ตอนที่แล้วตอนที่ 192 ประตูหิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 194 ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์

ตอนที่ 193 เรื่องราวที่ลึกลับ


ตอนที่ 193 เรื่องราวที่ลึกลับ

หลังจากนั้น ประตูหินได้ปรากฏรอยแตกที่มากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันกำลังจะพังทะลาย

ทันใดนั้น เสียงของนกอินทรีย์ที่ก้องกังวานได้ดังทะลุออกมา

สีหน้าของกลุ่มคนแห่งสำนักหยุนเซี่ยเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

มันคืออินทรียักษ์ !! เสียงของคนคนหนึ่งกล่าวตะโกนออกมาด้วยความตื่นตกใจ : มันคืออินทรียักษ์ที่ฉีกร่างของผู้อาวุโสระดับสูง !!

พวกเขาจะไม่ตกใจได้อย่างไร ก่อนหน้านั้นภายใต้การนำพาของฮ่อวเซียงหลัน ในการสำรวจเกาะซ่อนเร้น การเดินทางของพวกเขาราบรื่นและได้รรับสิ่งต่างๆจำนวนมาก หลังจากนั้นไม่กี่วัน พวกเขาได้พบเจอกับรังนกขนาดใหญ่บนหน้าผา ด้านในรังนกนั้นยังมีลูกนกตัวเล็กๆอีกด้ว

ถึงแม้ว่ามันจะไม่เติบโต แต่กับมีรัศมีที่โดดเด่นและมีรูปลักษณ์ที่งดงาม ซึ่งบ่งได้ว่ามันไม่ใช่สัตว์อสูรระดับต่ำอย่างแน่นอน

ด้วยความโลภของฮ่อวเซียงหลัน เขาได้โผบินและจับลูกนกตัวนั้นกลับมา และเตรียมตัวที่จะเลี้ยงฟูมฟักมัน แต่ใครจะรู้ว่าการทำเช่นนั้นกลับสร้างเรื่องเดือดร้อนอย่างมหันต์ให้แก่นาง ครึ่งวันหลังจากที่นางจับลูกนกเอาไว้ กลับถูกพ่อและแม่ของมันตามหาจนพบ และมันยังเป็นอินทรียักษ์ที่มีร่างกายขนาดใหญ่ มันน่าหวาดกลัวจนถึงขีดสุด อย่างต่ำที่สุดมันต้องเป็นอินทรียักษ์ที่มีความแข็งแกร่งที่อยู่ในขั้นที่ 6

แม้ว่าฮ่อวเซียงหลังจะเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในเขตแดนเทพสวรรค์ เมื่อเผชิญหน้ากับอินทรียักษ์เพียงตัวเดียวคงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอินทรียักษ์สองตัวที่เกรี้ยวโกรธ พวกมันทั้งสองร่วมมือโจมตีอย่างรุนแรง ฮ่อวเซียงหลันเผชิญหน้ากับพวกมันได้เพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น และถูกพวกมันฉีกร่างเป็นชิ้นๆในทันที

ในเวลานั้นยู่ซิ่วผิงตกใจจนดวงวิญญาณออกจากร่าง เขาหลบซ่อนตัวอยู๋ในป่าลึกตลอดเวลาโดยไม่กล้าโผล่หัวมาแม้แต่น้อย หลังจากที่อินทรียักษ์ฉีกร่างของฮ่อวเซียงหลัน มันโผบินอยู่บนท้องฟ้าเป็นเวลานานก่อนที่มันจะบินออกไปอย่างช้าๆ

เดิมทียู่ซิ่วผิงคิดว่าเขาและคนอื่นๆได้หนีรอดออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าสัตว์อสูรทั้งสองตัวจะเคียดแค้นถึงเพียงนี้ ในที่สุดพวกมันก็หาร่องรอยของพวกเขาจนพบ

เสียงของนกอินทร์ดังขึ้น เหงื่อเย็นของยู่ซิ่วผิงผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้น ยังมีเสียงของอินทร์ตัวหนึ่งดั่งออกมาอีก พวกมันทั้งสองต่างขานรับกันเหมือนครั้งก่อนหน้า เมื่อมองออกไปในทิศตะวันออกและตะวันตกมีเงาร่างสีดำกำลังบินมายังตำแหน่งของพวกเขาอย่างรวดเร็ว

เร็ว ทำลายประตูหินนี้ให้เร็วที่สุด ยู่ซิ่วผิงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง : ไม่เช่นนั้นพวกเราจะตายทั้งหมด

สัตว์อสูรที่อยู่ในความแข็งแกร่งขั้นที่ 6 ทั้ง 2 ตัว ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริงเช่นพวกเขาจะต่อกรได้ เมื่อใดที่พวกเขาถูกจับนั่นหมายถึงความตายที่พวกเขาจะได้รับ

ไม่ต้องรอให้ยู่ซิ่วผิงกล่าวตักเตือน คนที่เหลือต่างปลดปล่อยพลังลมปราณของพวกขเออกไปทั้งหมดเพื่อทำลายประตูหิน แม้ว่ารอยแตกของประตูหินจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันยังคงยืนหยัดอย่างเด่นตระหง่านและขวางทางของพวกเขาเอาไว้เช่นเดิม

หนึ่งไม่สามารถระงับแรงกดดันแห่งความตายที่เขาจะได้รับ เขารีบเปิดใช้ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวของเขาและหลบหนีออกไปในทันที

กลับมาก่อน !! ศิษย์น้องจาง กลับมาก่อน !! ยู่ซิ่วผิงตะโกนด้วยความบ้าคลั่ง : พยายามอีกเพียงน้อยนิด พวกเขาก็จะสามารถทำลายประตูหินและเข้าไปหลบซ่อนอยู่ภายใน เจ้าหลบหนีออกไปในตอนนี้ จะหนีไปได้สักกี่น้ำ ?

แต่ศิษย์น้องจางไม่ยินยอมที่จะอยู่ที่นี้อีกต่อไป เขาวิ่งลงไปยังยอดเขาอย่างรวดเร็ว วิ่งหนีลงไปอย่างไม่คิดชีวิต

กลุ่มคนที่มองไม่เห็นหนทางรอด พวกเขาถูกทำลายความหวังอันน้อยจากศิษย์น้องจาง หนึ่งในนั้นรีบกล่าวอย่างรีบร้อน : พวกเราหนีออกไปเร็ว ประตูหินนี้คงไม่ง่ายที่จะเปิดออก หนีออกไปในตอนนี้ พวกเรายังมีโอกาสที่จะมีชีวิตรอดต่อไป

ทันทีที่กล่าวจบ เขารีบวิ่งหนีลงไปยังด้านล่างของยอดเขาในทันที

เดิมทีพวกเขาก็เหลือกำลังคนเพียงไม่กี่คน แต่ในทันใด พวกเขาไดสูญเสียคนออกไปถึง 2 คน ทำให้คนที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังมองไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อย

บรรดาคนอื่นๆที่ยังอยู่ต่างสบทด่าสาปแช่ง พวกเขารีบกระจายตัวออกไปและหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

หยางไค่หลบซ่อนตัวอย่างแน่นิ่ง โดยไม่กล้าขยับเขยื้อนร่างกายแม้แต่น้อย

เขาเงยหน้ามองขึ้นฟ้าอย่างเงียบๆ ซึ่งพบเห็นเงาร่างของอินทร์ยักษ์ ซึ่งโผบินอยู่เหนือศีรษะของเขา อินทรียักษ์ทั้งสองตัวมีรูปลักษณ์ที่สง่างามอย่างเด่นชัด หากมันเขาใกล้ตัวเขา หยางไค่คาดคะเนว่ามันต้องมีลำตัวที่ยาวกว่า 7-8 จ้าง

ดวงตาที่เฉียบแหลมของอินทรียักษ์จ้องเขม่งไปยังคนแห่งสำนักหยุนเซี่ยที่กำลังหลบหนี ก่อนที่พวกมันจะพุ่งตะครุบออกไป

หลังจากนั้นไม่นั้น เสียงร้องที่โหยหวนดังขึ้น มันดังเข้าสู่ใบหูของหยางไค่ ทำให้จิตใจของเขาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว และทำให้คนแห่งสำนักหยุนเซี่ยที่ได้ยิน ตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างสุดขีด

พวกเรารู้ดี ว่ามีคนคนหนึ่งได้ถูกกรงเล็บที่โหดเหี้ยมของอินทรียักษ์ฉีกร่างเป็นชิ้นๆ

ขณะที่เสียงกรีดร้องด้วยความโหยหวนยังมิทันจางหาย เสียงกรีดร้องของคนอีกคนหนึ่งดังแว่วออกมาอย่างน่าหวาดกลัว

คนที่สองถูกฆ่าจากอินทรียักษ์

ยอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริง เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรบนฟากฟ้าที่แข็งแกร่ง พวกเขาอ่อนแอดั่งทารกน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลก โดยไม่มีความสามารถที่จะต่อต้านแม้แต่น้อย

หยางไค่ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย เขาปิดบังตัวเองอย่างเงียบๆในตำแหน่งเดิมเป็นเวลาตลอดทั้งวัน เมื่อเขามั่นจใจว่าไร้ซึ่งร่างเงาของอินทรียักษ์และคนแห่งสำนักหยุนเซี่ย เขาจึงออกจากสถานที่ซ่อนตัวค่อยๆเดินออกมาอย่างช้าๆ

จิตใจของเขายังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว !!

โชคดีที่เขาไมได้พึงพาเพลิงปีกอัคคีโลกันย์ของเขาในการโผบินขึ้นมายังยอดเขาที่โดดเดี่ยวแห่งนี้ หากเขาพบเจอกับอินทรียักษ์ทั้งสองตัว มันต้องเป็นภัยพิบัติที่อันตรายสำหรับเขาอย่างแน่นอน

หยางไค่จ้องมองประตูหินด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม เขาจ้องมองรอยแตกร้าวจำนวนมากที่ปรากฏอยู่บนประตูหิน เขาค่อยๆเคลื่อนไหวพลังลมปราณ และพุ่งหมัดออกไปอย่างรุนแรง

ประตูหินสั่นสะเทือนไปมา รอยแตกร้าวเริ่มเด่นชัดมากขึ้น แสงประกายภายในประตูหินเปล่งประกายออกมามากขึ้น แต่มันไม่ประกายอย่างสง่าเหมือนในตอนแรก มันเปรียบเสมือนตะเกียงโคมไฟที่กำลังจะดับหมอด

เมื่อสัมผัสได้ถึงจุดนี้ จิตวิญญาณของหยางไค่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาพุ่งหมัดออกไปอย่างรุนแรงติดต่อกันหลายครั้ง

แต่หลังจากที่เขาพุ่งหมัดออกไปถึงร้อยกว่าครั้ง แม้จะมีรอยแตกร้าวที่มากมายแต่ประตูหินยังคงไม่พังทะลายมันยังยืนหยัดอย่างเด่นตะหง่ายเหมือนเช่นเดิม : น่าแปลก !! หยางไค่กล่าวด้วยใบหน้าที่สงสัย

เมื่อครุ่นคิดไปมา หยางไค่กล่าวเรียกอยู่ภายในใจ หลังจากที่รอเป็นเวลานาน เสียงหึ่งหึ่งจากเหล่าแมลงได้ดังขึ้น มันเป็นเสียงของฝูงแมลงที่ติดตามหยางไค่มานั่นเอง

เหล่าแมลงติดตามหยางไค่อยู่ไม่ไกล หากเกิดอันตรายขึ้น หยางไค่จะสามารถเรียกพวกมันเข้ามาได้ทันท่วงเวลา แต่ไม่คิดว่าตลอดทางที่เขาเดินทางมาจะไม่พบเจอกับอันตรายแม้แต่น้อย หยางไค่เรียกแมลงที่มีร่างกายขนาดยักษ์เข้ามา เขาสั่งการให้แมลงเหล่านี้พ่นหมอกพิษที่พวกมันกลืนกินเข้าไปในตอนแรก หยางไค่ต้องการทดสอบว่าหมอกพิษที่น่าหวาดกลัวจะสามารถหลอมละลายประตูหินได้หรือไม่

แมลงยักษ์ค่อนข้างเชื่อฟังเขา หลังจากที่ได้รับคำสั่งพวกมันบินไปยังหน้าประตูหิน อ้าปากที่ใหญ่ยักษ์ของพวกมันและพ่นหมอกพิษสีขาวออกมาในทันที

ฉึก ลาลาช่าช่า !!! เสียงหลอมละลายดังขึ้น ประตูหินถูกหลอมละลายจากหมอกพิษอย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อเห็นฉากเหตุการณ์นี้ หยางไค่พยักหน้า และสั่งการให้แมลงยักษ์เหล่านั้นพ่นหมอกพิษออกไป ส่วนตนเองนั่งฟื้นฟูพลังลมปราณของตนเอง

ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วยาม ฮวา ลาลาลา . !!!! หยางไค่ได้ยินเสียงดังจากประตูหิน เขาลืมตาอย่างรวดเร็ว และพบว่าประตูหินหลอมละลายจนหมด ซึ่งเผยให้เห็นปากถ้ำที่มืดสลัวแห่งหนึ่ง

หยางไค่มิได้เร่งรีบเข้าไปในทันที แต่เขาสั่งการให้ฝูงแมลงกลุ่มหนึ่งเข้าไปสำรวจบริเวณที่อยู่ด้านใน

เขารออยู่ด้านนอกเป็นเวลากว่าครึ่งวัน ฝูงแมลงที่เขาสั่งการให้เข้าไปสำรวจก็สามารถโผบินกลับมากอย่างปลอดภัย

เมื่อยืนยันว่าไร้ซึ่งอันตรายใดๆ หยางไค่จึงเดินเข้าไปในถ้ำที่มืดสลัว เมื่อเขาเข้าไปภายในถ้ำ เขาสั่งการให้ฝูงแมลงเฝ้าปากถ้ำเอาไว้ และยังให้แมลงขนาดใหญ่พ่นหมอกพิษเอาไว้ตรงปากถ้ำ เพื่อปิดทางเข้าของถ้ำ

เมื่อมีการป้องกันจากฝูงแมลงและหมอกพิษ หยางไค่เชื่อว่าคนแห่งสำนักหยุนเซี่ยที่รอดชีวิตจากเงื้อมมือการล่าของอินทรียํกษ์จะหวนกลับมาที่นี้ แต่พวกเขาอย่าคิดฝันว่าจะได้เข้ามายังถ้ำแห่งนี้

หยางไค่เดินเข้าไปยังภายในเรื่อยๆ ภายในถ้ำไม่ใช้ทางตรง แต่มันเป็นทางโค้งเป็นเกลียวตลอด แต่ยังมิทันที่เขาจะเดินลึกเข้าไป หยางไค่รู้สึกว่าร่างกายของเขารู้สึกผ่อนคลายอย่างลึกซึ้ง ทุกส่วนของร่างกายปลดปล่อยด้วยความสบายอย่างเต็มที่ เหมือนว่าถ้ำแห่งนี้ เต็มไปด้วยพลังแห่งฟ้าดินที่เข้มข้นและหนาแน่นถึงขีดสุด

ยิ่งเดินลึกเข้าไป ความรู้สึกนี้ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น

หลังจากที่เดินลึกเข้าไปประมาณ 100 จ้าง หยางไค่คาดเดาว่าตนเองคงมาถึงจุดลึกสุดของถ้ำแห่งนี้ ซึ่งเขามองเห็นจุดหมายปลายทางที่อยู่ด้านหน้า

ด้านล่างเป็นเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่กว้างขวาง ผนังของมันประกายด้วยแสดงสว่างที่ประกายออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริเวณแห่งนี้ดูเหมือนเป็นตำหนักของจักรพรรดิที่งดงาม

ทั้งสองด้านของทางเดิน มีชั้นหินที่แบ่งออกเป็นหลายขั้น ทุกๆขั้นของมันมีสิ่งของวางอยู่บนนั่นด้วย

หยางไค่เดินเข้าไปด้านหน้า เมื่อเดินไปถึงด้านหน้าของชั้นหิน จากความช่วยเหลือจากแสงแห่งผนังถ้ำทำให้เขาสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่บนชั้นหินนั้นได้อย่างชัดเจน

สำนักไท่ยี่ หยางไค่มองไปยังอักขระที่สลักอยู่บนชั้นหินนั้น สีหน้าของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาเคยได้ยินชื่อของสำนักนี้มาก่อน มันคือตำนานเล่าขานที่เขาเคยได้ยินมาจากเมืองไห่เฉิน มันคือ1 ใน 8 สำนักที่ยิ่งใหญ่และมีความแข็งแกร่งที่เหนือธรรมชาติ สำนักของพวกเขามีศิษย์สาวกที่มากมาย มียอดฝีมือที่นับไม่ถ้วน โดยมีชื่อเสียงที่กว้างไกลอย่างยิ่ง

สำนักที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนี้อย่างไร ?

ด้านบนของชั้นหินมีอักขระคำว่าสำนักไท่ยี่เข่นเดียวกัน ซึ่งหยางไค่มองเห็นตราประทับที่ล้ำค่าอยู่บนนั้น หยางไค่ยื่นมือหยิบมันขึ้น ตราประทับชิ้นนี้มีน้ำหนักที่ไม่เบา ตราประทับชิ้นนี้ถูกแกะสลักขึ้นจากวัตถุที่ล้ำค่า อาจจะกล่าวได้ว่ามันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของสำนักไท่ยี่

หยางไค่ลองตรวจสอบมัน และพบว่าฐานของมันมีอักขระคำว่า ไท่ยี่ เช่นเดียวกัน

มันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของสำนักไท่ยี่ !! แต่ทำไมมันถึงปรากฏในสถานที่แห่งนี้ ?

หยางไค่เต็มไปด้วยความสงสัย เขาก้าวลงไปยังชั้นหินชั้นถัดไป

ชั้นหินชั้นนี้แกะสลักอักขระเช่นเดียวกัน และมันยังเป็นสำนักยิ่งใหญ่ที่หยางไค่เคยได้ยิน

เกาะเมฆาบรรพกาล !!

แม้ว่าสำนักแห่งนี้จะมีความแข็งแกร่งที่ไม่โดดเด่นเท่าสำนักอื่นๆ แต่ถือว่าเป็นสำนักที่มีอำนาจในท้องทะเลที่ห่างไกล นอกจากนั้นชั้นหินถัดไปยังมีคัมภีร์ลึกลับวางอยู่บนนั้น

หยางไค่เปิดผ่านอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกว่าคัมภรี์เล่มนี้ซ่อนวิชาการต่อสู้ในระดับสูง อย่างน้อยที่สุดมันต้องเป็นวิชาแห่งการต่อสู้ในระดับฟ้าสวรรค์ แต่ในตอนนี้หยางไค่ได้ฝึกฝนกลยุทธุ์หยาง และยังได้รับเคล็ดวิชาหยินหยางรวมเป็นหนึ่ง คัมภรี์วิชาแห่งการต่อสู้จึงไม่จำเป็นสำหรับเขา เขาจึงวางมันไว้ที่เดิม

หยางไค่ก้าวเท้าลงไปอีก สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนยิ่งขึ้น

ทุกชั้นหินจะแกะสลักชื่อของสำนักที่ยิ่งใหญ่ หลังจากนั้นชั้นหินจะวางสิ่งของบางสิ่งบางอย่าง หรืออาจจะเป็นทักษะการต่อสู้หรือคัมภีร์แห่งการต่อสู้ หรืออาจจะเป็นสมบัติวิเศษ หรืออาจะเป็นขอลึกลึบที่มีรูปร่างที่แปลกประหลาดยิ่งนัก

สำนักเหล่านี้ล้วนเป็นสำนักที่ยิ่งใหญ่ในท้องทะเลที่กว้างไกล รวมทั้งสิ้นทั้งหมด 10 สำนักด้วยกัน ความแข็งแกร่งของสำนักหยุนเซี่ยมิอาจเทียบได้กับสำนักที่แกะสลักในชั้นหินเหล่านี้

หากคาดเดาไม่ผิด ทุกสิ่งทุกอย่างที่วางอยู่บนชั้นหิน เป็นสมบัติล้ำค่าของนิกายเหล่านี้ แต่ทำไม พวกมันถึงรวมตัวกันอยู่ที่นี้ ?

เมื่อหยางไค่จ้องมองอย่างยาวนาน ทันใดนั้นหยางไค่คิดถึงเรื่องบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา

นั้นคือเรื่องราวที่แปลกประหลาดที่เขาได้ยินในโรงน้ำชาในเมืองไห่เฉิน

เรื่องราวมีอยู่ว่า 300 ปีก่อน มีบุรุษผู้หน่งที่เดินทางไปยังสำนักทุกสำนักที่ตั้งอยู่ในท้องทะเลที่กว้างไกล เขาต้องการเป็นศิษย์ในสำนักที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ แต่คุณสมบัติของเขาไม่อ่อนแอจนไม่มีใครสนใจ ทุกครั้งที่เขาที่ฝากตัวเป็นศิษย์ในสำนักต่างๆ เขาจะถูกปฏิเสธจากสำนักแห่งนั้นและถูกไล่ออกไป แม้แต่ศิษย์สาวกของสำนักนั้นๆยังปฏิบัติต่อเขาอย่างโหดเหี้ยมพวกเขาทุบตีเขาอย่างทารุณ แต่ความอดทนของไม่สิ้นสุด เขาเดินทางฝากตัวเป็นศิษย์ในสำนักต่างๆจนทั่ว แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้งไป

บุรุษหนุ่มที่ท้อแท้และสิ้นหวัง เขาเกลียดชังสำนักเหล่านี้ที่ปฏิเสธที่จะรับเขาเข้าเป็นศิษย์ เขาจึงสาบานต่อฟ้าดินว่าต้องหาหนทางอื่นในการบ่มเพาะพลังและฝึกฝนวิชายุทธุ์ของเขา

ในตอนแรกเรื่องราวเป็นเรื่องที่เล็กน้อย สำหรับสำนักที่มีชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ต่างปฏิเสธที่จะรับผูู้คนที่ไร้ความสามารถเข้าเป็นศิษย์ เขาก็เป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มคนที่ถูกปฏิเสธ

แต่ 30 ปีผ่านไป ท้องทะเลที่กว้างไกลเกิดเรื่องขึ้น สัญลักษณ์ล้ำค่าของสำนักไท่ยี่หายไป โดยไม่รู้ว่าโจรผู้ใดแอบเข้าไปในสำนักไท่ยี่และขโมยมันออกไป

หลังจากนั้น ข่าวคราวได้แพร่สะบัดมาจากสำนักต่างๆ สิ่งของล้ำค่าของสำนักต่างๆได้หายไป สิ่งของเหล่านั้นบางสิ่งเป็นของมีค่า บางสิ่งไม่มีค่า แต่สิ่งของทุกชิ้นล้วนเป็นสิ่งวิเศษแห่งสำนักนั้นๆ สำนักต่างๆ ต่างร่ำไห้ด้วยความเศร้าเสียใจ พวกเขาต่างอยู่ด้วยความกังวล เพราะเขาหวาดกลัวว่าสิ่งของล้ำค่าของสำนักตนเองจะถูกขโมยออกไป แต่ไม่ว่าพวกเขาจะดูแลปกป้องเช่นไร มันก็ถูกขโมยออกไปเช่นเดียวกัน !

โจรที่ไร้ตัวตนและลึกลับ ไม่ว่าสถานการณ์ใดเขาก็สามารถขโมยสิ่งล้ำค่าที่สำนักเหล่านั้นแม้ว่าสำนักเหล่านั้จะดูแลปกป้องมันอย่างดี !!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด