ตอนที่แล้วตอนที่ 93 ถูกโน้มน้าวให้เป็นศิษย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 95 ตามหาคนมาเป็นอาจารย์

ตอนที่ 94 ทะเลาะกันเพื่อแย่งตัว


หลิงฮันตอบรับการโค้งคำนับของชายชราทั้งสองอย่างไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย เมื่อสักครู่เขาได้สอนความรู้ให้กับทั้งสองคนไป ด้วยการสั่งสอนจากเขา มีโอกาสสูงมากที่ทั้งสองคนจะก้าวหน้ากลายเป็นนักปรุงยาระดับปฐพี ถ้าไม่ใช่เพราะเขา... ในชีวิตนี้แม้แต่ในฝันพวกมันก็ไม่อาจประสบความสำเร็จขนาดนั้นได้

 

เขาสามารถเรียกได้ว่าเป็นอาจารย์ครึ่งหนึ่งของชายชราทั้งสอง ดังนั้นแล้ว การที่เขาจะตอบรับการโค้งคำนับจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

 

“ถ้านายน้อยฮันมีปัญหาอะไรในอนาคต ท่านสามารถมาหาข้าที่ตำหนักโอสถสวรรค์ได้” ฟูหยวนเชิงพูดอย่างเคร่งขรึม มันไม่กล้าเรียกหลิงฮันว่าสหายน้อยอีกต่อไป

 

หวู่ซงหลินไม่ได้พูดอะไรแบบนั้น เพราะอย่างไรหลิงฮันก็เป็นศิษย์ของสำนักฮูหยาง มันสามารถไปพบหลิงฮันได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว มันไม่มีทางยอมหลิงฮันตกที่นั่งลำบากในอาณาเขตของมันแน่นอน

 

หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย เขาไม่ใช่คนประเภททำอะไรแล้วไม่หวังผลตอบแทน เหตุผลที่เขาสอนชายชราสองคนนี้เป็นเพราะสถานะที่สูงส่งของพวกมัน และเมื่อเขาได้คนหนุนหลังที่ทรงพลังของเมืองจักรพรรดิมาแล้ว ปัญหาที่จะพบเจอในเมืองนี้ก็จะน้อยลง

 

ฟูหยวนเชิงขอตัวกลับ ปัญหายากลำบากหลายๆเรื่องเกี่ยวกับการปรุงยาของมันได้รับการแก้ไขแล้ว ดังนั้นมันจึงต้องรีบกลับไปย่อยความรู้ใหม่ที่มันได้รับมาและเปลี่ยนให้กลายเป็นความเข้าใจของตัวเอง

 

“เฒ่าหวู่ คืนศิษย์ของข้ามาเดี๋ยวนี้!” ในตอนนั้นเอง ชายชราอีกคนได้บุกเข้ามาพร้อมกับมีอาจารย์ที่รับหน้าที่ลงเบียนศิษย์ใหม่เดินตามมาข้างหลัง ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าคนคนนี้คืออาจารย์ใหญ่ของสำนักฮูหยาง เหลียนกวงซู

 

“ศิษย์ของเจ้าอะไรกัน!” หวู่ซงหลินจ้องมองไปยังผู้ที่บุกรุกเข้ามา “เมื่อใดกันที่เขาไปเป็นศิษย์ของฝ่ายวรยุทธของเจ้า? ก็เห็นๆกันอยู่ว่าเขาเป็นศิษย์ของฝ่ายปรุงยาของข้า”

 

...สำนักฮูหยางแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายวรยุทธและฝ่ายปรุงยา อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะจำนวนของนักปรุงยาที่มีน้อย เมื่อผู้คนพูดถึงสำนักฮูหยางจึงมีการแต่กล่าวถึงฝ่ายวรยุทธกันเป็นส่วนใหญ่

 

ในความคิดของหวู่ซงหลิน ความเข้าใจในการปรุงยาของหลิงฮันนั้นสูงจนอยู่ระดับที่น่ากลัว และทฤษฎีความรู้ของเขายังลึกล้ำมากกว่าตัวมันอีกด้วย จึงเป็นธรรมดาที่หลิงฮันจะต้องเข้าร่วมกับฝ่ายปรุงยาของมันและมุ่งมั่นใช้ความพยายามไปกับการหลอมเม็ดยา เพื่อให้ทักษะการปรุงยาของเขาก้าวหน้าไปจนถึงจุดสูงสุด

 

“ไร้สาระ พลังต่อสู้ของเด็กคนนี้นั้นโดดเด่นเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเขาจะต้องเป็นของฝ่ายวรยุทธของข้า แต่เจ้ากลับวางแผนจะให้เขาเรียนรู้วิธีการหลอมยาซึ่งเป็นการชี้นำเส้นทางที่ผิด!” เหลียนกวงซูโมโหเป็นอย่างมาก มันก้าวเดินไปอยู่ข้างหน้าหวู่ซงหลินอย่างรวดเร็ว พร้อมกับชี้นิ้วใส่จนเกือบจะทิ่มปลายจมูก

 

“เจ้าต่างหากที่ไร้สาระ ความเข้าในในศาสตร์แห่งการปรุงยาของเด็กคนนี้นั้นสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จะให้เขาไปฝึกฝนวรยุทธนับว่าเป็นการทำให้พรสวรรค์ของเขาเสียเปล่า!” หวู่ซงหลินไม่ยอมอ่อนข้อ และชี้นิ้วไปที่หน้าของเหลียนกวงซู

 

“เฒ่าหวู่ ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าชี้นิ้วใส่หน้าข้า!” เหลียนกวงซูพูดขู่ออกไป

 

“เจ้าต่างหากที่ชี้นิ้วใส่ข้าก่อน!” หวู่ซงหลินเค้นเสียง “เอานิ้วของเจ้ากลับไปก่อนสิ!”

 

“หึ เจ้านั่นแหละเอากลับไปก่อน!”

 

“เจ้าก่อน!”

 

ถ้านำอายุของชายชราสองคนนี้มารวมกัน ก็คงจะเกินกว่าหนึ่งร้อยหน้าสิบปีแล้ว แต่ทั้งสองกลับทำท่าทางดื้อดึงราวกับวัวกระทิง พวกมันจ้องกันอย่างเอาเป็นเอาตายจนลูกตาเกือบจะหลุดออกมาจากเบ้า

 

หลีซื่อฉางอดที่จะเอามือมาก่ายหน้าผากไม่ได้ เหลียนกวงซูกับหวู่ซงหลินเป็นสหายกันมาหลายปี แต่ทั้งสองก็ชอบที่จะหาเรื่องทะเลาะกัน แม้แต่เรื่องเล็กน้อยพวกมันก็จะตะโกนและชี้นิ้วใส่กัน ราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาต

 

ในด้านของอาจารย์ที่ทำหน้าที่ลงทะเบียน มันกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น มันรู้ว่าหลิงฮันเป็นอัจฉริยะไร้ที่เปรียบในด้านการต่อสู้ แต่การที่สามารถทำให้อาจารย์ใหญ่ทั้งสองต้องโต้เถียงกันเพื่อรับเขาเข้าร่วมกับฝ่ายของตนเองนั้น เป็นสิ่งที่มันไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดขึ้น

 

ไม่ใช่ว่าในอนาคตเด็กคนนี้จะสามารถทำอะไรตามใจชอบก็ได้ในสำนักฮูหยางนี้หรอกรึ? ไม่สิ ด้วยการที่มีอาจารย์คอยหนุนหลังอยู่ แม้แต่ในเมืองจักรพรรดิแห่งนี้เขาก็สามารถทำทุกอย่างได้ตามใจ!

 

ทุกคนต้องเข้าใจก่อนว่า ชายชราทั้งสองคนไม่ใช่แค่เป็นจอมยุทธที่ทรงพลังในระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ พวกเขายังเป็นอาจารย์ใหญ่ของสำนักที่สอนจอมยุทธหัวกะทิมามากมายนับไม่ถ้วน สถานะของพวกเขาจึงไม่สามารถหาอะไรมาเปรียบได้ ยิ่งกว่านั้นหวู่ซงหลินยังมีอีกสถานะหนึ่งคือนักปรุงยาระดับดำขั้นสูง แม้แต่จักรพรรดิยังเขาเรียกเขาอย่างเคารพเมื่อพบหน้ากัน

 

อาจารย์ที่ทำหน้าที่ลงทะเบียนศิษย์ใหม่รู้สึกอิจฉาจนดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง

 

“ข้ายอมเอานิ้วลงก็ได้ เพราะข้าจะไม่ลดตัวเองลงไปอยู่ระดับเดียวกับเจ้า แต่เด็กคนนี้เป็นศิษย์ฝ่ายวรยุทธของข้า ดังนั้นข้าจะพาเขากลับ!” เหลียนกวงซูจับไปที่ไหล่ของหลิงฮัน

 

“ไร้สาระ เด็กคนนี้คือดาวจรัสแสงในอนาคตของฝ่ายปรุงยา และเขาจะเป็นความหวังทุกอย่างของศาสตร์แห่งการปรุงยา ข้าจะยอมให้เจ้าทำให้พรสวรรค์ของเขาสูญเปล่าไปได้อย่างไร!” หวู่ซงหลินรีบคว้าไปที่ไหล่อีกข้างของหลิงฮัน

 

“ปล่อยมือซะ!”

 

“เจ้าสิปล่อย!”

 

ชายชราทั้งสองจับไหล่ของหลิงฮันคนละข้าง ทั้งสองคนพยายามจะดึงหลิงฮันไปยังฝั่งตนเอง แต่ก็ไม่กล้าจะออกแรงมากนักเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หลิงฮันตัวขาดออกเป็นสองส่วน พวกมันทำได้เพียงจ้องมองอย่างดุร้ายใส่กันอย่างต่อเนื่อง

 

ชายชราทั้งสองเป็นตัวตนที่สามารถทำให้ทั่วทั้งแคว้นพิรุณสั่นคลอนได้ด้วยการเหยียบเท้าเพียงไม่กี่ที ตอนนี้กำลังจะเริ่มทำการต่อสู้กันเพื่อชิงตัวเด็กหนุ่ม ใครจะไปเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น?

 

หลีซื่อฉางหน้าแดงด้วยความเขินอาย ชายชราทั้งสองไม่ได้ทำตัวสมกับวัยเลยจริงๆ พวกเขาก็อายุเยอะกันมากแล้ว แต่ยังชอบทะเลาะวิวาทกันเป็นเด็กๆ

 

ในขณะเดียวกัน ฮูหนิวได้เรอเสียงดังออกมา นางมีความสุขกับอาหารของนางมาก

 

“นายน้อยฮัน เพียงแค่พูดออกมาว่าอยากจะเรียนทักษะวรยุทธจากตาแก่ หรืออยากจะอยู่ฝ่ายปรุงยาและร่วมค้นคว้าการปรุงยากับพวกเรา?” หวู่ซงหลินถามขึ้นมา มันไม่อยากให้อัจฉริยะในด้านปรุงยาเช่นนี้เดินไปยังเส้นทางที่ผิด

 

“เจ้าไม่จำเป็นต้องไปกลัวตาแก่นั่น บอกความจริงออกไปซะว่าเจ้าอยากจะเรียนวรยุทธ” เหลียนกวงซูรีบพูดขึ้นมา ด้วยสถานการณ์ที่วุ่นวาย มันจึงไม่สังเกตว่าหวู่ซงหลินเรียกหลิงฮันอย่างสุภาพว่า ‘นายน้อย’

 

“นายน้อยฮัน ถ้าท่านยินยอมที่จะเข้าร่วมกับฝ่ายปรุงยา ข้าจะมอบแต้มสำนักให้หนึ่งพันแต้มในทันที!” หวู่ซงหลินพูดเสนอขอแลกเปลี่ยนออกไป

 

อะไรนะ!

 

หลีซื่อฉางและอาจารย์ลงเบียนตกตะลึงจนพูดไม่ออก แต้มสำนักหนึ่งพันแต้มเชียวนะ!

 

ภายในสำนักฮูหยาง แต้มสำนักสามารถใช้แลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของล้ำค่าต่างๆ ทักษะบ่มเพาะ ทักษะยุทธ โอสถ รวมถึงสมบัติธรรมชาติหลากหลายชนิด แต่การที่จะได้รับแต้มสำนักมานั้นเป็นเรื่องที่ลำบากมาก แม้แต่อัจฉริยะอย่างหลิวอู๋ตงยังไม่สามารถสะสมแต้มสำนักได้ถึงหนึ่งพันแต้ม

 

“เดี๋ยวสิเฒ่าหวู่ เจ้าไม่สามารถมอบแต้มสำนักให้กับคนอื่นง่ายๆตามใจชอบ การมอบแต้มสำนักนั้นมีกฎที่เข้มงวด ซึ่งแม้จะเป็นเจ้าก็ไม่มีข้อยกเว้น!” เหลียนกวงซูรีบพูดขึ้นมา

 

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนเช่นนั้นรึไง?” หวู่ซงหลินพูดอย่างภาคภูมิใจ “นายน้อยฮันสามารถฟื้นฟูเม็ดยาวายุพัดทะยานให้สมบูรณ์ได้ ความดีความชอบขนาดนี้ไม่คู่ควรกับแต้มสำนักเพียงหนึ่งพันแต้มรึไง?”

 

“อะไรนะ?” เหลียนกวงซูอ้าปากค้าง “ไม่ใช่ว่าเจ้าฟื้นฟูเม็ดยาวายุพัดทะยานสำเร็จมาตั้งนานแล้วรึไง?”

 

“สูตรเม็ดยาที่ข้าฟื้นฟูสามารถหลอมได้เพียงเม็ดยาแปดดาว แต่เม็ดยาที่สหายน้อยเพิ่งจะหลอมขึ้นมามีคุณภาพถึงสิบสามดาว!” หวู่ซงหลินพูดอย่างภาคภูมิใจราวกับมันเป็นคนที่ทำเรื่องนี้สำเร็จเสียเอง

 

เหลียนกวงซูเริ่มรู้สึกว่าจะต้องยินยอม แต่มันก็นึกถึงพรสวรรค์อันโดดเด่นของหลิงฮันในด้านวรยุทธขึ้นมา เขาบรรลุระดับรวมธาตุขั้นสี่... ไม่ใช่สิ ระดับรวมธาตุขั้นห้าด้วยวัยเพียงสิบเจ็ดปี! ยิ่งกว่านั้นในตอนที่มีอยู่เพียงระดับรวมธาตุขั้นสี่ เขายังสามารถโค่นฉีฮวงเย่ได้อีกด้วย!

 

อัจฉริยะในการวรยุทธเช่นนี้ ถ้าเขาไม่ศึกษาด้านวรยุทธแล้วจะให้ไปศึกษาอะไรล่ะ?

 

แต่ปัญหาคือหลิงฮันยังไม่ได้ทำผลงานชิ้นใหญ่อะไรให้กับฝ่ายวรยุทธ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถให้แต้มสำนักเป็นรางวัลได้

 

เหลียนกวงซูเริ่มกังวลจนเหงื่อไหลออกมา

 

ในตอนนั้นเอง ในที่สุดหลิงฮันก็พูดขึ้นมา “ข้าจะเข้าร่วมทั้งสองฝ่าย!”

 

เขาเป็นถึงจักรพรรดิปรุงยา ถ้าเขามอบสูตรเม็ดยาเก่าแก่บางสูตรให้กับฝ่ายปรุงยา เขาจะได้รับแต้มสำนักเป็นจำนวนมาก เขาจะไม่ยอมพลาดโอกาสดีๆเช่นนี้แน่นอน ยิ่งกว่านั้น เขาก็ไม่คิดจะกลับไปก้าวเดินบนเส้นทางแห่งการปรุงยาเหมือนชีวิตก่อน และจะมุ่งมั่นใช้ความพยายามส่วนใหญ่กับวิถีวรยุทธ

 

ชายชราทั้งสองมองไปยังหลิงฮันอย่างหวาดระแวง เพราะอย่างไร ไม่ว่าจะศาสตร์แห่งการปรุงยาหรือวรยุทธก็มีขอบเขตความรู้ที่มากมายและลึกซึ้ง ต่อให้คนคนหนึ่งใช้เวลาทั้งชีวิต ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนคนนั้นจะก้าวไปยังจุดสูงสุด ไม่ต้องพูดถึงการที่จะฝึกฝนทั้งสองศาสตร์ไปพร้อมกันเลย

 

“ข้าเป็นอัจฉริยะ ดังนั้นจึงไม่มีปัญหา!” หลิงฮันพูดอย่างมั่นใจ

 

หลีซื่อฉางเปิดปากกว้างครึ่งหนึ่งด้วยความประหลาดใจ นางตกใจในระดับความหน้าไม่อายของหลิงฮัน ใครกันจะไปชมตัวเองถึงขนาดนั้น? แต่เมื่อนางนึกถึงการกระทำของเขาก่อนหน้านี้... แม้แต่นักปรุงยาระดับดำขั้นสูงสองคนยังต้องละทิ้งเกียรติและขอคำชี้แนะจากเขา

 

“จะไม่มีปัญหาอะไรจริงๆรึ?” ชายชราทั้งสองถามอย่างพร้อมเพรียงกัน

 

“ไม่มีปัญหาแน่นอน!” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม

 

*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด