ตอนที่แล้วDND.26 - การข่มเหงของพวกตาขาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.28 - ศึกใหญ่ที่ใกล้เข้ามา

DND.27 - บุรุษคนใหม่


ประสบการณ์หลายปีของนางเคยพบกาที่เปลี่ยนเป็นหงส์ แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวตนภายในของกา นางเห็นคนยากจนและไม่มีการศึกษามากมายที่มั่งคั่งในชั่วข้ามคืนและพยายามแต่งตัวให้ดีขึ้น แต่มันก็ดูราวกับมัจฉานอกบ่อน้ำ

แต่ชายหนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้มีสง่าราศีตามธรรมชาติ เขาใจเย็นและมั่นใจโดยไม่ปรุงแต่ง เมื่อเขาแต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมก็หันไปมองกระจก เขาทึ่งเล็กน้อย

“นี่คือตัวข้างั้นเหรอ?”

ภาพในกระจกคือชายร่างสูงในชุดหรูหราราวขุนนางหนุ่ม เงาสะท้อนเส้นผมดำยาวที่ได้รับการดูแลอย่างดีปลิวพริ้วไสว ใบหน้าของเขาราวกับหยกขาวบริสุทธิ์ที่แกะสลักมาอย่างดี มันสดใสราวกับได้รับการชำระล้างด้วยน้ำบริสุทธิ์

ดวงตาที่ลึกซึ้งถึงจักรวาลเปี่ยมไปด้วยสติปัญญาและความเยือกเย็นมั่นคง สันจมูกคมกริบมาพร้อมริมฝีปากอมชมพูและฟันขาวสะอาด นี่เป็นรูปร่างของบุตรชายขุนนางที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีไม่ผิดแน่ แข็งแรงตั้งตระหง่าน รูปงามราวทวยเทพ กอปรกับชุดหรูหราที่เข้ากับส่วนสูงอย่างดี ทุกอย่างขับกล่อมตัวเขาอย่างดี แม้จะเป็นซือหยูเองก็ไม่เชื่อสายตาตนเอง

ร่างกายของเขาดีมากจากผลของไอหยกเพลิง มันเป็นร่างที่แกร่งและงดงาม แต่ความยากจนอันยาวนานทำให้เม็ดไข่มุกเม็ดงามเปื้อนโคลนจนมิได้ชำระล้าง ในตอนนี้มลทินได้ลูกชะล้างออกไปแล้ว ทำให้ไข่มุกเม็ดนั้นสว่างสดใสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ตอนนี้ดูเหมือนจนไม่มีใครจำว่าเขาเป็นคนที่ถูกแย่งสตรีหรือยากจนไร้ค่าและเดียวดายอีกต่อไป

ขณะเดิน ชุดกันฝุ่นพริ้วไหวตามสายลม ไม่มีฝุ่นแม้แต่อณูเดียวตกใส่ร่างกาย ผมดำเงางามปลิวตามแรงลมที่พัดเข้ามา ใบหน้าเปล่งประกายใต้แสงแดดและทำให้เกิดแสงเงาอันงดงาม เมื่อเขาเดินไปตามถนนรอบข้างต่างต้องหยุดชะงัก

“ช่างรูปงามอะไรเช่นนี้ เขามาจากตระกูลแบบไหนกัน?”

“หนุ่มน้อยผู้นี้ช่างรูปงามนัก ข้าแทบจะทนมิได้”

ซือหยูหัวเราะกับตัวเองเบาๆ รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลานั้นราวกับไข่มุกสวรรค์

เหล่าสตรีที่ผ่านไปผ่านมาต่างโบกไม้โบกมือเรียกร้องความสนใจ ใบหน้าพวกนางต่างแดงราวกับกลีบกุหลาบ พวกนางต่างมองซือหยูด้วยแววตาหยาดเยิ้ม

….

เมื่อมาถึงสำนัก เขาเดินผ่านสายตาหลากหลายคู่ที่จ้องมองเข้ามา เหล่าบุรุษต่างอิจฉาและนับถือ เพียงแค่มองก็บอกได้ว่าชายคนนี้มาจากตระกูลที่มีอำนาจและมั่งคั่ง เหล่าสตรีต่างหันมามองจากทั่วสารทิศ

“น่าแปลกที่สำนักเรามีคนหล่อขนาดนี้ด้วยนอดจากฉินเฟิงกับฟางฉิงโจว”

“ดูเหมือนเขาน่าจะเป็นขุนนางนะ น่าแปลก หากเขาอยู่สำนักเดียวกับเรา ทำไมเราไม่เคยเจอเขาเลย?”

ซือหยูสวมรอยยิ้มเดินผ่านเหล่าศิษย์ระดับเงินไปยังที่พัก การประเมินศิษย์ทองคำกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกสองวัน เขาจะได้มีโอกาสประลองกับศิษย์ทองคำ

ซือหยูมีเพียงเป้าหมายเดียวคือชนะฉินเฟิง! คือการชนะเขาต่อหน้าเจียงซื่อฉิง ชนะต่อหน้าโลกทั้งใบ! เพื่อบอกเจียงซื่อฉิงว่านางคิดผิด! เพื่อบอกฉินเฟิงว่าเขาเลือกศัตรูผิดคน!

เมื่อผ่านหอพักสตรี เขาก็พบความวุ่นวายบนชั้นสอง จากนั้นเสียงกรีดร้องดังออกมาพร้อมกับหญิงสาวที่ตกลงมาจากหน้าต่างมาทางซือหยู ศีรษะของนางกำลังจะกระแทกกับพื้น แม้นางจะมีพลังเหลืออยู่แต่นางบาดเจ็บอย่างหนัก ซือหยูทนยืนอยู่เฉยๆโดยไม่เข้าไปช่วยไม่ได้

ซือหยูใช้เงาเมฆากระโดดขึ้นกลางอากาศอย่างพอดิบพอดี เขาใช้แขนซ้ายประคองคอของนางและใช้แขนขวาคว้าเอวเอาไว้ เขาอุ้มนางขณะอยู่ที่กลางอากาศและค่อยๆร่อนลงมาอย่างอ่อนโยน

หญิงสาวหน้าซีดจากความหวาดกลัว นางหลับตาแน่น นางคิดว่านางตายแล้วเมื่อรู้สึกถึงอ้อมอกอันแข็งแรงและอบอุ่น นางค่อยๆลืมตาและพบกับหนุ่มรูปงามที่มีดวงตาลึกล้ำ สุขุมเยือกเย็น เฉลียวฉลาด ใบหน้านั้นทำให้นางจ้องมองด้วยความหลงใหล นางไม่เคยพบใครที่ดูดีเช่นนี้มาก่อน

เป็นครั้งแรงที่หัวใจของนางเต้นไม่เป็นจังหวะ...เมื่อสตรีชอบผู้ใด นางไม่ต้องการคำหวานใดๆ บางครั้งเพียงการมอง การกระทำ คำพูด หรือรูปร่าง ทั้งหมดอาจจะทำให้นางหลงรักได้

นางรู้สึกราวกับได้พบชายผู้นั้น คนที่มาช่วยเมื่อนางตกอยู่ในอันตราย ต่อให้ไม่พูดสิ่งใดนางก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ซือหยูวางนางลงด้วยใบหน้าเฉยเมยและมองขึ้นไปยังชั้นสอง

คนที่ยืนอยู่บนนั้นคือฉินเฟิง!

เขามองตัวเองอย่างหม่นหมอง ชายคนนั้นอุ้มสตรีที่แม้แต่เขาไม่เคยได้สัมผัส เจียงซื่อฉิง! และเจียงซื่อฉิงก็จ้องซือหยูไม่ละสายตา นั่นทำให้ฉินเฟิงรู้สึกแค้นใจ! เขาทำดีกับเจียงซื่อฉิงแต่นางก็หวั่นไหวโดยชายคนอื่น!

ไม่นานฉินเฟิงก็ลากหญิงสาวอีกคนลงมาด้วยมือ นางคือฉวนหลีเฟย ดวงตานางถูกกลืนด้วยน้ำตา นางทั้งกลัวและโศกเศร้า นางถูกฉินเฟิงลากลงบันไดอย่างทุกข์ทรมาน

“ขอบคุณพี่ชายสำหรับความเอื้อเฟื้อครั้งนี้”

ฉินเฟิงคุ้นหน้าขุนนางคนนี้แต่ก็จำไม่ได้ว่าเขาคือใคร

เขารู้สึกถึงอันตราย ชายผู้นี้มีใบหน้าที่งดงามกว่าเขา ทั้งมีความมั่นใจสุขุมเยือกเย็นและดูมีฐานะไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย ที่สำคัญคือเขาทำให้เจียงซื่อฉิงหวั่นไหว! นั่นคือปรปักษ์อย่างแท้จริง ฉินเฟิงลากฉวนหลีเฟยออกไป

“ข้าขอโทษ โอสถวิญญาณถูกซือหยูชิงไป ข้าไม่ได้ตั้งใจ ปล่อยข้าไปเถอะ”

ฉวนหลีเฟยร้องขอราวกับตุ๊กตาน้อยอันน่าเวทนา

ฉินเพียงมาตามโอสถวิญญาณคืนเพราะภารกิจที่ล้มเหลวของฉวนหลีเฟย แต่โอสถวิญญาณมูลค่า 2,500 ตำลึงเงินนั้นได้หายไปแล้ว ฉินเฟิงตั้งใจจะมาเอาโอสถวิญญาณคืนเพื่อให้เจียงซื่อฉิงใช้บรรลุขอบเขตระดับสี่ ใครจะไปคิดว่าฉวนหลีเฟยจะไม่คืนโอสถให้เขา!

ฉินเฟิงโกรธเกรี้ยว เขาอยากจะสั่งสอนนางแต่นางก็หลบเลี่ยงเขาและผลักเจียงซื่อฉิงตกโดยไม่ตั้งใจ ภาพที่ได้เห็นนั้นทำให้ฉินเฟิงโกรธแค้นกว่าเดิม

“ข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า!”

ฉวนหลีเฟยกลัวมาก นางร้องไห้ไม่หยุด นางเกิดมายากจนและไม่มีอะไรดี แต่การถูกรายล้อมด้วยผู้มั่งมีทำให้นางได้ทรัพยากรในการบ่มเพาะพลัง นางรู้อยู่แต่แรกแล้วว่ามันช่างหน้าเศร้า และตอนนี้นางยังทำให้ฉินเฟิงโกรธอีก นางไม่มีพลังจะต่อต้านเลย

“นางติดค้างอะไรกับเจ้า?”

ซือหยูถามขณะเอามือไพล่หลัง

ฉินเฟิงหันมาตอบด้วยใบหน้าสุภาพ

“โอสถวิญญาณระดับสูง พี่ชายอยากจะมายุ่งงั้นหรือ?”

ฉินเฟิงจำเป็นต้องสุภาพกับบุตรชายขุนนางที่พื้นเพดูไม่ธรรมดาผู้นี้

“รับไป!”

ซือหยูดีดกล่องดำเพียงใช้นิ้ว เป็นนิ้วที่แข็งแรงนัก!

ฉินเฟิงแอบกังวล นอกจากเขาจะรูปงามมากแล้วยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย แต่ฉินเฟิงที่มีพลังระดับสี่ยังคงรับพลังนั้นได้ เขาใช้มือข้างเดียวรับกล่องและเปิดมันอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นเขาก็ต้องตกใจที่พบโอสถวิญญาณระดับสูงข้างใน

ฉินเฟิงเปลี่ยนสีหน้าทันที

“พี่ชาย ท่านอยากจะช่วยผู้หญิงที่ไม่รู้จักจริงๆงั้นหรือ?”

ซือหยูเดินออกไปขณะที่มือไพล่หลังตามเดิม เขาพูดโดยไม่หันไปมอง

“ปล่อยนางซะ!”

เสียงที่สุขุมเยือกเย็นและมีพลังของเขาทำให้ดูราวกับว่าเขามีตำแหน่งสูงมายาวนาน ฉินเฟิงหยุดนิ่งชั่วครู่ก่อนจะปล่อยฉวนหลีเฟย

ดวงตาอันงดงามของเจียงซื่อฉิงสาดสะท้อนชุดอันหรูหรางดงามที่เดินจากไป เขาเป็นชายที่น่าหลงใหลที่สุดในโลกนี้ เขาทิ้งโอสถวิญญาณราคา 2,500 ตำลึงเงินอย่างง่ายดายราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ นางรู้สึกหวั่นไหวเช่นนี้เป็นครั้งแรก

“ขอบคุณมากค่ะท่าน”

เจียงซื่อฉิงรู้สึกตัวและโค้งคำนับมองเขาออกไป

“อืม”

ซือหยูเดินจากไปโดยไม่หันมามอง

ฉินเฟิงไม่พอใจอย่างมาก เขาจ้องเจียงซื่อฉิงอย่างเย็นชา

“อะไรกัน เจ้าเสียใจที่อยู่กับข้างั้นหรือ?”

เจียงซื่อฉิงตกใจและก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด มันเป็นความรู้สึกเสียใจ

“ถ้าข้าเจอเขาก่อนหน้านี้จะเป็นยังไงกันนะ?”

เจียงซื่อฉิงแอบถอนหายใจ

หากเขาได้มาเจอกับนางเร็วกว่านี้และเอานางไปจากซือหยู มันจะสมบูรณ์แบบแค่ไหนกัน? นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงซื่อฉิงรู้สึกว่าโชคชะตาช่างไม่ยุติธรรม และรู้สึกไม่พอใจฉินเฟิง

ครั้งหนึ่งฉินเฟิงคืออุดมคติของนาง แต่ตอนนี้เมื่อนางได้พบกับขุนนางหนุ่มผู้นั้นก็ทำให้ใจหวั่นไหว นางตระหนักทันทีว่านางเพียงพอใจที่ได้รับการดูแลจากฉินเฟิง แต่หัวใจไม่ได้อยู่กับเขา

ไม่ว่าฉินเฟิงจะทำดีเท่าไหร่ ไม่ว่าเขาจะซื่อตรงเพียงใด มันก็ยากที่จะทำให้นางเกิดความรู้สึกกับเขา ราวกับฉินเฟิงคือซือหยูในอดีต

เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้นางก็ทำสิ่งใดไม่ได้อีก นางต้องเก็บซ่อนความรู้สึกเพราะมิอาจต่อต้านตระกูลของฉินเฟิงได้

ฉวนหลีเฟยที่รอดไปได้ร้องไห้อย่างหนักและโค้งคำนับซือหยูจากระยะไกล

“ขอบคุณมากค่ะท่าน”

แม้ซือหยูจะอยู่ไกลแต่เขาก็ได้ยินเสียงอันเบาบางนั้น

เขายิ้มมุมปาก

“ข้าแค่คืนมันแก่เจ้า...”

เพราะโอสถวิญญาณเดิมของนางถูกซือหยูชิงมา

ซือหยูกลับมาสู่ความสันโดษในที่พัก การประเมินศิษย์ทองคำจะเริ่มในอีกสองวัน ซือหยูต้องการที่จะยืนอย่างสง่าผ่าเผยต่อหน้าคนทั้งสำนักด้วยตัวตนใหม่นี้!

ที่วังเซี่ยนหยู ห้องพักขององค์หญิง

องค์หญิงเซี่ยนหยูสวมชุดสีเหลืองทำหน้ามุ่ยและทุบหมอนด้วยความโกรธ ปากเล็กๆของนางบ่นไม่หยุด

“ท่านพ่อบ้า! ไม่รักข้าบ้างรึไง! ข้าไม่อยากเป็นพ่อลูกกับเขาอีกแล้ว”

“นี่เจ้า! ท่านดยุคทำดีแล้วนะ ไปเขารัตติกาลแล้วถูกสัมผัสเช่นนั้น...ท่านดยุคจะไม่โกรธได้อย่างไร? การกักตัวนี้ก็เพื่อตัวเจ้าเอง”

เสียงนางนุ่มนวลอ่อนโยน ใบหน้าอันงดงามสวมรอยยิ้มอ่อนๆ นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวตนอันงดงาม

“ขนาดพี่จิงหยูยังไม่เข้าข้างข้า! ข้าไม่อยากอยู่ต่อไปอีกแล้ว ข้าอยากตาย!”

ตำหนักเซี่ยนหยูและสำนักมีความสัมพันธ์อันดีมากโดยตลอด องค์หญิงเซี่ยนหยูกับเซี่ยจิงหยูมีอายุไล่เลี่ยกัน นางทั้งสองสนิทสนมและเติบโตมาด้วยกัน พวกนางรู้เรื่องทุกอย่างของอีกฝ่าย

เรื่องที่เกิดขึ้นที่เทือกเขารัตติกาลกับองค์หญิงเซี่ยนหยูทำให้เซี่ยจิงหยูหน้าแดงด้วยความเขินอาย

Banshee

ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด