ตอนที่แล้วตอนที่ 5 มีแมว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่7 มีสัมผัสที่หกมันก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี

ตอนที่6 ให้ตายเหอะ เธอเป็นมนุษย์หมาป่านะ


 

 

ลิลลี่เปลี่ยนร่างกลายเป็นมนุษย์หมาป่าแบบไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่จะลุกลี้ลุกล้นไปหลบหลังโซฟา

เธอนั่งคุกเข่าอยู่หลังโซฟา ลิลลี่พยายามแอบมองออกมา จึงทำให้เห็นแค่ครึ่งหัวของเธอเท่านั้น ผมยาวสีเงินของเธอตกลงไปอยู่บนพื้น ขณะที่หูสีขาวเงินของเธอกระดิกอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าเธอจะตื่นตระหนกกับสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างมาก เธอดูเหมือนพร้อมสำหรับการปะทะได้ตลอดเวลา ตอนแรกเฮาเหล็นคิดว่ามีอะไรอยู่ในบะหมี่ที่เหลืออยู่ครึ่งนึงกับผักที่อยู่ในนั้น แต่มันก็ไม่มีอะไรเลย เธอคว้าตะเกียบในขณะที่เธอกำลังตัวสั่น เธอชี้ไปที่แมวดำสลับขาวซึ่งอยู่ตรงเท้าของเขา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเคลือ “มะ... แมวว!”

“เหมียว?” แมวสีดำสลับขาวเอียงคอ เหมือนกำลังอยากรู้อยากเห็นว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญที่อยู่ตรงนั้นเป็นใคร นี่ทำให้ลิลลี่สั่นสะท้านอีกรอบ แต่ด้วยความที่มันเป็นแมว พอผ่านไปซักพัก มันก็เมินลิลลี้แบบไม่แม้แต่จะหันไปมองด้วยซ้ำ  พอเฮาเหล็นได้เห็นแบบนั้นแล้ว เขาก็รู้สึกประหลาดใจ แต่หลังจากที่เขาคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็หันไปมองที่ลิลลี่ ที่ตอนนี้ราวกับว่าเธอกำลังเผชิญกับศัตรูคู่อาฆาตอยู่ และถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เธอ... กลัวแมวเหรอ?”

“ฉัน... ฉันไม่ได้กลัวแมวซักหน่อย!” เธอกล่าวอย่างดื้อรั้น ราวกับเป็นหมาพิบบูที่กำลังภูมิใจ “ฉันแค่....หวั่นใจเฉยๆ!”

“มันก็เหมือนกันนั้นแหละหน่า!” เฮาเหลนที่ตอนนี้ไม่สามารถใช้ตรรกะไหนเข้าใจได้เลยว่าทำไมมนุษย์หมาป่าแรงควายถึงได้กลัวแมวน้อยตัวกระจ้อยร่อยแค่นี้ เขาตะโกนออกมาโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นมนุษย์หมาป่าหรือแม้แต่เป็นลูกค้าใหม่ของเขา “ให้ตายซิ! นี้เธอเป็นมนุษย์หมาป่านะ”

“ก็ฉันเป็นมนุษย์หมาป่าแล้วไงละ!” ในที่สุดลิลลี่ก็คิดได้ว่า ที่เธอพึ่งทำออกมานั้นค่อนข้างน่าอายนิดหน่อย นอกจากนี้เธอเธอยังหงุดหงิดนิดหน่อยกับที่เฮาเหล็นพูด เธอเลยรวบรวมความกล้าแล้วลุกขึ้นมาจากหลังโซฟา ทำท่าทางเหมือนจะกลับไปที่ด้านข้างของโต๊ะอาหาร ลิลลี่เดินติดชิดเรียบผนังห้องนั่งเล่นจนถึงมุมห้อง “นายแน่ใจใช่ไหม ว่าแมวตัวนี้มันปลอดภัย?”

“ฉันน่าจะเป็นห่วงแมวว่าจะถูกเธอเขมือบซะมากกว่านะ แมวนี้มันมีอะไรที่อันตรายด้วยเหรอ?” เขากล่าว เฮาเหลนอุ้มแมวสีดำสลับขาวขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย “ฉันไม่เคยเจอแมวตัวไหนที่เชื่องขนาดนี้มาก่อนเลยนะ ใช่ไหม โรรี่?”

ทันใดนั้นเอง แมวสีดำสลับขาวก็ร้องเหมียวเบาๆ มองอย่างเชื่องๆ พอเห็นแบบนั้น เฮาเหลนก็หยิบชามอาหารแมวขึ้นมาอย่างมีความสุข ก่อนที่จะเทอาหารแมวใส่ในชามจนเต็มแล้วก็นำชามไปวางไว้ข้างๆ โต๊ะอาหาร (นี่น่าจะเป็นที่กินอาหารประจำของแมว) ในเวลาเดียวกัน เฮาเหลนชี้ไปที่ลิลลี่เพื่อแนะนำเธอให้กับแมวตัวนี้ “นี่คือลิลลี่ และเธอเป็นมนุษย์หมาป่า... อืมม นี้อาจจะไม่สำคัญสำหรับแกเท่าไรหรอก แต่ก็นั้นละ แกรู้แค่ว่าเธอเป็นแขกในบ้านของเรา จากนี้ไปอาหารของแกจะขึ้นอยู่กับค่าเช่าที่เธอให้มา ดังนั้นแกก็จะต้องทำตัวดีๆ กับคนที่จะจ่ายค่าอาหารให้แก เคไหม?”

ราวกับว่ามันเข้าใจภาษามนุษย์ แมวดำสลับขาวยกหัวขึ้นและพยักหน้าไปให้ลิลลี่ แสดงเหมือนกับว่าตกลง ก่อนที่มันจะกินต่อไป

ในตอนนี้ลิลลี่รู้สึกว่าแมวตัวนี้ไม่ได้เป็นอันตรายแล้ว เธอรีบวิ่งกลับไปที่โต๊ะอาหารหยิบชามบะหมี่ขึ้นมาแล้ว เลือกจุดที่ปลอดภัยที่สุดในโต๊ะซึ่งก็คือจุดที่ห่างจากแมวนั้นมากที่สุด ทันใดนั้นราวกับว่าเธอนึกถึงบางสิ่งบางอย่างได้ เธอเอ่ยปากถาม “ตะกี้นายเรียกแมวตัวนั้นว่าอะไรนะ?”

“โรรี่” เฮาเหลนมองไปที่ ‘สมาชิกครอบครัว’ตัวเดียวของเขา “เขามีชื่อว่าโรรี่”

หูและหางหมาป่าของเธค่อยๆหายไปพร้อมกับใจของเธอที่เย็นลง เอาจริงเฮาเหล็นก็รู้สึกผิดนิดหน่อยหลังจากที่ตะโกนไปแบบนั้น  เธอประหลาดใจแล้วถาม “ทำไมชื่อมันแปลกๆ”

“แมวตัวนี้มาที่บ้านของฉันเมื่อปีที่แล้ว” เฮาเหลนตอบพร้อมเสียงหัวเราะ เขาค่อนข้างตลกกับที่มาของแมวของเขา  “ฉันไม่รู้หรอกว่ามันเป็นพันธุ์อะไร ที่นี้มันเป็นสถานที่ห่างไกลจากที่อื่นๆ แมวกับหมาเร่ร่อนก็เยอะ การที่จะมีหมาหรือแมวเข้าบ้านโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ถือเป็นเรื่องปรกติแล้วของที่นี้  แต่ประเด็นคือเจ้าแมวตัวนี้พอมันเข้ามาแล้ว มันก็ไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย ฉันลองไล่มันออกไปแล้วตั้งหลายครั้งแต่มันก็ไม่ไป...”

“ดังนั้นนายจึงตั้งชื่อมันว่า ‘โรรี่*’? เผื่อว่ามันกลิ้งออกไปจากชีวิตบ้างงั้นเหรอ?” ลิลลี่ถามพร้อมดวงตาที่จ้องเขม่น

[*โรรี่ Rollie แปลตรงๆจะแปลว่ากลิ้ง]

“เปล่าๆ มันชอบที่จะกระโดดขึ้นมาบนเตียงฉัน ตอนที่ฉันดูทีวีอยู่ ฉันเลยตะโกนไล่มันว่า ‘กลิ้งออกไป(Roll off)’ เพื่อไล่มัน มันก็ได้ผลในตอนแรกแหล่ะ แต่พอผ่านไปนานๆ พอฉันตะโกนคำว่าว่ากลิ้งออกไป(Roll off) มันกลับเดินมาหาฉันแทนเหมือนกับว่าแมวนี้มันคิดว่าตัวเองชื่อ โลออฟ(กลิ้งออกไป) นับแต่นั้นมามันก็เลยชื่อโรรี้ซะเลย”

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ลิลลี่ก็กินอาหารของเธอต่อไปอย่างเงียบๆ แล้วซักพักต่อมาเธอก็พูดว่า “ที่นี้มันก็แปลกๆดีเหมือนกันเนอะ”

เฮาเหล็นกรอกตามองบนแล้วคิดว่า ในบ้านนี้มันคงไม่มีอะไรแปลกไปมากกว่าเธอแล้วละ ตรรกะของมนุษย์หมาป่าตัวนี้มันกลับไปหมดแล้วรึไงเนี่ย

มันเป็นเวลาสามทุ่มหลังจากที่ทานอาหารเสร็จ มันเป็นเวลาของโรรี่จะกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษ มันวิ่งไปที่ชั้นแรกเพื่อลาดตระเวนอาณาเขตของมัน ในทางกลับกัน เฮาเหลนทิ้งเครื่องครัวไว้ในซิ้งล้างจาน ปล่อยให้พวกมันแช่ค้างคืน เพื่อที่เขาจะได้ล้างพวกมันได้ในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั้นเขาก็จุดบุหรี่ นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น และจ้องมองอย่างว่างเปล่าในอากาศ เขายังคงจัดเรียงเหตุการณ์ในสมองของเขา แล้วเขาก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะเขาเองก็รู้สึกว่ามันยากที่จะยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด

ส่วนอีกคนที่ยังบ้าพลังอยู่ ก็คงเป็นมนุษย์หมาป่าที่กำลังวิ่งขึ้นและลงบันไดอย่างสนุกสนาน พยายามทำความคุ้นเคยกับบ้านใหม่ของเธอ ลิลลี่สูดลมหายใจรอบๆสถานที่ที่เธอเดินผ่าน ราวกับพยายามจดจำกลิ่นทั้งหมด

แม้ว่าลิลลี่จะอยู่ในรูปแบบมนุษย์ตอนนี้ เฮาเหลนก็ช่วยไม่ได้ที่ยังคงคิดว่าเธอมีหูและหางอยู่เหมือดเดิม ในสถานการณ์ปกติ เฮาเหลนก็คงจะสบายใจด้วยเหมือนกันที่แขกในบ้านของเขากำลังมีความสุข อย่างไรก็ตามกับลิลลี่ เขารู้ว่าจะกล่าวอะไรออกมา

เขาคิดกับตัวเอง “เป็นเรื่องปกติที่หมาป่าจะทำสัญลักษณ์ในอาณาเขตของตัวเอง ในตอนนี้ฉันหวังแค่ว่าหมาป่าตัวนี้ จะรู้ว่านี่ไม่ใช่บ้านของเธอ และเธอเป็นเพียงผู้เช่าเท่านั้น” ดูจากสิ่งที่เธอทำในตอนนี้แล้ว นี้คงจะไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่อะไร

อย่างไรก็ตามไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นยังไง เฮาเหลนก็มั่นใจว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้กับมนุษย์หมาป่าแน่นอน

นี้เราคิดผิดรึเปล่าที่ชวนเอาอมนุษย์ความสามารถในการต่อสู้สูงมาเข้าบ้าน?

หลังจากที่เรียกสติของเขาคืนมาแล้ว เฮาเหล็นก็เลยเริ่มคิดทบทวนเรื่องนี้อย่างช่วยไม่ได้ แต่หลังจากที่พิจารณาสิ่งต่างๆอย่างถีถ้วนแล้ว เขาก็ยังรู้สึกว่าเขาเลือกทางเลือกที่เหมาะสมแล้ว และเอาจริงๆเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะเป็นยังไงต่อไป

เอาจริงๆแล้วตอนนี้เขากำลังหาเรื่องเข้าตัวอยู่ชัดๆ คนธรรมดาๆส่วนมากมักจะหลีกเลี่ยงปัญหาแล้วพยายามอย่าไปยุ่งกับอะไรก็ตามแต่ที่สามารถเอาชีวิตเขาไปได้ง่ายๆ ถึงคนอื่นจะบอกว่าเสือกแต่เฮาเหล็นก็เริ่มเบื่อชีวิตปรกติสามัญไปแล้ว

เขาชอบอ่านนิยาย ดูโทรทัศน์ ขณะที่อ่านนิยายวิทยาศาสตร์แปลกๆไปพร้อมกับดูทีวี นี่เป็นชีวิตที่แสนเรียบง่ายและว่างเปล่าที่วัยรุ่นทุกคนที่ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องตังอยากจะอยู่แบบ เฮาเหล็นไม่ได้เป็นเด็กแบบนั้นแล้วเขาก็ยังไม่ได้รู้สึกขยะแขยงกับชีวิตแบบนี้ซักเท่าไร อย่างแรกที่เขาจะทำเมื่อเจอข้อความเด้งขึ้นมาในอินเตอร์เน็ตคือปิดมัน แต่นี้ดูเหมือนจะเป็น “ความตื้นเต้นใหม่ๆ”ที่ให้เฮาเหล็นค้นหาด้วยความสงสัย นี้คงเป็นไปตามหลักจิตวิทยาของการแสวงหาสิ่งแปลกใหม่ให้กับชีวิตตลอดเวลา เมื่อพวกเขาสามารถเติมเต็มความพึงพอใจในด้านการแสวงหาสิ่งแปลกใหม่แล้ว บางคนก็อาจจะเลือกที่จะพอแล้วหันหลังให้กับมัน ในขณะที่บางคน...

ก็จะทำตัวแบบเฮาเหล็นตอนนี้

แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม เขาก็ยังจำเป็นต้องระวังค้างคาวแปลกประหลาดแต่อันตรายตัวนั้นเอาไว้ ถึงแม้ว่าเหตุผลที่เขาเป็นเป้าหมายสำหรับค้างคาวจะยังไม่แน่ชัด แต่เฮาเหลนกลับยอมรับเรื่องนี้ เขาไม่ใช่คนที่วิ่งหนีความจริง แต่เขาจะค้นหาวิธีที่จะเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของตัวเองให้ได้ ยกตัวอย่างเช่นการเอามนุษย์หมาป่าที่“ดูเหมือนจะมีความสามารถในการต่อสู้สูง”แต่ก็ยังดูเป็นมิตรมาเป็นพวก

“เจ้าของบ้าน! นี่คือค่าเช่าของนาย!” ลิลลี่แหกปากขณะกำลังวิ่งไปรอบๆบ้าน (เธอจะตะโกนออกมาคล้ายคนบ้าเมื่อเจอกับโรรี่) แล้วเธอก็ เธอวิ่งเหยาะๆอย่างมีความสุขและไปที่กระเป๋าของเธอ เธอคำนวณค่าเช่าและยัดมันลงมือของเฮาเหลน เธอกล่าวว่า “ตามที่นายแจ้งไว้ นี่คือค่าเช่าล่วงหน้า3เดือน แล้วค่าข้าวเพิ่มเติมเมื่อวานเท่าไรละ?”

นอกจากมนุษย์หมาป่าจะเป็นมิตรแล้ว ยังจ่ายค่าเช่าให้เขาอย่างเต็มใจอีกตั่งหาก คงไม่มีหนังสือหรือนิยายเล่มไหนเล่าแบบนี้แน่ๆ

“ค่าอาหารฉันไม่คิดหรอก!” เฮาเหลนเห็นได้ทันทีว่าลิลลี่ขมวดคิ้วเพราะเธอได้กลิ่นควันบุหรี่ เขาเอาบุหรี่ออกไป “เพิ่มคนกินขึ้นมาอีกคนเดียวมันไม่ได้ลำบากมากนักหรอก อีกอย่าง ช่วยเลิกเรียกฉันว่าเจ้าของบ้านได้ไหม ฉันมีชื่อนะ แค่เรียกว่าเฮาเหลนก็พอ”

“ได้เลย คุณเจ้าของบ้าน”

“เรียกฉันว่าเฮาเหลน...”

“ได้คะเจ้าของบ้าน”

“...เออช่างมันเหอะ ฉันจะไปนอนแล้ว ทำตัวตามสบายคิดซะว่าอยู่บ้านละกัน อย่าเข้าไปในห้องที่ล็อคไว้ แต่ห้องอื่นๆก็เข้าได้ไม่เป็นไร” เฮาเหลนถอนหายใจและเดินเข้าไปในห้องของเขา ขณะที่ลิลลี่กำลังจะไป ก็มีเรื่องใหม่แล่นเข้ามาในใจเธอ “เออ คือ เจ้าของบ้าน.. นายคงจะไม่เข้ามาลวนลามฉันกลางดึกใช่ไหม?..คือมันมีแค่นายกับฉันเท่านั้นในบ้านนี้ และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเช่าห้องกับชายโสดด้วย...”

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ เฮาเหลนเกือบล้มลงไปบนพื้น เขาโกรธและหันไปรอบๆ จ้องที่มนุษย์หมาป่าและพูดออกมา “เพื่อความปลอดภัยส่วนตัวของตัวฉันเอง ฉันจะไม่เข้าไปลวนลามเธอแน่นอน ฉันยังกลัวตายอยู่ เพราะงั้นไม่ต้องเป็นห่วงได้เลย”

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด