ตอนที่แล้วตอนที่ 4 ท่าไม้ตายลับของมนุษย์หมาป่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่6 ให้ตายเหอะ เธอเป็นมนุษย์หมาป่านะ

ตอนที่ 5 มีแมว


 

 

เฮาเหลนมีความคิดมากมายในใจ

คุณธรรมในการกตัญญูเป็นสิ่งที่เขายึดถือมาเป็นหลักในการใช้ชีวิตมาโดยตลอด ความกล้าที่จะยืนหยัดครั้งแรกของเขาคือตอนที่เขาสวนกลับเด็กขี้แกล้งที่แย่งช๊อกโกแลตไปจากเขาสมัยเขายังเรียนประถม ในตอนนั้น มันแทบจะเป็นอย่างเดียวที่เขายึดถือในใจ แต่ผู้เหญิงคนนั้น ลิลลี้เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา เธอเป็นอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่เธอก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเพราะว่าเธอพึ่งช่วยชีวิตเขาไว้ ฮาวเหล็นรู้ดี ว่าเขาเป็นเป้าหมายหลักในการโจมตีของครึ่งคนครึ่งค้างคาวในตอนนั้น

เขาเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งก็จริง แต่เขาก็รู้สึกภาคภูมิใจในสัญชาตญาณอันคมกริบกับความสามารถในการรักษาความใจเย็นไว้ได้ในทุกสถานการณ์ ทั้งหมดต้องขอบคุณช่วงเวลาสมัยเด็กของเขา ตอนเด็กๆใครๆก็เรียกเขาว่าเด็กเลวตัวแสบประจำหมู่บ้านและเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่กินอันตรายเป็นอาหารเช้า เขาไม่กลัวอะไรเลย ด้วยเหตุนี้ทำให้เขารู้สึกเฉยๆกับเหตุการณ์เสี่ยงตายต่างๆที่เกิดขึ้นและทำให้สัญชาตญาณของเขาเฉียบคมขึ้นเมื่อเขาเติบโตมา

ส่วนลิลลี้ในทางกลับกันไม่ได้สังเกตเรื่องพวกนี้เลย อาจเป็นเพราะความคิดของเธอที่คิดว่ามนุษย์ค้างคาวกับหมาป่าต้องตีกันตลอดเหมือนในหนัง เธอคิดว่าค้างคาวตามเธอมาตลอด และที่เธอคิดอย่างนั้นบางทีก็เป็นเพราะว่าเธอค่อนข้างไม่ฉลาด

ไม่ว่าเขาจะคิดว่าเธอเป็นคนยังไงก็ตามแต่ มนุษย์หมาป่าสาวคนนี้ก็ช่วยชีวิตเขาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วด้วยและแน่นอนว่าเธอไม่มีที่จะให้ไป เขาคงทิ้งเธอไว้ตามลำพังในที่อับสายตาทางเปลี่ยวในตอนกลางคืนแบบนี้ไม่ได้

แน่นอนว่าเขาต้องหวังผลประโยชน์หน่อยๆ เพราะว่าเจ้าค้างคาวนั้นจะกลับมาเมื่อไรก็ได้ ดังนั้นเขาเลยคิดมันน่าจะปลอดภัยกว่าที่จะให้ลิลลี้ไปกับเขาด้วย ท่าปาหินมหาบรรลัยของเธอย่างน้อยมันก็ดีกว่าที่นวดแป้งในครัวแน่ๆละ

สำหรับเขาแล้วนี้อาจจะเป็นการเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาด้อยความสามารถและขาดกำลังขนาดไหน ดังนั้นการให้ลิลลี้อยู่ด้วย เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

“ไปกันเถอะ นี้ดึกมากแล้ว” เฮาเหลนเอามือถูขาของเขา ขาเขายังชาจากอาการน้ำแข็งเกาะเมื่อตอนนั้นอยู่ เขาเดินนำหน้าลิลลี่แล้วพูด “เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วฉันหาอะไรให้กินนะ เธอกินอาหารมังสวิรัติได้ไช่ไหม?”

ถึงตอนนั้นเขาพึ่งรู้ตัวว่าเขาพึ่งถามคำถามโง่ๆออกไป ก็ลิลลี้เป็นมนุษย์หมาป่านี้

“ได้หมดเลย!” ลิลี่พยักหน้าอย่างมีความสุขขณะที่เธอแบกกระเป๋าหนัก100ปอนด์ของเธอขึ้นหลัง เธอเดินมาข้างเขา “นี้ๆ นายกลัวรึเปล่า? นายเคยเจอพวกสายพันธ์อื่นมาก่อนไหม? ฉันเคยเห็นในหนังนะ พวกผู้คนก็กลัวเราทั้งนะนั้นละ แต่นายไม่ต้องกลัวนะ ฉันไม่กัดนายหรอก”

 

เธอได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ความโคตรเฟรนลี่ ไร้เดียงสา ทึ่มและพูดมาก มากจนเขาปวดหัว เขาไม่ตอบคำถามของเธอ เขาถอนหายใจและพูดกับเธอ “เอาตามความจริง ตอนนี้ฉันรู้สึกมึนหัวนิดหน่อย ฉันคงต้องซัดนิโคตินเข้าสมองซักหน่อยก่อนถึงจะตอบคำถามของเธอได้ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันตอนกลับไปถึงบ้าน โอเคนะ?”

ลิลลี่จู่ๆก็ว่าง่าย เธอหุบปากและไม่ได้พูดอะไรสักคำขณะที่พวกเขาเดินผ่านซอย ไปที่ถนนไวด์โสตน

บ้านเฮาเหลนอยู่ตรงปลายถนนที่มีทางเดินคอนกรีต นอกเหนือจากนั้นก็เป็นพื้นที่รกๆว่างๆ บ้านของเขาเรียกได้ว่าเป็นที่ไร้ความเจริญและทุรกันดารมาก เขาชอบใช้คำว่าทุรกันดารในการอธิบายสภาพบ้านของเขาเสมอในตอนที่เขายังเป็นเด็ก ถึงแม้ว่าบ้านจะมีอายุมากแล้วก็ตาม ทั้งสองด้านของถนนไวด์โสตน ถึงแม้จะมีอาคารที่อยู่อาศัยเก่าสองหรือสามชั้นผสมผสานกันไปแต่อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่มักจะว่างเปล่าอยู่ดี พวกเขารู้สึกราวกับว่ามีผีสิงอยู่โดยเฉพาะตอนกลางคืน การพัฒนาบ้านเมืองไม่เคยเกิดขึ้นในที่แถวนี้และมีคนย้ายออกมามากกว่าย้ายเข้าประจำ อพาร์ทเม้นของเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่ที่ ที่ยังคงมีคนอยู่ในเมืองที่ว่างเปล่าแห่งนี้

“มันคงรู้สึกน่ากลัวกว่านี้เยอะถ้าไฟถนนข้างทางมันพัง” เฮาเหลนพึมพัม

“ห่ะ? อะไรน่ากลัวๆนะ?” ลิลลี่แสนรู้ได้ยินเสียง ความสามารถเธอนี่ได้มาแต่กำเนิดจริงๆ

เฮาเหลนโบกมือของเขา ทำท่าทางว่าเป็นการพูดที่ไร้สาระ ลิลลี่ก็ไม่ได้คิดมากนัก เธอกำลังจ้องมองที่บ้านด้วยความพึงพอใจ “นี้มันเป็นที่หลบภัยที่ดีทีเดียวนี้ เงียบสงบไร้ผู้คน นายรู้ไหมมันยากนะที่จะมีชีวิตอยู่ในสังคมมนุษย์ ต้องพะวงกับสิ่งที่จะทำอยู่ตลอดเวลาเลยไม่ให้ผิดแผกไปจากชาวบ้าน ฉันละกลัวที่จะโดนจับได้แล้วส่งขึ้นเขียงผ่าทดลอง ไม่พอนะ โลกมนุษย์เนี่ยมีแต่พวกมิจฉาชีพขี้โกหกหลอกลวงปลิ้นปล้อนเต็มไปหมด อยู่ยากจริงๆ”

“หวายยย มนุษย์หมาป่าที่น่าเกรงขามก็กลัวโดนจับไปทดลองเป็นด้วยเหรอ!” เฮาเหลนเหน็บแนมขณะที่เขากำลังไขกุญแจเพื่อเปิดประตูบ้าน

เอาจริงๆลิลลี้อาจจะไม่โดนหลอกเลยก็ถ้าเธอไม่ซื่อซะขนาดนี้ เขาคิดอย่างสนุกสนาน

ลิลลี่พยักหน้าหลายครั้ง “ฉันเคยเห็นในหนังนะ พวกมนุษย์หน่ะไม่เคยพอใจอะไรกับสายพันธ์อื่นเลย คิดว่าตัวเองดีเลิศมากกกก ในอเมริกา มนุษย์ต่างดาวที่ถูกพบเจอบนโลกส่วนมากก็มักจะจบลงบนเขียงผ่าตัด แย่กว่านั้นคือประเทศจีน พวกเขาไม่เอาเราไปเข้าห้องทดลองหรอก จะไปจบชีวิตกลายไปเป็นอาหารจานหรูซะมากกว่า!”

ฮาวเหล็นรู้สึกเหมือนโดนโยนขี้ใส่ เพราะเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะหุบปากไว้ดีกว่า

ทางเข้าบ้านเป็นประตู2ชั้น ประตูนิรภัยด้านนอกและประตูเลื่อนด้านใน กลอนล็อกตรงประตูมันเก่ามากและยากที่จะเปิดออก เฮาเหลนใช้แรงเยอะพอสมควรในการเปิดแต่ละประตูก่อนที่จะสามารถเข้ามาด้านในและเปิดไฟในห้องเพื่อให้ลิลลี่เข้ามาได้

เมื่อพวกเขาอยู่ข้างใน เฮาเหลนก็ล็อคประตู เขาเดินพาลิลลี้ชมรอบๆบ้าน “พ่อของฉันเป็นหัวหน้านักออกแบบ” เขาเริ่มอธิบาย “ความคิดของเขาค่อนข้างที่จะ‘นิยาย’ไปหน่อย ถ้าเธอรู้ว่าฉันหมายถึงอะไรอะนะ นี่คือห้องนั่งเล่น มีห้องนอนอยู่ทั้งสองข้างห้องนึงเป็นห้องของเธอส่วนอีกห้องเป็นของฉัน ประตูทางด้านทิศเหนือของห้องนั่งเล่นเป็นทางเดินไปที่ห้องครัวและห้องน้ำ มีสี่ห้องนอนอยู่ชั้นบน แต่ตอนนี้มันก็ว่างทุกห้องนั้นละ เดี๋ยวฉันพาไปดูห้องนอนของเธอนะ เธอเอาชุดเครื่องนอนของตัวเองมาไหม? ก็นะ ผู้หญิงส่วนใหญ่ค่อนข้างคิดมากเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่ถึงอย่างนั้นห้องพักที่นี่ส่วนใหญ่สะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยดี”

“ฉันโอเคคะ ขอแค่มีที่ให้ฉันซุกหัวนอนได้ก็พอ!” ลิลลี่พูดกำชับขณะที่เธอเคาะกระเป๋าของเธอและพูดว่า “ฉันไม่ได้เอาชุดเครื่องนอนส่วนตัวมาหรอก มันยัดเข้ากระเป๋าเดินทางของฉันไม่ได้หน่ะ”

เฮาเหลนรู้สึกประทับใจ เขารู้สึกว่าลิลลี้นั้นไม่ใช่พวกเยอะแบบที่ผู้หญิงปรกติทั่วไปเป็น เธอค่อนข้างอยู่ง่ายกินง่ายด้วยซ้ำ

ลิลลี่แบกกระเป๋าที่หนักอึ้งของเธอเข้าไปในห้องของตัวเอง เธอไม่ได้ขอให้ช่วยแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะเธออายหรือกังวลอะไรซักอย่าง แต่พอจัดของเสร็จแล้วเธอก็เร่งให้เขาไปห้องครัวพลางบอกว่าเดี๋ยวจ่ายค่าข้าวเย็นเอง

มันไม่ค่อยมีอะไรเหลืออยู่ในห้องครัวเท่าไร เขาหยิบบะหมี่แห้งและส่วนผสมอื่นๆมาจากตู้เย็น เขาฮัมเพลงโปรดของตัวเองไปในขณะที่เปิดเตาแก๊ส หลังจากค่ำคืนที่ผ่านมา เขาต้องการนิโคตินเพื่อเครียร์สมองให้โล่ง เขาหยิบบุหรี่ออกมาแล้วเคาะนิดหน่อยก่อนที่จะเอาไปคาบในปาก

แต่ถึงอย่างนั้นเขาตระหนักถึงความโง่เขลาในการกระทำของเขาอย่างรวดเร็ว เขาปิดเตาแก๊สเพื่อไม่ให้มันเป็นบุหรี่ที่สูบบุหรี่ครั้งสุดท้าย

เขาได้ยินลิลลี่กำลังเปิดกระเป๋าเดินทางของเธอ และเขาก็สงสัยว่ามันจะมีอะไรที่อยู่ในกระเป๋าเดินทางนั้นกันแน่ ขณะที่เขากำลังทำอาหาร เขาพยายามที่จะจัดระเบียบความคิดของเขาใหม่และทำความเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขากำลังหางาน แต่จบลงที่การนอนในสวนสาธารณะ จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับสาวที่น่ารักๆคนนึง ซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นผู้เช่าใหม่ของเขา แล้วเขาก็ดันเข้าไปพัวพันเข้ากับสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด มนุษย์หมาป่าเป็นหนึ่งในนั้น เขาต้องเจอกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติและประสบการณ์เฉียดหนังหัวหลุด  ทั้งหมดนั้นมันหักล้างความเข้าใจที่เขามีต่อโลกอันแสนธรรมดาเหล่านี้ไปซะหมด

“แล้วไอ้ตัวที่เป็นครึ่งคนครึ่งค้างคาวมันคือตัวอะไรวะ? และก็ยังมีกลิ่นคาวเลือดและไอเย็นยะเยือกนั้นอีก

เขาคิดว่ามันอาจจะเป็นแวมไพร์ในตำนาน ซึ่งเป็นคู่ปรับของมนุษย์หมาป่าตั้งแต่โบราณกาล แล้วหลังจากตอนนั้น มนุษย์หมาป่าก็ได้ถูกยืนยันแล้วว่ามันมีจริงแล้ว

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มนุษย์หมาป่าที่เขาเจอมันก็ไม่ได้ตรงปก ตามตำนานที่เล่าขานกันมาเลยซักนิด ไม่ได้มีแววตาสีเขียวที่น่ากลัว ไม่ได้มีเขี้ยวยาว ไม่ได้เป็นอสูรกาย ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเลยแถมยังน่ารักน่าชัง แถมโง่อีกตั้งหาก

ยิ่งเขาคิดมากเท่าไรเขาก็ยิ่งปวดหัวมากเท่านั้น เขาตัดสินใจที่จะละทิ้งความคิดของเขาไว้ที่เตา เขาคิดว่ามันน่าจะดีกว่านี้ถ้าให้มนุษย์หมาป่าอธิบายทุกอย่างด้วยตัวเอง

บะหมี่ต้มเสร็จเรียบร้อย เขาใส่มันลงในชาม และนำมันไปที่ห้องนั่งเล่น ขณะที่ลิลลี่รออย่างกระตือรือร้นอยู่บนโต๊ะ รูจมูกของเธอวูบวาบเหมือนลูกสุนัข เมื่อเธอสูดกลิ่นหอมที่ลอยอยู่ในอากาศ จนเฮาเหลนรู้สึกขบขัน

ลิลลี่คว้าตะเกียบและเริ่มจจ้วงอาหารเข้าปากของเธอ แล้วเฮาเหลนก็มุ่งหน้าไปที่บันไดและตะโกน “โรรี่ ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว!”

ลิลลี่หันไปมองด้วยความสงสัย สิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่มีสีขาวแกมดำวิ่งลงมาจากบันได ขณะที่มันดิ่งตรงมาที่ขาของเฮาเหลน มันถูหัวของมันกับรองเท้าของเขา มันเป็นแมวสีดำสลับขาว

ทันทีที่เห็นแมว ขนของลิลลี้แทบกระโดดจะออกจากผิวหนังของเธอ เธอกระโดดออกจากเก้าอี้แล้ววิ่งหนีไปที่ด้านหลังของโซฟาใกล้ๆอย่างหวาดกลัว โลกนี้มันเป็นอะไรไปหมดเนี่ย มนุษย์หมาป่าที่น่าหวาดกลัว กลัวแมวซะงั้นเลยเหรอ?

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างนี้ ทำให้เฮาเหลนเหวอและงงมาก

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด