชา และน่าสงสาร

“หากดยุคสิ้นแล้ว มงกุฎศักดิ์สิทธิ์ก็ไร้ความหมายกับข้า”

ดยุคตายแล้ว จะเอามงกุฎมาเพื่อสิ่งใดกัน?

เหลือเพียงสิ่งเดียวที่เขาต้องทำ

ซือหยูต้องฆ่าองค์ชายหนึ่ง!

“เร็วเข้า! ปกป้องข้า!”

องค์ชายหนึ่งหวาดกลัวอย่างพูดไม่ออก

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ--

องครักษ์สามคนเข้ามาขวางองค์ชายหนึ่งที่กำลังรีบออกจากโถงประลองด้วยใบหน้าหวาดกลัว

องค์ชายหนึ่งอนาถใจ หากเขารู้ว่าซือหยูจะบรรลุขอบเขตพลังใหม่เขาจะไม่พยายามประหารดยุคเซี่ยนหยู

พูดให้ถูกก็คือ...เขาผิดตั้งแต่แรกที่คิดลงมือกับดยุคเซี่ยนหยู

เขาอยู่ในฐานะที่ดีและพร้อมจะเป็นกษัตริย์อยู่ทุกเมื่อ...เขามีอำนาจควบคุมล้นฟ้า แต่เขาหลงระเริงในอำนาจและใส่ร้ายดยุค....และนั่นคือการทำลายทุกสิ่งที่เขามี

ซือหยูก้าวไปอย่างช้าๆ เขาจ้องตรงไปยังองค์ชายหนึ่งที่หลบอยู่หลังองครักษ์อย่างหวาดกลัว

“ดาบอสูร! ตาย!”

อ๊ากกกก--

องครักษ์ด้านหน้าองค์ชายหนึ่งหลับตาและตายอย่างเจ็บปวดทันที

องครักษ์มีพลังระดับหกขั้นต้นมิต่างจากศิษย์อสูรที่นี่

แต่ต่อหน้าซือหยูเขาถูกสังหารอย่างง่ายดาย

“มาช่วยข้าเร็ว!”

องค์ชายหนึ่งโวยวายด้วยความโกรธและกลัวตาย

น่ากลัว...น่ากลัวเกินไปแล้ว! ซือหยูน่ากลัวจริงๆ!

หากองค์ชายหนึ่งหนีกลับตำหนักไปได้ เขาจะรวบรวมคนที่แกร่งที่สุดที่มีเพื่อจัดการซือหยู

“หามีใครช่วยเจ้าได้...”

ซือหยูเสียงแหบพร่าและเลือดเย็น ใครได้ยินเป็นต้องเสียวสันหลัง

“ดาบอสูร! ตาย!”

องครักษ์คนที่สองล้มลงกับพื้น

“ดาบอสูร! ตาย!”

องครักษ์คนที่สามชะตากรรมมิต่างกัน

พริบตาเดียว...องครักษ์ระดับหกสามคนถูกสังหารสิ้น

เหลือเพียงองค์ชายหนึ่งที่กระเสือกกระสนหนีตายอย่างหวาดกลัว

ภาพนี้มิต่างกับเหตุการณ์ในตำหนักเซี่ยนหยูในตอนที่องครักษ์ชุดเขียวตายทีละคนจากดาบอสูร...จนถึงองค์ชายสอง

องค์ชายหนึ่งผู้มากอำนาจกำลังพบพานชะตากรรมเดียวกัน

ผู้รับใช้เพลิงหน้าซีด ซือหยูทำให้ผู้ติดตามของเขาพิการ...ไม่สนใจคำลงโทษของเขา...และยังสังหารผู้คนต่อไปเรื่อยๆ เขาไม่มีความยำเกรงต่อผู้รับใช้แห่งวิหารเลยหรือไงกัน?

“พวกเจ้าทุกคนสมควรตาย! ทำไมยังไม่โจมตีมันอีก?”

ผู้รับใช้เพลิงทุบโต๊ะอย่างโกรธเกรี้ยว

แต่ผู้ประเมินทั้งสิบสองต่างลังเล บางคนก็มองไปรอบๆ แต่หามีใครโจมตีไม่!

เห็นได้ชัดว่าผู้รับใช้เพลิงได้สร้างความไม่พอใจกับเหล่าผู้ประเมิน

ผู้รับใช้เพลิงคิดว่าเขามีสิทธิ์ที่จะมองข้ามความผิดของตู้หยุนเทียนเพียงเพราะเขาเป็นผู้ติดตามของเขางั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นแล้วเหตุใดจึงต้องลงโทษซือหยูที่ทำแบบเดียวกัน?

ผู้รับใช้ทั้งสิบสองรู้สึกแววตาโกรธแค้นจากผู้ชมทั้งลานประลอง ชื่อเสียงแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ป่นปี้ย่อยยับไปด้วยมือผู้รับใช้เพลิง

แต่มีผู้ประเมินเพียงคนเดียว...ที่พุ่งเข้าไปหาซือหยูอย่างไม่ลังเล

ฟึ่บ--

ผู้ประเมินแต่ละคนมีพลังอย่างน้อยระดับเจ็ด...พลังของพวกเขามิใช่เรื่องล้อเล่น

ผู้ประเมินที่กำลังโจมตีนั้นเคลื่อนไหวเร็วปานสายฟ้า

เพียงพริบตาเดียวเขาก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าองค์ชายหนึ่ง

ฟางหยุน! ฟางหยุนแห่งสำนักเซี่ยนหยู!

“เจ้าฆาตกรอวดดี เจ้าฆ่าคนหลายต่อหลายคน ณ ที่แห่งนี้ ข้าในฐานะผู้ประเมินคงต้องกำจัดเจ้า”

ฟางหยุนก่นด่า เขามีความตั้งใจจะสังหารซือหยูอยู่ก่อนแล้ว เขาจะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่าเขาคือคนที่ไล่ซือหยูออกจากสำนัก...มิเช่นนั้นเขาจะถูกลงโทษ

และเขายังรับประกันไม่ได้ว่าซือหยูจะไม่มาล้างแค้นเขาในอนาคต เป็นการดีที่เขาจะใช้โอกาสสังหารซือหยูเสียตั้งแต่ตอนนี้…

ฟู่ว---

ฟางหยุนโจมตีอย่างเด็ดขาด คลื่นพลังปราณอันคมกริบหลอมรวมมาที่ปลายนิ้ว เขาพยายามจะเจาะทะลุร่างซือหยู

ผู้มีพลังระเจ็ดนั้นฆ่าระดับห้าได้เพียงพลิกฝ่ามือ

พลังปราณของเขาเข้มข้นมาก แม้จะเป็นผู้ที่มีพลังระดับหกขั้นสูงยังต้องยอมรับในโชคชะตา

แต่ซือหยูกลับใจเย็นอยู่ได้

เขาจดจำกระบวนท่านี้ได้ดี ภาพดยุคเซี่ยนหยูที่ช่วยเขาจากฟางหยุนที่พยายามจะฆ่าเขาด้วยพลังปราณนี้ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน

ซือหยูในตอนนี้แกร่งกว่าเดิมมาก

“ใครที่มาขวางทางข้าต้องตาย!”

หามีประกายแสงในแววตาซือหยูไม่ เพลิงสีม่วงเต้นรำล้อมหมัดของซือหยู

ครืน...เปรี้ยง---

อ๊าก----

ฟางหยุนร้องครางออกมา นิ้วของเขาเจ็บปวดอย่างมาก เพลิงสีม่วงมอดไหม้ปลายนิ้วของเขา

ฟู่ว---

ฟางหยุนใช้พลังปราณลบล้างเพลิงอัศนีอย่างรวดเร็ว

ช่างเป็นเพลิงอัศนีที่แข็งแกร่ง! ผู้ประเมินทั้งสอบสองตกตะลึง

ฟางหยุนตกใจมาก ซือหยูรับพลังของเขาได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? เมื่อก่อนเขายังเป็นเพียงมดปลวก...เป็นแค่ศิษย์สำนักธรรมดา

“เจ้ายังกล้าต่อกรขั้นรึ! ความผิดมหันต์!”

ฟางหยุนตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยความรู้สึกโกรธและละอายใจ เขาได้พ่ายแพ้ต่อเด็กหนุ่มต่อหน้าคนนับหมื่น!

ความกลัวขององค์ชายหนึ่งบรรเทาลง หากฟางหยุนมาช่วยเขาก็โล่งใจ แววตาเขาเต็มไปด้วยความชิงชัง

เพียงคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกย่ำแย่ในตลอดชีวิตนี้ก็คือซือหยู!

“ฮ่าๆๆ! เจ้าจะทำอะไรองค์ชายอย่างข้าได้?”

องค์ชายหนึ่งยืนอยู่ที่ทางออกโถงประลอง...เขาหันมาและหัวเราะอย่างเย็นชา

“ข้าจะไม่หยุดแค่ฆ่าดยุคเซี่ยนหยู ข้าจะจัดการฉินเซี่ยนเอ๋อและคนที่เหลือในตระกูลเจ้าให้หมด!”

นัยน์ตาแดงก่ำของซือหยูเยือกเย็น เขาพูดด้วยเสียงแหบพร่า

“เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีชีวิตพ้นวันนี้รึ?”

“ข้าบอกแล้ว หามีใครช่วยเจ้าได้...แม้สวรรค์!”

คำพูดซือหูมั่นคงและเจาะทะลุวิญญาณขององค์ชายหนึ่ง

ฟางหยุนหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว

“ตายซะ!”

“เร่ง! เว! ลา!”

ดวงตาแดงก่ำของเขาเปล่งประกาย

เวลา...ช้าลง

ฝ่ามือของฟางหยุนที่กำลังโกรธพุ่งเข้ามาช้าๆทางซือหยู

สีหน้าคนดูค่อยๆแปรเปลี่ยน

อากาศหมุนเวียนอย่างแช่มช้าและหนักหน่วง

แต่ในความจริงหาใช่ทุกคนที่ช้าลง...แต่เป็นเพราะซือหยูเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก

ด้วยหยดน้ำวิญญาณสีแดงสองหยดนั้นเอง...ซือหยูในตอนนี้เร็วกว่าเดิมสองเท่าแม้จะเป็นระหว่างการต่อสู้

ฟึ่บ--

เขาก้าวไปข้างหน้าหาองค์ชายหนึ่ง

ครืน--

ฟางหยุนโจมตีโดนเพียงความว่างเปล่า...โชคดีที่ไม่ล้ม

เกิดอะไรขึ้น? ซือหยู...หายไปไหน?

ฟางหยุนรู้สึกถึงความเหลื่อนไหวข้างหลังเขาและสีหน้าเปลี่ยนทันที

เพียงพริบตา...ซือหยู...ก็เข้าถึงตัวองค์ชายหนึ่ง!

องค์ชายหนึ่งยังคงไม่รู้ตัว...รอยยิ้มชั่วร้ายยังคงเปื้อนใบหน้า เขาเพียงเห็นภาพลางๆและก็มีคนมายืนอยู่ตรงหน้าเขา ดวงตาสีแดงก่ำอยู่ใกล้เขาเพียงไม่กี่หุน

ระยะใกล้เพียงหายใจ…

“อ๊าก!!! เจ้าเป็นผีรึไง!”

องค์ชายหนึ่งหวาดกลัว หน้าของเขาซีดราวกับกระดาษ

ฟึ่บ--

องค์ชายหนึ่งรีบคว้าสร้อยหยกบนอก หากเขาทุบมันเขาจะปล่อยพลังที่เทียบเท่าระดับเจ็ดขั้นสูงออกมาได้

แต่มือของเขาถูกคว้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว

“ไม่มีใครช่วยเจ้าได้!”

ดวงตาซือหยูเต็มไปด้วยความชิงชังไร้ขอบเขต

เป็นองค์ชายหนึ่งเองที่ทำลายครอบครัวซือหยู เขาทำให้เซี่ยนเอ๋อต้องไปยังแดนห่างไกล ดยุคถูกประหารและคนในตำหนักเซี่ยนหยูเองก็ลำบาก...ทั้งหมดเป็นเพราะองค์ชายหนึ่ง

“หยุดนะ!”

ผู้รับใช้เพลิงโกรธเกรี้ยว

ไม่เป็นไรหากเขาสังหารคนอื่น...แต่การฆ่าคนตระกูลราชวงศ์ต่อหน้าเขาจะทำให้ชื่อเสียงของเขาถูกทำลายลงแน่นอน

ซือหยูมิได้สนใจผู้รับใช้เพลิงและบีบคอองค์ชายหนึ่ง

องค์ชายเบิกตากว้าง ใบหน้าหวาดกลัว เขามิเคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน

“ซือ...หยู...ปล่อยข้า...ข้าผิดไปแล้ว...”

องค์ชายหนึ่งขอความเมตตา

หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า การใส่ร้ายดยุคเซี่ยนหยูคือความผิดพลาดที่สุดในชีวิต

ดวงตาซือหยูหาได้แปรเปลี่ยนไม่ เขาส่ายหัวอย่างไร้ปรานีและพูดด้วยเสียงแหบพร่า

“สายไปแล้ว ดยุคสิ้นแล้ว เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”

“ม่าย...”

องค์ชายหนึ่งตะโกนร้อง

แผละ---

ในตอนนั้น...ซือหยูบีบคอองค์ชายหนึ่งขาด...และถือไว้ในมือ

คนรอบๆอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง

ซือหยูบั่นคอองค์ชายหนึ่งต่อหน้าคนทั้งแคว้น

หลายต่อหลายคนจำภาพนี้ขึ้นใจ

ซือหยูถือหัวองค์ชายหนึ่งและเดินไปที่ศีรษะของดยุคเซี่ยนหยู เขาวางหัวองค์ชายหนึ่งต่อหน้าดยุค

พรึ่บ--

ซือหยูคุกเข่า ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงซือหยู

เขาวางมือทั้งสองแนบพื้นและหมอบลงต่ำที่สุด

การคุกเข่านี้ทำให้หัวใจทุกคนสั่นไหวราวกับเวลาหยุดหมุนและสวรรค์อยู่เคียงข้างซือหยู

“ท่านพ่อ...ข้ามาช้าไป!”

เสียงอันสั่นและโศกเศร้านี้ดังสะท้อนไปทั่วลานประลอง

ซือหยูเข้าสู่งานประลองศักดิ์สิทธิ์มิใช่เพราะเพื่อชื่อเสียงหรือเกียรติยศ หรือสิ่งอื่นใด...แต่เพื่อแก้แค้นให้ผู้มีพระคุณ

ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างนับถือซือหยู

แม้จะเป็นผู้ประเมินอันสูงส่งทั้งสิบสองต่างเงียบกริบให้ความเคารพซือหยู

ภาพบุรุษชุดม่วงที่คุกเข่าแนบพื้นประทับแน่นในจิตใจทุกคน

แม้วันเวลาจะผ่านพ้นไปนานแสนนานนับพันปี พวกเขาจะยังคงจดจำอัจฉริยะหนุ่มที่ปรากฏกายในงานประชุมศักดิ์สิทธิ์และเอาชนะผู้แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นเก้าครั้งติดต่อกัน...ก่อนที่จะละทิ้งเกียรติยศทั้งหมดเพื่อคุกเข่าต่อหน้าศีรษะผู้มีพระคุณ

ภาพนี้จะอยู่ในหัวใจของพวกเขาตลอดกาล

ฟางหยุนหยุดนิ่งไปชั่วครู่...แต่ดวงตาก็ประกายความเย็นชาออกมา

“เจ้าฆาตกร! สังหารราชวงศ์มีโทษถึงตาย! ย๊ากกกกกกก!”

ซือหยูเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า...เขาหัวเราะอย่างน่าเวทนา

“ท่านพ่อ! ท่านเห็นข้าเอาชนะทุกคนในสำนักมาก่อนแล้ว วันนี้ โปรดเป็นพยานแก่ข้าที่สู้จนตัวตายด้วย!”

การล้างแค้นของเขาจบลง แต่ถ้าหากคนในวิหารมิอยากให้เขารอดชีวิตกลับไป...เขาก็ต้องเข่นฆ่าทั้งวิหารศักดิ์สิทธิ์

“ตายซะ!”

ซือหยูยืนขึ้นทันที เพลิงอัศนีสีม่วงโอ้บล้อมหมัดทั้งสองข้าง

จิตสังหารไร้ขอบเขตทะลุทะลวงชั้นฟ้าถึงสรวงสวรรค์

Banshee

ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด