ตอนที่แล้วDND.37 - วิชาระดับสวรรค์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.39 - เหตุมิคาดคิด

DND.38 - อนุศาสน์ฎีกาสวรรค์


มีอาหารจานเล็กๆอยู่บนโต๊ะศิลา เซี่ยนเอ๋อดันมาหน้านางและกินอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ นิสัยที่บริสุทธิ์เช่นนี้ทำให้นางน่าหลงใหล

เซี่ยจิงหยูค่อยๆกินคำเล็กๆ นางกินอย่างสง่างามไร้ที่ติ หลังจากเสร็จแล้วเซี่ยจิงหยูก็มองซือหยู

“มาพูดถึงเรื่องบ่มเพาะพลังกันเถอะ”

“ได้เลย! ได้เลย!”

เซี่ยนเอ๋อตื่นเต้น

“ฮะๆๆ พี่จิงหยูไม่รู้ว่าข้าฝึกหนักแค่ไหน องค์ชายสามคนนั่นตกใจจนตาถลนออกมาเลยล่ะ”

เซี่ยนเอ๋อชมตัวเองอย่างภูมิใจ ซือหยูหัวเราะแต่ยังคงสุขุม เซี่ยจิงหยูยิ้มแย้มอย่างอบอุ่น

เขาเริ่มคุยกันจริงจังขึ้น เมื่อพูดคุยกับจนจบจันทราก็ขึ้นสูงแล้ว ส่องสว่างพื้นที่รอบๆ

เมื่อทุกคนกำลังจะกลับห้องพัก เซี่ยจิงหยูขมริมฝีปากตนเองเบาๆ นางหน้าแดงอย่างชัดเจนใต้แสงจันทร์ เซี่ยจิงหยูดูงดงามยิ่งกว่าเมื่อนางรับแสงจันทร์เช่นนี้

“ซือหยู ใช้ฎีกาสวรรค์ให้ข้าดูได้หรือไม่? ข้าจะตอบแทนอย่างดีที่สุด”

เซี่ยจิงหยูหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรง

นางรู้ว่านางขอเกินไป การสังเกตฎีกาสวรรค์นั้นไม่ต่างจากการพยายามขโมยวิชา หากไม่มีสายเลือดเกี่ยวดองกันแล้วก็ยากที่ซือหยูจะยอมรับ

“ได้สิ ไม่มีปัญหา ไม่ต้องตอบแทนอะไรข้าด้วย ข้ายินดี”

ซือหยูที่ตกลงอย่างง่ายดายทำให้เซี่ยจิงหยูประหลาดใจ

ซือหยูต้องขอบคุณเซี่ยจิงหยูที่ทำให้เขาสำเร็จฎีกาสวรรค์ หากเขาไม่เห็นนางจดจ้องอยู่กับภาพเขียนตัวซือหยูเองคงไม่มีวันรู้ว่ามันไม่ใช่ของธรรมดา เขาจะไม่มีวันใช้พลังเร่งเวลาอย่างเต็มที่เพื่อรับวิชาจากภาพเขียน

ฟึ่บ---

ซือหยูเพ่งสมาธิอย่างรวดเร็ว สมองของเขาเรียกความจำดัชนีสวรรค์ของชายแก่ แม้เป็นเพียงนิ้วธรรมดา ก็เต็มไปด้วยความลึกลับที่อธิบายไม่ได้ มันเป็นความลึกลับที่ซ่อนอยู่ในจังหวะของธรรมชาติ

เซี่ยจิงหยูตาเป็นประกาย นางสังเกตวิชาใกล้ๆและพบว่ามันลึกลับมาก เกิดแสงสว่างในใจนาง นางรู้สึกเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว นางลากนิ้วบางๆบนอากาศ

แต่หลังจากนั้นเซี่ยจิงหยูก็หัวเราะแห้งๆ นางเข้าใจวิชาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังไม่เพียงพอที่จะเลียนแบบได้

ซือหยูเดินไปหาเซี่ยจิงหยู

“ศิษย์พี่เซี่ย ดูอีกครั้งเถอะ”

ซือหยูแสดงดัชนีสวรรค์ในระยะใกล้อีกครั้ง

นางตาเป็นประกาย นางดูดซับวิชาทั้งหมดที่ซือหยูแสดง ในครั้งนี้นางเข้าใจอย่างลึกซึ้งขึ้น

แต่นางก็หงุดหงิดเพราะมิอาจเข้าใจวิชาได้ทั้งหมด ความรู้สึกแย่เกิดขึ้นมาก่อนที่นางจะจดจำอะไรได้

“ลืมมันไปเถอะ ข้าอาจจะไม่ได้ถูกลิขิตให้มีฎีกาสวรรค์”

เซี่ยจิงหยูยอมแพ้

ซือหยูคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดเบาๆ

“หากศิษย์พี่เซี่ยไม่ว่าอะไร ข้าจับมือสอนท่านได้นะ บางทีท่านอาจจะเข้าใจมันมากกว่านี้”

จับมือสอนงั้นเหรอ?

เซี่ยจิงหยูใต้เต้นแรง นางส่ายหน้าปฏิเสธทันที

เซี่ยนเอ๋อที่ดูอยู่ในศาลาเบิกตากว้างและส่ายหัว

“พี่จิงหยู อย่าปฏิเสธพี่ซือหยูเลย”

ข้าไม่ได้หยาบคายซะหน่อย แต่มันก็มีเรื่องความต่างของเพศอยู่นะ เซี่ยจิงหยูคิด นางไม่รู้ว่านางรู้สึกยังไง

เมื่อคิดอยู่ครู่หนึ่งนางก็คิดได้ว่าซือหยูเป็นสุภาพบุรุษ ความไม่กล้าตัดสินใจจะทำให้นางด้อยกว่าเขา

นางขบริมฝีปากเบาๆ จากนั้นจึงหันมาตอบด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

“อื้ม...”

ซือหยูเดินไปหาเซี่ยจิงหยู มืออันแข็งแรงจับมือนางเอาไว้

“ศิษย์พี่เซี่ย เริ่มกันเถอะ”

ซือหยูกระซิบข้างหูนาง ดวงตาซือหยูสดใสและไม่มีความคิดร้ายใดซ่อนอยู่

เซี่ยจิงหยูตัวสั่น นางรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอไม่ตอบสนองคำสั่ง ซือหยูยกมือขวาของนางจากนั้นจึงเอาลง

“ศิษย์พี่เซี่ย...รวมใจและวิญญาณให้เป็นหนึ่ง ปลดปล่อยตัวตนอิสระจากความคิด”

ซือหยูรู้สึกถึงอารมณ์ขึ้นลงของนางจึงเตือนอย่างอ่อนโยน

เซี่ยจิงหยูขบริมฝีปาก นางพยายามอย่างมากให้ใจเย็นลง นางสนใจไปที่นิ้วและผ่อนคลายลง ซือหยูใช้มือจับนางเคลื่อนไหวอีกครั้ง นางรู้สึกเข้าใจมากขึ้นแล้ว

ราวกับว่านางค้นพบกุญแจแห่งการเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ นางได้วางตัวเองท่ามกลางแสงจันทร์สาดส่องและมวลหมู่บุพผา ด้วยการชี้แนะของซือหยู ที่ปลายนิ้วของนางเกิดร่องรอยพลังงานลึกลับออกมา นางรู้สึกสบายใจอย่างไม่น่าเชื่อ

เซี่ยจิงหยูผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว นางเอนร่างทั้งร่างกับซือหยูโดยไม่รู้ตัว มือขวาของนางตัดผ่านอากาศด้วยกันกับซือหยู นางรู้สึกว่ากำลังเอนหลังพิงอยู่กับบางอย่างที่อบอุ่น ปลอดภัยและพึ่งพาได้ นางจินตนาการว่าตนเองล่องลอยอยู่กลางเวหา ไร้ความว้าวุ่นใจ ไร้ความโศกเศร้า ไร้กังวล รู้สึกเพียงความอบอุ่นและสบายอย่างไร้สิ้นสุด ในตอนนั้นเองนางรู้สึกอยากจะอยู่กับความอบอุ่นนี้ตลอดกาล

นอกสวน ทั้งดยุคเซี่ยนหยูและเซี่ยหลินฉวนกำลังเดินมาด้วยกัน พวกเขาเห็นเซี่ยจิงหยูเอนตัวกับอ้อมกอดของซือหยูและร่ายรำใต้แสงจันทร์ พวกเขากำลังกรีดนิ้วผ่านอากาศแต่ก็สง่างดงาม

ทั้งสองคนรวมกันเป็นหนึ่งราวกับคู่รักที่ใกล้ชิดกันมาก

ดยุคเซี่ยนหยูไม่พอใจมาก ซือหยูคือลูกเขยของเขาแต่กลับมาใกล้ชิดกับสตรีอื่นในช่วงงานหมั้นของตนได้ยังไงกัน!

เขาโกรธยิ่งขึ้นเมื่อพบว่าลูกสาวของตนมองดูอย่างไม่คิดอะไร ทั้งยังนับถือภาพที่ได้เห็น แต่ไม่นานดยุคเซี่ยนหยูก็พบสิ่งแปลกๆ

ดูเหมือนว่าซือหนูกำลังจะช่วยเซี่ยจิงหยูให้ได้สติปัญญาถึงฎีกาสวรรค์ และเซี่ยจิงหยูก็กำลังจะเข้าใจวิชาแล้ว!

ดยุคเซี่ยนหยูแอบตกใจระดับสติปัญญาของเซี่ยจิงหยู และแอบไม่พอใจซือหยูที่ส่งต่อฎีกาสวรรค์ให้ผู้อื่น แม้จะเป็นการตอบแทนบุญคุณก็ตาม

เซี่ยหลินฉวนดีใจมาก ลูกสาวของเขาเข้าใจฎีกาสวรรค์เล็กน้อยแล้ว แม้ว่าวิชาของนางจะขัดเกลาไม่เทียบเท่าซือหยู แต่เมื่อนางได้เข้าถึงขอบเขตฎีกาสวรรค์แล้วนางจะพัฒนาได้ด้วยการฝึก หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะไปขัดการเรียนรู้ของลูกสาว เขาคงจะรีบพุ่งไปหาด้วยความยินดีแล้ว นางคือความหวังของตระกูลเซี่ย!

เขามองทั้งสองคนราวกับว่าพวกเขาร่ายรำอยู่บนสวรรค์ เซี่ยหลินฉวนถอนหายใจ

“จะดีแค่ไหนกันหากซือหยูเป็นลูกเขยข้า?”

เมื่อได้ยินดยุคเซี่ยนหยูก็ดึงสติกลับมาและหัวเราะ

“ฮ่าๆๆ ข้าเกรงว่าท่านเซี่ยพลาดโอกาสแล้วล่ะ พรุ่งนี้ซือหยูจะเป็นบุตรเขยของข้า”

ยิ่งลูกเขยของเขามีพลังมากเท่าไหร่ ดยุคเซี่ยนหยูก็ยิ่งรู้สึกภูมิใจมากเท่านั้น

ตอนนั้นเององค์หญิงก็ไม่พอใจแค่การมองดูอีกต่อไป นางเข้ามาหาพวกซือหยูอย่างดีใจและดึงแขนเสื้อเขา

“พี่ซือหยู...เซี่ยนเอ๋ออยากลองบ้าง”

การรบกวนจากเซี่ยนเอ๋อทำให้ซือหยูหยุดใช้วิชา เซี่ยจิงหยูกลับมาสู่ความเป็นปกติจากความสุขสบายอบอุ่น นางรู้สึกผิดหวังอยู่ลึกๆที่ซือหยูออกห่างจากตัวนาง นางไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบล้อมนางอีกแล้ว

ซือหยูต้องตั้งใจจะช่วยภรรยาในอนาคตอยู่แล้ว! ซือหยูลูบศีรษะเซี่ยนเอ๋อ

“แน่นอนสิ แต่เจ้าต้องตั้งใจนะ อย่าดื้อกับข้า”

เซี่ยนเอ๋อปล่อยให้ซือหยูลูบศีรษะ นางรู้สึกสนุกและหัวเราะ

“อื้ม...อื้ม...เซี่ยนเอ๋อคือคนที่ไม่ดื้อที่สุดในนี้แล้ว”

ซือหยูพาเซี่ยนเอ๋อเข้าสู่อ้อมกอด เซี่ยนเอ๋อมิได้หวงตัว นางเอนตัวใส่อ้อมกอดซือหยูอย่างตรงไปตรงมาและให้ซือหยูควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างอิสระ พวกเขาตัดอากาศด้วยนิ้ว เซี่ยนเอ๋อสนใจการเคลื่อนไหวและยิ้มกว้าง

เซี่ยจิงหยูสังเกตจากด้านข้าง นางมองความใกล้ชิดของทั้งคู่ ความสบายใจและยินดีที่ได้เข้าใจฎีกาสวรรค์มากขึ้นลดลงไปมาก นางรู้สึกสลดใจเล็กน้อย

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่เซี่ยนเอ๋อก็ยังเข้าไม่ถึงขอบเขตฎีกาสวรรค์ นางเลิกสนใจแล้ว

“ข้าไม่เล่นแล้ว นี่ไม่สนุกเลย!”

ซือหยูลูบศีรษะนางเพราะอยากจะสั่งสอน แต่เขาก็สังเกตเห็นรอยตรงหลังคอของนาง สัญลักษณ์นั้นเป็นสีเพลิง มีรูปลักษณ์เป็นวิหคเพลิงเก้าหาง มันลึกลับอย่างมาก ซือหยูพยายามสัมผัสสัญลักษณ์นั้นด้วยความสงสัย

“เซี่ยนเอ๋อ เจ้าเหลวไหลอีกแล้วนะ”

ดยุคเซี่ยนหยูเดินมาขัดจังหวะซือหยู

ซือหยูต้องหยุด

“เซี่ยนเอ๋อฉลาดอยู่แล้ว แต่นางไม่ได้สนใจเส้นทางยุทธนัก”

เซี่ยนเอ๋อจ้องซือหยูและทุบอกตนเองด้วยหมัดน้อยๆ

“ไม่จริงเลย ข้าเก่งจนไม่ต้องฝึกเพื่อเพิ่มพลังต่างหาก”

“เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว ไปพักกับเซี่ยนเอ๋อเถอะ เจ้าต้องเข้าพิธีหมั้นพรุ่งนี้ มิเช่นนั้นจะพักผ่อนไม่พอ”

ดยุคเซี่ยนหยูตบบ่าซือหยูอย่างโล่งใจ เขาสังเกตว่าเซี่ยนเอ๋อกับซือหยูไปกันได้ดี ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลงมาก

เมื่อมองแผ่นหลังทั้งคู่ที่เดินจากไปดยุคเซี่ยนหยูก็เบาใจ

“ซือหยูเป็นบุรุษที่ดี เขาจะไม่ทำให้เซี่ยนเอ๋อเสียใจแน่”

“หยูเอ๋อ มากับพ่อ!”

เซี่ยหลินฉวนไม่รีรอและเรียกลูกสาว

“ค่ะท่านพ่อ”

เซี่ยจิงหยูยิ้มเล็กน้อย

ในที่พัก ซือหยูรู้สึกว่าได้เวลาว่างสักที เขารีบบ่มเพาะพลังทันที การช่วยเซี่ยจิงหยูและเซี่ยนเอ๋อทำให้เขาเข้าใจฎีกาสวรรค์ชัดเจนขึ้น เขาพัฒนาวิชาได้ไปอีกขั้น

ก่อนหน้านั้นเขาเพียงแค่เลียนแบบชายแก่ได้เล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาอาจจะเข้าสู่ระดับแรกแล้ว

เขาไม่มีโอกาสจะลองวิชาเลยเมื่อมีคนมากมายรอบๆ เขาค่อยๆหลับตาและนึกถึงภาพชายแก่ที่ใช้ดัชนีสวรรค์อีกครั้ง

เมฆทมิฬแผ่ยาวหลายลี้ ที่ยอดเขามีชายแก่ปรากฏตัวอยู่อย่างผ่าเผย เขามองขึ้นไปบนท้องนภา เขายื่นดัชนีผ่าอากาศ ทั้งเทือกเขาและหุบเขาต่างโค้งลงด้วยความยำเกรง ดัชนีได้แยกท้องนภาออกจากกัน ปลายนิ้วนั้นราวกับกุมความลับแห่งจักรวาลไร้สิ้นสุดเอาไว้

ซือหยูขยับนิ้วอย่างไม่รู้ตัวตามใจคิด

ครืน---

เพียงการเคลื่อนไหวของนิ้วก็ทำให้ประตูศิลาหนาหนึ่งศอกร้าวลึก

“ชายแก่นั่นคือใครกัน? ข้าเพียงเลียนแบบวิชาเขาขั้นแรกเท่านั้นและมีพลังถึงเพียงนี้ ต่อให้เป็นผู้มีพลังระดับห้าขั้นต้นก็ถูกจัดการได้ด้วยกระบวนท่านี้!”

เกิดความคิดแปลกๆออกมาในใจเขา

“หรือชายแก่ผู้นี้จะเป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์?”

Banshee

ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด