ตอนที่ 92 เม็ดยาวายุพัดทะยานที่แท้จริง
หญิงสาวเค้นเสียง และโจมตีต่อไปพร้อมกับพูด “สูตรของเม็ดยาวายุพัดทะยานได้รับความเสียหาย จึงทำให้มันไม่สมบูรณ์ อาจารย์ของข้าใช้เวลาไปหลายปีจนในที่สุดก็สามารถทำให้มันกลับมาสมบูรณ์ได้ ด้วยความทุ่มเทในศาสตร์แห่งการปรุงยาขนาดนั้นเจ้ายังกล้ามาดูถูกอาจารย์ข้า เจ้าไม่คิดว่าตัวเจ้าสมควรถูกทุบตีรึอย่างไร?”
หืม... เม็ดยาวายุพัดทะยานเองก็สูญหายไปตามกาลเวลาเช่นกัน?
หลิงฮันขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมสูตรยาจากยุคสมัยของเขาถึงได้สูญหายไป? เม็ดยาหวนคืน เม็ดยาวายุพัดทะยาน... หญ้าแสงจันทราที่ถูกนำไปใช้หลอมเม็ดยาก่อเกิดธาตุจนต้องสูญเสียประโยชน์ที่แท้จริงไป...
ถ้าพูดตามหลักเหตุผลแล้ว หลังจากผ่านไปหนึ่งหมื่นปี แม้ความรู้ทางด้านการปรุงยาจะไม่พัฒนาไปมาก แต่มันก็ไม่ควรตกต่ำจนถึงขนาดนี้ไม่ใช่รึไง?
เขาปล่อยฝ่ามืออันรุนแรงออกไป ทำให้หญิงสาวต้องถูกบังคับให้ถอย จากนั้นเขาได้พูดพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง อาจารย์ของเจ้าก็พอจะมีความสามารถใช้ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าข้าสามารถหลอมเม็ดยาวายุพัดทะยานที่มีคุณภาพสูงกว่าได้ อย่างจะว่ายังไง?”
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าจะอยู่เหนือกว่าอาจารย์ข้าได้อย่างไร!” หญิงสาวไม่เชื่อเขาแม้แต่น้อย
“ให้ข้าลองก่อน ถ้ามันเลวร้าย พวกเราค่อยสู้กันทีหลัง!” หลิงฮันพูด
“ก็ได้!” หญิงสาวตกลง
หลิงฮันหยิบเตาหลอมที่กลิ้งอยู่กับพื้นขึ้นมาแล้วพูด “เตรียมวัตถุดิบให้ข้าด้วย!” หลิงฮันเปิดปากพูดและเอ่ยรายชื่อสมุนไพรมากกว่ายี่สิบชนิดออกไปภายในหนึ่งสมหายใจ
ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาคงจะไม่สามารถจดจำสมุนไพรทั้งหมดได้ แต่ในเมื่อหญิงสาวคนนี้เป็นนักปรุงยา นางต้องมีความจำเกี่ยวกับสมุนไพรที่ดีมากแน่นอน เพียงไม่นาน นางก็กลับมาที่ห้องพร้อมกับสมุนไพรที่หลิงฮันต้องการ
หลิงฮันนั่งลงที่พื้น มือขวาของเขาถือเตาปรุงยาเอาไว้ “พรึบ” เปลวเพลิงได้ปรากฏขึ้นมาที่มือของเขาทันที
สตรีที่แสนงดงามแสดงท่าทางไม่พอใจเล็กน้อย เพราะในขณะที่นักปรุงยาอยู่ระหว่างการหลอมเม็ดยา พวกเขาจะต้องมีท่าทีที่จริงจังและนั่งขัดสมาธิบนพื้น เรื่องนี้ถือว่าเป็นหลักการที่ใครก็ต้องทำ
แต่หลิงฮันกลับนั่งลวกๆอยู่บนพื้นอย่างผ่อนคลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างมาก
แต่เมื่อนางเห็นหลิงฮันเริ่มทำการหลอมเม็ดยาแล้ว นางจึงไม่สามารถเข้าไปพูดตักเตือนได้ การรบกวนอีกฝ่ายขณะอยู่ในระหว่างการหลอมเม็ดยาคือหนึ่งในข้อห้ามที่ใหญ่ที่สุดสำหรับนักปรุงยา
นางรู้สึกดูถูกหลิงฮันเป็นอย่างมาก ทุกคนต้องเข้าใจก่อนว่าถึงแม้อาจารย์ของนางจะไม่ได้เป็นคนของตำหนักโอสถสวรรค์ แต่อาจารย์ของนางประสบความสำเร็จในด้านการปรุงยาอย่างแท้จริง อาจารย์ของนางเป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูง ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับคนที่มีตำแหน่งสูงสุดในตำหนักโอสถสวรรค์สาขาแคว้นพิรุณ ตอนนี้อาจารย์ของนางเป็นอาจารย์ใหญ่ของฝ่ายปรุงยาในสำนักฮูหยาง
เมื่อเอ่ยถึงหวู่ซงหลิน ใครกันจะไม่เคารพและเรียกเขาว่าปรมาจารย์? ต่อให้เป็นราชวงศ์จักรพรรดิของแคว้นพิรุณก็ยังต้องให้ความเคารพต่ออาจารย์ของนาง
แต่เจ้าเด็กนี่กล้าเรียกอาจารย์ของนางว่าคนโง่ ถ้าข่าวนี้ถูกแพร่กระจายออกไป ภายในสามก้าวที่เขาออกไปจากลานที่พักนี้ เขาจะต้องถูกทุบตีจนตายแน่นอน
เมื่อหลิงฮันเริ่มการหลอมเม็ดยา ท่าทีของเขาได้เปลี่ยนไป ราวกลับมีกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญไหลเวียนอยู่รอบตัวเขา
มือซ้ายของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และโยนวัตถุดิบสมุนไพรเข้าไปยังเตาหลอมทีละอันทีละอัน เตาหลอมหมุนอย่างต่อเนื่องอยู่บนมือขวาของเขา เปลวเพลิงบางครั้งก็เป็นสีแดง บางครั้งก็สีเขียว และบางครั้งก็สีขาว โดยสีของเปลวเพลิงได้เปลี่ยนจากสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่งอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ที่กำลังเฝ้ามองอยู่รู้สึกพร่ามัว
ท่าทางดูถูกของหญิงสาวหายไปอย่างรวดเร็ว และสีหน้าอันตกตะลึงได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางแทน
ชื่อของนางคือหลีซื่อฉาง ตัวนางเป็นอัจฉริยะในด้านปรุงยา ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนางถึงได้เป็นศิษย์ของหวู่ซงหลิน นางจึงเป็นคนที่มีนิสัยหยิ่งยโสมาก แต่เมื่อนางเปรียบเทียบตัวเองกับหลิงฮัน นางต้องยอมรับเลยว่าการเคลื่อนไหวของหลิงฮันนั้นเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มากกว่านางมาก การเคลื่อนไหวของเขาทั้งเป็นธรรมชาติและผ่อนคลาย ราวกับเขาได้หมกมุ่นอยู่กับการปรุงยามาเป็นเวลากว่าหลายร้อยปีจนถึงขั้นที่ว่าเขาสามารถหลอมเม็ดยาได้อย่างง่ายดายแม้จะปิดตาอยู่
ความสำเร็จระดับนี้ไม่ต้องพูดถึงนางเลย แม้แต่อาจารย์ของนางก็ยังด้อยกว่า
เป็นไปได้อย่างไร! เป็นไปได้อย่างไร!
เด็กหนุ่มคนที่ต้องเป็นนายน้อยจอมเสเพลไม่ใช่รึไง? เขามีความสามารถในศาสตร์แห่งการปรุงยาขนาดนี้ได้อย่างไร?
ภายในเวลาไม่นาน สมุนไพรต่างๆตรงหน้าหลิงฮันได้หายไปจนหมด และใบหน้าผากของเขาปรากฏเม็ดเหงื่อขึ้นมา เพราะอย่างไรเม็ดยาวายุพัดทะยานคือเม็ดยาระดับเหลืองขั้นกลาง ยิ่งกว่านั้นมันยังเป็นเม็ดยาประเภทที่หลอมได้ยากอีกด้วย เป็นเพราะพลังบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป การหลอมเม็ดยานี้จึงต้องใช้พลังจำนวนมาก
“หืม ศิษย์รักของข้า ในที่สุดเจ้าก็หลอมเม็ดยาวายุพัดทะยานได้แล้วรึ?” ในตอนนั้นเอง เสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจได้ดังขึ้นมาจากทางเข้าประตู ชายชราตัวเตี้ย รูปร่างเล็กได้เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มและภาชนะใส่อาหารที่อยู่ในมือ
ข้างหลังของเขามีชายชราอยู่อีกคนหนึ่ง ทั้งสองคนเดินเข้ามาพร้อมกัน และถ้าสังเกตดูดีๆก็จะเห็นได้ว่าบนหน้าอกของชายชราทั้งสองมีเหรียญตราสีเงินสามอันห้อยอยู่
นักปรุงยาระดับดำขั้นสูง!
ในทั่วทั้งแคว้นพิรุณ มีเพียงสองคนที่เป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูง หนึ่งคือผู้นำของตำหนักโอสถสวรรค์ ฟูหยวนเชิง และอีกคนหนึ่งคืออาจารย์ใหญ่ฝ่ายปรุงยาของสำนักฮูหยาง หวู่ซงหลิน
นั่นก็คือชายชราสองคนนี้นั่นเอง
หวู่ซงหลินมองเห็นหญิงสาวกำลังยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจในทันที มันไม่เคยคิดเลยว่าคนที่กำลังหลอมเม็ดจะไม่ใช่ศิษย์ของมัน
“หือ?” ฟูหยวนเชิงเองก็แผยสีน่าตกใจออกมาเช่นกัน มันรู้ว่าหวู่ซงหลินได้รับศิษย์ที่ดีมากมาคนหนึ่ง โดยศิษย์คนนั้นสามารถเป็นนักปรุงยาระดับเหลืองขั้นกลางได้ด้วยวัยเพียงสิบแปดปี ยิ่งกว่านั้น ยิ่งกว่านั้นในหมู่เม็ดยาระดับเหลืองขั้นกลาง เม็ดยาวายุพัดทะยานยังเป็นหนึ่งในเม็ดยาที่หลอมได้ยากมาก และตอนนี้เม็ดยานั่นกำลังถูกหลอมโดยรุ่นเยาว์อีกคนหนึ่ง แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มันตกตะลึง
คงไม่ใช่ว่าเฒ่าหวู่ได้รับศิษย์ที่เป็นอัจฉริยะในด้านปรุงยามาอีกคนหรอกนะ? บัดซบ ทำไมคนที่มีพรสวรรค์ถึงได้ถูกอีกฝ่ายแย่งไปตลอดเลยนะ?
ฮูหนิวรู้สึกเบื่อเป็นอย่างมาก นางนอนหมอบและหลับอยู่ที่พื้น แต่หลังจากที่หวู่ซงหลินเดินเข้ามา จมูกของนางได้ขยับและกระโดดขึ้นมายืนสี่ขาทันที สายตาของนางจ้องไปยังภาชนะใส่อาหารในมือของหวู่ซงหลิน นางคำรามเสียงต่ำและพุ่งเข้าภาชนะใส่อาหารนั่นทันที
มือขวาของหลิงฮันหมุนอย่างต่อเนื่อง ไฟสามประเภทที่แตกต่างกันได้ปรากฏขึ้นระหว่างนิ้วทั้งห้าของเขาพร้อมกัน แดง เขียว และขาว ซึ่งไม่ช้าไฟเหล่านั้นก็ดับไป
สามเพลิงชี้นำ!
เขาได้คิดค้นมันขึ้นมาเมื่อชีวิตที่แล้ว และการค้นพบครั้งนั้นได้ทำให้เกิดการปฏิวัติของศาสตร์ปรุงยา มันไม่ใช่เพียงช่วยเพิ่มคุณภาพของเม็ดยาที่หลอมเสร็จแล้ว แต่ยังช่วยฟื้นฟูเม็ดยาที่ได้รับความเสียหายจะการที่เตาปรุงยาระเบิดอีกด้วย
หวู่ซงหลินกับฟูหยวนเชิงตกตะลึงจนพูดไม่ออก ตาของพวกมันเปิดกว้างจนน่ากลัวว่าจะหลุดออกมา ปากของพวกมันเปิดกว้างด้วยความตกลึง จากที่เห็นแล้ว พวกมันทั้งประหลาดใจและตกตะลึง ในขณะเดียวกัน ฮูหนิวใช้ประโยชน์จากการที่หลีซื่อฉางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวในการขโมยภาชนะใส่อาหารมา นางเปิดมันออกและเริ่มเพลิดเพลินกับอาหารที่อยู่ข้างในทันที
“นี่มัน... หรือว่าจะเป็นสามเพลิงชี้นำในตำนานที่หายสาบสูญไป?”
“การที่สามารถสร้างเปลวเพลิงสามแบบที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันขึ้นมาได้ จะช่วยเพิ่มผลลัพธ์ของเม็ดยาได้อย่างมหาศาล! แถมยังสามารถฟื้นฟูเม็ดยาที่เสียหายได้อีกด้วย! นี่คือตำนานในหมู่ตำนาน และข้าเคยคิดมาเสมอว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล่าโบราณเท่านั้น”
“อาจจะไม่ใช่ของจริง แต่เป็นการเลียนแบบก็ได้”
ชายชราทั้งสองพูดด้วยความตกตะลึง
“ฟู่” หลิงฮันถอนหายใจ เขาโยนเตาคืนให้หลีซื่อฉางและพูด “โชคดีที่ข้าไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง ลองเปิดดูสิ”
“ฟึบ” ชายชราทั้งสองรีบคว้าเตาปรุงยาพร้อมกัน ราวกับว่าพวกมันเป็นเด็กที่สู้กันเพื่อแย่งของเล่น พวกมันทั้งคู่เป็นจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ การเคลื่อนไหวของพวกมันจึงเร็วดุจสายฟ้า และทำให้คนที่มองเห็นเพียงภาพเบลอๆเท่านั้น
หลีซื่อฉางอึ้งจนพูดไม่ออก ทั้งสองคนเป็นนักปรุงยาที่เป็นที่เคารพและนับถือที่สุดของทั่วทั้งแคว้นพิรุณ แต่ตอนนี้กลับทำตัวเหมือนกับเด็ก แล้วจะให้นางเชื่อสิ่งในที่ตาของนางมองเห็นได้อย่างไร?
ในที่สุดชายชราทั้งสองก็เลิกแย่งกัน หนึ่งคนถือเตาปรุงยา ในขณะที่อีกคนหนึ่งเปิดฝาเตาและหยิบเม็ดยาสีแดงสดออกมาอย่างระมัดระวัง
“สีแบบนี้... กลิ่นหอมแบบนี้!”
“ไม่ผิดแน่ นี่คือเม็ดยาวายุพัดทะยานของจริง!”
หวู่ซงหลินตัดส่วนเล็กๆของเม็ดยาออกมาและใส่เข้าไปในปากเพื่อลิ้มรส ใบหน้าของมันตกตะลึงและอึ้งยิ่งกว่าเดิม “นี่คือเม็ดยาวายุพัดทะยานของจริงอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้น... ผลลัพธ์ของมันยังเพิ่มไปถึงขั้นสิบสองดาว... ไม่สิ สิบสามดาวเลยด้วยซ้ำ!”
“ว่าไงนะ!” ฟูหยวนเชิงเผลอกระโดดด้วยความตะลึง
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*