ตอนที่แล้วSGS บทที่ 54 – เมื่อสาวน้อยโลลิเรียกผมว่า ‘ โอนี่จัง ’ ล่ะ! อ๊ากกก!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSGS บทที่ 56 – ภารกิจส่งโลลิกลับบ้านล่ะ!

SGS บทที่ 55 – ส่งมอบความตายอันเจิดจรัสให้ล่ะ!


ทั่วทั้งร่างระเบิดพลังปราณ เทียนลี่ดึงดาบหนักจากเอวแล้วควงไปมา ด้วยแรงระดับที่สามารถผ่าหินผาได้ จากนั้นมันก็พุ่งเข้าใส่วู่หยาน

“พวกเธอระวังตัวกันด้วย อ่อแล้วก็ดูแลสาวน้อยคนนั่นด้วยนะ!”

วู่หยานโบกมือให้พวกเธอ แล้วหันมาสนใจเทียนลี่ที่พุ่งมา

ในอดีต มักจะเป็นเขาที่ต้องสู้กับคนที่เก่งกว่ามาตลอด แต่ตอนนี้มันกลับกันแล้ว!

ฮินางิคุกับมิโคโตะพาลิลินถอยออกไป เทียนลี่ไม่เพียงไม่พอใจกลับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

ในใจมันรู้สึกยินดีมากที่สาวๆฉลาดพอที่จะไม่เข้ามาใกล้ ไม่งั้นการโจมตีที่ทรงพลังของตนอาจจะเผลอไปทำร้ายพวกเธอก็ได้ มันเป็นอะไรที่เขายอมไม่ได้ เพราะตนเองยังไม่ได้ลิ้มลองเรืองร่างพวกเธอเลยนะสิ!

คิดถึงตรงนี้ เทียนลี่ก็หัวเราะฮ่าๆ ยกดาบหนักในมือแล้วฟันใส่วู่หยานเกิดเสียงกระแสลมฉีกกระชาก

ไม่ไกลออกไป ฮินางิคุกับมิโคโตะก็เฝ้ามองดูตาไม่กระพริบ แต่ลิลินน้อยเงยหน้าขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงกังวล “พี่สาวไม่ช่วยพี่ช่ายเหรอ? คนๆนั้นเก่งมากเลยนะ เขาฆ่าองครักษ์ของหนูหมดเลยนะ!”

เมื่อนึกภาพการตายอันสยดสยองขององครักษ์ตัวเอง สีหน้าลิลินก็ขาวซีดตัวสั่นหงึกๆ เอนตัวพิงฮินางิคุ ขอบตาก็เริ่มแดงเรื่อๆ

ฮินางิคุยกมือมาลูบผมยาวสลวยสีทองของลิลิน ตาก็มองตรงไปที่ตัววู่หยาน เมื่อได้ยินเสียงลิลิน เธอก็พูดปลอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ไม่เป็นไรหรอก โอนี่จังจัดการได้แน่ อย่าถูกใบหน้าซื้อบื่อนั่นหลอกเอานะ จริงๆแล้วเขาเก่งมากๆเลยล่ะ”

“เก่งมาก....” ลิลินหันไปมองวู่หยานด้วยสีหน้าสงสัย “เทียบกับคนไม่ดีตรงนั่นแล้วยังเก่งกว่างั้นเหรอ?”

“อืม...” คราวนี้เป็นมิโคโตะตอบ เธอย่อตัวลงมาระดับเดียวกับลิลิน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เขาเก่งกว่าตาลุงต่ำช้าคนนั่นอีก!”

“จริงเหรอคะ?” ลิลินเงยหน้าใบหน้าจิ้มลิ้มแล้วพูดเสียงเบาๆว่า“ถ้างั้น....โอนี่จังก็สามารถชนะคนไม่ดีคนนั้นได้ใช่มั้ยคะ?”

“อืม! ต้องชนะแน่นอน!” ฮินางิคุกับมิโคโตะพูดเป็นเสียงเดียวกันด้วยความมั่นใจ ราวกับว่าเป็นพวกเธอที่สู้เอง

ลิลินมองวู่หยานอย่างสงสัยใคร่รู้ แล้วพูดพึมพำว่า “สู้ๆนะคะ.....”

“ตายซะ! ไอ้เด็กบัดซบ!” เทียนลี่ส่งเสียงคำรามสนั่นดุจเสือร้าย ตวัดดาบหนักในมืออย่างแรง ส่งปราณไปเคลือบใบดาบ ทำให้ดาบนี้มีพลังมากถึงขนาดทำให้ผมของวู่หยานโบกสะบัด เห็นได้เลยว่าการโจมตีนี้ทรงพลังมาก!

แต่ทว่าการโจมตีอันทรงพลังนี่ วู่หยานกลับเมินสนิท แรงค์5กับแรงค์6เป็นนักสู้ขั้นสูง ดังนั้นช่องว่างจึงมีขนาดใหญ่มากกว่ากรณีฮินางิคุกับสุนัขเขี้ยวอสูรที่เป็นแรงค์2กับแรงค์3ซึ้งอยู่ระดับนักสู้ขั้นต่ำ

แถมกรณีของฮินางิคุยังเวลต่างกับคู่ต่อสู้แค่หนึ่งเลเวล แต่เทียนลี่แตกต่างกับวู่หยานถึง10เลเวลเลยทีเดียว ต่างกันถึงหนึ่งแรงค์เต็มๆ!

ดังนั้นวู่หยานจึงทำแค่ยก นิเอโทโนะ โนะ ชานะ ไปต้านเบาๆ เกิดเสียง ‘เคร้ง’ ดาบหนักก็ถูกวู่หยานหยุดไว้ได้

“โอ้? ไม่เลวนี่หว่า มิน่าละแกถึงกล้าอวดดีต่อหน้านายท่านคนนี้ ดูเหมือนจะมีฝีมือนิดหน่อย!” เทียนลี่มองวู่หยานอย่างสงสัย แล้วหัวเราะเยาะ มันพลิกดาบแล้วฟันใส่ด้านข้างวู่หยานดุจนักรบคลั่ง

“ขอดูหน่อยสิว่าแกจะรับมือนายท่านคนนี้ไปได้อีกสักกี่กระบวนท่า!”

หูฟังเทียนลี่พูดจาอวดดีไป มือวู่หยานก็กวัดแกว่ง นิเอโทโนะ โนะ ชานะ ป้องกันการโจมตีของมัน ซึ่งทุกๆดาบที่เข้ามาเขาป้องกันได้หมด ด้วยท่าทางสบายๆ สบายขนาดมีเวลามาถอนหายใจเล่น

เมื่อก่อนวู่หยานเคยอ่านในนิยายทที่มีตัวประกอบที่ทำตัวหยิ่งยะโสโอหังระดับเทียมฟ้าต่อพระเอก ไม่คิดเลยว่าตัวเองที่โดนส่งมาต่างโลกยังมาเจอคนแบบในนิยายซะได้

นึกถึงตอนนั่น ที่อ่านถึงตอนพระเอกโชว์เทพในนิยาย เขารู้สึกไม่ดีสุดๆ ในใจหวังว่าตัวเองจะเป็นพระเอกในนิยายและเหยียบย้ำพวกคนอวดดีให้จมฝ่าเท้า(ตีน)

ตอนนี้วู่หยานมีโอกาสแล้ว แต่เขากลับไม่มีอารมรณ์ทำ

อย่าเข้าใจผิดล่ะ ก็แค่ตาลุงหน้าโง่นี่มันทำตัวตลกใช้ได้เลย คิดว่าคนอื่นอ่อนกว่าตัวเอง และคิดว่าตนเองถือไพ่เหนือกว่าจึงพล่ามน้ำลายแตกฟอง โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเตะเหล็กกล้าเข้าให้แล้ว ดูๆแล้วบังเทิงดีไม่เลวเลยล่ะนะ

ถึงแม้ว่ามันออกจะดูทุเรศและน่าขยะแขยงไปนิดหน่อยก็เถอะ.....

และภายใต้การกระหน้ำโจมตีของเทียนลี่ ทำให้เกิดลมกรรโชกพัดฝุ่นกวนขึ้นรอบๆตัวพวกเขา วู่หยานเบี่ยงดาบมันลงพื้น พลังโจมตีทั้งหมดกระแทกลงพื้นดิน ส่งผลให้ก้อนหินเล็กใหญ่และฝุ่นควันบินไปทั่ว ทั้งสองยังคงฟาดฟันดาบใส่กันไม่หยุด ทำให้พื้นที่รอบๆทนไม่ไหวพื้นดินเกิดรอยร้าว หินบินกระจัดกระจายเต็มไปหมด ดูยุ่งเหยิงมาก

“โถ่เว้ยๆๆๆ ทำไมฟันไม่โดนสักทีวะ!!” เทียนลี่ตวัดดาบหนักไม่หยุดโจมตีใส่วู่หยาน ในความคิดมัน ผ่านไป2-3กระบวนท่า ไอ้เด็กเหลือขอนี่ต้องกลายเป็นเนื้อบดแน่ หลังจากนั้นมันก็จะเริ่มเสพความสุขจากตัวสาวงาม

แต่ความเป็นจริงกับโหดร้าย ไม่ต้องพูดถึง2-3กระบวนท่าเลย ‘การดวลดาบ’นี่ก็ผ่านไปหลายร้อยกระบวนท่าแล้ว แต่ไอ้เด็กบัดซบตรงหน้ายังไม่ถูกตนเองบดขยี้เลย ยิ่งกว่านั่นท่าทางการยกดาบที่ดูไร้เรี่ยวแรงกลับต้านการโจมตีของตนได้หมดจด

เทียนลี่รู้สึกว่าตนเองใกล้บ้าเข้าไปทุกทีแล้ว ตัวมันใช้ปราณออกไปเกือบหมด แต่ไอ้เด็กตรงหน้าไม่ต้องพูดถึงปราณเลยแค่เหงื่อสักหยดยังไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ ทำตัวราวกับว่ากำลังเดินเล่นยังไงยังงั้น ไม่ว่าตนเปลี่ยนรูปแบบโจมตีหรือเปลื่ยนจังหวะยังไง ไอ้เด็กบัดซบนี่ก็รับได้หมด!

ไม่ขำนะเฮ้ย! ข้าคือนักรบแรงค์5เชียวนะ! แต่กลับโจมตีไร้ผลต่อเด็กหนุ่มคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิง!

บัดซบ! บิดาคนนี้ไม่เชื่อเด็ดขาด!

“อ๊าก!!!!” เทียนลี่คำรามอย่างบ้าคลั่ง พลังปราณเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน ทั้งพลังและความเร็วเพิ่มขึ้นไม่น้อย ทำให้วู่หยานรู้สึกกดดันได้ในที่สุด

“โยว เก่งใช้ได้เลยนะเนี่ย ในที่สุดก็ทำให้ฉันรู้สึกกดดันได้เล็กน้อยแล้วน่ะนะ!!” รู้สึกได้ถึงแรงที่ไม่น้อยเลยส่งผ่านมาจาก นิเอโทโนะ โนะ ชานะ ในที่สุดวู่หยานก็ยิ้มออกมาและเอ่ยปากพูด

ได้ยินคำพูดวู่หยาน เทียนลี่หรี่ตา ขมวดคิ้ว พูดว่า “ยังงี้นี้เอง พลังต่างกันหนึ่งแรงค์สินะ?แกคงแรงค์4สินะ แถมการที่สามารถรอดจากการโจมตีของข้าได้ คงเป็นแรงค์4ขั้นสูงสุดล่ะสิ ไม่แปลกใจเลยที่สามารถฆ่าไอ้พวกขยะนั่นได้!”

คำพูดเทียนลี่ แทบทำวู่หยานหัวเราะ ควายแท้ๆควายล้วนๆไม่มีอะไรเจือปนเลย มาถึงขนาดนี้แล้วแต่กลับคิดได้แค่นี้ เอ็งมันเทพจริงๆ เทพควายอ่ะนะ.....

เห็นวู่หยานาไม่ตอบ เทียนลี่ขมวดคิ้วแล้วหัวเราะเยาะ “ด้วยอายุแค่นี้ แต่กลับบ่มเพาะพลังถึงแรงค์4ได้แถมยังเป็นขั้นสูงสุดด้วย แกนี่มันอัจฉริยะจริงๆ แต่น่าเสียดายแรงค์4กับแรงค์5มันต่างกันเกินไป ความห่างชั้นนี้ไม่ใช่อะไรที่แกจะข้ามได้ แม้ว่าแกจะแรงค์4ขั้นสูงสุด ต่อหน้าพลังของแรงค์5ใช้แค่มือเดียวก็บดขยี้แกได้แล้ว!”

สิ้นเสียงมันวู่หยานก็หัวเราะก๊ากอย่างสนุกสนาน ก่อนจะข่มไว้ แล้วพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง พูดว่า “อืม ใช่ๆ เอ็งพูดถูกแล้ว ความต่างนี้ไม่ใช่อะไรที่จะข้ามได้!”

ท่าทางวู่หยาน ทำให้เทียนลี่คิดว่าเพราะตนเองน่ากลัวเกินไปทรงพลังเกินไป

ดุจบาบูน เทียนลี่หัวเราะร่าด้วยน้ำเสียงสะใจ แล้วพูดว่า “เหอะ ในเมื่อแกรู้ตัวแล้ว ก็ยังไม่สายเกินไป ตราบใดที่ยอมจำนนและส่งหญิงสาวสามคนนั้นมาแต่โดยดี ข้าก็จะให้เจ้ามาลูกสมุน!”

ที่เทียนลี่พูดทั้งหมดเป็นความจริง ด้วยความสุขมันจึงให้ทางออกกับวู่หยาน

ในสายตามัน บรรลุแรงค์4ขั้นสูงสุดในวัยเท่านี้มันมีพรสวรรค์มาก เทียบได้กับพวกลูกขุนนางทั้งหลายได้เลย

ในอนาคตเจ้าเด็กนี่ก็มีโอกาสบรรลุแรงค์5ได้ แม้แต่แรงค์6ก็มีโอกาส ถ้าได้เป็นลูกน้อง และเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆตัวมันก็จะได้กร่างไปทั่วได้อย่างไม่สนใครหน้าไหน

แต่เทียนลี่ไม่รู้ตัวเลยว่า คำพูดมันไปกระตุ้นปีศาจร้ายเข้าให้แล้ว

เมื่อได้ยินเทียนลี่พูดถึง ‘ในเมื่อแกรู้ตัวแล้ว ก็ยังไม่สายเกินไป ตราบใดที่ยอมจำนน’ วู่หยานก็ยังคงยิ้มอย่างอารมรณ์ดี แต่พอได้ยินคำพูดถัดมา ‘ส่งหญิงสาวสามคนนั้นมาแต่โดยดี’ วู่หยานก็หน้าเปลี่ยนสีทันที

“มิโคโตะ! ฮินางิคุ!” ยู่ๆวู่หยานก็ตะโกนเสียงดัง ทำให้ทุกคนสะดุ้งตกใจ

“มีอะไร?ต้องการคนช่วยเหรอ?” มิโคโตะเดินหน้าสองก้าวพูดกับวู่หยาน

“มิโคโตะ ฮินางิคุ.....” ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เขาพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “พวกเธอและก็เด็กน้อยนั่นปิดตาซะ!”

“ปิดตา?” มิโคโตะ ฮินางิคุ และ ลิลิน ตะลึง “ทำไมต้องปิดตาด้วยล่ะ?”

“เป็นเพราะว่าภาพต่อจากนี้ มันออกจะโหดร้ายเกินไปสำหรับพวกเธอ....” เมื่อเสียงของวู่หยานเข้าหูสองสาว พวกเธอก็เข้าใจความหมายที่เขาต้องการสื่อได้ทันที รีบกอดกันตัวกลม แล้วหลับตา มือก็ยื่นไปปิดสายตาสงสัยใคร่รู้ของลิลินด้วย

ร่างวู่หยานพร่าเลือน ก่อนจะไปปรากฏตัวตรงหน้าเทียนลี่ สายตาที่เย็นเยียบจ้องเขม็ง ทำให้เทียนลี่ทำกำลังยิ้มแข็งค้าง วู่หยานหัวเราะอย่างเย็นชา

“ไม่คิดเลยว่าแกกล้าที่จะคิดเรื่องสกปรกแบบนั้นกับ มิโคโตะ และฮินางิคุ ควรพูดว่าแก....” วู่หยานสูดหายใจแล้วเอ่ยว่า “ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!!!”

สิ้นเสียง นิเอโทโนะ โนะ ชานะ ในมือวู่หยานก็ถูกตวัดจากล่างขึ้นบน ผ่าตัวดาบไปจนถึงมือของเทียนลี่โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียว!

“!!!!!” เลือดมากมายพุ่งกระฉูดขึ้นบนอากาศ เทียนลี่จับทือตัวเองแน่นแหกปากร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด

ถึงตรงนี้วู่หยานกลับหยุด เก็บดาบเข้าฝักไป แล้วโยนเข้าใส่แหวนมิติ ยืนตรงหน้าเทียนลี่ที่กรีดร้องไม่หยุด วู่หยานพูดด้วยน้ำเสียงต่ำและแข็งกระด่าง “เฮ้ย อย่าเพิ่งรีบตายนักสิ ในเมื่อแกปากดีขนาดนี้ ฉันก็จะให้แกตายอย่างสวยๆเอง!”

เกิดกระแสไฟฟ้ากะพริบวูบวาบตรงหน้า ก่อนจะมีฝุ่นละอองม้วนตัวขึ้น ร่างกายวู่หยานเริ่มอาบไปด้วยกระแสไฟฟ้า พวกมันแล่นไปมารอบตัวเขา ขณะเดียวก็สร้างเสียงไฟฟ้าช็อตไปด้วย

วู่หยานยกมือขึ้น พื้นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย พร้อมๆกับการเคลื่อนไหวของเขา ฝุ่นละอองเหล็กขนาดเล็กก็ก่อตัวเป็นคลื่นรอบตัวเขา

โบกมืออีกรอบ ทรายเหล็กก็ทะยานขึ้นไปข้างบนอากาศและรวมตัวกัน ไม่นานนักก็มีดาบทรายเหล็กลอยเต็มท้องฟ้า

ขบวนดาบทรายเหล็กภายใต้เสียงสั่งและมือโบกของวู่หยาน มันก็พุ่งทะยานออกไปดุจลูกธนู เล่มหนึ่งแทงใส่กลางตัวเทียนลี่ที่ยังคงไม่รู้สึกตัวจากความเจ็บที่มือ ที่เหลือแทงแขนขาทั้งสองข้าง และสุดท้ายแทงทะลุสมอง!

เลือดสดๆไหลทะลัก สาดกระจายเต็มท้องฟ้า......

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด