ตอนที่แล้วDND.50 - บดขยี้อัจฉริยะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.52 - ประชุมศักดิ์สิทธิ์

DND.51 - ยอดการประลอง


“วายุกระหน่ำ!”

ซือหยูตะโกนชื่อวิชาบ่มเพาะขั้นกลางที่บ่มเพาะจนถึงระดับสามขั้นกลาง!

ฟูิ้วว---

เมื่อซือหยูยกขาพายุหิมะก็เริ่มล้อมรอบทั้งลานประลอง!

วินาทีก่อนลานประลองยังอบอุ่นราวกับทุ่งหญ้า

ในตอนนี้ลานประลองได้เยือกเย็นราวกับขั้วโลก!

พายุหิมะเย็นสุดขั้วมาจากขอของซือหยู

ที่ขาของซือหยูมีพายุหมุ่นกระหน่ำต่อเนื่องราวกับมังกรเหมันต์ที่คำรามและโปรยปรายหิมะไปทั่วฟ้าดิน

ขาซือหยูที่ร้องคำรามเข้าปะทะอย่างรุนแรงกับอาชานับล้านตัวที่พุ่งเข้ามา!

ตู้ม--

ดวงตาดุร้ายของชานหลี่ตกตะลึง!

ขาของเขาปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งหนา

ชานหลี่รู้สึกถึงความเย็นเฉียบที่เจาะทะลุเนื้อหนังไปถึงกระดูกจากทั้งร่างกาย รวมถึงเส้นโลหิตในร่าง!

พลั่ก--

ชานหลี่สั่นจากความเย็น เขาเสียการทรงตัวและล้มลงก้นจ้ำเบ้า

ซือหยูยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างใจเย็นและไม่รู้เรื่องราว เส้นผมและชุดของเขาพริ้วไหวไปกับสายลม

ท่วงท่าอันสง่างามนี่สลักลึกลงไปในใจของผู้พบเห็น

ทุกคนเห็นผลการประลองอย่างชัดเจน!

ชานหลี่ตกตะลึง เขารู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ซือหยูชนะ!

“องค์ชายสองคือผู้ล้มเหลว อัจฉริยะที่เขาเลือกก็มิต่างกัน ช่างน่าผิดหวัง”

ชานหลี่รู้สึกอัปยศยิ่ง เขาค้านคำของซือหยูไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาเทียบกับซือหยูไม่ได้เลย

หลังพูดจบซือหยูก็ออกจากลานประลอง

“ข้าจะออกไปเช่นกัน การประลองพวกนี้ช่างไร้ความหมาย”

ซือหยูไม่ได้รู้สึกอะไรเลยจากการเอาชนะชานหลี่ ชานหลี่เทียบกับหลินเสี่ยวไม่ได้ด้วยซ้ำ

ผู้ชมต่างอ้าปากค้าง

ดงหลินเป็นผู้มีพลังระดับหกอันน่ากลัวและชนะชางหลิงอย่างหมดจดตามคาด

แต่ซือหยูที่มีพลังระดับห้าขั้นต้น เขาชนะชานหลี่ที่มีพลังระดับห้าขั้นสูงในกระบวนท่าเดียว!

เทียบพลังกันแล้ว ชานหลี่แข็งแกร่งกว่าชางหลิงซะอีก!

“เห็นด้วยตาแล้วดูเหมือนข่าวลือเรื่องบุตรเขยดยุคเซี่ยนหยูจะเป็นความจริง!”

“ฮื่ม! นั่นมิใช่แค่ข่าวลือรึ? ราชาระดับเงินที่เอาชนะราชาทองคำทั้งสองรุ่นในคราวเดียวและยังชนะศิษย์อสูรในกระบวนท่าเดียว! ยังว่ากันอีกว่าเขามีฎีกาสวรรค์!”

….

ไม่นานข่าวลือเรื่องซือหยูก็แพร่กระจายไปทั่ว

เรื่องที่ตำหนักเซี่ยนหยูทำให้ประชาชนในแคว้นเป็นห่วงดยุคเซี่ยนหยูเพราะเขาคือดยุคที่ทรงอำนาจที่สุดในขณะนี้!

แต่สำหรับบุตรเขยของเขาแล้ว มีคนไม่มากนักที่รู้จัก จึงมีเพียงข่าวลือเท่านั่น

แต่ซือหยูที่แสดงพลังออกมาก็ทำให้คนที่เห็นต้องตกตะลึง

เขาคือตัวแทนที่แกร่งที่สุดรองจากหยุนเทียนและดงหลินอย่างไม่ต้องสงสัย!

องค์ชายหนึ่งนึกถึงเรื่องในตำหนักเซี่ยนหยู ซือหยูต่อต้านเขาด้วยพลังทั้งหมดที่มีแต่ก็เกือบตายเพราะเขา หรือจะบอกว่าซือหยูแพ้องค์ชายหนึ่งด้วยการโจมตีเดียวก็ได้!

แต่ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ ซือหยูเอาชนะผู้ที่มีพลังเท่าองค์ชายหนึ่งอย่างง่ายดายได้ยังไง?

พลังของเขาช่างน่ากลัว!

ความกลัวเจาะทะลุสมองขององค์ชายหนึ่ง

เขาเสียใจที่ยื่นมือไปยุ่งกับดยุคเซี่ยนหยู...มันเป็นความผิดมหันต์!

องค์ชายหนึ่งจ้องซือหยูด้วยจิตสังหาร เขาจะปล่อยซือหยูให้รอดไปไม่ได้!

หลังงานประชุมศักดิ์สิทธิ์เขาจะจับซือหยูด้วยข้อหากบฎที่ฆ่าองค์ชายสองและทำให้คนทั้งแคว้นไล่ล่าซือหยู เขาจะไม่ให้เวลาซือหยูแม้เพียงเสี้ยวเดียว!

องค์ชายสามนับถือซือหยูด้วยความประทับใจ

แม้จะเผชิญหน้ากับคนขององค์ชายสอง แม้จะเต็มไปด้วยความชิงชัง

...ซือหยูก็มิได้แสดงพลังที่แท้จริงออกมา

หยุนเทียนมองซือหยู

“วิชาขาของชานหลี่ลื่นไหล เขาเป็นหนึ่งเดียวกับวิชา มีประสบการณ์สู้จริงมากมาย ควรได้รับคำชม ไม่เลว”

“ซือหยูพลังบ่มเพาะอ่อนแอ พื้นฐานย่ำแย่ เขาชนะชานหลี่เพราะพลังของวิชาบ่มเพาะ เขาชนะก็เพราะมีโชค อดทน พลังใจ และพลังที่ปกปิดความหยิ่งยโส”

ผู้ชมต่างใจเย็น หยุคเทียนคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาตัวแทน เขาแสดงความเห็นได้ถูกต้อง

...แต่ก็ยังมีอคติต่อซือหยู

เป็นธรรมดาที่จะต่อสู้กับผู้ที่มีพลังเหนือกว่าหนึ่งขั้น แต่มันหายากที่จะสู้กับผู้ที่มีพลังมากกว่าสองขั้น

ซือหยูยักไหล่และไม่สนใจ

หยุนเทียนหยาบคายยิ่งนัก แต่ซือหยูก็ไม่คิดจะตอบโต้

เพราะความเห็นของหยุนเทียนมิได้ผิดไปซะทีเดียว พลังของซือหยูเพิ่มขึ้นอย่างมากจนทำให้พื้นฐานไม่มั่นคง...เขาต้องฝึกหนักกว่านี้

แต่เขาปฏิเสธที่หยุนเทียนบอกว่าเขาชนะเพราะโชค…

ซือหยูแสดงพลังเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หากเขาใช้พลังเต็มที่จะสังหารชานหลี่ได้ทันที

ดงหลินมองซือหยูอย่าไม่ใส่ใจ

“นับว่าเจ้าผ่าน”

ซือหยูหัวเราะอย่างว่างเปล่า เขาไม่ฟังดงหลิน...เขาไม่คิดจะเป็นสหายกับดงหลินเลย

“ฮื่ม!”

ตลอดมาคือดงหลินที่มองข้ามผู้อื่น แต่ตอนนี้เขากลับถูกซือหยูมองข้าม

“เจ้าอยู่ห่างจากข้าในงานประชุมศักดิ์สิทธิ์จะดีกว่า!”

ซือหยูได้ยินคำขู่ของดงหลิน แต่ก็ไม่คิดจะตอบโต้

องค์ชายสามทำอะไรไม่ได้ ดงหลินปฏิบัติต่อผู้อื่นโดยวัดจากพลัง ยากที่จะเปลี่ยนนิสัยได้

เวลาผ่านไปตัวแทนที่เหลือก็ได้ประลองกระชับมิตรและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

แสงสว่างเปล่งประกายทะลุผ่านท้องนภามืดครึ้ม

ความงดงามยามเช้าหามีสิ่งใจเทียบ

แสงตะวันสลายความมืดมิดแพร่กระจ่ายความอบอุ่นไปทั่วผืนแผ่นดิน ทำให้เหล่าผู้คนเลือดร้อนเพราะความตื่นเต้น!

นี่คือวันประชุมศักดิ์สิทธิ์!

หลังจากหนึ่งปี ลานประลองศักดิ์สิทธิ์ที่ฝุ่นเกาะได้ถูกเปิดขึ้นแล้ว!

เหล่าผู้ชมที่ตื่นเต้นรอด้านนอกและเข้าสู่ลานประลองทีละคน

ที่นั่งที่จุคนได้นับหมื่นเต็มภายในครึ่งชั่วยาม

ที่ด้านนอกคือเหล่าคนที่ผิดหวัง พวกเขาหวังว่าจะมีที่นั่งให้บ้าง

ชายหนุ่มและหญิงสาวกลุ่มใหญ่ต่างหลั่งไหลเข้ามา

พวกเขาคือศิษย์อสูรจาก 13 เขต!

ทุกสำนักจะส่งศิษย์อสูร 10 คนมาเข้าร่วมงานประชุมศักดิ์สิทธิ์เพื่อประลองแย่งมงกุฎศักดิ์สิทธิ์!

ในแคว้นเฟิงหลินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้

จะมีศิษย์อสูรเป็นเช่นใดกัน?

และในท้ายสุดศิษย์อสูรก็ได้มารวมตัวกันเพื่อยอดแห่งการประลองครั้งนี้!

ที่จุดเตรียมการประลอง มีที่นั่งเตรียมไว้สำหรับเหล่าศิษย์อสูรต่อจากที่นั่งของราชวงศ์

บังเอิญที่พื้นที่ของสำนักเซี่ยนหยูนั้นใกล้กับราชวงศ์มากที่สุด!

หลังจากเซี่ยจิงหยูมาถึงลานประลอง สายตาของนางก็มองหาเงาอันคุ้นเคยอย่างเป็นกังวล

ไม่นานนางก็พบชายหนุ่มในชุดม่วง

ชุดของเขากรีดอากาศผ่านสายตาของนางพร้อมกับผมปลิวไสว

เขารูปลักษณ์งดงามราวทวยเทพ ใบหน้าได้รับการขัดเกลามาอย่างดีและสง่ามาก

ดวงใจอันเหน็ดเหนื่อยของนางผ่อนคลายลงทันที หากชายหนุ่มผู้นั้นปลอดภัย นางก็เบาใจ

“เขาทำให้องค์ชายสามเชื่อใจได้จริงๆ”

เมื่อเห็นซือหยูอยู่กับองค์ชายสามอย่างสงบ เซี่ยจิงหยูก็โล่งใจมาก

เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้อง ซือหยูก็หันไปมองเซี่ยจิงหยู เขารู้สึกถึงหนี้ชีวิตและความขัดแย้ง

ซือหยูใช้เงาเมฆาเข้าไปหาเซี่ยจิงหยูอย่างรวดเร็ว

เขาอยากจะพูดบางสิ่ง แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร

เซี่ยจิงหยูหน้าแดงและก้มหน้า นางไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกัน

เพราะเรื่องน่าอายของทั้งคู่และคำสัญญาที่ยังไม่เติมเต็มของทั้งคู่

เด็กหนุ่มและสาวน้อยที่รูปลักษณ์งดงามนั่งเคียงคู่กัน พวกเขาราวกับถูกดึงออกมาจากภาพเขียนอันงดงาม

“สตรีจากเซี่ยนหยูคือใครกัน? นางงดงามยิ่งนัก หากมองนางแล้วคงยากจะลืมเลือน”

“แล้วบุรุษชุดม่วงนั่นล่ะ? เขางดงามราวกับมิใช่มนุษย์ ข้าอยากจะรู้จักเขาจริงๆ”

ศิษย์อสูรชายจากเซี่ยนหยูต่างอิจฉา

เซี่ยจิงหยูทั้งงดงามและเปล่งประกาย นางสวยงามราวกับเทพธิดา

นางสละความบริสุทธิ์โดยไม่ลังเลเพื่อช่วยซือหยู และพวกเขายังได้ยินเซี่ยหลินฉวนที่อยากจะให้ซือหยูแต่งงานกับนาง

สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขาชิงชังซือหยูยิ่งนัก

“ซือหยู เจ้าเป็นตัวแทนจากราชวงศ์ เจ้ามาที่นี่ทำไมกัน?”

ฟางฉิงโจวสีหน้าหม่นหมอง

พ่อของฟางฉิงโจวคือผู้ประเมินสำนักเซี่ยนหยู ซึ่งเขาต้องมางานประชุมศักดิ์สิทธิ์ด้วย

แม้ฟางฉิงโจวจะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานประชุมศักดิ์สิทธิ์ เขาก็จะถูกพ่อพามาดูการประลองอยู่ดี พ่อของเขาหวังว่าหากได้ชมการประลองจะทำให้ฟางฉิงโจวพัฒนาขึ้น

ไม่กี่วันก่อนตระกูลฟางได้พบกับเซี่ยหลินฉวนและรวมกลุ่มกัน

ในตอนนั้นเองฟางฉิงโจวก็ได้ยินเรื่องที่เซี่ยหลินฉวนอยากจะให้เซี่ยจิงหยูแต่งงานกับซือหยู!

ในครั้งแรกฟางฉิงโจวไม่เชื่อ แต่เมื่อเขาได้ข้อมูลมากขึ้นก็พบว่าเซี่ยจิงหยูที่ปฏิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใยได้ร่วมเตียงกับซือหยูเพื่อปกป้องเขา!

ฟางฉิงโจวมิเชื่อสิ่งที่ได้ยิน สตรีที่เขาอยากจะแต่งงานด้วยได้หลับนอนกับบุรุษอื่น!

แต่ซือหยูในตอนนี้ต่างกับแต่ก่อนมาก ซือหยูในตอนนี้มีพลังเยอะกว่าฟางฉิงโจวและยังมีบัญชาศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าฟางฉิงโจวจะโกรธก็มิอาจทำอะไรได้

ในตอนนี้เขาพูดกับซือหยูตามธรรมดา แม้ใบหน้าจะขึงขังแต่ก็หวาดกลัวอยู่ภายใน

ว่ากันว่าองค์ชายสองที่มีพลังระดับสี่ขั้นสูงถูกซือหยูสังหารอย่างป่าเถื่อน ใครกันจะอาจหาญเช่นซือหยู?

ฟางฉิงโจวกลัวว่าถ้าหากยั่วยุซือหยูมากนักจะทำให้เขาถูกซือหยูสังหาร

ซือหยูมองไปหาฟางฉิงโจวและเปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชา

“ทำไมกัน? เจ้ามีอะไรอยากจะพูดงั้นรึ?”

เมื่อรู้สึกถึงจิตสังหารจากซือหยู ฟางฉิงโจวก็ตัวสั่นไปถึงกระดูก เขาหันกลับไปที่เดิมและไม่พูดอะไรอีก

เมื่อพ่อของเขาไม่อยู่ เขาก็มิกล้าใจร้อน

“เจ้าก็แค่พวกที่รังแกคนอ่อนแอ! เจ้าคือคนที่ทำหยาบคายกับสำนัก เจ้าดูถูกพวกเราและศิษย์อสูร ต่อหน้าซือหยูเจ้าก็แค่สุนัขที่ดีแต่เห่า!”

เซี่ยจิงหยูเหยียดหยามฟางฉิงโจว...นางเกลียดคนเช่นนี้มาก

เซี่ยหลินฉวนเข้าใจสถานการณ์ทันที

“ซือหยู เจ้าเคยเป็นศิษย์สำนักเซี่ยนหยู ข้าไม่แนะนำให้เจ้าอยู่ที่นี่นานนักก่อนที่พวกเราจะถูกสงสัย”

ซือหยูมองตระกูลราชวงศ์ด้านหลัง หลายคนกำลังแอบมองเขาอยู่ด้วยความระวังตัว

เขาพยักหน้าและมองเซี่ยจิงหยู เขาลังเลเล็กน้อย

“จิงหยู ข้าจะหาทางอธิบายกับเจ้าให้จงได้”

เซี่ยจิงหยูใจเต้นแรง หน้านางแดงก่ำ นางตอบด้วยเสียงเล็กๆราวกับวิหค

“อื้อ…”

ฟึ่บ-

ซือหยูกระโดดกลับไปยังที่นั่งตระกูลขุนนาง

เมื่อได้ยินชื่อของเซี่ยจิงหยูจากซือหยูก็ทำให้เซิงยี่หลินที่อยู่ไม่ไกลนักขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

เฉาลี่ชักสีหน้าเช่นกัน

“ฮื่ม! หยาบคายนัก! แม้เขาจะไม่ใช่ศิษย์สำนักเขาก็ยังเป็นห่วงศิษย์พี่เซี่ยและยังเรียกนางว่า ‘จิงหยู’ หรือเขาจะคิดว่าตัวเองเป็นลูกเขยของท่านเซี่ยแล้วเช่นนั้นรึ?”

แต่จิงหยูก็คือชื่อที่เซี่ยจิงหยูให้ซือหยูเรียกนาง

ซือหยูมิใช่ศิษย์สำนักอีกแล้ว เขาไม่ใช่ศิษย์น้องอีกต่อไป เขาจึงไม่ต้องเรียกนางว่าศิษย์พี่

พวกเขายังสนิทกันมาก ไม่แปลกที่จะเรียกกันด้วยชื่อ

“ไม่รู้ที่ต่ำที่สูง! ถึงจะถูกสังหารในอีกไม่นานก็ยังไม่สาสม!”

เซิงยี่หลินสีหน้าหม่นหมอง

แม้ซือหยูจะรอดเข้ามาในเมืองหลวง ก็ยังมีโอกาสอยู่มากที่จะหนีออกไปไม่ได้

เซิงยี่หลินหันมามองเซี่ยจิงหยูอย่างหลงใหล...

Banshee

ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด