ตอนที่แล้วตอนที่ 204 น้อยเนื้อต่ำใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 206 นกกาเหว่าแห่งตระกูลหยาง

ตอนนี้ 205 เจ้าเด็กคนนี้แซ่หยาง


ตอนนี้ 205 เจ้าเด็กคนนี้แซ่หยาง

ในตอนนี้ภายในสำนักหลิงเซี่ยวมีตระกูลที่มีอำนาจทั้ง 3 ตระกูล ตระกูลแรกคือตระกูลต่ง ตระกูลที่สองคือตระกูลไป๋ และหุบเขาจื่อเหว่ย พวกเขาทั้ง 3 ตระกูลล้วนเป็นบุคคลที่มิอาจล่วงเกินได้ ความแข็งแกร่งของพวกเขาเทียบเทียมกับสำนักทั้ง 8 ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในเมืองหลวง พวกเขามีเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง มียอดฝีมือที่มากมาย แม้ว่าพวกเขาที่มีอำนาจจะสามารถข่มขู่ผู้อื่น แต่มันไม่สามารถขมขู่หยางไค่

หลายวันที่ผ่านมา หยางไค่ได้สอบถามเรื่องราวข่าวคราวจากเซี่ยหนิงฉาง ทำให้จิตใจของเขามีแผนการการรับมือปัญหาที่จะตามมาสำหรับตนเอง

ในขณะที่เขาเดินอยู่รอบๆบริเวณหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ย หยางไค่ได้เดินไปยังหอวิเศษเพื่อกล่าวทักทายเม้งวู่หยา

เมื่อเม้งวู่หยามองเห็นหยางไค่ ใบหน้าที่เหงาหงอยของเม้งวู่หยาแปรเปลี่ยนเป็นความพลุกพล่านในทันที ราวกับว่าหยางไค่ติดหนี้เขาเป็นจำนวนมาก

ในที่สุดเม้งวู่หยาก็เข้าใจว่าทำไมศิษย์รักของตนเองที่เศร้าโศกตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา กลับแสดงอารมณ์และสีหน้าที่มีความสดใสและมีความสุขราวกับคนเสียสติคนหนึ่ง

แท้จริงแล้ว ..เจ้าเด็กคนนี้กลับมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องกล่าวสิ่งใดมาก ศิษย์รักของเขาต้องพบเจอกับเขาอย่างแน่นอน มิฉะนั้นอารมณ์ของนางคงไม่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันเช่นนี้

อั๊ย !! เป็นความโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ !! หากเป็นความโชคร้ายคงมิอาจหนีมันพ้น เขาไม่รู้ว่าศิษย์รักของตนเองจะสามารถผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายที่เต็มไปด้วยภัยพิบัติในเวลานี้ได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

เหรัญญิกเม้ง ข้ากลับมาแล้ว !! หยางไค่กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มที่สดใส

เม้งวู่หยาหัวเราะด้วยความขมขื่น : อืม กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว ยินดีต้อนรับการกลับมาของเจ้า

คำกล่าวทักทายกลับของเม้งวู่หยาเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ ราวกับว่าเขาไร้ซึ่งความดีใจที่หยางไค่กลับมาอย่างปลอดภัยอีกครั้ง

ปราณจิตสัมผัสของเขาสัมผัสไปยังร่างกายของหยางไค่ หลังจากนั้นเขากล่าวตะโกนด้วยความตื่นตะลึง : เจ้า บรรลุเข้าสู่เขตแดนผสานลมปราณ ?

อืม หยางไค่พยักหน้าเบา ๆ

เม้งวู่หยาตื่นตะลึงจนแทบจะกัดลิ้นของตนเอง มันเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน !! เมื่อคำนวณวันและเวลาที่เขาหายตัวไป มันเพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งปีเท่านั้น ครึ่งปีก่อน เขาอยู่ในเขตแดนลมปราณหมุนเวียน แต่ในตอนนี้เขากลับเติบโตและก้าวหน้าจนอยู่ในเขตแดนผสานลมปราณ ความรวดเร็วในเติบโตและก้าวหน้าเช่นนี้ มันน่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง มันเป็นเรื่องที่จะเป็นไปได้ไม่ได้ อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ

เจ้าทำได้อย่างไร ? ราวกับว่าเม้งวู่หยาพบเจอกับสมบัติล้ำค่า เขาจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่เบิกกว้าง

ข้าบ่มเาพะพลังความแข็งแกร่งและฝึกฝนวิชายุทธุ์ของข้าไปเรื่อยๆ จนมันมีความก้าวหน้าเช่นนี้ หยางไค่กล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่มีความสุข

เม้งวู่หยานิ่งไปชั่วครู่โดยไม่ได้กล่าวถามต่อ จิตใจของเขาครุ่นคิดถึงเรื่องราวของหยางไค่ หากว่าความแข็งแกร่งของเขายังคงมีความก้าวหน้าและเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะกลายเป็นอัฉจริยผู้มีพรสวรรค์ซึ่งสามารถทำลายบรรทัดฐานของโลกนี้ เขาจะกลายเป็นผู้ที่คู่ควรกับศิษย์รักที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเขาได้

เม้งวู่หยาขมวดคิ้วและกล่าวถาม : เจ้ากลับมาในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม ระวังตัวด้วย มีผู้คนจำนวนมากกำลังตามหาตัวเจ้า

พวกเขาจะตามหาข้าทำไม ? หยางไค่ขมวดคิ้วและกล่าวถาม

พวกเขาต้องการตรวจสอบเคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ของเจ้า เม้งวู่หยากล่าวอธิบายด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง : เคล็ดวิชาที่เจ้าใช้โจมตีสัตว์อสูรขั้นที่ 6 ในถ้ำสวรรค์ ผู้คนจำนวนมากต่างสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

หยางไค่หัวเราะอย่างแผ่วเบา : พวกเขาต้องการ พวกเขาจะเสนอข้อแลกเปลี่ยนที่ทำให้จิตใจของเขาหวั่นไหว ข้ามอบเคล็ดวิชาให้แก่พวกเขาก็มิเสียหายอะไร !

เคล็ดวิชาแห่งการต่อสู้ ตราผนึกดวงดารา มีพลังอำนาจในการโจมตีที่มากมายมหาศาล แต่การใช้งานมัน ต้องสูญเสียพลังลมปราณเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นหลังจากที่เปิดใช้งานมันออกไป หากร่างกายของผู้ที่ใช้งานมันไม่แข็งแกร่งพอ มันจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ร่างกายของคนผู้นั้น หากคนเหล่านั้นยอมที่จะยื่นข้อเสนอที่เย้ายวนใจให้แก่เขา เขาก็สามารถที่จะเจราจากับพวกเขาได้

ไม่ว่าอย่างไร ก็ให้เจ้าระวังตัวเองเอาไว้ เจ้าเด็กหนุ่ม อย่ากล่าวว่าข้าไม่ตักเตือนเจ้า คนแห่งตระกูลไป๋และหุบเขาจื่อเหว่ยไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับตัวเจ้า ซู่เหยียนได้ดึงดูดความสนใจของพวกเขาไปเกือบหมด แต่ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจากตระกูลต่งค่อนข้างที่จะสนใจในตัวเจ้า เขาจะมาหาข้าและกล่าวถามข่าวคราวเกี่ยวกับตัวเจ้าทุกๆ 2-3 วัน

ข้าก็สนใจในตัวเขาเช่นเดียวกัน หยางไค่ยิ้มด้วยความพึงพอใจ : ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ?

เขาอาศัยอยู่ในกระท่อมที่เจ้าเคยอาศัย เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ค่อนข้างแปลก คนแห่งตระกูลไป๋และหบุเขาจื่อเหว่ยต่างอาศัยอยู่ในจวนที่สะดวกสะบาย แต่เขากลับยืนกรานที่จะอาศัยอยู๋ในกระท่อมเล็กๆที่ทรุดโทรมของเจ้า เขาต้องการพบเจ้าอย่างมาก ในเวลานี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหลบเลี่ยงการพบเจอกับเขา ดวงตาของเม้งวู่หยาหมุนวนไปมา เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่แนะนำราวกับการร้องขอ : เจ้าออกจากสำนักหลิงเซี่ยวและหลบซ่อนตัวอยูด้านนอกอีกสัก 1 ปีดีไหม ?

เม้งวู่หยาคิดอยู่ภายในใจ : หากว่าเจ้าออกไปจากสำนักหลิงเซี่ยอีกสัก 1 ปี ไม่แน่ว่าศิษย์รักของข้าอาจจะลืมเจ้าไป

หยางไค่พยักหน้าเบาๆ พวกเขาไม่มาหาตนเอง ตัวเขาเองจะเป็นฝ่ายไปหาพวกเขา ทำไมต้องหลบซ่อนตัวจากพวกเขาด้วยล่ะ !! ?

หลังจากที่กล่าวลาเม้งวู่หยา หยางไค่เดินไปยังทิศทางของกระท่อมที่ทรุดโทรมของเขา

หยางไค่ !! เป็นหยางไค่ !! เขากลับมาในเวลานี้ !! ผู้คนที่พบเจอหยางไค่ต่างกล่าวร้องด้วยความตื่นตกใจ

ตระกูลทั้ง 3 ต่างค้นหาตัวเขา มันเป็นเดินทางเข้าสู่หุบเหวด้วยตัวของเขาเอง ?

พวกเจ้าคิดว่า เขาจะถูกจับตัวไปหรือไม่ ?

ผู้คนถูกชักชวนไปเป็นจำนวนน้อยหรือไง ? หยางไค่ประสบกับความขมขื่นและความทุกข์ทรมาณในสำนักหลายปี เขายังเป็นเพียงแค่ศิษย์สามัญ ในเวลานี้สถานที่ดีกว่ากำลังต้อนรับเขาด้วยความเต็มใจ เขาจะอยู่ในสำนักหลิงเซี่ยวต่อไปทำไม? นอกจากนั้นข้อเสนอที่ 3 ตระกูลที่ยิ่งใหญ่เสนอออกมายังน่าเย้ายวนใจอย่างยิ่ง

เขาก็เป็นเพียงสุนัขตาขาวที่เนรคุณ เสียงนินทาแพร่สะบัดมา มันเต็มไปด้วยความดูหมิ่น ความอิจฉา

สีหน้าของหยางไค่ยังคงแสดงออกอย่างเย็นชา เขาไม่แยแสกับสุ้มเสียงนินทาเหล่านี้แม้แต่น้อย

แม้ว่าในสำนักหลิงเซี่ยวเขาจะมีฐานะเป็นเพียงศิษย์สามัญ แต่ความสามารถที่ตนเองครอบครอง ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาล้วนเป็นสิงที่เขาเพียรพยายามจนได้รับมันมา โดยที่เขาไม่เคยได้รับการสนับสนุนจากสำนักแม้แต่น้อย หากว่าเขาจะอยู่ที่นี้ต่อไปหรือออกจากที่นี้จิตใจของเขาจะไม่มีความรู้สึกผิดหรือละอายใจแม้แต่น้อย แล้วตนเองจะสนใจคำกล่าวนินทาซุบซิบเหล่านั้นไปทำไม ?

หลังจากนั้นไม่นาน เขาได้เดินทางมาถึงกระท่อมไม้ที่ทรุดโทรมของเขา

ด้านนอกกระท่อม มีชายชราสองคนยืนเฝ้า คนหนึ่งยืนพิงกระท่อม อีกคนยืนไขว้หลังและซุกมืออยู่ภายในแขนเสื้อของเขา หยางไค่เดินเข้าไปโดยที่ชายชราทั้งสองไม่ได้มองมาที่เขาแม้แต่น้อย แต่พวกเขาทั้งสองกำลังหลับตา เพื่อสัมผัสกับแสงอาทิตย์ที่อ่อนนุ่ม

เมื่อหยางไค่เดินเข้าใกล้กระท่อมอีกประมาณ 30 จ้าง จิตวิญญานของชายชราทั้งสองได้พุ่งเข้าไปหาหยางไค่อย่างฉับพลัน มันพุ่งเข้ามาโดยไร้ซึ่งเจตนาแห่งการฆ่า มันเป็นเพียงการตักเตือนเขาเท่านั้น

ทันใดนั้นร่างกายของหยางไค่นิ่งไปชั่วขณะ จิตวิญญาณ 2 ตนพุ่งเข้ายังร่างกายของเขา มันหนักหนาสาหัสดั่งหินมหึมาที่ถูกโยนลงไปในท้องทะเล มันทำให้เกิดระรอกคลื่นที่รุนแรงอย่างมาก แต่เมื่อมีการช่วยเหลือจากดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ การตักเตือนของพวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรหยางไค่ได้

หยางไค่ยังคงเดินก้าวไปข้างหน้า โดยการก้าวเท้าของเขามั่นคงราวกับไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางเขา

ทันใดนั้นชายชราทั้งสองที่กำลังงัวเงียลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน ดวงตาของพวกเขารวดเร็วดั่งสายฟ้า พวกเขาจ้อมองมาที่หยางไค่ โดยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเด็กหนุ่มอายน้อยผู้นี้แปลกประหลาดและแข็งแกร่งเกินกว่าการคาดหมายของพวกเขา

พวกเขากำลังจะลงมืออีกครั้ง แต่เสียงตะโกนดังมากจากภายในกระท่อม : หยุดเดี่ยวนี้ !!

หลังจากที่เสียงตะโกนดังขึ้น ชายชราทั้งสองได้หยุดการโจมตี กลิ่นอายแห่งลมปราณของพวกเขาอ่อนลงราวกับมนุษย์สามัญที่ไม่มีเจตนาทำร้ายผู้อื่น แต่ว่าดวงตาทั้งคู่ของพวกเขาทั้งสองยังคงเฝ้าระวังหยางไค่อย่างไม่วางตา

ภายในกระท่อมไม้ ได้มีบุรุษที่สวมใส่เสื้อสีครามเดินออกมา อายุของเขาน่าจะประมาณ 20 ปี คิ้วของเขาคมเข้ม มีใบหน้าที่หล่อเหลา สง่างามอย่างยิ่ง กลิ่นอายของเขายังไม่ธรรมดา เพียงแค่มองก็รู้ในทันทีว่าเขาเป็นคุณชายจากตระกูลที่มั่นคั่งและมีอำนาจที่ยิ่งใหญ่

เพียงแต่ว่ารูปร่างของเขาค่อนข้างอวบ ทำให้ผู้ที่พบเจอรู้สึกว่าเขายังเป็นเด็กหนุ่มที่ไร้เดียงสา ผิวของเขายังขาวนุ่ม มันขาวนุ่มยิ่งกว่าสตรีทั่วไปเสียอีก

ในตอนนี้ บุรุษผู้นี้กำลังจ้องมองมาที่หยางไค่ เมื่อสายตาของพวกเขาประสานบนกลางอากาศ ดวงตาของผู้ที่มาก่อนประกายด้วยความดูถูก ดวงตาของผู้ที่มาทีหลังประกายด้วยความระมัดระวัง

หลังจากนั้น บรุรษผู้นั้นก้าวไปข้างหน้า เขาก้าวไปยังทิศทางของหยางไค่ และเพิ่มความเร็วในการก้าวเดินเรื่อยๆ

นายน้อย !! เมื่อชายชราทัี้งสองมองเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ พวกเขาจึงกล่าวตะโกนด้วยความตื่นตระหนก

พวกเจ้าไม่ต้องยุ่ง !! บุรุษหนุ่มกล่าวสั่งด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

ขอรับ!

หยางไค่เดินไปข้างหน้าโดยมิหวาดกลัว หลังจากนั้น พวกเขาพุ่งออกไปในเวลาเดียวกัน และลงมือโจมตีออกไปพร้อมกัน เมื่อฝ่ามือทั้งสองปะทะกัน เงาร่างของพวกเขาเป็นประกาย จนทำให้พวกเขาทั้งสองกระเด็นออกไปหลายก้าว

ห๊ะ ? สีหน้าของบุรุษหนุ่มประกายด้วยความประหลาดใจ เขาแสะยิ้มอย่างเยือกเย็น และลงมือโจมตีอีกครั้ง

ปังปังปัง !!! ราวกับว่าบุรุษหนุ่มและหยางไค่กดทับเปลวเพลิงแห่งความเกรี้ยวโกรธเอาไว้ พวกเขาพุ่งโจมตีออกไปอย่างสุดชีิวิต โดยที่พวกเขาไม่ได้ปกป้องตนเอง แต่กลับโจมตีออกไปอย่างสุดกำลัง

หยางไค่กวาดขาเตะออกไปยังบุรุษหนุ่มผู้นั้น แต่กลับถูกเขาป้องกันจากต้นขาของอีกฝ่าย บุรุษหนุ่มยื่นมือออกไป และพุ่งไปยังทิศทางของหยางไค่ ทำให้หยางไค่ต้องเอนตัวลงเพื่อหลบการโจมตีจากเขา

การเคลื่อนไหว กระบวนท่าในการโจมตีของพวกเขาทั้งสองมีความประหลาด มันเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็ว ทุกท่วงท่าการโจมตีเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและความไร้ปราณี ทำให้ชายชราทั้งสองต้องจ้องมองโดยมิอาจที่จะกระพริบตาไปได้

แต่ สิ่งที่สร้างความสับสนให้แก่ชายชราทั้งสอง นั้นคือในการต่อสู้ของพวกเขาไม่ว่าจะเป็นศิษย์สาวกแห่งสำนักหลิงเซี่ยวหรือนายน้อยของพวกเขา ต่างไม่มีการใช้พลังลมปราณในการโจมตีแม้แต่น้อย

พวกเขาทั้งสอง กำลังต่อสู้โดยใช้หมัดและเท้าเท่านั้น

ภาพเหตุการณ์ที่พวกเขามองเห็น ราวกับว่าพวกเขาทั้งสองกำลังต่อสู้ด้วยความแค้นในการสังหารบิดามารดาและการแย่งชิงภรรยา พวกเขาต่อสู้ด้วยความดุเดือด ไม่มีใครเป็นรองใคร ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยความเร่าร้อนแห่งการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัว

นายน้อยกำลังทำอะไร ? การต่อสู้ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การประลองยุทธุ์ แต่มันเป็นการทะเลาะของอันธพาลเท่านั้น !!

สีหน้าของชายชราทั้งสองแดงก่ำด้วยความอับอาย หากว่าเรื่องราวในครั้งนี้แพร่สะพัดออกไป ในวันข้างหน้านายน้อยของเขาจะมองหน้าผู้คนอื่นๆได้อย่างไร ?

ทันใดนั้น เสียงอู้อี้ดังขึ้น หยางไค่ถูกหมัดของฝ่ายตรงข้ามชกไปที่ใบหน้า ทำให้ศีรษะของเขามืนงงอย่างกะทันหัน ร่างกายโอนเอนไปมาอย่างเห็นได้ชัด

ปัง !! นายน้อยแห่งตระกูลต่งถูกหยางไค่กระแทกหมัดลงไปที่ใบหน้าของเขาเช่นกัน มันทำให้นายน้อยตระกุลต่งรู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าฟันของเขากำลังจะหลุด ปากของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตที่ไหลอาบออกมา

เจ้าเด็กหนุ่ม เจ้ารนหาที่ตาย !! นายน้อยตระกูลต่งกล่าวด้วยความโกรธ

หยางไค่หัวเราะอย่างเยือกเย็น : เรามาดูกันว่าใครจะตายก่อนใคร

ทั้งสองยังคงต่อสู้ไปมาอย่างสุดชีวิต ท่ามกลางการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย นายน้อยตระกูลต่งได้โยนหยางไค่ลงไปที่พื้น เขาตรึงสองขาของหยางไค่เอาไว้แน่น โดยที่เข่าทั้งสองกดทับอยู่บนท้องของเขา สองมือของเขาจับแขนของหยางไค่ไว้แน่นและกล่าวถามด้วยความเย็นชา : เจ้าเด็กน้อย เจ้าจะยอมหรือไม่ยอม !!

หยางไค่กัดฟันไว้แน่น ทันใดนั้นแขนที่ถูกตรึงเอาไว้ได้พุ่งกระแทกออกมา สองมือของเขาบิดไปยังแขนแขนข้างหนึ่งของนายน้อยตระกูลต่งอย่างรุนแรง เขาแสะยิ้มด้วยความสะใจและกล่าวถาม : ยอมแพ้หรือไม่ ?

นายน้อยตระกูลต่งกล่าวตะโกนร้องด้วยความเจ็บปวด มือหนึ่งของเขาตบไปที่พื้นดิน เขารีบเงยหน้ามองไปยังชายชราทั้งสองและกล่าวตะโกน : ยังมัวรออะไร ? เห็นไหมว่าข้าถูกทำร้าย !!

เขาถ่มน้ำลายออกไป ทำให้ความสง่างามของตระกูลต่างเหือดหายไปในทันที

ชายชราทั้งสองที่กำลังจ้องมองการต่อสู้ด้วยความเพลิดเพลินรีบเดินเข้ามาราวกับว่าพวกเขาเพิ่งตื่นจากความฝัน

หยางไค่แสะยิ้มออกมาด้วยความเย้ยหยัน ร่างกายของเขาได้ประกายออกไปหลายสิบจ้าง

ชายชราทั้งสองไม่ได้วิ่งตามไป เพราะนายน้อยของพวกเขาถูกทำร้าย แต่เมื่อพวกเขาเฝ้าดูมานานพวกเขาต่างรับรู้ว่าศิษย์สาวกแห่งสำนักหลิงเซี่ยวผู้นี้ต้องรู้จักกับนายน้อยของพวกเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจะไม่มีทางลงมือโจมตีด้วยความโหดเหี้ยม

แต่ว่า ทำไมนายน้อยของพวกเขาจึงรู้จักผู้คนที่อยู่ในสถานที่ห่างไกลและทุรกันดารเช่นนี้

นายน้อยตระกูลต่งรีบลุกขึ้นมา เขาจ้องมองไปที่หยางไค่ด้วยความหวาดกลัว มือของเขาสะบัดไปมาด้วยความเจ็บปวด เขากัดฟันและกล่าวตะโกน : เจ้าเด็กน้อย เจ้าเติบโตและมีความก้าวหน้า !

หยางไค่ก็กล่าวตะโกนออกมาเช่นเดียวกัน มือซ้ายของเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเขากล่าวด้วยรอยยิ้มที่แผ่วเบา : หากว่าเจ้าไม่กล่าวเรียกข้า ข้าจะทุบตีเจ้าจนเจ้าจำชื่อมารดาของเจ้าไม่ได้ !

นายน้อยตระกูลต่างสูดลมหายใจเข้า เขากล่าวด้วยความดุดัน : แล้วข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า !

หลังจากที่กล่าวทักทายจนเสร็จ เขาหันไปยังชายชราผู้หนึ่งและกล่าวสั่ง : ไปรักษาแขนข้างซ้ายของเขา !!

ไม่ต้อง !! หยางไค่ยกแขนขวาขึ้น เขาคว้าแขนซ้ายของตนเองขึ้นและกระตุกมันหลายครั้ง คาก !! เสียงของกระดูกดังขึ้น แขนของเขาใช้การได้เหมือนเดิมอีกครั้ง

นายน้อยตระกูลต่งจ้องมองด้วยความตื่นตะลึง เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด โดยปราบปรามความเจ็บปวดและกระตุกแขนของเขาอย่างรุนแรงอีกครั้ง ในที่สุดแขนของเขากลับมาใช้งานได้เหมือนเดิมอีกครั้ง

ผู้พิทักษ์เมฆาคู่ !!? หยางไค่จ้องมองชายชราทั้งสองและกล่าวด้วยความสงสัย

สีหน้าของชายชราทั้งสองแสดงออกด้วยความตื่นตะลึง เขาจ้องมองหยางไค่ด้วยความตกใจ เขาไม่คาดคิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาทั้งสอง

เจ้าป็นใครกันแน่ ?

นายน้อยตระกูลต่งหัวเราะและกล่าว : ไม่ต้องตกใจไป เจ้าเด็กคนนี้แซ่หยาง !!

แซ่หยาง !! สีหน้าของผู้พิทักษ์เมฆาคู่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทัน พวกเขาทราบถึงสถานะของหยางไค่ในทันที พวกเขาจึงรีบยกมือโค้งคำนับหยางไค่ : ข้าน้อยคำนับนายน้อยหยาง !!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด