ตอนที่แล้วSGS บทที่ 57 – จัดการกับคริสตัลเวทมนตร์ และ ซากสัตว์อสูรล่ะ!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSGS บทที่ 59 – ความเข้าใจเกี่ยวกับโรงประมูลของโลลิน้อยล่ะ!

SGS บทที่ 58 – ประมูล ดาบคุซานางิ ล่ะ!


ณ ตอนนี้ วู่หยานกำลังนั่งจิบชาชิวๆในร้านค้าแห่งหนึ่ง ถึงพวกชิ้นส่วนที่เขาเอามาขายจะระดับต่ำ แต่ก็มีจำนวนไม่ใช่น้อยๆเลย  ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เวลาตรวจสอบนานหน่อย

วู่หยานไม่ได้กังวลอะไรเลย พวกฮินางิคุเองก็กำลังเพลิดเพลินไปกับการช้อปปิ้งในแบบฉบับของสาวๆ.....

“ท่านครับ!” ในที่สุดพนักงานก็จัดการเสร็จ ยกมือปาดเหงื่อ แล้วเดินมาตรงหน้าวู่หยาน “ชิ้นส่วนสัตว์อสูรและคริสตัลเวทมนตร์ของท่าน รวมกันแล้วได้ราคา199,500เหรียญทองครับ! ถ้าท่านต้องการทางเราสามารถปัดเศษเป็น200,000เหรียญทองได้ครับ”

“200,000เหรียญทองงั้นเรหอ? หืม.....” วู่หยานทำท่าครุ่นคิดชั่วครู่ ราคานี้ก็ใกล้เคียงกับที่เขาคิด วู่หยานพยักหน้าตอย “ได้! สองแสนเหรียญก็สองแสนเหรียญ!”

พนักงานหัวเราะเล็กน้อยแล้วโค้งให้ทีหนึ่ง หันหลังเดินกลับไป ก่อนนะจะเดินออกมาพร้อมกับบัตรสีทอง และยื่นให้วู่หยาน “เงินของท่านอยู่ในนี้แล้วครับ! กรุณาตราจดูด้วยครับ...”

วู่หยานรับบัตรมาแล้วก้มมองดู เห็นเลข200,000 เขาก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ  และเก็บเข้าไปในแหวนมิติ

มันคงเป็นเรื่องตลกที่จะเอาสองแสนเหรียญทองจริงๆมาให้เขา เอาแค่หนึ่งแสนเหรียญก็ถมกันเป็นภูเขาขนาดย่อมๆได้เลย ไม่ใช่ทุกคนจะมีแหวนมิติเหมือนวู่หยาน ดังนั้น โลกซิลวาเรียจึงมีของที่คล้ายๆกับธนาคาร ที่มีชื่อว่าGold Line

ส่วนเจ้าบัตรทองนี่มันก็เหมือนกับบัตรเครดิต แทนที่จะนำเหรียญทองจริงๆติดตัว ใช้บัตรแบบนี้จะสะดวกกว่า เวลาจะจ่ายเงินก็รูดเอาง่ายๆ และไอ้ตัวเล็กด้านบนบัตรถูกลงไว้ด้วยเวทมนตร์

ถึงแม้วู่หยานจะไม่เคยเห็นบัตรทองมาก่อน แต่ทว่าเขาก็เคยหาข้อมูลมาบ้างแล้ว ดังนั้นถึงไม่เกิดเหตุการณ์งุนงง เขาไม่อยากถูกเรียกว่าเป็นพวกบ้านนอกล่ะนะ แต่จริงๆแล้วคนบ้านนอกเขาก็รู้อยู่แล้วอ่ะนะ.....

ในที่สุดก็จัดการพวกชิ้นส่วนสัตว์อสูรกับคริสตัลเวทเสร็จ วู่หนานทำหน้านึกแปปนึง แล้วหันไปถามพนักงานว่า “โอ้ใช่ๆ ที่นี่รับยุทธภัณฑ์หลักมั้ย?”

เขาได้เลเวลอัพเยอะมากในโลกฮายาเตะ และยังได้ซื้อยุทธภัณฑ์ดินมา2ชิ้นเลยด้วย และนี่ทำให้คุซานางิไม่มีคนใช้....

ตอนแรกเขาก็กะจะให้ฮินางิคุใช้ แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอจะมี ดาบชิโระซากุระ ที่ระดับเดียวกันอยู่ด้วย

ด้วยเหตุนี้ ดาบคุซานางิจึงได้แต่นอนเป็นผักอยู่ในแหวนมิติ ก่อนหน้านี้เขาก็คิดจะเก็บมันเป็นของที่ระลึกอยู่หรอก เพราะยังไงซะมันก็เป็นอาวุธเล่มแรกที่เขาได้ซื้อมาตอนถูกส่งมาโลกนี้วันแรกเลย ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิตจริงๆ

แต่ทว่าเขาได้เปลี่ยนใจเมื่อตระหนักได้ว่ามันก็แค่อุปกรณ์ระดับD ในแหวนมิติเขายังมีอะไรที่ล้ำค่ามากกว่านี้เยอะ อาทิเช่น กางเกงขาสั้นของสองสาว......

ดังนั้น เขาถึงอยากขายมันออกไป!

แต่วู่หยานไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดเขาทำให้คุณพนักงานตื่นตะลึงขนาดไหน เขากลืนน้ำลายมองหน้าวู่หยาน แล้วพูดติดๆขัดๆว่า “ทะ..ท่าน..ต้องการขายยะ..ยุทธภัณฑ์หลัก..งะ..งั้นเหรอครับ?”

มองดูท่าทางพนักงาน วู่หยานแอบถอนหายใจ เขารู้ดีมันล้ำค่า แต่ที่เขาไม่รู้คือมันล้ำค่าขนาดไหน? ตัวเขาที่มีระบบซึ่งสามารถใช้แต้มซื้อมันมาได้ทุกระดับ ทำให้เขาไม่เข้าใจจริงๆว่ามันล้ำค่าแค่ไหน

มันช่วยไม่ได้นี่จริงมั้ย? เขาไม่สามารถให้คุซานางินอนอยู่ในแหวนมิติไปตลอดกาลได้หรอก แถมฮินางิคุก็ไม่ใช่นักดาบคู่ด้วย มีชีโระซากุระเล่มเดียวก็พอแล้ว ส่วนมิโคโตะรายนั้นเค้าไม่ต้องการ.....

ดังนั้นวู่หยาถึงต้องการขายมันไป ถึงยังไงมันก็แค่อุปกรณ์ระดับDใช่มั้ย? ถ้าอยากได้ก็ค่อยซื้อใหม่ก็ได้ ยังไงมันก็ไม่ได้แพงอะไรอยู่แล้ว

ในโลกซิลวาเรีย คงมีแค่วู่หยานคนเดียวที่กล้าพูดแบบนี้.......

อุปกรณ์ระดับD ก็คือ ยุทธภัณฑ์หลัก!

มีเพียงแค่แรงค์5เท่านั้นถึงมีใช้!

แต่กลับถูกวู่หยานพูดว่าไม่แพง.....

ถ้าพวกแรงค์5จนๆได้ยินล่ะก็ คงได้กระอักเลือดใส่อาวุธตัวเองที่ยังไม่ใช่แม้แต่ยุทธภัณฑ์หลัก.....

“มีอะไร? ทำไม่ได้งั้นเหรอ?” วู่หยานพูดยิ้มๆ

พนักงานได้ยินก็เบิกตากว้าง ก่อนจะก้มหน้าสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ แล้วยิ้มอย่างขมขื่นพูดว่า “ท่านครับ ทางเราค้าขายยุทธภัณฑ์ก็จริง แต่เป็นแบบประมูลครับไม่มีแบบขายแยก เพราะยุทธภัณฑ์มันมีค่ามาก ด้วยการขายวิธีปกติ มันออกจะไม่เหมาะสม.....”

วู่หยานพยักหน้าหงึกๆว่าตัวเองเข้าใจ เขาก็พอเดาได้อยู่แล้ว เมื่อกี้ก็แค่แกล้งพูดไปเล่นๆ

เห็นสีหน้าวู่หยานที่แสดงว่าฉันไม่แคร์ฉันไม่สน พนักงานกัดฟันกรอด  เอ่ยว่า “งั้นแบบนี้เป็นไงครับ? ท่านให้ร้านเราเป็นคนกลาง แล้วทางเราจะช่วยนำขึ้นประมูลให้ และเราจะคิดค่าบริการไม่มากนักแค่5% ฟังดูเป็นไงครับ?”

ไม่มาก?! พ่องเอ็งเถอะ.....

เหลือบตามองพนักงานชาย วู่หยานยักไหล่ ถึงแม้คิดค่าใช้จ่าย5%จะฟังดูเหมือนน้อย แต่เขารู้การนำขึ้นประมูลเป็นวิธีที่จะกำไรจากการขายมากที่สุด หลังจากคุซานางิถูกขายไปแล้ว ราคาที่ได้จากการประมูลนั้นมันก็ไม่น่าต่ำ แม้จะหักไป5% เขาก็คงไม่ขาดทุนนัก....

“หืม ร้านนายมีโรงประมูลด้วยงั้นเหรอ?” หลังจากคิดพักหนึ่ง วู่หยานก็พูดขึ้น

“ไม่ครับ! ร้านเราไม่มีโรงประมูล....” พนักงานขายส่ายหน้า แล้วอธิบายว่า “ในเมืองท่าขนาดเล็กแห่งนี้ มีโรงประมูลแค่ที่เดียวครับ แต่ทาวร้านเรากับโรงประมูลก็เกี่ยวข้องกันเล็กน้อย ไม่สิ ควรพูดว่าร้านค้าทุกร้านในเมืองนี้จะมากจะน้อยก็ต้องมีความสัมพันธ์กันครับ เป็นเพราะว่าสินค้าบางชิ้นที่มีค่า จะต้องนำไปขึ้นประมูล ไม่งั้นร้านค่านั่นๆจะไม่ได้กำไรมากเท่าที่ควรและลูกค้าก็จะไม่ราคาจริงๆที่ควรจะได้ด้วย เพราะงั้นถึงต้องนำไปขึ้นประมูล ทั้งร้านค้าและลูกค้าก็จะได้ประโยชน์กันทั้งคู่!”

วู่หยานเข้าใจได้ทันที จริงๆเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยงอะไรกับเขา ตราบใดที่ทำตามที่เขาขอได้ มันจะเป็นยังไงก็ช่าง

พลิกมือ ดาบคุซานางิพร้อมฝัก ก็โผล่ออกมา วู่หยานนำไปวางบนโต๊ะเบาๆ ชี้ให้พนักงานดู

“นี่คือยุทธภัณฑ์ที่ท่านต้องการขายเหรอครับ? ดูจากรูปร่างแล้วเหมือนจะเป็นดาบ แต่มันค่อนข้างเล็กไปหน่อย....” พนักงานใช้สองมือพยุงดาบอย่างระมัดระวัง ราวกับว่ากำลังยกลูกในใส้ของตัวเองก็ไม่ปาน

ค่อยๆชักดาบออกมา แล้วจ้องเขม็งไปที่ใบดาบ กระพริบตาสองสามครั้ง เขามองไปทั่วอย่างละเอียด

เสร็จแล้วเขาก็เอามือลูบหัวอย่างกระอักกระอ่วน และพูดว่า “น่าอายจริงๆ ผมไม่เคยเห็นยุทธภัณฑ์มาก่อน ดังนั้นก็เลยไม่สามารถประเมินมันได้ว่าอยู่ระดับไหน ในเมื่อท่านเป็นนำมันมาเองกับตัว ผมก็เชื่อว่ามันต้องไม่ธรรมดาแน่นอน”

จากนั้นพนักงานก็ยื่นบัตรให้วู่หยาน “ท่านครับ คืนนี้จะมีการประมูล ยุทธภัณฑ์ของท่านก็น่าจะขึ้นแสดงเวลานั้น นี้คือบัตรVIPของห้องประมูล ท่านสามารถชมการประมูลผ่านห้องนี้ได้โดยตรง และถ้าท่านชมชอยสินค้าชิ้นไหนก็สามารถกดได้ทันที!”

“โห” การประมูลสิ้นค้าวู่หยานก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่ยังไม่เห็นกับตาจริงๆสักที ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการนำของเข้าประมูลเอง นี่ทำให้เขารู้สึกสนใจไม่น้อยเลย ยื่นมือรับบัตรVIPแล้วก็เก็บลงแหวนมิติ “ฉันรู้แล้ว เมื่อถึงเวลา ฉันจะไปดู!”

“เมื่อการประมูลจบแล้ว ผู้ต่ำต้อยคนนี้จะไปหาท่านที่ห้องประมูลเพื่อนำเงินให้ที่ประมูลได้ให้” พนักงานมองวู่หยานด้วยความอิจฉาเล็กน้อย ถึงแม้ไม่รู้ว่าอันไหนเป็นไอเท็มมิติ แต่กับความสะดวกนแบบนี้ทำให้เขาอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้จริงๆ

วู่หยานพนักหน้า และภายใต้สายตาเคารพของพนักงาน เขาก็หันหลังเดินออกจากห้องไป....

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด